ตอนที่46: คำวิงวอนของเอวา
ย้อนเวลากลับไปซักเล็กน้อย
ลีโอที่ไปด้วยกันกับกองเรือของรอนดิเน่ได้ไปถึงราชรัฐอัลบราโทรแล้ว
เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกที่ไม่จำเป็น, จึงมีแค่เรือของลีโอกับเรือของราชารอนดิเน่เท่านั้นที่เข้าไปเทียบท่าและรับการต้อนรับจากราชาอัลบราโทร
“ข้าดีใจจริงๆที่ท่านมา, ราชารอนดิเน่”
“ในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ข้าทนอยู่เฉยๆไม่ได้หรอก, ราชาอัลบราโทร”
พอพูดจบ, พวกเขาก็จับมือกันแน่น
การจับมือกันแบบนี้มันคือช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์สำหรับพระราชาของทั้งสองประเทศที่ห้ำหั่นกันมาอย่างยางนาน
กองเรือของทั้งสองประเทศซึ่งกำลังเฝ้าระวังอีกฝ่ายอยู่ก็ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่พระราชาของพวกเขาพบเจอกันโดยไม่มีเหตุการอะไรเกิดขึ้น
ลีโอกับเอลน่าที่พึ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเองก็รู้สึกโล่งอกที่พวกเขาผ่านขั้นแรกไปได้อย่างราบลื่น
“ดูเหมือนว่าจะผ่านขั้นแรกไปได้แล้วสินะ”
“นั่นสินะ ถัดจากนี้ก็คือเรื่องที่ว่าจะจัดการกับมังกรทะเลยังไง”
ลีโอกับเอลน่าเดินตามพระราชาเข้าไปในปราสาทในขณะที่พูดคุยกัน
อย่างไรก็ตาม, จู่ๆเอลน่าก็หันกลับไปมองทางทะเลอย่างกระทันหัน และมือของเธอก็จับไปที่ดาบแล้ว
เธอชักมันออกจากฝักในทันที
“เอลน่า!?”
“อัศวินทุกคน, เตรียมเฝ้าระวัง! ปกป้ององค์ชายกับพระราชาเอาไว้! มันกำลังมาแล้ว!”
พอได้ยินคำสั่งของเอลน่า, อัศวินหลวงก็จัดแถวเป็นขบวนคุ้มกันพวกเขา
และในเวลาแทบจะพร้อมกัน, พายุหมุนก็ก่อตัวขึ้นในทะเล
มันก่อตัวขึ้นตรงกลางระหว่างกองเรือของรอนดิเน่กับอัลบราโทรและกลืนส่วนหนึ่งของทั้งสองกองเรือเข้าไป
ทุกคนถึงกับพูดไม่ออกในตอนที่เกิดเหตุการณ์ผิดปกตินี้อย่างกระทันหัน
หลังจากกลืนหนึ่งในสามของกองเรือของทั้งสองประเทศและเปลี่ยนพวกมันเป็นซากแล้ว, พายุก็หายไปอย่างกระทันหัน
จากนั้นมันก็มา
“มังกรทะเลลิเวียธาน......!?”
มันคือมังกรลำตัวยาวที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีน้ำเงินซึ่งดูเหมือนสร้างขึ้นมาจากน้ำบริสุทธิ์
มันมีปีกกับแขนอย่างละคู่ ส่วนเท้าของมันน่าจะจมอยู่ใต้น้ำ มังกรที่ปรับตัวเข้ากับทะเล ลักษณะของมันนั้นใกล้เคียงกับงูแต่ว่าตัวใหญ่กว่ามาก
แค่ส่วนที่โผล่ขึ้นมาพ้นน้ำก็มีความยาวกว่า 50 เมตรแล้ว ทุกคนต่างก็ตัวสั่นเมื่อเห็นว่ารูปร่างของมันทั้งใหญ่และน่ากลัวกว่าที่ตำนานบอกเอาไว้มาก
โดยไม่สนใจปฏิกิริยาของผู้คน, ลิเวียธานก็ค่อยๆอ้าปาก
จากนั้นมันก็ยิงกระสุนน้ำลูกยักษ์ออกมา
มันเทียบกับสิ่งที่สามารถใช้เวทมนตร์น้ำธรรมดาสร้างขึ้นมาไม่ได้เลย
พอรู้สึกถึงอันตราย, เอลน่าก็ออกคำสั่งในทันที
“หนีเร็ว!”
อัศวินหลวงเชื่อในการตัดสินใจของหัวหน้าแล้วทำการอพยพพระราชาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
เอลน่าเองก็หนีไปกับลีโอ และในเวลาที่แทบจะพร้อมกัน, สถานที่ที่เอลน่ากับคนอื่นๆเคยยืนอยู่ก็ถูกโจมตีด้วยกระสุนน้ำลูกมหึมา
ด้วยเสียงที่ดังสนั่น, ผนวกกับหลุมยักษ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันเหมือนกับว่าสถานที่แห่งนี้พึ่งถูกอุกาบาตตกใส่เลย
เมื่อเห็นแบบนี้, สีหน้าของลีโอกับเอลน่าก็เริ่มซีด
มันไม่ใช่เพราะอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตของพวกเขา แต่มันเป็นเพราะพวกเขาตระหนักได้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกในเมืองนี้ถ้าพวกเขาต่อสู้กับมังกรทะเลที่นี่”
“! เอลน่า! คอยสั่งการที่นี่แล้วทำการอพยพผู้คนซะ!”
“ลีโอ! แล้วเจ้าหล่ะ!?”
“ข้าจะขึ้นเรือออกไปจากที่นี่! อย่างน้อยข้าก็ต้องล่อมันออกไปจากเมืองให้ได้ไม่อย่างนั้นเมืองนี้ถูกทำลายแน่!”
“แบบนั้นมันบ้าบิ่นเกินไปแล้ว! แค่เรือลำเดียวจะไปทำอะไรได้!?”
“ข้าต้องไปออกคำสั่งกองเรือที่กำลังตื่นตระหนก! พวกเขาจำเป็นต้องมีผู้บัญชาการ!”
“พวกเขาไม่ใช่กองเรือของพวกเรานะเจ้าก็รู้ไม่ใช่หรอ!? ยิ่งไปกว่านั้น, พวกเขาคือกลุ่มคนที่ห้ำหั่นกันมาตลอดจนถึงเมื่อซักครู่นี้ถ้าเจ้าจัดการได้ไม่ดีเจ้าจะถูกยิงข้างหลังจากความสับสนของผู้คนได้นะรู้รึเปล่า!?”
“ท่านพี่ปลอมตัวเป็นข้าแล้วสร้างพันธมิตรนี้ขึ้นมาให้ข้า! ข้าจะไม่นั่งดูอยู่เฉยๆแล้วปล่อยให้มันล่มไปทั้งแบบนี้หรอก!”
หลังจากที่พูดออกมาแบบนั้น, ลีโอก็เริ่มวิ่ง
เอลน่าพยายามจะห้ามเขาแต่เธอก็ทำไม่ได้
ซึ่งนี่เป็นเพราะกระสุนน้ำลูกที่สองจากลิเวียธานกำลังจะเข้ามาแล้ว
กระสุนน้ำกำลังลอยอยู่เหนือศรีษะของเธอและมุ่งหน้าไปที่ใจกลางเมือง, เอลน่าต้องปัดป้องมัน
ซึ่งสุดท้ายแล้วกระสุนลูกที่สองนี้ก็ตกลงมาใกล้กับหลุมแรกและสร้างเป็นหลุมใหม่ขึ้นมา
“เราจะทนรับของแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหนกันนะ.....”
เอลน่าพึมพำกับตัวเองในขณะที่มองแขนขวาที่ชาไปทั้งแขนและดาบคู่ใจของเธอ
ถ้าเธอใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ได้หล่ะก็นะ, ในขณะที่คิดแบบนี้เอลน่าก็เริ่มออกคำสั่งและทำการอพยพพระราชากับประชาชนในขณะที่คอยปกป้องพวกเขาจากกระสุนน้ำที่กระหน่ำเข้ามา
....
“กัปตัน! เริ่มทำการสวนกลับได้!”
“การจะต่อกรกับพี่เบิ้มแบบนั้น, ปืนใหญ่ของพวกเราก็ไม่ต่างอะไรจากปืนยิงถั่วหรอกนะครับ!”
“ลงมือเถอะหน่า!”
“ท่านนี่เป็นคนไร้เหตุผลจริงๆนะครับรู้ตัวรึเปล่า! พวกเราจะเคลื่อนพลแล้ว! เตรียมตัวซะเจ้าพวกบ้า!”
พอได้รับคำสั่งจากลีโอ, กัปตันเรือก็พาเรือของลีโอเข้าสู่ตำแหน่งโจมตีและยิงปืนใหญ่เวทมนตร์ของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม, มันทำให้เกล็ดแข็งๆของมังกรเป็นรอยไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่ถึงอย่างนั้น, ลีโอก็ยังสั่งให้ลูกเรือของเขาโจมตีต่อไป
จากนั้นเขาก็หยิบเครื่องขยายเสียงเวทมนตร์ขึ้นมา
“ถึงกองเรือของรอนดิเน่และอัลบราโทรที่อยู่ในระแวกนี้! ข้าคือเจ้าชายลำดับแปดของจักรวรรดิ, ลีโอนาร์ด เลคส์ แอดเลอร์! ตอนนี้พวกเรากำลังจะดึงความสนใจของลิเวียธานด้วยการโจมตีมัน! ถ้ายังมีเรือลำไหนของทั้งสองประเทศที่ไม่หวั่นกลัวมังกรทะเล, ขอให้ตามพวกเรามา! แค่นิดหน่อยก็ไม่เป็นไร! พวกเราจำเป็นต้องล่อมันออกจากท่าเรือให้ได้! มีเรือลำไหนที่พร้อมจะจมไปด้วยกันกับข้ารึเปล่า!?”
จากนั้นก็มีเรือลำนึงตอบสนองต่อเสียงเรียกของลีโอในทันที
ในตอนที่พวกเขาเห็นเรือของลีโอ, พวกเขาก็หันหัวเรือไปทางลิเวียธานและเคลื่อนที่เข้ามาสนับสนุนลีโอ
“ขอข้าติดตามไปด้วยนะครับ, องค์ชาย”
มันคือเรือลำแรกที่เคยเข้ามาหยุดอัลในตอนที่เขาพยายามจะเข้าเทียบท่า
คนแรกที่สังเกตเห็นก็คือกัปตันเรือของลีโอ
“องค์ชาย! นั่นมันเรือจากเมื่อตอนนั้นนี่ครับ!”
“ตอนนั้นนี่ตอนไหน?”
“ก็เรือที่เข้ามาหยุดพวกเราในตอนที่พวกเราพยายามจะเข้าเทียบท่ายังไงหล่ะครับ!”
พอได้รับแจ้งจากกัปตัน, ลีโอก็นึกย้อนเรื่องราวที่ได้ยินมาจากอัล
อย่างไรก็ตาม, เนื่องจากอัลพูดแค่ว่าเขาเข้าเทียบท่าได้, ลีโอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดไปตามน้ำ
“อ๋อ, เรือเมื่อตอนนั้นเองสินะ”
ถ้ามีเหตุการณ์ผิดแปลกอะไรก็ช่วยเล่ามาให้หมดสิครับท่านพี่, ลีโอบ่นอยู่ในใจ
แต่ถึงอย่างนั้น, ลีโอก็ยังคงคิดว่านี่แหล่ะนะคือพี่ชายของเขา ถ้าอัลไม่ได้บอกเขาก็แสดงว่ามันต้องเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่ามันจำเป็นถึงขนาดต้องเล่าให้ลีโอฟัง
“คงมีอีกเยอะสินะที่ท่านพี่ยังไม่ได้บอก”
ในขณะที่พึมพำ, ลีโอก็หวังอยู่ในใจว่าจะได้ยินมันจากเขา
อัลเป็นพี่ชายที่ยอดเยี่ยมสำหรับลีโอมาโดยตลอด นี่คือสาเหตุที่ลีโอมักจะรู้สึกดีใจในตอนที่ได้ยินเขาทำเรื่องที่น่าทึ่ง และบอกพวกเขา
เห็นไหมหล่ะ, พี่ชายของฉันสุดยอดไปเลยใชไหม
ในขณะที่คิดแบบนั้น, เรือจากราชรัฐอัลบราโทรก็เริ่มมารวมตัวกันรอบๆเขา
ราวกับไม่มีอะไรจะเสียแล้ว, เรือจากรอนดิเน่เองก็เริ่มเข้าร่วมด้วย
เมื่อเห็นแบบนี้, ลีโอก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วออกคำสั่ง
“เหล่าผู้กล้าจากกองเรือของทั้งสองประเทศเอ๋ย, ข้ารู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ เราจะทำการโจมตีพร้อมกัน! เราจะดึงความสนใจของลิเวียธานมาที่พวกเรา!”
ด้วยเหตุนี้เอง, กองเรือที่พึ่งตั้งขึ้นเป็นการชั่วคราวนี้ก็เริ่มยิงใส่ลิเวียธาน
อย่างไรก็ตาม, สายตาของลิเวียธานยังคงจับจ้องไปที่เมืองหลวงของอัลบราโทร
ลีโอสามารถจุดแรงบัลดาลใจให้กับกองเรือจนพวกเขามาช่วยดึงดูดความสนใจของมันได้แต่ลิเวียธานก็ยังคงพ่นกระสุนน้ำออกมาโดยไม่สนใจอะไร
ที่ท่าเรือ, เอลน่าสามารถเปลี่ยนวิถีกระสุนได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะหายไปไหน
การเบี่ยงกระสุนน้ำให้ไปลงในพื้นที่รกร้างนั้นได้เปลี่ยนสภาพผิวของตึกอาคารและภูมิประเทศในจุดที่มันลงจอด
ด้วยสถานการณ์ที่เหมือนนรกนี้, มีเด็กสาวคนนึงที่เดินเข้าไปในสำนักงานสาขาของกิลด์ อย่างไรก็ตาม, สาขานี้ได้ถูกทำลายไปบางส่วนแล้วและพนักงานก็ลี้ภัยไปนานแล้วด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น, เด็กสาวก็ยังคงมุ่งหน้าไปที่สำนักงานสาขา
ห้องสื่อสารทางไกลอยู่ที่นั่น มันคือสถานที่ที่พวกเขาใช้รายงานการปรากฎตัวของมังกรทะเลเมื่อครู่ก่อน ที่นั่น, เด็กสาว, เอวา, คุกเข่าของเธอลง
“ได้โปรดเถอะค่ะ.....ได้โปรดเถอะ.....จะเป็นใครก็ได้.....ได้โปรดช่วยประเทศของข้าด้วย....ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป, ประเทศของข้าคงถูกทำลายแน่.....! มังกรทะเลจะกลืนกินผู้คนทั้งหมดของเรา.......! จะเป็นใครก็ได้.....ได้โปรดช่วยประเทศของเราที..... ได้โปรดยอมรับคำขอนี้แล้วเอาชนะมังกรทะเลเพื่อพวกเราด้วย.....!”
เอวาทิ้งคนคุ้มกันของเธอแล้วแยกมาจากประชาชนที่กำลังลี้ภัยคนอื่นๆเพื่อมุ่งหน้ามายังสถานที่แห่งนี้
เธอรู้ว่ากิลด์นักผจญภัยมีห้องสื่อสารทางไกลที่สามารถติดต่อกับสาขาอื่นได้ ดังนั้นเอวาจึงร้องขออย่างไม่หยุดหย่อนราวกับว่าเธอกำลังภาวนาต่อพระเจ้า
คนกลุ่มเดียวที่เธอสามารถพึ่งพาได้ในตอนนี้ก็คือนักผจญภัย
นักผจญภัยแรงค์ SS จากกิลด์น่าจะทำอะไรบางอย่างกับสถานการณ์นี้ได้
ด้วยความคิดเช่นนี้, เอวาก็ทำการขอความช่วยเหลือต่อไปเรื่อยๆ
การกระทำนี้มันกระโดดไปไกลเกินกว่าการคาดการณ์ของเอวาจริงๆเพราะคำขอของเธอนั้นกำลังออกอากาศไปยังกิลด์นักผจญภัยทุกสาขาทั่วทวีป
ในตอนที่อาคารถูกทำลายไปบางส่วน, ห้องก็ถูกเปลี่ยนเป็นโหมดออกอากาศที่จะถ่ายทอดบทสนทนาไปยังกิลด์นักผจญภัยทุกแห่ง แต่เดิมนั้น, มันคือโหมดที่ใช้ในการรายงานเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขั้นวิกฤตระดับสูงสุดไปยังกิลด์สาขาทั้งหมดที่อยู่ทั่วทวีป และด้วยเหตุนี้เองตอนนี้คำขอของเอวาจึงได้กระจายไปทั่วทวีปแล้ว
คำขอของเอวานั้นไม่ได้ถ่ายทอดไปถึงแค่พนักงานกิลด์เพียงอย่างเดียวแต่ยังรวมถึงนักผจญภัยที่อยู่ข้างในของแต่ละสาขาด้วย
หลังจากได้ยินคำขอของเธอ, นักผจญภัยบางคนก็อยากจะทำอะไรซักอย่างเพื่อช่วยเหลือเธอแต่พวกเขาไม่มีวิธีที่จะไปทางใต้
ซึ่งนี่เองก็กำลังเกิดขึ้นข้างในสาขาเมืองหลวงของจักรวรรดิ
“บ้าชะมัด.....!”
“นี่พวกเราทำอะไรไม่ได้เลยหรอ!?”
“เงียบเถอะหน่า! ต่อให้เสนอตัวอยากจะช่วยอยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก!”
“ว่าไงนะ!? ไม่เห็นหรอว่ามีผู้หญิงกำลังร้องขอความช่วยเหลือจากพวกเราอยู่!?”
“แล้วอยู่ในสภาพแบบนี้จะช่วยเธอได้ยังไงหล่ะ!?”
นักผจญภัยที่กำลังดื่มเหล้าเบียร์ของพวกเขาได้ยินคำวิงวอนขอความช่วยเหลือของเด็กสาวแล้วสาปแช่งให้กับความไร้พลังของตัวเอง
จากนั้นพวกเขาก็หยุดสาปแช่งแล้วกระเดือกเหล้าลงไป, พวกเขากำลังรอให้มีใครซักคนปรากฎตัวขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม, คำวิงวอนของเอวาก็ยังคงดำเนินไปอยู่ในระหว่างนี้
ด้วยความที่มันเป็นโหมดที่ถูกออกแบบมาสำหรับสถานกาณร์ฉุกเฉิน, เสียงของเธอจึงกำลังออกอากาศไปทั่วทวีป
พวกพนักงานเองก็มีสีหน้าเศร้าสลด
ในขณะนั้นเอง, ก็มีชายคนนึงเข้ามาในกิลด์ เขาก้าวเข้ามาในสำนักงานสาขาแล้วตอบสนองต่อคำวิงวอนของเธอ
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ รอแปบนึงนะ”
มันคือการตอบสนองที่คาดไม่ถึงสำหรับเอวา
เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนตอบกลับมาจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น, เขาบอกว่ากำลังจะมาแล้วด้วย
ในขณะที่เอวากำลังสับสนกับสิ่งที่เขาพูด, ก็มีรอยแตกเกิดขึ้นในอากาศที่อยู่ใกล้ๆกับเอวา
จากตรงนั้นมีชายชุดคลุมสีดำและหน้ากากสีเงินปรากฎตัวขึ้น
“ใครหรอคะ.....?”
“นักผจญภัยแรงค์ SS ที่ทำงานให้กับสาขาเมืองหลวงของจักรวรรดิ, ซิลเวอร์ ข้ามาที่นี่เพื่อตอบรับคำขอของเจ้า
แน่นอนว่าเสียงนี้ถูกออกอากาศไปยังกิลด์นักผจญภัยทั้งหมดที่อยู่ทั่วทวีปด้วย
ณ ตอนนี้, มีนักผจญภัยหลายคนที่ส่งเสียงเชียร์ให้กับการปรากฎตัวของตัวแทนของพวกเขา