ตอนที่ 105-106
ตอนที่ 105 : ความแตกต่าง
ปู้ฉืออีเผยสีหน้าเคร่งเครียด
อีกฝ่ายคือเหล่าไป่ เป็นนางกดดันไม่ใช่น้อย!
ปู้ฉืออีโจมตีต่อเนื่องอ เหล่าไป่เพียงต้านรับไปเรื่อย
สีหน้าปู้ฉืออียิ่งมายิ่งน่าเกลียด
เพราะนางทราบ ว่าเหล่าไป่เผชิญหน้ากับนางก็เสมือนก้อนฝ้ายที่แทบไม่ต้องออกแรงใด
ไม่ว่านางโจมตีดุดันเพียงใด ผลลัพธ์ก็คือไม่ได้อะไร ไม่ส่งผลอะไรแม้แต่น้อย
และเมื่อเวลาผันผ่าน ปู้ฉืออีจึงแปลกใจที่พบว่าการเคลื่อนไหวของนางโดนผลกระทบจากเหล่าไป่!
หรือก็คือ นางไม่อาจหยุดการโจมตีได้
เมื่อใดหยุดการโจมตี เมื่อนั้นคือนางพ่ายแพ้!
“เหตุใดเหล่าไป่ไม่โจมตี? เอาแต่ตั้งรับโดยตลอดเช่นนั้น?” รับชมภาพบนหน้าจอ ปู้หลี่เกื๋อกล่าวคำถามออก
เจียงเฉิงจวินเองก็สงสัยเช่นเดียวกัน
สำหรับคนทั้งสอง เหล่าไป่คล้ายถูกการโจมตีของปู้ฉืออีสะกดเอาไว้
กระนั้นทั้งสองก็รู้ตัวดี ว่าเรื่องราวมันไม่อาจเป็นเช่นนั้น
เหล่าไป่คือบุคคลแข็งแกร่งขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่เก้า ปู้ฉืออีก็เพียงขอบเขตจิตวิญญาณเท่านั้น
แม้เป็นในอารีน่า ขอบเขตพลังเท่าเทียมกัน กระนั้นทัศนวิสัยและประสบการณ์เป็นสิ่งที่ไม่อาจเทียบเปรียบ!
ด้วยเหตุนี้ คนทั้งสองจึงรู้สึกว่าตนอ่านสถานการณ์ไม่ออก
จี้อู๋ฮุยส่ายศีรษะพร้อมเผยยิ้ม “ขอบเขตพลังตอนนี้ไม่อาจมองเห็น เป็นปกติที่ไม่อาจเข้าใจ นับตั้งแต่เริ่ม ทิศทางการต่อสู้เป็นเหล่าไป่ควบคุมเอาไว้ การโจมตีของปู้ฉืออีจึงยากที่จะเข้าถึงตัว ขณะนี้ใกล้ตัดสินกันแล้ว”
เพียงจี้อู๋ฮุยกล่าวคำจบ เหล่าไป่ก็ลงมือแล้ว
กิ่งไม้แห้งเหี่ยวไม่ทราบว่าปรากฏในมือเหล่าไป่เมื่อใด ขณะนี้มันจ้วงแทงออกซึ่งหน้า
มหาเต๋าสู่พื้นฐาน!
เพียงหนึ่งกระบวนท่า ปู้ฉืออีรับรู้ได้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับโลกคนละใบ
แม้ขอบเขตพลังเทียบเท่า กระนั้นการใช้พลังวิญญาณไม่อาจเทียบเปรียบกันได้!
อึดใจถัดมา ดาบยาวของปู้ฉืออีพลันต้องแหลกออกเป็นเสี่ยงพร้อมร่างสลายกลายเป็นแสง
“หนึ่งกระบวนท่า! เพียงหนึ่งกระบวนท่านับตั้งแต่เริ่มจนจบการต่อสู้!” ปู้หลี่เกื๋อกล่าวออกอย่างไม่คิดเชื่อ
“ข้าแพ้แล้ว” ปู้ฉืออีถอดหมวกออกพร้อมกล่าวคำเบา
“คุณหนูสกุลปู้ ตอนนี้คงทราบแล้วกระมังว่ามีจุดอ่อนที่ตรงใด?” เหล่าไป่เผยยิ้ม
ปู้ฉืออีพยักหน้ารับ
นับตั้งแต่เริ่มการประลอง นางก็ทราบว่าผลลัพธ์ต้องออกมาเป็นเช่นนี้
ไม่เพียงแต่ขาดแคลนประสบการณ์การต่อสู้ แต่ยังมีเรื่องของกระบวนท่า
เหล่าไป่ประหนึ่งหยกอันบริสุทธิ์ ทุกการเคลื่อนไหวราวกับออกมาจากสัญชาตญาณ การเคลื่อนไหวอย่างเสียเปล่าหาได้มีไม่!
จิตสำนึกการต่อสู้ มันราวกับผสานรวมเข้ากับร่างของเหล่าไป่โดยสมบูรณ์!
ประสบการณ์เช่นนี้ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถมีได้!
และในร้านต้นตำรับขณะนี้ มันเป็นสถานที่ซึ่งทำให้รับรู้ถึงได้
เพราะการประลองในหอคอยแห่งการทดสอบ มันไม่มีความต่างอะไรกับโลกภายนอก
ภายในเกม ทุกความก้าวหน้าสามารถตระหนักรู้ได้!
ถัดจากนี้ จึงเป็นช่วงเวลาเล่นหอคอยแห่งการทดสอบแล้ว
กล่าวขานกันว่าต่อสู้ประลองต่อกันคือวิธีการอันดีที่สุดที่จะเพิ่มพูนกำลัง ปู้ฉืออีจึงเข้าท้าทายหอคอยแห่งการทดสอบโดยทันที
ส่วนเหตุผลที่โหมดอารีน่าไม่ถูกเลือกนั้น...
สาเหตุก็เพราะไม่มีคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ
ปู้หลี่เกื๋อและเจียงเฉิงจวินใกล้เคียงต่อกัน เหล่าไป่และจี้อู๋ฮุยก็ไม่อาจเป็นคู่ประลองกับนางได้ตลอด
ส่วนเถ้าแก่และเหยาซือหยาน...
ไม่คิดถึงจะดีกว่าแล้ว
เหล่าไป่และจี้อู๋ฮุยต่างก็เลือกเล่นโหมดความท้าทาย
จี้อู๋ฮุยค่อนข้างตื่นเต้นยามได้พบเห็นสัตว์อสูรปรากฏตัวออกมาเป็นครั้งแรก
กระนั้นขอบเขตพลังกลับกลายเป็นหลอมกาย เรื่องนี้ส่งผลให้เขาต้องปรับตัวเข้าหาสักระยะเวลาหนึ่ง
ส่วนปู้หลี่เกื๋อและเจียงเฉิงจวิน คนทั้งสองเลือกเข้าโหมดอารีน่าอย่างไม่รีรอ
ด้วยเพราะกำลังคนทั้งสองแตกต่างกันไม่มาก ต่างก็อยู่ที่ขอบเขตโชคชะตา และประสบการณ์การต่อสู้ก็ไม่ได้ต่างกันเท่าใด
แน่นอนว่าก่อนเข้าหอคอยแห่งการทดสอบ คนทั้งสามยังไม่ลืมที่จะซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ความเร็วการฝึกฝนเพิ่มขึ้นสิบแปดเท่าภายในหนึ่งชั่วโมง โอกาสนี้ต้องไม่สูญเปล่า
ตอนที่ 106 : เถ้าแก่ผู้ละเลยหน้าที่
คนทั้งห้าเข้าสู่หอคอยแห่งการทดสอบ ร้านต้นตำรับกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
กระนั้นความสงบคงอยู่ได้ไม่นาน
เพราะเสียงร้องของเจียงเฉิงจวินและปู้หลี่เกื๋อดังไปมาไม่หยุด
“บ้าฉิบ เจียงเฉิงจวิน ไอ้คนเล่นไม่ซื่อ!”
“ว่าอะไร แพ้แล้วไม่ยอมรับงั้นหรือ?”
“คดโกงมีหรือยอมรับได้ ใช้ความสามารถมาสู้กันใหม่อีกครั้ง!”
“สู้ก็สู้ ผู้ใดกันกลัวเกรง...”
เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้
แม้สามารถพูดในเกมโดยให้โลกจริงสงบสุขก็ทำได้ แต่ทั้งสองกลับเผยอารมณ์โพล่งออก...
เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ต่างอะไรกับเด็กตีกันในร้านเกมยามพ่ายแพ้...
เหล่าไป่และจี้อู๋ฮุยต่างต้องปิดการรับรู้ภายนอก เพราะไม่เช่นนั้นอาจกระตุ้นโทสะจากเสียงรบกวนขึ้นมาได้
ปู้ฉืออีไม่ใช่ นางรู้สึกว่ารับฟังความวุ่นวายของคนทั้งสองเป็นการเสริมสร้างความสามารถในการเฉยเมยต่อโลกหล้าให้แก่นาง...
เหยาซือหยานนั่งด้านหลังโต๊ะพลางมองในร้าน
ลั่วฉวนขณะนี้ย้ายไปเอนกายพักผ่อนหน้าร้านอาบไล้แสงตะวันเหมือนเช่นเคย
แม้ว่ากำลังต้องเพิ่มขึ้น แต่ก็ควรต้องผ่อนคลาย จะอยู่แต่ในเกมทั้งวี่วันไม่ใช่เรื่องดี
เอาแต่สู้และสังหารนั้นไม่ดีต่อสุขภาพจิต ดังนั้นต้องอาบไล้แสงตะวันหาความผ่อนคลายเสียบ้าง!
ยิ่งพยายามยิ่งแข็งแกร่งก็ใช่ แต่ต้องไม่เร่งรีบจนเกินไป
ลั่วฉวนหลี่ดวงตาอิ่มเอมกับแสงตะวันอบอุ่น ความสงบเริ่มผุดขึ้นภายในใจ...
ก็เป็นเหมืองดังเมื่อวาน กู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางต่างมาถึงในตรอก
ทันทีเมื่อเดินเข้าตรอกมา สิ่งต้องตาเช่นเดิมที่ควรพบเห็นก็คือลั่วฉวนที่นอนเอนกายรับแสงตะวัน
“เถ้าแก่ไม่รู้สึกว่าละเลยหน้าที่บ้างเลยหรือ?” กู่หยุนซีอดไม่ได้ที่จะกระซิบ
“เหมือนปลาตากแห้งไม่มีผิด” เจียงเหวิ่นฉางกล่าวเสริม
แม้ทั้งสองทราบว่าลั่วฉวนแข็งแกร่งและเฉยชา อีกฝ่ายไม่ได้เผยซึ่งออร่าของยอดฝีมือเหมือนเหยาซือหยานแต่อย่างใด
เพราะเหตุนั้นกู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางจึงกล้ากล่าวเช่นนี้ออกมา
ร้านต้นตำรับแห่งนี้มีแต่เรื่องประหลาด!
ระหว่างพูดคุยไปพลาง คนทั้งสองจึงเดินไปหยุดตรงหน้าลั่วฉวน
“เถ้าแก่อาบแสงแดดอีกแล้วหรือ!” เจียงเหวิ่นฉางทักทายพร้อมเผยยิ้ม
ดวงตะวันถูกบดบัง ลั่วฉวนจึงต้องลืมตาขึ้น
รับชมสองเด็กสาว เขาจึงพยักหน้ารับพร้อมตอบคำเบา “วันนี้หอคอยแห่งการทดสอบมีโหมดการเล่นใหม่เพิ่มเข้ามา”
“โหมดการเล่นใหม่? เหวิ่นฉางมัวรออะไร รีบไปรับชม!” กู่หยุนซีเผยดวงตาเป็นประกายพร้อมดึงเจียงเหวิ่นฉางเข้าไปในร้าน
“เดี๋ยว อย่าดึง...” เจียงเหวิ่นฉางอับจนขณะโดนลากไป กระนั้นก็ไม่ลืมกล่าวกับลั่วฉวน “เถ้าแก่ พวกเราขอตัวก่อน”
ลั่วฉวนจึงพยักหน้ารับพร้อมหลับตานอนอาบไล้แสงตะวันต่อ...
“สวัสดีพี่ซือหยาน!”
คนทั้งสองเข้ามาในร้านพร้อมกล่าวทักทายเหยาซือหยานที่โต๊ะ
เหยาซือหยานเผยยิ้มรับ “วันนี้ก็มาเล่นหอคอยแห่งการทดสอบหรือ?”
“ถูกต้องแล้ว!” กู่หยุนซีพยักหน้ารับ “เถ้าแก่เพิ่งกล่าว ว่าหอคอยแห่งการทดสอบมีของใหม่เพิ่มเข้ามา แนะนำให้พวกเราแล้ว!”
เหยาซือหยานจึงชี้ไปทางปู้หลี่เกื๋อและเจียงเฉิงจวิน “โหมดอารีน่า เป็นสถานที่ให้ผู้เล่นปะทะต่อกันอย่างอิสระ”
ด้วยไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ปู้หลี่เกื๋อและเจียงเฉิงจวินตะโกนร้องออกมาอย่างถูกจังหวะ
ทั้งกู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางต่างนิ่งค้าง
นั่นเล่นเกมหรือว่าอะไร?
“หือ? สองคนตรงนั้นใครกัน?” เจียงเหวิ่นฉางพบเห็นเหล่าไป่และจี้อู๋ฮุย ขณะนี้กล่าวถามด้วยความสงสัย
แม้ได้พบเจอเหล่าไป่เมื่อวาน กระนั้นวันนี้แตกต่างอย่างมหาศาล เป็นผลให้ทั้งสองไม่อาจจำจดได้
เมื่อคืน แม้มู่หรงไห่เถิงและหยิงอู๋จี้ทราบว่าเหล่าไป่ข้ามผ่านทัณฑ์สายฟ้า กระนั้นก็ไม่ได้บอกกล่าวต่อเหล่าศิษย์แต่อย่างใด
ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ทราบเรื่องราวแม้แต่น้อย
ส่วนว่าจี้อู๋ฮุยเป็นใครนั้น...
ไม่ใช่ทุกคนที่ทราบว่าจักรพรรดิแห่งเทียนชิงหน้าตาเป็นอย่างไร
.
“พบเจอกันเมื่อวานลืมแล้วหรือ?” เหยาซือหยานเผยยิ้ม
กู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางเผยความสับสน
พบเจอเมื่อวาน?
ไฉนจึงไม่ทราบ?
“เป็นเหล่าไป่” พบเห็นสีหน้างงงันของคนทั้งสอง เหยาซือหยานจึงบอกกล่าวออกไป
“พี่ซือหยานล้อกันเล่นหรือ? เหล่าไป่จะเยาว์เช่นนี้ได้อย่างไรกัน?” คนทั้งสองยังไม่คิดเชื่อ
“เหล่าไป่รอดพ้นจากทัณฑ์สายฟ้าเมื่อคืน ขณะนี้สำเร็จคืบหน้าสู่ระดับที่เก้า ดังนั้นจึงคืนความเยาว์วัย” เหยาซือหยานกล่าวบอก
กู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางเผยสีหน้าตื่นตะลึง
ทันใดนี้เองคนทั้งสองค่อยจดจำได้ ว่าเมื่อวานพบเห็นเรื่องราวใหญ่โตอันใด
อย่างเหนือความคาดคิด ต้นตอของเรื่องราวเมื่อวานถึงกับเป็นเหล่าไป่!