ตอนที่ 158 มีหลายเส้นทางให้เลือกเดิน
ตอนที่ 158 มีหลายเส้นทางให้เลือกเดิน
หลังจากที่ได้มีการสร้างหัวข้อต่างๆลงบนบอร์ดสนทนาเพื่อแจ้งให้กับผู้เล่นคนอื่นได้รับรู้กระแสของงานประมูลที่ว่ากันว่าสูงอยู่แล้ว ก็ยิ่งทวีความร้อนแรงมากขึ้นไปอีกจนทำให้สารพัดกิลด์ที่นิ่งเฉยในทีแรกต้องคิดทบทวนและตัดสินใจจุดยืนของตัวเองเสียใหม่ หากคิดที่จะมีที่ยืนในอาณาจักรกรีนเวต้าแห่งนี้ เพราะงานประมูลในครั้งนี้ไม่ใช่แค่กิลด์จากเมืองอัลคาเดียเท่านั้นที่ได้รับความลำบาก ในเมื่อศัตรูจากเมืองของตัวเองคิดใช้โอกาสนี้พัฒนากองกำลัง ตนเองจะอยู่เฉยๆแล้วปล่อยให้ศัตรูคู่อริพัฒนาล้ำหน้าไปได้อย่างไร
ทุกอย่างๆล้วนดำเนินต่อกันไปเป็นทอด เหล่าพวกพ่อค้านายทุนเองก็พลอยโดนหางเลขนี้ไปด้วยเช่นเดียวกัน ต้องอย่าลืมว่าร้านค้าสมาคมถือเป็นร้านค้าของ NPC ที่มีไอเท็มระดับยอดเยี่ยมวางขายอยู่เต็มไปหมด ลำพังแค่ทุกวันนี้พวกพ่อค้านายทุนก็แทบจะไม่ได้กำไรจากการขายไอเท็มอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้เข้าไปอีก มีหรือที่จะไม่ตีอกชกตน ร้อนรนยิ่งกว่ากบโดนน้ำร้อน
หลังจากที่คิดกันอยู่นาน เหล่าพ่อค้าหัวใสที่ฉลาดหน่อยก็เริ่มคิดหาหนทางเอาตัวรอด ในแบบวิธีที่มีแต่พ่อค้าจริงๆเท่านั้นจะเข้าใจ
‘ในเมื่อไอเท็มจากร้านค้าสมาคมเป็นสินค้าชั้นดีแล้วใยพวกเราจะไม่เอาของจากร้านสมาคมมาขายบ้างล่ะ ยังมีผู้เล่นอีกเป็นล้านๆคนในอาณาจักรกรีนเวต้าที่ไม่ได้เดินทางไปร่วมงาน นี้แหละเป็นโอกาสของข้า!!’
พ่อค้าก็มีวิธีคิดในแบบของพ่อค้าถึงอย่างไรเกม The Era Online ก็มีลู่ทางและเส้นทางให้เลือกเดินอีกต้องมากมาย ผู้เล่นไม่ได้ถูกจำกัดว่าต้องขายของให้กับผู้เล่นด้วยกันเองเท่านั้น พวกเขายังสามารถทำการค้ากับเหล่า NPC ได้ด้วยเช่นกัน แถมจำนวนผู้เล่นในอาณาจักรกรีนเวต้ามีหรือที่ร้านค้าสมาคมร้านเดียวจะปิดทั้งแผ่นฟ้าครอบคลุมมันได้หมด
คำตอบคือไม่มีทาง!! ถึงเจสเปอร์จะขยายร้านค้าสมาคมออกไปครบทุกหัวเมืองอย่างมากก็ทำได้แค่ 30-40% ของรายได้ทั้งหมดในอาณาจักรเท่านั้น ไม่มีทางมากไปกว่านี้ แต่ด้วยรายได้ขนาดนี้ก็มากพอที่จะส่งให้ชายหนุ่มกลายเป็นเสือนอนกิน นอนนับเงินสบายไปตลอดทั้งชาติ
............
เป็นเวลากว่า 9 วันที่เกม The Era Online ดำเนินไป เมืองอัลคาเดียยามนี้เรียกได้ว่าคึกคักถึงขีดสุด ผู้เล่นที่มาจากต่างเมืองล้วนตื่นตาตื่นใจไปกับบรรยากาศใหม่ๆที่ไม่คุ้นตา พวกเขาต่างอดใจรองานประมูลที่ร้านค้าสมาคมจัดขึ้นกันจนนั่งไม่ติด นี้ก็เป็นเวลามากกว่า 5 วันแล้วที่บานประตูของร้านค้าสมาคมได้ปิดตัวลง เป็นอีกครั้งที่คนภายนอกได้ยินแต่เสียงก่อสร้างที่ดังระงมไปทั่วบริเวณแต่กลับไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต ที่เดินออกมาจากประตูบานใหญ่สักคนเดียว
“พวกนายคงเป็นผู้เล่นจากต่างเมืองสินะ...ถึงได้มาร่วมตัวรอกันที่ร้านค้าสมาคมแห่งนี้?”
เป็นเสียงของผู้เล่นจากเมืองอัลคาเดียที่ยามนี้ถือตัวว่าเป็นเจ้าบ้านกำลังต้อนรับแขกต่างเมืองด้วยความอัธยาศัยและไมตรี
“ใช่ฉันและเพื่อนของฉันได้เดินทางมาถึงที่นี้เมื่อเช้านี้เอง แต่เหตุใดทำไมมันถึงได้เงียบเฉียบไร้ผู้คนขนาดนี้กันล่ะ ไม่ใช่ว่าที่แห่งนี้จะจัดงานประมูลหรอกหรือ?”
หากดูจากลักษณะของชุดที่เป็นเอกลักษณ์ ให้เดาผู้เล่นกลุ่มนี้คงเป็นผู้เล่นจากทางตอนใต้ของอาณาจักรอย่างเมืองสโตนวิลเลจหรือไม่ก็เมืองแซนนิกซ์อย่างแน่นอน ผู้เล่นที่ถือตัวเป็นเจ้าบ้านจึงได้บอกกล่าวถึงสาเหตุที่ร้านค้าสมาคมแห่งนี้ได้ปิดประตูเงียบและไร้ผู้คนให้กับคณะเดินทางกลุ่มนี้ได้รับทราบ
“พวกนายคงมั่วแต่ยุ่งกับการเดินทางมากสินะ เลยไม่ได้อ่านข่าวในบอร์ดสนทนาประจำอาณาจักรของเราเลย วันนี้จะมีการรับเสด็จองค์ชาย Aaronว่าที่กษัตริย์องค์ต่อไปราชวงศ์กรีนเวต้าที่กำลังเดินทางมาจากเมืองเมิร์กแฮมยังไงล่ะ แถมว่ากันว่าองค์ชายยังมาเป็นประธานเปิดงานให้กับงานประมูลแห่งนี้อีกด้วย ร้านค้าสมาคมเลยตอบแทนความเมตตาขององค์ชาย เลยอาสารับเลี้ยงอาหารผู้เล่นอยู่ที่ปราสาทว่าการประจำเมืองแน่ะ พวกนายคงเคยได้ยินชื่อเสียงของอาหารจากร้านอาหารสมาคมมากันแล้วใช่ไหม?”
ผู้เล่นที่วางตัวเป็นเจ้าบ้านคุยโว้จนยาวเหยียด จนไม่มีช่องว่างให้ผู้เล่นจากเมืองทางตอนใต้ได้แทรกตอบโต้กลับมาเลย ทว่าเมื่อชายเจ้าบ้านได้หยุดคำพูดของตัวเองลง คำถามอันยาวเหยียดก็พลันไหลย้อนกลับ กระหน่ำถามเขาอย่างคิดชีวิตเช่นเดียวกัน
“งั้นที่บอร์ดสนทนาโต้เถียงกันอยู่ก็เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ? องค์ชายAaron เสด็จมาจริงด้วย ฉันบอกพวกแกแล้วว่าให้เชื่อผู้เล่นที่ชื่อ WriteLazy หมอนี้นะรู้ทุกอย่างจริงๆ สมคำร่ำลือ!!แถมฉันยังคิดถูกอีกด้วยว่าองค์ชายจะมาร่วมงานประมูล ไอ้เจ้าพวกคนที่ด่าฉันเป็นยังไงบ้างล่ะ หึหึ สมน้ำหน้าพวกมัน”
ผู้เล่นต่างเมืองหันไปดุเพื่อนๆและสมาชิกที่มาด้วยกันอย่างออกรส ก่อนที่จะร่ายคำถามที่ค้างคาใจต่อราวกับปฏิกิริยาที่แสดงไปเมื่อครู่นั้นเป็นเรื่องปกติที่เขาทำกับเพื่อนอยู่แล้ว
“นายช่วยพาพวกเราไปที่ปราสาทว่าการอะไรนี้หน่อยจะได้หรือไม่? ไม่สิ...พวกเรามีค่าตอบแทนเล็กน้อยให้นายด้วยนะ ถ้านายช่วยพาพวกเราไป!!”
ผู้เล่นต่างเมืองหยิบเหรียญทองออกมาหนึ่งเหรียญเพื่อจะส่งให้กับผู้เล่นที่อ้างตัวเป็นเจ้าบ้านด้วยความจริงใจ แต่ทว่า ชายที่อ้างตัวเป็นเจ้าบ้านกับปฏิเสธเงินก้อนนี้ ก่อนที่จะผลักมันกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“เงินพวกนี้พวกนายเก็บไว้เถอะ...พรุ่งนี้นายคงต้องใช้จ่ายมันอีกมาก เอาเป็นว่าตามฉันมาก็แล้วกัน ฉันยินดีไปส่งพวกนายที่จัดงานเอง โอ้!!...รอเดี๋ยวนะหัวหน้าโรคจิตของฉันส่งข้อความมา ฉันจำเป็นต้องตอบข้อความนี้ก่อน พวกนายก็เตรียมตัวเถอะ”
ผู้เล่นเจ้าบ้านยกนิ้วชี้ของเขาขึ้นแสดงออกว่าขอเวลาตอบข้อความด่วนนี้สักครู่ ก่อนจะยิ้มอย่างเบิกบานเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น
ใช่แล้วผู้เล่นเจ้าบ้านคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน จากลักษณะช่างพูดและกล้าเรียกหัวหน้าของตัวเองว่าเป็นคนโรคจิต สามารถระบุได้ในทันทีเลยว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจาก ‘สลิป’ ผู้เบิกทางแห่งกิลด์ Rising Sun นั่นเอง
“เอาล่ะตามฉันมา…งานเสด็จกำลังจะเริ่มแล้ว!!”
สลิปนำทางผู้เล่นกลุ่มดังกล่าวมายังบริเวณโซนบริเวณจัดงานที่มีผู้เล่นจากทั่วทุกสารทิศไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นเมืองอัลคาเดียเองหรือผู้เล่นจากเมืองอื่นๆ ทุกคนต่างหลั่งไหลเข้ามายืนรอรับขบวนเสด็จขององค์ชาย Aaron NPCระดับสูงของเกมด้วยความคึกคัก
<กรุณาต่อแถวให้เป็นระเบียบ อาหารจากร้านอาหารของเรามีมากพอแจกคนทั้งงาน ไม่ต้องเบียดหรือแย่งกัน...โปรดแสดงบัตรประจำตัวของผู้กล้า(เปิดโหมดแสดงตัวตน)แล้วมารับบัตรคิวอาหารฟรีได้ที่นี้ หนึ่งท่านต่อหนึ่งสิทธิเท่านั้น!!>
เสียงตะโกนของหัวหน้าสมิธที่ยืนประจำการอยู่ตรงเคาน์เตอร์ด้านหน้าทางเข้า ถูกประกาศออกไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าตัวได้พูดประโยคซ้ำๆนี้ไปแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทว่าใบหน้าของหัวหน้าสมิธกลับมีแต่ความสุขและความเบิกบานไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อสิ่งที่เขาทำแต่ประการใด คล้ายกับว่าปณิธานของชีวิตชายช่างตีเหล็กผู้นี้ได้รับการเติมเต็ม
สลิปพาเหล่าผู้เล่นต่างเมืองมายังร้านอาหารแห่งหนึ่งที่มีผู้เล่นจำนวนมากต่อแถวเพื่อรับอาหารในระหว่างที่รอขบวนเสด็จขององค์ชาย Aaron ที่กำลังเดินทางมา พร้อมกับเล่าเรื่องของตัวเองให้กับผู้เล่นต่างเมืองได้ฟัง
“นายไม่ใช่ผู้เล่นจากเมืองอัลคาเดียยังงั้นเหรอ??!!”
“ถูกต้อง!!...เดิมที่ฉันเป็นคนของเมืองแซนนิกซ์ แต่ได้ตัดสินใจย้ายมาเมืองอัลคาเดียแห่งนี้ด้วยคำเชิญชวนของเพื่อนที่พบกันในเกม ตอนแรกฉันก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องมิตรภาพจากโลกออนไลน์หรอกนะว่ามันจะมีจริง แต่เมื่อได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง ฉันก็อยากขอบคุณเกม The Era Online มากจริงๆที่ทำให้ฉันเจอมิตรภาพดีๆแบบนี้ แม้มันจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่บ้างก็ตาม”
สลิปเหม่อมองไปยังกลุ่มผู้เล่นจำนวนหนึ่งที่ทำงานมือเป็นระวิงอยู่ทางด้านหลังร้าน โดยมีม่านผ้าใบขนาดใหญ่ช่วยบดบังสายตาจากบุคคลภายนอกเอาไว้ซึ่งถ้าหากไม่สังเกตดีๆก็คงจะไม่รู้ว่าร้านอาหารแห่งนี้มีจุดซ่อนอยู่ด้วย
“สวัสดีท่านผู้กล้า ปับปี้ ผู้พยากรณ์แห่งเมืองสโตนวิลเลจ เมืองอัลคาเดียยินดีต้อนรับ นี้คือบัตรคิวของท่าน โปรดยื่นบัตรนี้ให้กับพ่อครัวเพื่อรับอาหารได้ที่ด้านใน หากชื่นชอบอาหารของร้านเรา เชิญมาที่ร้านอาหารสมาคมได้ทุกเมื่อ...ขอบคุณ!!”
หัวหน้าสมิธขยิบตาทักทายกับสหายสลิปสักเล็กน้อยเป็นการแสดงออกถึงความสัมพันธ์ที่อยู่ในระดับสูงของทั้งคู่
ถูกต้องแล้ว!!กลุ่มคนที่สลิปได้พามายังปราสาทว่าการประจำเมืองพร้อมกับอธิบายเรื่องราวต่างๆให้ฟังแท้ที่จริงแล้วคือ ผู้เล่นปับปี้ ชายผู้เป็นตัวตลกบนบอร์ดสนทนาเมื่อก่อนหน้านี้นั่นเอง นับตั้งแต่ผู้เล่นชายคนนี้ได้ก้าวเท้าเข้ามาเหยียบเมืองอัลคาเดีย เขาก็ได้ตกเป็นเป้าหมายของเจสเปอร์มาตั้งแต่ต้น นี้คือข้อดีของการมียศศักดิ์อยู่ในระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นบรรดาทหารชั้นผู้น้อยหรือแม้กระทั่งหัวหน้ากองอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ NPC ทั้งหมดต่างเคารพในตัวคุณและพร้อมช่วยเหลือเมื่อถึงคราวที่คุณต้องการอยู่เสมอ
ถึงยังไงก็ไม่ใช่ว่าทุกคนที่มียศศักดิ์อยู่ในระดับสูงจะได้รับความช่วยเหลือจากบรรดาทหารไปเสียหมด ยังมีค่าความสัมพันธ์อีกหนึ่งอย่าง ที่เข้ามาข้องเกี่ยวและเป็นตัวชี้วัดความเคารพนี้ด้วยเช่นกัน ทว่ากฎข้อนี้ดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบกับผู้เล่นหัวหน้ากิลด์ Rising Sun ที่ชื่อว่าเจสเปอร์เลยแม้แต่น้อยและถึงต่อให้เขาไม่มียศศักดิ์ที่สูงถึงขั้นมาควิส เหล่าบรรดาทหารก็ยินยอมพร้อมใจช่วยเขาอยู่ดีเพราะอะไรนะเหรอ?
‘ร้านอาหารสมาคมยังไงล่ะ!!’
อย่างที่ท่านเจ้าเมือง Fernando ได้บอกเอาไว้ เหล่าทหารหาญประจำเมืองทุกวันนี้แทบจะไม่มีใครยอมมากินอาหารจากโรงอาหารที่พวกเขาพำนักกันอยู่แล้ว พวกเขาต่างฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารสมาคมจนกลายเป็นกิจวัตร แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ค่าความสัมพันธ์ของเจสเปอร์ที่มีต่อทหารประจำเมืองสูงไปได้อย่างไร
ส่วนคำขอที่เจสเปอร์ได้ฝากฝังเอาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฏบ้านเมืองหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่องานของพวกเขาขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ แล้วจะมีเหตุอันใดต้องปฏิเสธการช่วยเหลือที่ว่านี้กันล่ะ!
‘นั้นผู้กล้า ปับปี้ ที่ท่านมาควิสเจสเปอร์ฝากให้พวกเราจับตาดูใช่หรือไม่?’
‘ใช่แล้ว!!ผู้กล้าที่แต่งกายคล้ายชุดผู้พยากรณ์นั่นละ...รีบรายงานให้หัวหน้ายามได้รับทราบเลยเถอะ’
รายงานแจ้งเรื่องถูกส่งมาถึงหัวหน้ายามประจำหอคอยก่อนจะมุ่งตรงสู่ทหารลำดับที่สูงขึ้นเป็นทอดๆต่อกันไป ไม่นานนักข่าวสารผู้เล่นปับปี้ก็มาถึงหูของ มาควิสเจสเปอร์ซึ่งกำลังเตรียมตัวรับเสด็จองค์ชาย Aaron อยู่ที่ปราสาทว่าการประจำเมือง
“สลิป!!เหยื่อกินเบ็ดแล้วที่เหลือจัดการต่อด้วย รู้ใช่ไหมต้องทำยังไง?”
“หลอกล่อ,ถอยห่าง,ส่งเสริม,แล้วเข้าตี!!”
กระบวนการทั้งหมดที่สลิปกล่าวออกมา บัดนี้แผนการหลอกล่อได้ผ่านพ้นไปแล้วและสลิปกำลังจะดำเนินแผนการขั้นต่อไป คือการ ถอยห่าง
(Warning!!ห้ามผวนโดยเด็ดขาด!!ขออภัยรีดเดอร์สุภาพสตรีทุกท่านถึงความลามกของรีดเดอร์ชายท่านอื่นๆด้วย ไรท์พยายามเตือนแล้วแต่คนพวกนี้ไม่ยอมฟัง)
“นายไม่มารับบัตรคิวทานอาหารด้วยกันเหรอ?”
“ไม่ล่ะ!!พวกนายเพลิดเพลินกับอาหารของเมืองนี้ไปเถอะ หัวหน้าโรคจิตของฉันเรียกตัวให้ไปช่วยงานแล้ว...หวังว่าจะได้เจอพวกนายที่งานประมูลอีกครั้งนะ??!!”
ปับปี้โบกมือลาผู้เล่นที่มีน้ำใจตรงหน้าด้วยความขอบคุณก่อนจะรับปากว่าตัวเขาจะเดินทางไปยังงานประมูลในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน
คำว่ามีน้ำใจสำหรับบางคนอาจเป็นเพียงเรื่องธรรมดาที่ไม่มีความหมายอะไร แต่สำหรับผู้รับที่กำลังเดือดร้อน มือเล็กๆที่หยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้ในเวลาที่เหมาะสมนั้นเปรียบได้ดั่งทองคำที่มากอนันต์เสียอีก
เวลานี้ปับปี้และเพื่อนๆที่บอบช้ำจากการถูกแอบถ่ายคลิปล้อเลียนลงบนบอร์ดสนทนาก็เริ่มมีความคิดที่กล้าบ้าบิ่นอย่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาในจิตใจของพวกเขา ตามคำพูดของผู้เล่นแปลกหน้าคนเมื่อครู่ ‘หรือว่าพวกเราจะย้ายเมืองกันดี?’
...โปรดติดตามตอนต่อไป...
เข้าไปร่วมพูดคุยกับไรท์หรือสมาชิกนักอ่านคนอื่นๆได้ที่แฟนเพจตามลิงค์ด้านล่างเลยนะครับ
www.facebook.com/writelazy