ตอนที่ 47: ข้าเทราก็อต, ขอบัญชา
ในตอนที่พวกเราออกจากปราสาท, ฟีเน่ก็ขออยู่ต่อแล้วส่งพวกเราออกไป
บางทีเธอน่าจะรู้ว่า ณ จุดๆนี้เธอทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
นอกจากนี้, ฟีเน่ยังพึมพำด้วยเสียงทีเบามากจนมีแค่ฉันที่ได้ยิน
“ระวังตัวด้วยนะคะ ข้ารอการกลับมาของท่านอยู่”
“อืม, ไปละนะ”
หลังจากจบการสนทนานี้, ฉันก็พาท่านพี่เทรากับอัศวินหลวงที่คอยคุ้มกันเขาไปที่กิลด์นักผจญภัยสาขาเมืองหลวงจักรวรรดิ
ในตอนที่ฉันเข้าไปในกิลด์, จู่ๆเสียงของเด็กสาวก็ลอยเข้ามาในหูของฉัน
“—จะเป็นใครก็ได้.....ได้โปรดช่วยประเทศของเราที..... ได้โปรดยอมรับคำขอนี้แล้วเอาชนะมังกรทะเลเพื่อพวกเราด้วย.....!”
ฉันรู้ได้ในทันทีว่าเอวากำลังส่งข้อความผ่านห้องสื่อสารทางไกลของสำนักงานกิลด์สาขา
ยิ่งไปกว่านั้น, นี่ยังเป็นการออกอากาศฉุกเฉินสำหรับวิกฤตระดับทวีปด้วย บางทีมันน่าจะถูกเปิดใช้ด้วยสาเหตุบางอย่าง แต่จะรู้หรือไม่นั้น, เอวาก็กำลังขอความช่วยเหลือจากนักผจญภัยทั่วทวีปอยู่
นักผจญภัยในกิลด์นั้นบางส่วนก็กำลังเศร้าสลด, บางคนก็กำลังทะเลาะเบาะแว้งกันหรือไม่ก็กระดกเหล้าเข้าไปเพิ่ม แต่ไม่ว่ายังไง, พวกเขาทุกคนก็กำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่
เด็กสาวที่ถูกมอนส์เตอร์โจมตีกำลังขอความช่วยเหลืออยู่แต่พวกเขากลับทำอะไรเพื่อช่วยเธอไม่ได้เลย ในฐานะนักผจญภัย, นี่มันก็ไม่ต่างอะไรจากการถูกเหยียดหยาม
การช่วยเหลือผู้ที่ร้องขอความช่วยเหลือนั้นคือภารกิจของนักผจญภัย
พวกเขารู้สึกอับอายกับความไร้พลังของตัวเองและความผิดหวังก็ถูกกลั่นออกมาจากความรู้สึกนั้น
ฉันรู้สึกโล่งอกที่ได้เห็นภาพนี้
ในขณะที่มีครอบครัวโง่ๆที่กำลังต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ มันก็มีพวกที่รู้สึกเศร้ากับความไร้พลังของตัวเองเพราะเด็กสาวที่พวกเขาไม่รู้จักด้วยซ้ำกำลังขอความช่วยเหลืออยู่
นี่มันเป็นภาพที่ชวนให้รู้สึกดีจริงๆ
และมันก็เป็นสาเหตุที่ฉันเข้าไปในห้องสื่อสารทางไกลในฐานะตัวแทนของพวกเขาและตอบรับคำอ้อนวอนของเด็กสาว
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ รอแปบนึงนะ”
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, ฉันก็สร้างประตูเคลื่อนย้ายข้างในกิลด์
ซึ่งมันเชื่อมต่อกับสำนักงานสาขาทางใต้
“พวกเรากำลังจะไปแล้วนะ เจ้าชายลำดับสี่”
“ไปสิ ข้ามองข้ามเด็กสาวที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือไม่ได้หรอก”
พอพูดจบ, ฉันก็เข้าประตูไปแล้วไปถึงกิลด์สาขาทางใต้
ทุกคนดูกล้าๆกลัวๆในตอนแรกแต่พวกเขาก็เอาชนะความกลัวของตัวเองแล้วก้าวผ่านประตูในทันที, จากนั้นพวกเขาก็มาถึงราชรัฐอัลบราโทร
ในตอนที่ฉันมาถึงสำนักงานกิลด์ที่เป็นซากไปส่วนนึงแล้ว, ฉันก็ได้สบตากับเอวาที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น
“ใครหรอคะ.....?”
“นักผจญภัยแรงค์ SS ที่ทำงานให้กับสาขาเมืองหลวงของจักรวรรดิ, ซิลเวอร์ ข้ามาที่นี่เพื่อตอบรับคำขอของเจ้า
ดวงตาของเอวาเบิกกว้างแล้วหลังจากนั้นน้ำตาของเธอก็เริ่มเอ่อล้นในทันที
พอเห็นเธอเป็นแบบนี้แล้ว, ฉันก็เข้าใจว่าเธอรู้สึกกลุ้มขนาดไหน
“เจ้าทำได้ดีแล้ว ตอนนี้รีบอพยพเถอะ”
“ค, ค่ะ....แต่ว่า, น้องชายของข้า......”
“น้องชายของเจ้าหรอ?”
“เขาบอกว่าเขาอยากทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้แล้วมุ่งหน้าไปที่ปราสาทค่ะ.....”
ฉันรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้อย่างบอกไม่ถูก หลังจากนั้นไม่นาน, ท่านพี่เทราก็ตามมาถึง
จากสีหน้าของเขานั้น, เวทย์เคลื่อนย้ายต้องไปกระตุ้นความสนใจของเขาแน่ๆ
“อืม อืม นี่พวกเรามาถึงทางใต้แล้วหรอเนี่ย เวทย์เคลื่อนย้ายนี่มันยอดเยี่ยมจริงๆนะ, คุณซิลเวอร์”
“เก็บความประทับใจเอาไว้ก่อน, ตอนนี้ช่วยมอบสิทธิการใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ให้ทีเถอะครับ, เจ้าชายลำดับสี่”
“มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนะ ถ้าคุณเอลน่าไม่ได้ยินมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”
“ถ้างั้นพวกเรามุ่งหน้าไปที่ที่ทำให้พวกเราเด่นกว่านี้ดีไหม”
ด้วยความคิดนี้, พวกเราก็มุ่งหน้าออกมาจากกิลด์ที่พังไปส่วนนึง ทัศนียภาพข้างนอกนั้นเละเทะมาก
ตึกอาคารที่อยู่ใกล้ๆกับท่าเรือได้รับความเสียหายหนักและมีมังกรตัวมหึมาอยู่ในทะเล
“ตัวใหญ่ชะมัด, นี่เจ้าจะเอาชนะมันได้จริงๆหรอ?”
“ก็ถ้าลุยคนเดียวก็คงหืดขึ้นคออยู่ครับ”
ในขณะที่พูด, กระสุนน้ำลูกนึงก็ถูกยิงออกมาจากปากของมังกรทะเล
แต่มันก็ใหญ่จริงๆหน่ะแหล่ะ ทำไมมันถึงใหญ่ขนาดนี้นะ?
“มันใหญ่กว่าเมื่อก่อนรึเปล่า!?”
พอได้ยินคำพูดของเอวา, ฉันก็เริ่มเตรียมเวทย์ป้องกัน
ถ้าสิ่งนั้นตกใส่เมืองหล่ะก็, มันคงจบด้วยภัยพิบัติดีๆนี่เอง
มีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้อพยพ
ฉันคงต้องหาวิธีดึงความสนใจของมันสินะ
ในขณะที่กำลังพิจารณาเรื่องนี้, ฉันก็ได้ยินเสียงดังมาจากยอดปราสาท
“ทางนี้โว้ย! ลิเวียธาน!!”
นั่นมันเสียงของจูลิโอ เขาน่าจะใช้เครื่องขยายเสียงเพื่อทำให้เสียงของเขาดังขึ้น
ในมือของเขานั้นมีคทาที่เคยผนึกลิเวียธานอยู่
บางทีการที่ลิเวียธานมาโจมตีราชรัฐอัลบราโทรน่าจะเป็นเพราะมันกลัวว่าจะถูกผนึกอีกรอบหรือไม่ก็นี่อาจจะเป็นแค่การล้างแค้นที่ทำให้มันหลับไหลมาเนิ่นนานขนาดนี้
ก็พอเข้าใจอยู่ว่าที่จูลิโอไปเอามันมาเก็บไว้กับตัวนั้นก็เพื่อทำให้ตัวเองตกเป็นเป้า และถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาอาจจะต้องตายจากการทำแบบนี้, แต่เขาก็อยากปกป้องประชาชนที่อยู่ในเมือง
สายตาของลิเวียธานขยับแล้วเพ่งเล็งไปที่จูลิโอ
[อยู่นั่นเองสินะ ไอ้คทาน่ารังเกียจที่ทำให้ข้าหลับใหล ดูเหมือนว่ามันจะหมดพลังไปแล้วแต่มันอาจจะถูกใช้เพื่อทำให้ข้าหลับอีกก็ได้ ข้าจะทำให้มันหายไปจากโลกนี้ซะ]
ด้วยคำพูดนี้, ลิเวียธานก็เปลี่ยนกระสุนน้ำที่แต่เดิมก็ใหญ่อยู่แล้วให้ใหญ่ขึ้นไปอีก
นี่มันไม่ดีแล้ว
ฉันสร้างประตูเคลื่อนย้ายในขณะที่เตรียมเวทย์ป้องกัน
[เจ้าเด็กน้อยผู้ไม่รู้จักยั้งคิด ข้ายอมรับในความกล้าหาญของเจ้า, และเพื่อการนั้นข้าจะทำให้เจ้าได้ตายแบบไม่ต้องทรมาน]
พอพูดจบ, ลิเวียธานก็ยิงกระสุนน้ำลูกยักษ์ใส่ยอดปราสาท
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, ฉันก็พุ่งเข้าไปในประตูเคลื่อนย้ายแล้วปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งที่หน้าจูลิโอ
“ยกโทษให้ข้าด้วยนะครับ.....ท่านพ่อ, ท่านแม่, ท่านพี่......”
“เก็บคำขอโทษไปใช้ตอนที่ได้เจอพวกเขาจริงๆเถอะ”
ฉันพูดแบบนั้นกับจูลิโอที่หลับตาเตรียมเผชิญหน้ากับความตายอยู่ในขณะที่ปล่อยเวทย์ป้องกันรัศมีกว้างออกมา
มันคือโล่
โล่ยักษ์สี่ฟ้าเงินที่ปรากฎขึ้นข้างหน้าปราสาทและรับกระสุนน้ำของลิเวียธานเอาไว้
<<นี่คือโล่อันยิ่งใหญ่ของทวยเทพ・ ชื่อของมันเป็นที่รู้จักโดยทั่วกัน・ มันคือตัวแทนของการปกปักษ์รักษา・ ตัวตนของมันมีเพื่อปกป้องผู้อ่อนแอ・ มันไม่สามารถพังทลายได้แม้จะเป็นเทพก็ตาม・ นี่คือโล่ที่ไร้พ่ายและไร้คู่ต่อกร ・นามของมันคือ—เอจิส>>
ในตอนที่ฉันเรียกชื่อโล่, มันก็เริ่มเปล่งแสง
กระสุนน้ำขนาดมหึมาที่ลิเวียธานยิงออกมานั้นถูกทำลายอย่างงายดาย
จูลิโอรู้สึกประหลาดใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้าเขาและสูญเสียการทรงตัว
บางทีเธอน่าจะเป็นห่วงเขามาก, เอวารีบกระโดดออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายแล้วเข้าไปหาเขา
“จูลิโอ!”
“ท่านพี่......”
“ข้าดีใจจังเลย, ดีใจจริงๆ.....! ข้าคิดว่าพวกเราจะจบสิ้นแล้วซะอีก....! แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วนะ...เขามา.....คนๆนี้มาเพื่อช่วยพวกเราแล้ว.....!”
“ช่วยพวกเราหรอครับ.....?”
“เข้าเดาว่าพวกท่านทั้งสองคงเป็นแฝดเจ้าชายเจ้าหญิงของอัลบราโทรสินะครับ?”
“ค, ครับ....ข้าชื่อจูลิโอ เดอ อัลบราโทร......”
“ข้าคือนักผจญภัยแรงค์ SS จากกิลด์นักผจญภัย, ซิลเวอร์ ส่วนคนผู้นี้คือ”
“ข้าเทราก็อตต์ เลคส์ แอดเลอร์, เจ้าชายลำดับสี่ของจักรวรรดิ”
ท่านพี่เทราออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายแล้วแนะนำตัว
เขาอาจจะดูมีภูมิฐานแต่สายตาของเขานั้นก็จับจ้องไปที่เอวาอยู่ตลอด
ดูเหมือนว่าเด็กสาวเจ้าน้ำตาสุดน่ารักคนนี้จะได้รับคะแนนจากท่านพี่เทราไปเต็มๆเลย
ฉันนึกอยากจะเข้าไปตบเรียกสติเขาซักครั้งแต่เนื่องจากจุดยืนของฉันในตอนนี้ไม่สามารถทำแบบนั้นได้, ฉันจึงตัดสินใจใช้คำพูดแทน
“เจ้าชายลำดับสี่ ถึงเวลาทำงานแล้วครับ”
“พวกเรายังพอมีเวลาเหลือสำหรับชื่นชมเด็กสาวผู้งดงามคนนี้อยู่ไม่ใช่หรอ? หรือว่าคุณซิลเวอร์ไม่มั่นใจในความทนทานของโล่ที่เรียกออกมา?”
“จะให้ข้าโยนท่านออกไปตอนนี้เลยก็ได้นะสนใจไหม?”
“แบบนั้นก็แย่สิ....ช่วยไม่ได้หล่ะนะ ข้าจะทำหน้าที่ในฐานะราชวงศ์ซักครั้งนึงก็ได้”
พอพูดจบ, ท่านพี่เทราก็คว้าเครื่องขยายเสียงเวทมนตร์ที่จูลิโอมีอยู่แล้วดึงมันมาทางตัวเอง
ในตอนนั้นเอง, ท่านพี่เทราก็ได้เห็นจูลิโอเป็นครั้งแรก และ,
“จะว่าไป, เจ้าชายจูลิโอ สิ่งที่คุณทำเมื่อซักครู่นี้มันควรค่าแก่การสรรเสริญจริงๆ คนที่ยอมเสียสละเพื่อปกป้องผู้คนถึงขนาดนี้ที่ข้ารู้จักมีอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น, ซึ่งนั่นก็คือพี่ชายที่จากไปของข้า ดังนั้น, ตอนนี้ข้าจะแสดงคุณสมบัติในระดับเดียวกับที่คุณพึ่งแสดงออกไปเมื่อซักครู่นี้ให้ดูเอง คุณสมบัติของราชวงศ์ที่ประชาชนสามารถภาคภูมิใจได้”
ด้วยคำพูดนี้, ท่านพี่เทราก็ใช้เครื่องขยายเสียง
ในขณะเดียวกันนั้นเอง, ลิเวียธานก็กำลังเตรียมการโจมตีต่อไปของมัน
และเพื่อเป็นการตอบสนอง, ท่านพี่เทราก็เริ่มสุนทรพจน์ของเขาด้วยท่าทีสบายๆ
“ถึงทุกคนในราชรัฐอัลบราโทร ข้าเจ้าชายลำดับสี่ของจักรวรรดิ, เทราก็อตต์ เลคส์ แอดเลอร์ ใครก็ตามที่ได้ยินเสียงของข้า, จงตั้งใจฟังให้ดี”
ฉันอยากให้เขารีบๆทำมันให้จบๆแต่การอัญเชิญดาบศักดิ์สิทธิ์นั้นสามารถทำได้ด้วยการยินยอมของท่านพี่เทราและเอลน่าต้องรู้ถึงการยินยอมนี้ด้วย
เพื่อความแน่นอน, มันจะดีกว่าถ้าท่านพี่เทรากับเอลน่ารู้ที่อยู่ของกันและกัน
ดังนั้น, ท่านพี่เทราจึงเริ่มเรียกหาเอลน่า
ส่วนฉันก็ต้องปกป้องเขาจนกว่าจะถึงตอนนั้น
“ในสถานการณ์ที่วุ่นวายนี้, ข้ามาที่นี่ในนามของท่านพ่อ, ในฐานะตัวแทนขององค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ เหตุผลที่ข้ามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อรักษาหรือปกป้องดินแดนแห่งนี้ มันไม่ใช่หน้าที่ของข้า ข้าแค่มาที่นี่เพื่อส่งมอบของสิ่งนึง”
บางทีมันคงเข้าใจว่ากระสุนนัดเดียวนั้นไม่สามารถทะลวงการป้องกันของฉันได้, ลิเวียธานจึงกระหน่ำกระสุนน้ำจำนวนนับไม่ถ้วนเข้ามา
ซึ่งฉันเองก็ตอบรับพวกมันด้วยวงเวทย์นับไม่ถ้วน
ในระหว่างนี้เอง, ท่านพี่เทรานั้นไม่ได้ถูกอะไรมาขัดสุนทรพจน์ของเขาเลย
“มีอัศวินของข้าอยู่ในดินแดนนี้หรือไม่? อัศวินผู้กล้าหาญ? อัศวินผู้แข็งแกร่ง? อัศวินที่ยึดมั่นในเกียรติของตัวเอง? มีอัศวินคนไหนที่อยากทำอะไรซักอย่างกับสถานการณ์ในตอนนี้หรือไม่? ตอนนี้, มีอัศวินคนไหนที่อยากจะช่วยเหลือเหยื่อเหล่านี้จากภัยพิบัติอันไร้เหตุผลนี้รึเปล่า? ถ้ามีอยู่ก็ช่วยบอกชื่อของตัวเองมา ข้าจะมอบเกียรติยศจากการช่วยดินแดนนี้ภายใต้ชื่อของข้า!!”
ไม่มีใครตอบรับ
มันไม่มีทางที่พวกเขาจะได้ยินมัน
อัศวินทุกคนที่อยู่ในพื้นที่นี้อาจจะอยากเสนอชื่อของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม, ในพื้นที่นี้มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ตอบรับคำบัญชาของท่านพี่เทรา
“ข้าอยู่ที่นี่ค่ะ!! องค์ชาย! อัศวินที่จะตอบรับคำบัญชาของท่านอยู่ที่นี่แล้ว!!”
พอผ่ากระสุนน้ำเป็นสองซีก, เอลน่าก็ปรากฎตัวขึ้นอย่างห้าวหาญ
เมื่อรับรู้ถึงตัวตนของเธอแล้ว, ท่านพี่เทราก็พยักหน้าแล้วโบกมือเหมือนเขากำลังแสดงละครอยู่
“จงขานนามของเจ้ามา!”
“เอลน่า ฟ็อน แอมส์เบิร์กมาที่นี่เพื่อตอบรับคำบัญชาของท่านค่ะ, องค์ชาย!”
“ดีมาก! ภายใต้ชื่อขององค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่, โยฮันเนส เลคส์ แอดเลอร์, ข้า, เทราก็อตต์ เลคส์ แอดเลอร์, ขอบัญชา! จงเรียกดาบศักดิ์สิทธิ์ออกมา, ผู้กล้าหาญ!”
ในตอนนั้นเอง, เอลน่าก็ชูมือขึ้นฟ้า
จากนั้น, แสงออโรร่าก็ส่องลงมาจากสวรรค์
ด้วยการคว้าแสงที่เจิดจ้าเอาไว้, เอลน่าก็พึมพำออกมาในขณะที่มันค่อยๆเปลี่ยนเป็นรูปร่างดาบในมือของเธอ
“ขอบคุณค่ะ, องค์ชาย”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก คุณเอลน่า นี่คือหน้าที่ของข้าในฐานะสมาชิกของราชวงศ์ เอาหล่ะ, ขอให้ข้าได้เชยชมความเจิดจรัสของคุณจากที่นั่งแถวหน้านี้เถอะนะ อัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดและนักผจญภัยที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิ การร่วมมือกันโค่นล้มมังกรของทั้งสองคนจะเป็นวัตถุดิบชั้นดีสำหรับผลงานชิ้นโบว์แดงของข้า”
พอพูดแบบนี้ออกมา, ท่านพี่เทราก็เผยรอยยิ้มน่าขนลุกตามปกติของเขาออกมาเล็กน้อย
ด้วยการยิ้มเอือมระอาให้กับท่านพี่เทราในสภาพนี้, ฉันก็ลอยขึ้นไปบนฟ้าในขณะที่มองตรงไปยังจูลิโอ
“เอาหล่ะ, องค์ชายจูลิโอ, ตอนนี้ลูกค้าของข้าก็คือท่านเพราะฉะนั้นข้าขอยืนยันเพื่อความแน่ใจ....ท่านไม่มีปัญหาใช่ไหมถ้าข้าจะฆ่ามังกรทะเลตัวนั้น?”
“!? ค, ครับ! เชิญจัดการมันตามที่ท่านต้องการเลย!”
พอได้ฟังการตอบรับของจูลิโอ, ฉันก็หันกลับไปและเผชิญหน้าลิเวียธานด้วยกันกับเอลน่า