บทที่ 111 : โชคหล่นทับ
“อ้ากก…” เสียงกรีดร้องที่น่ากลัวดังออกมาจากปากของออกัสติน
บอสระดับรีเจนดารีที่หล่อเหลาและทรงพลังคนนี้เกือบจะบ้าคลั่ง
ทหารที่อยู่ข้างๆส่งสายตาดูหมิ่น ก่อนจะหนีออกไปให้ไกลจากเขามากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เป็นเพราะมีแม่มดอยู่ด้านหลังของออกัสติน ร่างกายของเธอเน่าเหม็นและมีหนอนสีดำน่าเกลียดพุ่งออกมาจากร่างของแม่มด เธอใช้ลิ้นที่เน่าเปื่อยของเธอเลียใบหน้าของออกัสติน ...
ออกัสตินตกใจมากที่พลังการต่อสู้ของเขาลุกเป็นไฟ ราวกับว่าเขากลายเป็นสัตว์ประหลาดนรก แต่กลับไม่ได้ส่งผลใด ๆ ต่อแม่มดเลย
แม่มดทำได้เพียงระงับความแข็งแกร่งและค่าสถานะของเขาเท่านั้น และถึงแม้ว่ามันจะไม่ทำอันตรายต่อออกัสติน แต่มันก็ยังน่ากลัวอยู่ดี ...
“นี่มันอะไรกันเนี่ย?” ออกัสตินพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้หัวของเขาหมุน แต่เขารู้สึกว่าใบหน้าของตนเฉอะแฉะและรู้สึกได้ถึงหนอนที่คลานอยู่บนนั้น เขาสามารถหยุดหัวไม่ให้หมุนได้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดตัวเองจากการจินตนาการอันน่าสยดสยองได้เลย
“ผู้บัญชาการนั่นมัน…คำสาปหรือเปล่าครับ” ความหวาดกลัวได้เข้าโจมตีเหล่าทหารไปอีกคน
ในขณะเดียวกันนักรบก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก เขากล่าวพูดทั้งๆที่ยังหายใจไม่ทั่วท้องเลยด้วยซ้ำ “ผู้บัญชาการ…สหายของเรา…สหายของเราทั้งสองฝ่ายไม่สามารถรั้งได้อีกต่อไป ทหารของเราหลายร้อยคนถูกสังหารไปแล้วครับ”
สถานการณ์แย่ลงกว่าเก่า แม้แต่นักล่าค่าหัวก็ไม่มีความตั้งใจที่จะต่อสู้ต่อไป
พวกเขาได้รับค่าหัวเพียงครึ่งเดียว แต่หากมังกรหายไปพวกเขาก็จะไม่ได้รับเงินอีกครึ่งหนึ่ง
หากพวกเขายังคงต่อสู้กับกองทัพรุ่งอรุณต่อไป มันจะไม่ดีสำหรับพวกเขา
แม้ว่าพวกเขาจะสามารถฆ่าวิลเลียมได้ แต่พวกเขาก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส กองทหารของอาณาจักรเหล็กก็จะมีโอกาสกดขี่และกลั่นแกล้งนักล่าค่าหัว
นักรบปีศาจอดอล์ฟเป็นคนแรกที่หนีไป เขาแปลงร่างเป็นสายฟ้าสีดำก่อนจะหนีลงจากภูเขาไป...
นักล่าค่าหัวที่รอดชีวิตก็ไม่ได้อยู่เจรจากับออกัสติน พวกเขาทั้งหมดหนีไปเหมือนอดอล์ฟ
นักรบปีศาจไม่เพียงแต่ทรงพลัง แต่เขายังฉลาดมากอีกด้วย เมื่อสิ่งต่างๆดูท่าจะไม่ดี เขาก็เป็นคนแรกที่หนี แต่บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาสามารถเอาตัวรอดมาเป็นเวลายาวนาน
เพราะเขา…ไม่โลภ!
ในขณะที่นักล่าค่าหัวหนีไปขวัญกำลังใจกองทหารของอาณาจักรเหล็กก็เริ่มลดลง
ทหารที่ดูแลฝั่งปีกข้างไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ที่หนีไปเป็นนักล่าเงินรางวัลหรือสหายของพวกเขาเอง
ออกัสตินตระหนักถึงแรงกดดันของสถานการณ์ ก่อนจะจ้องมองไปยังวิลเลียม โดยไม่เสียเวลาเขาโบกมือและตะโกนว่า “กองทัพทั้งหมดถอยไปทางทิศตะวันตก”
“แอรอนขอทหารไปป้องกันศัตรูสักสิบนาที” ออกัสตินออกคำสั่งและหนีไปด้วยความตื่นตระหนก แม่มดยังคงติดอยู่ที่หลังของเขาและเขาเริ่มกังวลว่าจะสามารถลบคำสาปไปได้หรือไม่ มันจะเป็นนรกสำหรับเขาแน่หากเขาทำไม่ได้
แอรอนกำหมัดแน่น เขายังสังเกตเห็นว่าถ้าทุกคนหนีไปจะทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้น เขาต้องใช้กองกำลังที่สามเป็นคนรับหน้า เขาสั่งว่า “กองกำลังที่สามยึดแนวไว้เพื่อให้สหายของเราล่าถอย”
“ให้ตายสิ รักษาแนวไว้ให้ดีบ้าอะไร เหล่ากองกำลังที่สาม ออกัสตินละทิ้งพวกท่านไปแล้ว ถอยทัพซะเถอะ”
เสียงดังกึกก้องไปทั่วสนามรบ
เสียงนี้ทำให้ทหารที่มีความคิดที่จะหลบหนีรู้สึกโล่งใจ พวกเขาหนีไปพร้อมกับกองทัพที่สองทันที ...
เสียงของการล่าถอยก็แข็งแกร่งและดังขึ้น
เสียงประณามออกัสตินท่วมท้นไปทั่ว
แอรอนหาทิศทางของเสียงที่ก่อกวน เขาพบว่ามันมาจากลอร์ดแห่งเมืองรุ่งอรุณ เขาตะโกนอย่างสบาย ๆ ในขณะที่ได้รับการปกป้องจากคนของเขานับร้อย
“ไร้ยางอาย!” แอรอนกำหมัดแน่นพลางสาปแช่งไปด้วย
แต่มันก็สายเกินไปแล้วที่จะเปลี่ยนสถานการณ์
ตอนนี้เขาทำได้แค่ถอย ส่วนพวกทหารที่ขัดคำสั่ง เขาต้องเอาตัวรอดก่อนเพื่อกลับไปจัดการกับพวกมัน ...
เมื่อกองทัพของอาณาจักรเหล็กถอยทัพกลับไป พวกเขาก็หลีกเลี่ยงวิลเลียมที่อยู่ตรงกลาง วิลเลียมไม่ได้สั่งให้โจมตีพวกเขาเช่นกัน
แต่มีทหารบางคนที่ไม่สามารถวิ่งได้เร็วพอและพวกเขาก็ผ่านพวกเอลฟ์ไป
วิลเลียมเดินออกจากเกราะป้องกันของทหาร เขาชี้นิ้วไปที่ทหารผู้โชคร้าย “เจ้าจะวิ่งไปที่ไหนกันเหรอ”
หัวหน้ากองหยุดวิ่ง ก่อนจะพบว่ามีสายตาอันเยือกเย็นจากฝูงชนกำลังจ้องมองมาที่เขา ริมฝีปากของเขาก็สั่นขณะที่พูดว่า "โอ้ ชิบหายละ"
หัวหน้าทีมโยนอาวุธลง ก่อนจะนอนลงกับพื้นโดยอ้าขาให้กว้าง เขาเหนื่อย…
ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดของเขาก็หยุดวิ่งเช่นกัน พวกเขายังทิ้งอาวุธและถอดอุปกรณ์ให้เหลือเพียงกางเกงใน ทหารที่ตัวสั่นก็พากันกอดกันพร้อมกับถูมือเพื่อสร้างความอบอุ่น
พวกเขาไม่มีทางเลือก มันเป็นความผิดของพวกเขาที่ช้าและไม่สามารถหลบหนีได้ พวกเขายอมจำนนเพราะยังไม่อยากตาย
ในที่สุดกองกำลังของวิลเลียมก็มาถึงทางเข้าถ้ำ ลอทเนอร์รู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าวิลเลียมไม่มีตรงไหนบุบสลาย เขากล่าวว่า “ข้าดีใจที่เห็นท่านสบายดี เราควรไล่ตามทหารที่กำลังถอยทัพออกไปหรือไม่”
"แน่นอน เรากำลังไล่ตามพวกเขาอยู่ เราจะไล่ล่าพวกเขาประมาณหนึ่งชั่วโมง และไม่ว่าเราจะฆ่าหรือจับทหารกี่คนในครั้งนี้ หลังจากนั้นเราก็จะล่าถอยไปที่ชายฝั่ง” วิลเลียมสั่ง ปล่อยให้องครักษ์ส่วนตัวของเขา ทหารเอลฟ์ชั้นยอด 130 นาย และกองทหารที่แข็งแกร่งทั้งหมด 5,000 นายที่เหลือไล่ตามศัตรู
ฉลาดหรือไม่ที่ไล่ตามศัตรูที่จนมุม?
ความกังวลหลักในนั้นคือการถูกลอบโจมตีโดยศัตรู
แต่กองทัพของอาณาจักรเหล็กไม่สามารถซุ่มโจมตีได้ ในกรณีนี้ไม่ว่าวิลเลียมจะเลือกจับหรือฆ่าก็มีแต่ผลกำไร
“น่าเสียดายที่เราไม่ได้ตัวออกัสตินและมัคฮู เรดด์” วิลเลียมรู้สึกงุนงง เขาไม่คาดคิดว่ามัคฮู เรดด์จะปรากฏตัวที่นี่เลย แต่ก็น่าเสียดายอย่างยิ่งที่พลาดโอกาสในการฆ่านักเวทมืดที่เอาแต่สร้างปัญหาเช่นกัน
“พวกเจ้าที่เหลือเฝ้าทางเข้าถ้ำเอาไว้ หน้าที่ของพวกเจ้าคือป้องกันไม่ให้กองทัพของมังกรเข้ามาขัดจังหวะการช่วงชิงทรัพย์ของเรา” วิลเลียมรีบเข้าไปในถ้ำทันที เขาต้องการปล้นสมบัติของมังกร
เขาเชื่อว่าออกัสตินไม่ได้มีเวลามองหาสมบัติของมังกรตอนกำลังต่อสู้อยู่หรอก
แต่วิลเลียมไม่สามารถอยู่ในถ้ำได้นานเกินไป
แม้ว่าเผ่ามังกรจะล่าถอยไปแล้ว แต่เมื่อพวกเขาเอาชนะความกลัวและความตกใจเนื่องจากการตายของมังกรได้ พวกเขาก็จะกลับมาหาสมบัติ
วิลเลียมลงมืออย่างรวดเร็วมาก เขาเข้าไปปล้นภายในถ้ำและลงลึกเข้าไปข้างใน
เมื่อเขาเข้าไปลึกขึ้น อุณหภูมิก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ
หากปราศจากตัวยับยั้งอย่างมังกรยักษ์แล้ว ลาวาภูเขาไฟก็กลับมาทำงานอีกครั้ง วิลเลียมรู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าไปในทะเลเพลิง
แต่เขาก็เร่งรีบและหลบเลี่ยงลาวาที่พ่นออกมาระหว่างทางด้วยความช่วยเหลือจากสัมผัสที่หกของเขา
จากนั้นเขาก็หยุดอยู่ตรงหน้าธารลาวากว้าง ก่อนจะกระโจนร่อนลงบนก้อนหินสีดำกลางธารลาวา
เขาไม่ได้หยุดเป็นเวลานานนัก
เมื่อเขากระโดดอีกครั้งลาวาได้กลืนหินด้านล่างเขา วิลเลียมร่อนลงบนหินอีกอันหนึ่ง
ควันสีเขียวปรากฏที่เท้าของวิลเลียม เขากระโดดจากหินไปอีกก้อนหนึ่งจนกระทั่งข้ามธารลาวา
สุดท้าย
ไม่มีอุปสรรคใดแล้ว วิลเลียมมาถึงห้องเก็บสมบัติของมังกรไฟ!
“โชคดีที่ฉันมีประสบการณ์มากมายจากการตายในธารลาวาจากชีวิตที่แล้ว…” วิลเลียมยิ้ม ในชีวิตก่อนหน้านี้เขามีส่วนร่วมในการสังหารมังกรในภูเขาหิมะทางฝั่งทะเลตะวันออก
แต่มันเป็นผ่านการสังหารผ่านดันเจี้ยนระดับรีเจนดารี มีเพียงดันเจี้ยนในตำนานเท่านั้นที่มีโอกาสหนึ่งในหนึ่งพันในการได้รับเลือดจากมังกร ส่วนใหญ่แล้วดันเจี้ยนภูเขาหิมะทางฝั่งทะเลตะวันออกจะมีเพียงเกล็ดมังกรเท่านั้น
เกล็ดมังกรก็ยังถูกแบ่งออกเป็นหลายเกรด ยิ่งดันเจี้ยนยากขึ้นคุณภาพของเกล็ดมังกรก็จะยิ่งสูงขึ้น
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องสำรวจดันเจี้ยน มันก็เพื่อการสร้างอุปกรณ์ที่ดีขึ้น!
และถ้าหากว่าถ้ำแห่งนี้ได้กลายเป็นดันเจี้ยน นั่นก็หมายความว่ามังกรไฟได้ถูกฆ่าไปแล้ว แม้ว่าผู้เล่นจะสำรวจสถานที่หลายครั้งก็จะไม่ได้รับรางวัลมากนัก
สมบัติของมังกรจะรวมถึงหีบสมบัติ ...
อาจมีอัญมณี อุปกรณ์และเหรียญทองคุณภาพสูง
วิลเลียมเดินไปยังมุมหนึ่ง
เมื่อเขาเห็นภูเขาเหรียญทอง หีบสมบัติและอัญมณีล้ำค่า เขาก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง เขาเอาแต่จ้องมองมันด้วยสายตาลุกวาว “โอ้มายก็อด! …”
ขอเปลี่ยนเวลาอัพเป็นสามทุ่มของวันจันทร์-ศุกร์นะคะ