Guild Master ตอนที่ 27 ไม่หวังกำไร
ตอนที่ 27
ไม่หวังกำไร
“กวีกลับมาแล้วงั้นเหรอ”เสียงของ เนตร หนึ่งในเพื่อนเก่าของกวีพูดขึ้นหลังจากเรย์เข้าไปบอกข่าวด้วยตนเอง แต่ก่อนเนตรเป็นมันสมองของกิลด์สุริยันจันทรา เรียกง่าย ๆว่าเป็นเสนาธิการของกิลด์ก็ว่าได้ และคนที่น่าเชื่อถือพอจะฝากฝังกิลด์เมื่อกวีหายไปก็มีเนตรคนนี้นี่เอง เพียงแต่...
“ใช่ ผมเจอตัวมาแล้ว เป็นพี่กวีไม่ผิดแน่”เรย์ตอบด้วยท่าทีมั่นใจมากเพราะเขาไปเจอกวีมาแล้วจริง ๆ แถมไอช่ายังอยู่ด้วยอีกต่างหากเรียกได้ว่าให้เธอเป็นพยานยังได้เลย
“แล้วมีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่า”เนตรถามพลางนั่งลงบนเก้าอี้หนังของตนเองก่อนจะเอนหลังพิงด้วยท่าทีไม่สนใจกับข่าวการกลับมาของกวี
“นี่พี่ไม่เชื่อผมหรือไงพี่เนตร พี่กวีกลับมาแล้วจริง ๆนะ”แม้แต่เรย์เองยังประหลาดใจกับท่าทีของเนตร แต่ก่อนคนที่อยู่ข้างกายกวีตลอดก็มีเมฆกับเนตรนี่ล่ะ ถ้าเนตรตัดสินใจลบตัวละครแล้วไปเล่นใหม่พร้อมเมฆเรย์ยังทำใจเชื่อง่ายกว่าท่าทีเฉยชาแบบนี้เลย
“เชื่อสิ แต่พี่ไม่สน”เนตรตอบพลางเปิดหน้าต่างระบบขึ้นมาก่อนจะเริ่มทำงานของตัวเองต่อไป
“แต่นี่พี่กวีนะ พี่จะไม่สนเลยงั้นเหรอ”เรย์ถามด้วยท่าทีไม่เข้าใจ ก็รู้หรอกว่าเนตรโกรธกวีมากที่ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ให้เธอจัดการ แต่ไม่คิดว่าเนตรจะทำตัวเฉยชาขนาดนี้ อย่างน้อยก็น่าจะด่าทอหรือโมโหใส่บ้างสิ
“ถ้าไม่มีข่าวอื่นก็กลับไปเถอะ พี่ต้องประชุมต่อ”เนตรส่ายหน้าช้า ๆก่อนจะไล่สายตาอ่านข้อมูลในระบบต่อ ด้วยท่าทางไม่สนใจจริง ๆ
“งั้น....”เรย์ถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีช่วยไม่ได้ เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องของเนตรไปแต่โดยดี น่าเสียดายที่เนตรดูจะไม่สนใจเลย ผู้หญิงเวลาโกรธใส่ยังดีกว่าเงียบไม่สนใจตั้งเยอะ
“เฮ้อ.....”หลังจากเรย์ออกจากห้องไป เนตรก็ถอนหายใจออกมาพร้อมวางงานของตนลงแล้วหันไปมองที่หน้าต่างห้องทำงานของตนแทน จากเสียงประกาศการค้นพบเทวรูปองค์ที่ 5 นั่นหมายความว่ากวียังพึ่งจะลงมาจากเกาะเริ่มต้นได้ไม่นาน ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมกวีถึงประกาศเรื่องที่ตนเองกลับมาแล้วออกไปเร็วขนาดนี้ ถึงจะบอกแค่ในกลุ่มเพื่อนเก่าก็เถอะ แต่ทั่วทุกที่ก็มีหูมีตาติดอยู่ข่าวต้องหลุดไปแน่ ๆ และการกลับมาของกวีนั้นก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะดีใจสักหน่อย
.
.
“เจ้แก้ว นั่นจะไปไหนเหรอครับ”อีกด้านหนึ่งที่อาณาจักรทางตะวันออก ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งก็กำลังเดินเข้าไปในวงแหวนเวทขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง มันคือเวทมนตร์วาร์ปสำหรับย้ายร่างของผู้เล่นไปยังสถานที่ต่าง ๆทั่วโลกโดยแลกกับการเก็บเงินเล็กน้อย?นั่นเอง
“จะไปเมืองทันดร้าหน่อย”เกษแก้วกัลยา หรือ แก้ว ตอบออกมาด้วยท่าทีนิ่ง ๆ แม้ตอนนี้เธอจะพึ่งเลเวล 45 เพราะพึ่งได้เข้ามาเล่นเกมเอคโค่ได้ไม่นานก็ตาม แต่เธอก็เป็นถึงนักแม่นธนูอันดับ 2 จากการจัดอันดับในประเทศเลยทีเดียว แถมทันทีที่ย้ายมาเล่นเกมนี้เธอก็ถูกชักชวนเข้ากิลด์เก่าของเธออย่างกิลด์ เมฆา หนึ่งในกิลด์ย่อยของกิลด์ เสียดฟ้า ที่ว่ากันว่าเป็นกิลด์ระดับสูงติดท็อป 10 ของประเทศเลยทีเดียว เรียกได้ว่าไม่ใช่กิลด์ใหญ่เพราะจำนวนอย่างกิลด์กรีนโลตัสแต่อย่างไร แถมว่ากันว่ากิลด์เสียดฟ้านี่เองเป็นกิลด์ที่เคยต่อสู้กับกิลด์สุริยันจันทราของกวีร่วมกับกิลด์ต่าง ๆมาก่อน
.
.
“พี่กวี เรากลับเมืองมาทำไมเหรอครับ”ขณะเดียวกันนั้นเอง พวกกวีก็กลับมาที่เมืองทันดร้าพอดี
“พอดีเพื่อนพี่ได้เบาะแสของเวทมนตร์ใหม่มา ก็เลยจะมาเอาข้อมูลหน่อย”กวีตอบพลางพาพวกเจเข้าไปที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในเมืองทันดร้า เกมเอคโค่นั้นมีอารยธรรมหลายพันปีที่ดำเนินทุกอย่างด้วยเวทมนตร์ ทำให้โลกเบื้องล่างที่ไม่ใช่วิหารเก่าอย่างเกาะเริ่มต้นนั้นเป็นเมืองที่ทันสมัยและเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ยิ่งกับเมืองทันดร้าที่ดังเรื่องแหล่งท่องเที่ยวอันสวยงามของทะเลตะวันตกแล้วยิ่งเต็มไปด้วยที่พักหรูหราระดับ 5 ดาวเต็มไปหมด เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่เหล่าเศรษฐีเข้ามาพักผ่อนอาศัยกันก็ว่าได้
“เวทมนตร์....อ๋อพี่หมายถึงเวทมนตร์ที่ต้องทำเควสเรียนเอาสินะ”เจพยักหน้าช้า ๆด้วยท่าทีเข้าใจ มิน่าเล่ากวีถึงขอตัวกลับมาก่อนกลางทาง แม้กวีจะบอกว่าให้ทุกคนเก็บเลเวลกันต่อได้แต่เมฆกับไอช่าก็ยืนยันว่าจะตามกวีกลับมาอย่างกับกลัวว่ากวีจะหายไปไหนไม่มีผิด สุดท้ายก็เลยต้องกลับมากันทั้งปาร์ตี้อย่างที่เห็น
“ใช่ อาชีพจอมปราชญ์ต้องใช้เวทมนตร์เจ็ดสายเป็นอย่างน้อย แล้วยิ่งได้เวทมนตร์พวกนั้นมาเร็วก็ยิ่งเลื่อนขั้นได้ง่าย”กวีตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ ไม่นึกเลยว่าเจเองก็จำได้ว่ากวีจะเล่นอาชีพอะไร เจ้าเด็กนี่ช่างสังเกตกว่าที่คิดเสียอีก
“เชิญครับ”ทันทีที่เดินเข้าไปในร้านอาหาร ชายชุดดำเหมือนพวกที่คอยตามติดเรย์ก็เดินเข้ามาต้อนรับกวี ก่อนจะเปิดประตูออกให้พวกกวีเข้าไปในโรงแรมอย่างมีมารยาททั้ง ๆที่พวกกวียังสวมเสื้อผ้าเก่า ๆที่ได้มาจากมอนสเตอร์อยู่เลย แต่ดูเหมือนเรื่องการแต่งตัวจะไม่มีปัญหาอะไร อย่างน้อยก็ดีกว่าผู้หญิงที่ใส่ชุดเกราะบิกินีนั่งกินข้าวอยู่กับคนท่าทางจะเป็นเสี่ยที่มุมหนึ่งของห้องละมั้ง
“คุณกวี ไม่ได้เจอกันนาน”ทันทีที่เดินตามชายชุดดำที่เข้ามาต้อนรับกวีไป หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหากวีก่อนจะกล่าวทักทายด้วยท่าทีเป็นมิตร เพียงแต่หากมองดี ๆแล้วจะพบว่ารอบ ๆโต๊ะของผู้หญิงคนนั้นไม่มีใครนั่งอยู่เลย เหมือนกับกันที่เอาไว้ให้พูดคุยกันโดยเฉพาะ
“ไม่ได้พบกันนานจริง ๆ คุณอ้อนดูสวยขึ้นนะครับ”กวียิ้มก่อนจะเริ่มกล่าวทักทายกันอย่างยิ้มแย้ม
“ปากหวานจริง ๆนะ ตอนเรย์มาบอกว่าคุณกลับมาแล้วนี่ตกใจแทบแย่”อ้อนตอบพลางหัวเราะออกมาเล็ก ๆอย่างมีมารยาท รูปลักษณ์ของเธอนั้นเป็นสาวงามสวมชุดเดรสสีแดงสดเด่นสะดุดตาแม้จะมองมาจากหน้าร้านก็ตาม แน่นอนเพราะโต๊ะรอบ ๆเธอถูกเว้นว่างเอาไว้แถมยังมีคนชุดดำยืนคุมอยู่รอบ ๆอีกต่างหาก ไม่เด่นก็คงแปลกน่าดู
“ใช่ ๆ อยู่ ๆพี่กวีก็โผล่ไปที่คอนเสิร์ต ไอช่าตกใจหมดเลย”ไอช่าว่าพลางเดินตามกวีเข้าไปนั่งด้วยท่าทีเคยชินต่างจากพวกเจ มีน และ มายด์ที่มีท่าทีเกร็ง ๆ
“แล้ว ข่าวได้มาเป็นไง”กวีถามออกมาหลังจากทุกคนนั่งที่กันหมดแล้ว
“คนของอ้อนพึ่งย้ายเกมมาก็เลยยังเลเวลน้อย ๆกันอยู่ แล้วบังเอิญในเมืองก็มีเจ้านี่ขายอยู่”อ้อนยิ้มหวานปานจะหยดก่อนจะยื่นเอาหนังสัตว์ชิ้นหนึ่งออกมาวางกลางโต๊ะ มันเป็นหนังกระต่ายที่ยังมีขนสีขาวติดอยู่ ไม่ได้หายากหรือแปลกอะไรเลยสักนิดเพราะสัตว์ป่าตัวเล็กอย่างกระต่ายไม่ถือเป็นมอนสเตอร์เสียด้วยซ้ำ ทุกคนสามารถพบเห็นมันได้ทุกที่แม้แต่บนเกาะเริ่มต้น และหากยากจนข้นแค้นจริง ๆก็สามารถล่ามันมากินได้รวมถึงเอาหนังไปขายแลกเงินนิดหน่อย
“หนังกระต่ายเหรอครับ”เจถามพลางขมวดคิ้วมองด้วยท่าทีงง ๆ
“เปล่า เจ้านี้ไม่ใช่ขนของกระต่ายป่าหรอก แต่เป็นมอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่แถวทางเหนือของเมืองทันดร้า”อ้อนตอบพลางเก็บเอาหนังกระต่ายกลับไป
“เจ้านี่เป็นไอเทมเควสสำหรับแลกเสื้อเกราะหนังเลเวลยี่สิบ มันเป็นที่นิยมพอสมควรเลยสำหรับมือใหม่ที่ไม่มีทุน”อ้อนตอบก่อนจะเปิดข้อมูลของมอนสเตอร์ตัวดังกล่าวออกมา มันเป็นกระต่ายตัวใหญ่กว่ากระต่ายธรรมดาสองเท่า แต่ที่แปลกคือมันมีเขาสีฟ้าใสอยู่บนหัวท่าทางน่ารักไม่น้อย
“แล้วหนังนั่นมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ”เมฆถามพลางเลิกคิ้วขึ้น เขาไม่ค่อยชอบเรื่องเกริ่นนำพวกนี้เท่าไร
“มันถูกขายอยู่ที่หน้า npc รับเควสในราคาที่ถูกมาก แพงกว่าเอาไปขายกับ npc ไม่เท่าไรเอง”อ้อนยิ้มเจื่อน ๆออกมาก่อนจะเริ่มอธิบาย
“ขายถูกงั้นเหรอ ไม่ใช่นิสัยของพวกพ่อค้าเลยนะ”กวีตอบพลางทำสีหน้าครุ่นคิดออกมา มีคนเอาไอเทมที่ล่าได้มานั่งขายราคาถูก ๆที่หน้า npc รับเควส เรื่องนั้นไม่แปลกหากพ่อค้าไม่ได้ตั้งราคาถูกเกินไป แม้จะได้กำไรมากกว่าขายให้ npc แต่ก็ต้องใช้เวลานั่งขายอยู่กับที่ หากไม่ขายให้ได้กำไรก็ใช้เวลาที่ว่าไปล่ามาเพิ่มเสียไม่ดีกว่าเหรอ แถมการค้ากับไอเทมเลเวลต่ำที่ขายให้กับผู้เล่นที่ไม่ค่อยมีเงินจนต้องมาทำเควสเอาชุดเกราะฟรีนั้นก็ไม่ค่อยได้กำไรเท่าไรในเมืองที่ผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นคนมีเงิน เช่นนั้นแล้วการค้าครั้งนี้ก็ไม่ได้หวังกำไร
“หรือว่าที่ที่พวกกระต่ายมีเขาอยู่กันจะมีคนเฝ้าด้วย”กวีถามออกมาช้า ๆทำให้อ้อนที่พึ่งบอกไปแค่มีคนเอาหนังกระต่ายพวกนี้มาขายราคาถูกอดประหลาดใจไม่น้อย
“ใช่แล้วค่ะ ที่เนินเขาราชสีห์มีคนของกิลด์อัศวินนภาเฝ้าอยู่ ถ้าใครจะเข้าไปล่ากระต่ายพวกนี้ต่างโดนผู้เล่นระดับสูงฆ่าจนหมด แถมผู้เล่นระดับสูงพวกนั้นยังฆ่ากระต่ายพวกนั้นไม่มีเหลือเลยสักตัว จริงสิพ่อค้าที่นั่งขายหนังกระต่ายอยู่ก็เป็นคนของกิลด์อัศวินนภาด้วย”อ้อนตอบเรื่องที่ตนเองรู้มาให้กวีฟังช้า ๆ กิลด์ขนาดใหญ่ที่มีผู้เล่นเลเวลหลักร้อยขึ้นไปส่งคนมาปักหลักในพื้นที่ของคนเลเวลยี่สิบกว่า ๆดูอย่างไรมันก็แปลก และที่สำคัญ
“จริงสิ รองหัวหน้ากิลด์ของกิลด์อัศวินนภาเป็นคนเดียวในเกมที่มีเวทมนตร์สายฟ้านี่นา”เจที่นั่งฟังมาก็มีท่าทีนึกออกทันที ก่อนจะเข้ามาในเกมเอคโค่เจหาข้อมูลของกิลด์ต่าง ๆมาพอสมควรเพราะเขาอยากจะหากิลด์ใหญ่อยู่ให้ได้ เรื่องที่กิลด์อัศวินนภาครอบครองเวทมนตร์สายฟ้าเอาไว้เพียงผู้เดียวนั้นก็เป็นข้อมูลที่เจได้ยินมาเช่นกัน
“เก่งมาก น้องชายคนนี้ฉลาดเหมือนกันนี่นา”อ้อนตอบพลางส่งยิ้มมาให้เจ พอโดนสาวสวยส่งยิ้มให้แบบนั้นก็ทำเอาเจมีท่าทีเขินอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่ามายด์ที่อยู่ข้าง ๆย่อมทำสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่หากเอามายด์ไปเทียบกับอ้อนแล้วความสวยออกจะคนละชั้นไปหน่อย
“ข้อมูลอ่อนไปหน่อยนะ”กวีตอบพลางส่ายหน้าช้า ๆ ถึงจะผูกเรื่องได้แต่ก็ไม่มีอะไรมายืนยันว่ากระต่ายพวกนี้มีเวทมนตร์สายฟ้าจริง ๆเสียหน่อย
“แต่มันก็มีกลิ่นให้ตามนี่นา”อ้อนหัวเราะออกมาก่อนจะจ้องมองกวีนิ่ง หากข่าวนี้ผิดพลาดนอกจากจะไม่ได้เวทมนตร์ตามที่ต้องการแล้วยังมีโอกาสไปมีเรื่องกับกิลด์อัศวินนภาอีกต่างหาก แบบนี้คนธรรมดาไม่ทำอะไรหรอก แต่สำหรับกวีแล้วต่างออกไป เขาเป็นพวกมีลางสังหรณ์แปลก ๆที่รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำอยู่
“งั้นก็ลองไปคุยกับคนของกิลด์อัศวินนภากันดีกว่า”กวีตอบออกมาหลังจากคิดไปครู่เดียวเท่านั้น บางทีอาจจะดูผลีผลามแต่ใบหน้าของกวีกลับมีความมั่นใจอย่างมาก แถมน้ำเสียงมั่นใจแบบนี้พวกเมฆก็คุ้นเคยดีทำให้ไม่มีใครในกลุ่มคนรู้จักเก่าของกวีคิดจะห้ามเลยแม่แต่คนเดียว