ตอนที่ 165 เปิดเผยตัวตน
ตอนที่ 165 เปิดเผยตัวตน
เมื่อบลัดฮาวด์ได้ถูกสังหารลงดวงไฟวิญญาณก็ปรากฏขึ้นแทนที่ร่างของเขาอย่างรวดเร็ว โดยรอบๆดวงไฟของบลัดฮาวด์ได้มีไอเท็มจำนวนมากตกอยู่เกลื้อนพื้น เนื่องจากสถานะฆาตกรที่ตัวชายหนุ่มได้ถูกสาปเอาไว้จากระบบและโทษของมันก็รุนแรงมากถึงขนาดที่ว่ามีไอเท็มมากกว่า 5 ชิ้น ร่วงหล่นอยู่บนพื้น นอนรอให้ไอเดนได้เก็บมันขึ้นมาเพื่อเป็นเจ้าของคนต่อไป
‘ชิ...ดาบเติบโตไม่ได้ตกมาด้วยหรอกเหรอเนี่ย?’ ถึงขนาดนี้แล้วไอเดนก็ยังเชื่อว่าดาบเติบโต Sword Of Huga Berserk ถูกบลัดฮาวด์ประมูลได้ไป แต่เมื่อพูดถึงตรงนี้ก็ต้องชื่นชมดวงของบลัดฮาวด์อยู่ไม่น้อย เพราะขวานผู้บ้าคลั่งเกรดสีน้ำเงินที่ตัวบลัดฮาวด์ประมูลมาได้ด้วยราคาแพงถึง 580 เหรียญทองนั่นไม่ได้ถูกดรอปออกมาด้วย
ทันทีที่ไอเดนได้เก็บไอเท็มของบลัดฮาวด์เข้าช่องเก็บของเป็นที่เรียบร้อย เหล่าทหารที่เฝ้ารอการต่อสู้ของทั้งสองอยู่วงนอกก็ได้เข้ามาควบคุมตัวอย่างรวดเร็ว
“ท่านขุนนางไอเดน...โปรดวางอาวุธลงและยอมปฏิบัติต่อกฏข้อบังคับแต่โดยดี ไม่อย่างนั้นกองกำลังทหารรักษาการณ์จะใช้กำลังกับท่านขุนนางอย่างเต็มกำลัง” เสียงของหัวหน้าทหารยามที่มีเลเวลไม่ต่ำกว่า 80 ได้เข้ามาพูดคุยเกลี่ยกล่อมขุนนางไอเดนให้ว่างอาวุธลง โดยน้ำเสียงของหัวหน้าทหารยามแม้จะไม่ได้มีท่าทีคุกคาม แต่เพราะด้วยออร่าของพลังที่เปล่งออกมาจากตัวหัวหน้าทหารยาม นั่นห่างชั้นกับไอเดนผู้เล่นอันดับหนึ่งของตารางจัดอันดับอยู่มากพอสมควร ทำให้ไอเดนที่ได้รับการเกลี่ยกล่อมถึงกับทรุดลงนั่งกับพื้นทันที
“ข้าเพียงแต่ต้องการจะปราบฆาตกรที่เป็นภัยต่อบ้านเมืองเท่านั้น ไม่ได้คิดทำผิดกฏบ้านเมือง...ขอให้ท่านเจ้าเมืองโปรดเห็นใจด้วย??!!” เมื่อได้เห็นเจ้าเมือง Fernando เดินเข้ามาหาตน ไอเดนที่ถูกจับกุมก็รีบร้องขอความเป็นธรรมอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าคำพูดของเขาไม่ได้สื่อไปถึง NPCคนดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย
ท่านเจ้าเมือง Fernando และองค์ชาย Aaronแทบจะไม่ได้มองมายังจุดที่ไอเดนนั่งอยู่เลยสักนิด NPCทั้งสองเพียงแค่อาศัยจุดที่ไอเดนถูกจับกุมเป็นแค่ทางผ่านเพื่อกลับเข้าไปยังด้านในสมาคมร้านค้าเพื่อคุยธุระต่อเท่านั้น
ซึ่งผลที่ไอเดนได้รับจากสังหารผู้เล่นในเมือง ทำให้ตัวเขาได้ถูกคุมขังอยู่ในคุกใต้ดินทั้งหมด 5 วันด้วยกัน(เวลาในเกม)และยังได้ถูกลดค่าชื่อเสียงจากเมืองอัลคาเดียลงจำนวนหนึ่งอีกด้วย จากเพียงไม่กี่อึดใจจะได้ก้าวเท้าขึ้นเป็นยศศักดิ์บารอน ไอเดนเวลานี้กลับต้องย้ำอยู่กับที่ด้วยยศขุนนางเฉกเช่นเดิมไปเสียอย่างนั้น
ส่วนทางด้านของบลัดฮาวด์หลังจากที่ได้ถูกสังหารลง หัวหน้ากิลด์ Outalws ผู้นี้ก็ต้องได้รับผลกรรมที่ก่อไม่แพ้กันจากสถานยะฆาตรกรและการต่อสู้ในเมือง โดยตัวบลัดฮาวด์ได้สูญเสียค่าประสบการณ์ไปมากถึง 2 เลเวล เสียไอเท็มไป 5 ชิ้นและยังถูกแบนจากระบบเป็นเวลากว่า 24 ชั่วโมงด้วยกัน(เวลาจริง) แถมยังไม่หมดแค่นั้นหลังจากที่กลับมาออนไลน์ได้เข้าก็ต้องตื่นมาอยู่ในคุกห้องตรงข้ามกับไอเดนอีก 5 วัน(เวลาในเกม)ด้วยกัน
โดยถ้าหากไม่มีลูกกรงที่เป็นวัตถุทำร้ายไม่ได้กั้นทั้งสองคนเอาไว้อยู่ เชื่อว่าคงมีเหตุให้ทั้งสองต้องฟาดหน้ากันอีกอย่างแน่นอน
เอาเป็นว่าพักเรื่องคนขี้คุกทั้งสองเอาไว้ก่อนจะดีกว่า เพราะหลังจากงานประมูลได้จบลง การต่อสู้ระหว่างไอเดนและบลัดฮาวด์ก็ได้ก่อให้เกิดผลกระทบระลอกใหญ่ในอาณาจักรกรีนเวต้าอยู่มากพอสมควร ซึ่งเป็นบลัดฮาวด์ที่ชิงทิ้งฐานกำลังกิลด์ Outlawsเมืองอีรูไดซ์ของเขาและอพยพมายังเมืองอัลคาเดียมาได้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้น
แน่นอนว่าทางกิลด์ Blood Commanderก็ไม่ได้อยู่เฉยๆรอให้ Outlaws เสริมกำลังอยู่ฝ่ายเดียว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะขาดหัวเรือใหญ่อย่างไอเดนที่ถูกจับอยู่ในคุกใต้ดินไปก็ตาม(ถูกตัดการสื่อสารทุกช่องทาง ทำได้แต่เพียงออนไลน์ค้างไว้เท่านั้น) แต่ก็ได้รองหัวหน้าโอฟีเรียเข้ามาจัดการปัญหาตรงหน้าได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเวลานี้กลับกลายเป็นว่า สามผู้นำกิลด์ชั้นนำอย่าง Blood Commander,Outalws,Red Shadowsได้มุ่งเสริมกำลังมาที่เมืองอัลคาเดียกันทั้งหมด จึงมีหลายๆเสียงตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดเมืองอัลคาเดียถึงเป็นเมืองที่กิลด์ชั้นนำต้องการกันหนักหนาและยังเลือกเมืองอัลคาเดียให้เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายมากกว่าเมืองอื่นๆ?
ซึ่งข้อสงสัยดังกล่าว ช่องทีวีออนไลน์ที่กำลังเป็นกระแสอย่างช่อง TMYก็รีบฉกฉวยจังหวะที่น้ำกำลังขึ้น เสนอข่าวออกไปทันที โดยมีเบื้องหลังอย่างเจสเปอร์เป็นผู้อธิบาย
‘เพราะอัลคาเดีย ยังไม่มีกิลด์ไหนสามารถยึดครองมันได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดยังไงล่ะ??!!’
มันคือหัวข้อตัวหนังสือที่ไม่มีแม้แต่ภาพใดๆมาเป็นเครื่องประกอบ แต่ทว่ามันกับตอบทุกคำถามได้อย่างกระจ่างแจ้ง ใช่แล้ว!!...ถ้าเปรียบเทียบกับเมืองอื่นๆยกตัวอย่างเช่นเมืองหลวงอีรูไดซ์ กิลด์ Blood Commander ที่นำโดยประธานโดมินิค คือตัวเลือกแรกที่ผู้คนมักนึกถึง แม้จะยังไม่เป็นเอกฉันท์แต่กิลด์น้อยใหญ่ที่มีศักยภาพพอที่จะล้มพวกเขาได้ก็ล้มหายตายจากหรือละทิ้งเมืองอพยพกันไปหมดแล้ว
ส่วนเมืองซัลฟอร์ดเมืองท่าอันดับ3ของอาณาจักรเองก็มีเจ้าถิ่นอย่างกิลด์ Nameless ของไลออนวูลฟ์ครอบครองอยู่ก่อนแล้ว แม้จะมีกิลด์สาขาของ Blood Commander หรือกิลด์ใหญ่อื่นๆผสมปนเปอยู่ด้วยแต่ก็ไม่มีใครอาจหาญพอที่จะชิงตำแหน่งกับ Nameless กิลด์ที่ไม่มีสาขาหรือเมืองย่อยอื่นๆ
ทันทีที่บทความช่อง TMY ได้ถูกเผยแผ่ออกไปก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมากบางคนเห็นด้วย บางคนมองว่าเหลวไหล แต่ทั้งหมดนี้ตัวชายหนุ่มไม่ได้ต้องการจะชี้นำให้ใครมาเชื่อความคิดของเขาเลย เขาเพียงแต่ต้องการเรียกกระแสให้ช่องทีวีของเขา ยืนอยู่บนกระแสเท่านั้นส่วนความจริงจะเป็นเช่นไร? ทำไมเขาจำเป็นต้องบอกทั้งหมดด้วยล่ะ! จริงบ้างเท็จบ้าง คลุมเครือหรือครอบคลุม ให้ผู้อ่านเป็นคนตัดสินใจเองจะดีกว่า
หลังจากที่เจสเปอร์ได้หยุดพักผ่อนเป็นเวลากว่า 2 วัน เพื่อจัดการปัญหาในชีวิตจริงและพักฟื้นร่างกายจากการที่ต้องโต้รุ่งมากนานหลายวัน ตัวเขาก็ได้กลับเข้ามามาออนไลน์อีกครั้ง ซึ่งในระหว่างที่เจสเปอร์หยุดพักผ่อนนั่นเอง ภายในเกมก็ดำเนินเรื่องราวของมันต่อไป โดยทางองค์ชายAaron เจ้าชายเอ็ดมันด์และท่านเจ้าเมือง Fernando ได้ออกเดินทางไปเยี่ยมององค์หญิงซีซีเรียที่ป้อมปราการ Mirage Tower ตามกำหนดการเดิมของพวกเขา ทำให้ทางเจสเปอร์ที่กลับเข้ามาไม่มีอะไรต้องทำนอกจากการดูแลร้าน
เนื่องจากเวลานี้สมาชิกแกนนำเกือบครึ่งได้ติดภารกิจฝึกกับ NPC เจสเปอร์ที่นั่งเบื่อมานานจึงได้เอ่ยปากชวน สมาชิกในกิลด์ของเขาออกไปเก็บเลเวลด้วยกันที่ดันเจี้ยนเขตเลเวล 40 เพื่อยืดเส้นยืดสายและถือโอกาสนี้สำรวจผู้เล่นปับปี้ที่เข้ามาใหม่ด้วยว่าจะนำพาสมาชิกหลักไปได้ถึงจุดไหน
การเก็บเลเวลถูกแบ่งออกเป็น 2 ทีม โดยทีมแรกนำโดยเจสเปอร์และสมาชิกแกนหลักที่ไม่ได้ติดภารกิจใดๆเช่น อามมี่ โบม่อน ลูอิส สลิปและไอรีน ส่วนทีมที่สองจะไปเก็บเลเวลในส่วนของเขตเก็บเลเวลช่วงเลเวล 30 ซึ่งจะให้ปับปี้สมาชิกใหม่เป็นคนนำ พร้อมด้วย 2 ขุนพลร็อคสตาร์และคาซิอุส เป็นคนคุมสมาชิกที่เหลือ
“ว่าแต่เจสเปอร์…อีกไม่นานพวกเราก็จะเลเวล 50 กันแล้ว การจะปิดบังตัวเองแบบแต่ก่อนคงทำไม่ได้อีก นายมีแผนจะรับมือกับเรื่องพวกนี้ยังไง?”
โบม่อนที่ถือว่าเป็นสมาชิกที่อายุมากที่สุดในกิลด์และเป็นคนมองภาพรวมของกิดล์ได้เป็นอันดับสองรองจากเจสเปอร์ได้อาศัยช่วงเวลาที่คนอื่นกำลังสนใจกับการเก็บเลเวล เดินเข้ามาถามเจสเปอร์ที่กำลังสู้กับมอนสเตอร์ด้วยความสงสัย
มันคือความสงสัยที่อีกไม่นานก็ต้องกระจ่างแจ้ง เมื่อพวกเขามีเลเวล 50 และได้เลื่อนขึ้นของอาชีพตัวเองเป็นคลาสแท้จริง การปิดบังตัวเองที่เคยหลบซ่อนไม่ให้คนอื่นรู้ก็จะไม่สามารถทำได้อีกต่อไป ระบบของเกมจะประกาศรายชื่อของผู้เล่น 10 อันดับแรกที่เลื่อนขึ้นได้สำเร็จให้ทุกคนในอาณาจักรได้รับรู้รวมถึงบอกข้อมูลสังกัด ของผู้เล่นคนนั่นอีกด้วยแม้ว่าตัวผู้เล่นจะต้องการหรือไม่ก็ตามและถึงแม้จะไม่มีการประกาศจากระบบเป็นการเปิดเผยตัวผู้เล่น เจสเปอร์ก็ไม่อาจปิดบังตราสัญลักษณ์ที่แสดงถึงคลาส ที่อยู่ด้านหน้าของชื่อเขาได้เลย
เท่ากับว่าเมื่อเจสเปอร์มีเลเวล 50 ขึ้นไประบบการปิดบังตัวตนต่อจากนี้จะปกปิดได้เพียงแค่ชื่อ เลเวลและสังกัด ตอนเผชิญหน้ากันเท่านั้นแต่จะไม่สามารถปกปิดชื่อที่แสดงในระบบได้อีกต่อไปยกตัวอย่างเช่นตารางจัดอันดับหรือการประกาศเฟิร์สเคลียร์ดันเจี้ยนเป็นต้น
“บอกตามตรงว่าฉันเองก็ยังไม่ได้คิดเหมือนกัน” เป็นความจริงที่ตัวเขาเองก็ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง เดิมทีเจสเปอร์อยากที่จะปิดบังตัวเองให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เพราะด้วยอะไรหลายๆอย่างทำให้เขาไม่อาจทำได้ดั่งใจนึกได้อีก ไม่ว่าจะมองไปทางไหนกระแสของกิลด์Blood Commander และ Outlaws ก็มาแรงมากเสียจนไม่เหลือช่องว่างให้กิลด์อื่นได้สอดแทรก ขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆผู้เล่นอิสระที่ยังคงไม่เลือกข้างหรือสังกัดคงได้ปันใจไปเข้าพวกกับ สองกิลด์ที่ว่านี้เป็นแน่…
ซึ่งในระหว่างที่เจสเปอร์กับโบม่อนกำลังพูดคุยกันอยู่นั่น ทางด้านเขตเก็บช่วงเลเวล 30 ก็เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น
“ร็อคสตาร์รีบแจ้งหัวหน้ากิลด์และคนอื่นๆเร็วเข้า...คาซิอุสติดตามพวกมันไปอย่าให้คลาดสายตา!!” ปับปี้ผู้นำทีมที่ 2 รีบสั่งการให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นทำตามที่เขาบอกอย่างรวดเร็ว แต่ติดตรงที่ว่าสมาชิกคนอื่นๆนอกจาก ร็อคสตาร์และคาซิอุส ไม่มีใครเลยที่เชื่อฟังคำสั่งของผู้นำคนนี้
ด้วยความที่ว่าชายหนุ่มเพิ่งเข้าร่วมได้ไม่นานแถมยังได้ตำแหน่งสูงสุดในกิลด์เทียบเท่าหัวหน้าคนเก่าอย่างร็อคสตาร์และคาซิอุส ทำให้ปับปี้ที่ขาดบารมี ต้องเจอกับอุปสรรคที่ผู้นำทุกคนล้วนประสบมาก่อนเข้าให้ ‘ความเคลือบแคลงสงสัยในตัวผู้นำ’นี้คือบททดสอบแรกที่เจสเปอร์ตั้งใจมอบให้ หากแค่นี้ปับปี้ยังเอาชนะและผ่านมันไปไม่ได้ กิลด์ Rising Sunก็คงไม่ใช่ที่ๆเหมาะสมกับตัวชายหนุ่มที่จะก้าวขึ้นมาเป็นโค้ชของทีมอีกต่อไป
‘หัวหน้า...พวกเราพบเจอบอสแผนที่ตรงจุดเก็บเลเวลของพวกเรา ตอนนี้มีผู้เล่นกิลด์ Black Rat รู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน พวกเขากำลังจัดกำลังออกล่าอยู่ จะให้พวกเราตามไปดูไหมหรือว่าจะปล่อยให้พวกเขาได้มันไป??!!’
เมื่อได้เห็นข้อความที่ร็อคสตาร์ส่งมาให้ ความคิดที่ตีบตันหาหนทางไม่ได้ของเจสเปอร์ก็เหมือนได้ปลดล็อคออกมาเสียที
‘ไล่ตามไปก่อนแล้วส่งพิกัดมาให้เป็นระยะๆ ถ้าหากพวกฉันไปทันเราจะแย่งแต่ถ้าหากไม่ก็ให้ปับปี้เป็นคนประเมินแผนการเอาได้เลย อ้อแล้วก็ช่วยสนับสนุนปับปี้ด้วย ฉันรู้ว่าพวกนายคงมีคำถามในตัวปับปี้อยู่ไม่น้อย แต่ถ้านายสองคนไม่ช่วยสนับสนุนเขา ปับปี้คนนี้คงเหมือนคนไร้แขนขา!’
“โบม่อนฉันรู้แล้วละว่าจะเปิดเผยตัวตนของพวกเรายังไง” ครั้งนี้เจสเปอร์ไม่ได้ยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างที่เคยทำอีกต่อไปแล้ว รอยยิ้มครั้งนี้มันเหี้ยมเกรียมเสียจนคนรอบข้างๆต่างเดาได้เลยว่า สิ่งที่พวกเขากำลังจะทำต่อจากนี้มันคงน่าจะไร้ยางอายเอามากๆ…
‘เตรียมให้ผู้กำกับจางและอาเมล ทำข่าวได้เลย ได้เวลาของพวกเราแล้ว!!’
...โปรดติดตามตอนต่อไป...
เข้าไปร่วมพูดคุยกับไรท์หรือสมาชิกนักอ่านคนอื่นๆได้ที่แฟนเพจตามลิงค์ด้านล่างเลยนะครับ
www.facebook.com/writelazy