Dual Cultivation บทที่ 480: ประสบการณ์นรกสวรรค์(ฟรี)
Dual Cultivation บทที่ 480: ประสบการณ์นรกสวรรค์
สองชั่วโมงผ่านไปนับตั้งแต่การฝึกพิเศษในด้านการปรุงยาของหวังชูเหรินได้เริ่มต้นขึ้น และเธอก็ได้เผาตัวยาไปมากกว่าร้อยชุดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันล้วนเป็นแค่เม็ดยาระดับพื้นฐาน เม็ดยาที่เธอสามารถปรุงออกมาได้เป็นปกติแม้กระทั่งอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น
“นี่มันเป็นไปไม่ได้เลย ข้ามิสามารถกระทั่งควบคุมไฟในสภาพปัจจุบันนี้ อย่าว่าแต่จะปรุงยา” หวังชูเหรินร่ำร้องในใจขณะที่เธอเผาตัวยาไปอีกชุด
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง และในขณะที่หวังชูเหรินกำลังจะทำได้นั้น ซูหยางก็พลันพูดกับเธอว่า “ข้าเห็นว่าร่างของเจ้าผ่อนคลายไปบ้างแล้ว ขึ้นไปบนเตียง พวกเราจะร่วมฝึกวิชาคู่กันอีกครั้งก่อนที่เจ้าจะเริ่มทำการปรุงยาต่อ”
หวังชูเหรินมองดูเขาด้วยสีหน้างุนงง
“ข-ข้ามิคิดว่าท่านจะซาดิสต์เช่นนั้น ซูหยาง…” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มหวานปนขม
ซูหยางเพียงแค่ยิ้มและกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ได้เรียนรู้สิ่งใหม่เกี่ยวกับตัวข้าแล้ว”
ไม่นานหลังจากนั้น ซูหยางก็ถล่มถ้ำของหวังชูเหรินด้วยอาวุธประจำกายของเขาจนกระทั่งร่างของเธอสั่นกระตุกไปทั่วทั้งตัว
ครั้นเมื่อเขาเสร็จกิจกับเธอแล้ว หวังชูเหรินก็รู้สึกยิ่งหมดเรี่ยวแรงยิ่งกว่าครั้งก่อนเมื่อเกือบไม่มีแรงแม้กระทั่งจะนั่งนิ่งๆ
“ท-ท่านมั่นใจว่านี่เป็นการฝึกและมิใช่ว่าเป็นการทรมานข้าแทน…” หวังชูเหรินถามเขาด้วยเสียงเบาหวิว
“ก็เหมือนกับการฝึกส่วนใหญ่ด้านนอกนั่น ที่ปกติแล้วมันยากมากที่จะทนในตอนแรก แต่ครั้นเมื่อเจ้าคุ้นเคยกับมัน เจ้าก็จักเข้าใจว่าวิธีการฝึกฝนแบบนี้มีประสิทธิภาพมากเพียงไหน” ซูหยางกล่าว
“แม้ว่าเจ้าอาจจะมีเคยมีประสบการณ์การฝึกฝนประเภทนี้มาก่อน จริงแล้วมันค่อนข้างเป็นเรื่องปกติในโลกของข้า แน่นอนว่าหากว่าพวกเขาไม่ได้ฝึกฝนการฝึกวิชาคู่ พวกเขายังมีวิธีอื่นอีกในการทำให้ร่างกายหมดแรง แต่ทว่าผลลัพธ์ล้วนเหมือนกันโดยมิต้องคำนึงว่าจะทำอย่างไร”
“เจ้าต้องการที่จะกลายเป็นนักปรุงยาที่ดีที่สุดในโลกนี้ ใช่ไหม ข้ากำลังช่วยเจ้าให้ได้รับสิ่งนั้นก่อนที่ข้าจักจากไปในเวลาสองปี ซึ่งจักเป็นไปไม่ได้ในสถานการณ์ปกติ แต่ถ้าเจ้าปฏิเสธวิธีฝึกนี้จริงจัง ข้าก็จะฝึกเจ้าแบบปกติ แน่นอนว่าผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันอย่างมากและความสามารถของเจ้าก็จักไปไม่ถึงระดับที่เจ้าจักได้เมื่อเจ้าฝึกโดยใช้ประสบการณ์นรกสวรรค์ ข้าอนุญาตให้เจ้าเลือกได้ในตอนนี้”
“...”
หวังชูเหรินจ้องมองเตาปรุงยาตรงหน้าเธอด้วยสีหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง
สองสามอึดใจจากนั้นเธอก็พยักหน้า “ข้ามิสนใจว่าท่านจะทำอะไรกับข้าหรือว่าร่างกายของข้า ข้าต้องการที่จะเป็นนักปรุงยาที่ดีที่สุดที่โลกนี้เคยเห็นมาก่อน”
หนึ่งชั่วโมง… สองชั่วโมง… สามชั่วโมง… หวังชูเหรินทำการปรุงยาต่อไปขณะตกอยู่ภายใต้ความกดดันและหมดเรี่ยวแรงตลอดทั้งวัน และเมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายของเธอฟื้นตัวเกือบจะมีแรงที่เคลื่อนไหวได้ดี ซูหยางก็จะหยุดการฝึกของเธอมาร่วมฝึกวิชาคู่จนกระทั่งทั้งร่างของเธอรู้สึกเหมือนกับเยลลี่อีกครั้ง
ภายในไม่กี่ชั่วโมงของการฝึกฝน หวังชูเหรินก็หยุดสวมเสื้อผ้าแม้กระทั่งเมื่อตอนที่เธอปรุงยาในเมื่อร่างกายของเธอเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อตลอดเวลา
เช้าวันต่อมา หวังชูเหรินก็นอนเหยียดอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าว่างเปล่า และดวงตาเหมือนคนตาย ราวกับว่าเธอได้กลายไปเป็นร่างไร้จิตใจ
“รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง” ซูหยางถามเธอด้วยสีหน้าผ่อนคลายบนใบหน้า
ในขณะที่หวังชูเหรินทนแบกรับทั้งคืนทั้งวัน เขาเพียงแค่รู้สึกเป็นสุขและพึงพอใจจากการร่วมฝึกคู่ของพวกเขา
“ข้า.. ยังคงมีชีวิตอยู่รึ” เธอพึมพัมด้วยเสียงที่คล้ายกับยุง
“ขอแสดงความยินดี เจ้าได้ทนวันแรกของการฝึกไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากวันนี้ ข้าจักมาที่นี่อาทิตย์ละครั้งเพื่อดำเนินการฝึกวิธีนี้ต่อไป ระหว่างช่วงเวลาที่ข้ามิอยู่ที่นี่ เจ้าสามารถปรุงยาได้ตามปกติ”
“ข้าจักกลับไปที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยแล้วในตอนนี้”
“ด-เดี๋ยวก่อน ซูหยาง”
หวังชูเหรินพลันหยุดเขาไว้
“มีอะไรรึ”
“ข้ายังมีเรื่องบางอย่างกับท่าน… ถึงแม้ว่ามันจะมิได้สำคัญอะไรเลย”
ซูหยางพยักหน้าและรอให้เธอพูดต่อ
“ท่านจำหวังเฉินและลูกคนโตของเขา หวังชื่อชง จากการประมูลที่เมืองหิมะโปรยได้หรือไม่” หวังชูเหรินถามเขา
“ถ้าข้าจำมิผิด ดูเหมือนจะมีแมลงสองสามตัวที่มากวนข้าด้วยชื่อคล้ายกันนี้” ซูหยางสบประมาทพวกเขาอย่างไม่ใส่ใจ “ทำไมเจ้าจึงเอ่ยชื่อพวกนั้น”
“เอ้อ… พวกเขากวนข้านับตั้งแต่การแข่งขันระดับภูมิภาค ร้องขอข้าให้ช่วยขอร้องท่านให้ยกโทษให้พยกเขาที่ล่วงเกินท่านที่โรงประมูล แม้ว่าข้ามิได้ชอบพวกเขาเป็นพิเศษ พวกเขาก็ยังเป็นคนในตระกูลข้า ดังนั้น…”
เธอกล่าวต่ออีกว่า “พวกเขาบางทีอาจจะหวาดกลัวว่าท่านอาจจะไปตามหาพวกเขาเพื่อแก้แค้นในภายหลังในการล่วงเกินท่าน พวกเขายังคงกล่าวว่าพวกเขายินดีที่จะทำทุกอย่างสำหรับให้ท่านยกโทษให้ ซูหยาง ท่านคิดว่าอย่างไร”
แต่ทว่าซูหยางเพียงแค่เย้ยหยันด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “คนแบบนั้นมิสามารถล่วงเกินข้าได้ต่อให้พยายามก็ตาม พวกนั้นอยู่ต่ำกว่าข้ามากเกินกว่าที่ข้าจะรู้สึกว่าถูกล่วงเกิน แต่ในเมื่อพวกนั้นเป็นคนในตระกูลของเจ้า ข้าก็จักปล่อยให้เจ้าจัดการทุกสิ่ง”
“ขอบคุณ ซูหยาง…” เธอกล่าวกับเขา “อีกประการหนึ่งข้าจักทำให้ที่พักชั่วคราวของท่านเป็นที่พักถาวรเพื่อที่ท่านสามารถกลับมายังที่เดิมเมื่อท่านกลับมาในอนาคต”
หลังจากนั้น ซูหยางก็กลับไปยังที่พักของเขาเพื่อที่จะรับตัวเซียวหรงก่อนที่จะออกจากนิกายดอกบัวเพลิง
ในเวลานั้นภายในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ซุนจิงจิงก็ตรงไปที่พำนักของซูหยางและเคาะประตู
“สวัสดีน้องจิงจิง” ชินเหลียงหยูทักทายเธอที่ประตู
ช่วงที่ผ่านมาสองสามวัน ชินเหลียงหยูได้คุ้นเคยกับศิษย์ทุกคนในนิกายกระทั่งกลายเป็นเพื่อนที่ดีกับพวกเธอบางคน ถึงขั้นที่ว่าพวกเธอเรียกอีกฝ่ายราวกับว่าพวกเธอเป็นพี่น้องกันจริงๆ และซุนจิงจิงก็เป็นหนึ่งในคนที่เธอทำตัวเหมือนกับว่าพวกเธอเป็นพี่น้องกัน
เพราะว่ามีอะไรบางอย่างในตัวซุนจิงจิงที่ทำให้ชินเหลียงหยูรู้สึกผ่อนคลายเมื่อไหร่ก็ตามที่อีกฝ่ายอยู่ใกล้ ราวกับว่าเธออยู่ใกล้กับซูหยาง
“พี่สาวเหลียงหยู ซูหยางอยู่ข้างในไหม ข้ามีสิ่งสำคัญบางอย่างที่จะพูดกับเขา” ซุนจิงจิงถามอีกฝ่าย
“ไม่ เขาไปนิกายดอกบัวเพลิงเมื่อสองสามวันก่อน แต่อย่างไรก็ตามเขาควรจะกลับมาในเร็วๆนี้” ชินเหลียงหยูกล่าว
“อย่างนั้นรึ…” ซุนจิงจิงถอนใจ
“มีอะไรผิดปกติรึ” ชินเหลียงหยูถามอีกฝ่าย
“ไม่ เพียงแค่ว่า…”
ทันใดนั้นเสียงอื่นก็ขัดพวกเธอ
“เฮ้ ทำไมข้าจึงรู้สึกถึงตัวตนซูหยางมาจากเจ้า”
สองสามอึดใจจากนั้น หญิงสาวที่สวยถึงที่สุดที่มีผมสีเงินก็ปรากฏตัวจากภายในห้องหนึ่งในที่พักของซูหยาง สร้างความตระหนกให้กับซุนจิงจิงถึงแก่น
“ท-ท่านคืออาจารย์ของซูหยาง” ซุนจิงจิงอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ