บทที่ 43 รู้มากเกินไป (อ่านฟรี)
ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ ซีเว่ยเฝ้าดูตอนที่มาร์นี่หลอกพวกลัทธิกระดูกเน่าและมุ่งหน้าไปยังค่ายผู้ลี้ภัย
เหตุผลที่เขามอบเควสนี้ให้ลีอา ก็เพราะเขาได้ค้นพบว่าพวกลัทธิไม่ได้วางแผนที่จะฆ่าเธอ แต่จะสังเวยเธอเป็นเครื่องบูชาแบบเป็น ๆ ให้กับเทพกระดูกเน่า
เขาสามารถเดาความคิดของเทพกระดูกเน่าได้ในทันที มันก็เหมือนกับเขา เทพเจ้าชั่วร้ายมักจะกินเทพเจ้าที่อ่อนแอกว่าเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเอง
ส่วนระบบที่เธอมีก็ไม่ได้สำคัญอะไร เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ศรัทธาทุกคนจะมีพรของเทพเจ้าในตัว และเทพที่อ่อนแออย่างเทพกระดูกเน่า ก็ไม่อาจค้นพบอะไรจากระบบได้
แม้ซีเว่ยจะเชื่อว่าตอนนี้เขามีความสามารถในการต่อสู้บ้างแล้ว แต่เขาก็ยังค่อนข้างระวังตัว เขาได้วางแผนและเตรียมการเพื่อให้ตัวเองปลอดภัย และป้องกันไม่ให้เทพกระดูกเน่าติดตามพลังของลีอามาจนถึงตัวเขาได้ เขาจึงได้ออกเควสให้เธอหลบหนีแทน
"สิ่งนี้จะปูทางไปสู่ความสำเร็จ ฉันจะพร้อมเมื่อลีอากลับไปถึงเมืองเริ่มต้น อีกไม่นานก็จะถึงเวลาเอาคืนพวกลัทธิที่รังแกผู้ศรัทธาของฉัน ฉันพร้อมที่จะสู้กับเทพเจ้าชั่วร้ายระดับลูกกระจ๊อกแล้ว" ซีเว่ยเกาคางด้วยหนวดของเขา
ตอนนี้เขามีพลังงานเทพเจ้าเพียงพอที่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์แล้ว แต่เขาก็ต้องหยุดความคิดนั้นเอาไว้ก่อนเพราะภัยคุกคามจากเทพกระดูกเน่า และเริ่มเตรียมกลยุทธ์บางอย่างเพื่อต่อกรกับพวกลัทธิ
“ปัญหาฝั่งวิคกิดอร์ก็เรียบร้อยแล้ว ไปดูเมืองเริ่มต้นแล้วกัน…”
เมืองเล็ก ๆ นี้กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและเจริญรุ่งเรืองขึ้นทุกวัน
กลุ่มผู้เล่นระดับสูงก็สามารถสำรวจหุบเขาแห่งความตายได้ 5% แล้ว พวกเขากำลังหยุดพักหนึ่งวัน ก่อนวางแผนที่จะไปต่อหลังจากนี้ให้ถึง 6% ยิ่งไปกว่านั้นสัตว์ประหลาดเกือบทุกตัวที่พวกเขาสามารถเข้าถึงได้ตั้งแต่ทางเข้าหุบเขาจนถึงระยะ 2% นั้น ก็ถูกฆ่าโดยผู้เล่นคนอื่น ๆ แล้ว และผู้เล่นทั่วไปก็กำลังเดินเข้าสู่เปอร์เซ็นต์ที่ 3
แต่ความสนใจของซีเว่ยได้ถูกดึงไปที่กลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ชุมนุมลับดวงตา’ ที่ซุ่มซ่อนอยู่ใกล้กับเมืองเริ่มต้น
ชุมนุมลับดวงตาต่างจากลัทธิกระดูกเน่า มันเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นผลกำไร พวกเขาไม่ได้มีศรัทธาเดียวกัน แม้ไม่รู้ว่ามันก่อตั้งขึ้นได้อย่างไร แต่คนกลุ่มนี้ก็มีจำนวนและความสามารถในการต่อสู้ระดับที่สูงกว่าผู้เล่นในปัจจุบัน
บังเอิญว่าลัทธิกระดูกเน่าและชุมนุมลับดวงตา ได้กลายเป็นอุปสรรค 2 ชิ้นของศาสนจักรแห่งเกม พวกลัทธิกระดูกเน่าไม่มีความสามารถเมื่อเทียบกับผู้เล่น แต่เทพเจ้าชั่วร้ายของลัทธิกระดูกเน่า กลับเป็นภัยคุกคามที่แท้จริงต่อซีเว่ย ในทางกลับกัน ชุมนุมลับดวงตาไม่สามารถคุกคามซีเว่ยได้ แต่พวกเขากลับเป็นภัยคุกคามอย่างมากต่อผู้เล่นในเมืองเริ่มต้น
เอ็ดเวิร์ดไม่ได้นิ่งนอนใจ แม้ว่าปาร์ตี้แนวหน้าของเขาจะหยุดพักหนึ่งวัน เขาได้รับเควสใหม่จากแองโกร่าให้ไปตรวจสอบชุมนุมลับดวงตา ซึ่งเขาได้รับเควสมาช้าไปหน่อยเพราะขุนนางหนุ่มกำลังมีงานเลี้ยงฉลอง
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือมีพวกปัญญาอ่อน 2 คนที่แองโกร่าได้มอบหมายเควสเดียวกันนี้ให้ แม้ตัวแองโกร่าเองจะไม่ได้คาดหวังอะไรจากพวกปัญญาอ่อน 2 คนนี้ แต่พวกเขากลับสะดุดเข้ากับค่ายของชุมนุมลับดวงตาที่อยู่ใกล้กับเมืองเริ่มต้น แม้ว่าพวกเขาจะถูกฆ่า แต่การค้นพบของพวกเขา ก็ได้ถูกส่งต่อมายังแองโกร่า เพราะพวกเขาสามารถทำเควสได้สำเร็จผ่านคอมพิวเตอร์ (win98) ของซีเว่ย
ในทางกลับกัน แองโกร่าก็ได้ส่งข้อมูลนี้และรายละเอียดเควสให้กับเอ็ดเวิร์ด
เอ็ดเวิร์ดนั้นแตกต่างจากผู้เล่นบ้าบอ 2 คนที่เดินดุ่ม ๆ เข้าไปในค่ายของศัตรู เขาแทรกซึมเข้าไปในค่ายอย่างเงียบเชียบ แม้ซีเว่ยจะไม่ได้สร้างคลาสโจรขึ้นมาเป็นคลาสพื้นฐาน แต่เอ็ดเวิร์ดที่เป็นเมจ ก็มีความสามารถในการปรับตัวให้กลืนไปกับสภาพแวดล้อมได้ดี มันเป็นคลาสที่ดีที่สุดรองจากเรนเจอร์ในเรื่องนี้
'มีสองคนที่ทางเดินข้างหน้า ข้าจะฆ่าพวกเขาแบบเงียบ ๆ เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้!' เอ็ดเวิร์ดซ่อนตัวอยู่ในช่องแคบ ๆ ด้วยร่ายกายที่ยังไม่โตของเขา เขาเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยขณะที่เขาพยายามลอบฟังบทสนทนาของพวกชุมนุมลับ
หลังจากผ่านการต่อสู้มาหลายครั้ง เอ็ดเวิร์ดก็ไม่ใช่พรานมือใหม่ที่เพิ่งออกจากหมู่บ้านอีกต่อไป
เมื่อเขาแทรกซึมเข้าไปในค่ายของศัตรู เขาก็รู้ทันทีว่าที่นี่ไม่มีใครมือสะอาด พวกเขากำลังขายยาหลอนประสาทที่จะทำลายผู้อื่นและทำการค้าทาส พวกเขาจะใช้ทาสที่ขายไม่ออกมาทดสอบมนต์ดำและยาหลอนประสาทชนิดใหม่ ในขณะที่ทาสที่ตายแล้ว จะถูกเก็บอวัยวะและขายให้กับพวกลัทธิเป็นเครื่องมือในการประกอบพิธีกรรม…สิ่งที่เขาเห็น ทำให้เอ็ดเวิร์ดแทบอยากจะเผาที่นี่ให้เป็นจุล
จากสิ่งที่เขาได้เห็น เอ็ดเวิร์ดก็ไม่รู้สึกผิดสักนิดหากเขาต้องฆ่าทุกคนที่นี่จนหมด
ขณะนั้น บทสนทนาของผู้ชายสองคนด้านล่างก็ดังขึ้น
“ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาจับผู้ชาย 2 คนที่พยายามลอบเข้ามาในค่ายได้”
“ข่าวเจ้าเก่าไปแล้ว คนพวกนั้นตายแล้ว”
"ตาย? ทำไมถึงไม่จับพวกมันมาเป็นทาสล่ะ แทนที่จะฆ่าทิ้งเรายังหาเงินจากพวกมันได้นี่”
“เจ้าไม่เข้าใจ หัวหน้าแส้ดำพยายามคุยกับพวกมันและทรมานพวกมันเพื่อถามว่าใครจ้างพวกมันมา หลังจากที่เค้นความจริงได้แล้ว เราก็อาจจะเอาพวกมันไปขายเป็นทาสต่อได้”
"แล้ว? พวกมันยอมตายโดยไม่พูดอะไรเลยเหรอ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีสิ”
"อะไร? เกิดอะไรขึ้น?"
“แม้ว่าหนึ่งในนั้นจะถูกจับและถูกทรมานด้วยแส้เหล็ก แต่มันก็ยังพยายามเล่าเรื่องตลก มันไม่เพียงแต่จะไม่ปิดปากเงียบ มันกลับพยายามหาข้อมูลจากหัวหน้าแส้ดำ แม้ว่ามันจะถูกทรมาน สีหน้ามันก็เหมือนว่ามันไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย…”
“คนอะไรจะแกร่งขนาดนั้น แล้วอีกคนล่ะ?”
“เขา…หัวเราะ”
“หัวเราะ? ยิ้มเยาะรึเปล่า?”
“ไม่ หัวเราะอย่างบ้าคลั่งเลยล่ะ มันเหมือนเขาเป็นพวกเส้นตื้น เขาหัวเราะที่เพื่อนข้าง ๆ เล่าเรื่องตลก”
“…”
“ในที่สุดหัวหน้าแส้ดำก็ตะคอกใส่คนที่เล่าเรื่องตลกด้วยความโกรธ และขู่จะสับเขา!”
“ว้าว ในที่สุดเขาก็กลัวแล้วใช่ไหม”
“ไม่ คำพูดสุดท้ายของเขาคือ 'เดี๋ยวก่อน! ให้ข้าเล่าให้จบก่อน ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะต้องหัวเราะดัง ๆ แน่!'”
“เขาบ้าเหรอ? แต่อีกคนต้องกลัวมากแน่ใช่ไหม”
“ไม่ เมื่อเขาเห็นหัวเพื่อนของเขาหล่นลงพื้น เขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม!”
“บ้าอะไรเนี่ย…”
“คำพูดของเขาคือ 'ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้โง่ ตลกมาก ข้ากำลังจะขำตาย!'”
“???”
"ใช่ จากนั้นแส้ดำก็ฆ่าเขาด้วย”
“…พวกเขามาจากไหนกัน”
“มีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ แต่หัวหน้าแส้ดำบอกเราว่า พวกงี่เง่าคนอื่นจะต้องอยู่แถว ๆ นี้แน่ เราต้องจริงจังกับการลาดตระเวนให้มากขึ้น”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินผ่านช่องแคบ ๆ ร่างสีดำก็กระโดดออกมา ก่อนที่สองคนนั้นจะทันได้ตอบสนอง คนหนึ่งก็ถูกเผาจนเป็นฝุ่น อีกคนหนึ่งก็กลายเป็นก้อนน้ำแข็งและแตกเป็นเสี่ยง ๆ
เอ็ดเวิร์ดจ้องมองศพอย่างเย็นชา เขาถอนหายใจแล้วพูดออกมาเบา ๆ ว่า “เจ้ารู้มากเกินไป”
--------------------------------
เพจ FC-Translate