บทที่ 6 : มือวิเศษ
“เจ้า เจ้าเป็นคนสับปรับ!”
ซูหลุนชี้ไปที่ซูมู่เกอด้วยมืออันสั่นเทา และดวงตาของเขาก็ดุร้ายราวกับว่าเขาจะขย้ำนาง
“ท่านไม่สนใจหรอกว่าข้าถูกซูจิงเหวินผลักตกน้ำและเกือบตาย ท่านเป็นห่วงแค่นางเท่านั้น นางได้รับการลงโทษแค่เล็กน้อย หัวใจของท่าน ตับ ม้ามและปอดทั้งหมดเจ็บปวดใช่หรือไม่? นั่นคือสิ่งที่มันเป็นอยู่ ข้าต่ำกว่าต้อยมากกว่าคนรับใช้ในใจท่าน!”
เขารู้!
นางอันร้องไห้ออกมาเมื่อนางเห็นซูจิงเหวินสำลักจนเป็นลมล้มพับไป
พวกต่างประหลาดใจที่มู่เก๋อกลายเป็นคนวาทศิลป์เก่งกล้ามากหลังจากที่นางตายแล้วฟื้นในครั้งนี้
“เจ้า มันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะอยู่หรือตาย!” แม้ว่าเขาจะคิด เขาไม่สามารถพูดออกมาได้
เหล่าเสนาบดี ขุนนางบางคนกล่าวหาเขาลับหลังเมื่อเขาละทิ้งนางเจ้าและแต่งงานกับนางอัน หากพวกเขารู้ว่าเขาไม่สนใจแม้กระทั่งชีวิตของภรรยาเก่าและลูกสาวที่เกิดจริงๆ เขาฉาวโฉ่ทั่วเมืองเป็นแน่
“ข้าคิดว่าวิธีของเจ้าไม่สมควร ท้ายที่สุดแล้ว นางเป็นน้องสาวของเจ้าไ
เมื่อเห็นซูหลุนกลั่นกรองน้ำเสียงของเขาออกมา ดวงตาของซูมู่เก๋อแต้มด้วยรอยยิ้มหยันบางๆ แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้ส่งออกมาสุดตานาง
“ท่านพ่อ ท่านพูดถูก ครั้งหน้า ข้าจะไม่ทำอีก”
“ทำไมพวกเจ้ายังมายืนอยู่ที่นี่อีก อุ้มคุณหนสองไปเร็วแล้วรีบตามหมอมารักษานางสิ” นางอันร้องไห้ระงับความโกรธของตัวเอง
นางคิดในใจว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเหวิน นางจะฆ่านางจ้าวและลูกสาวมันให้ตาย
คนรับใช้อุ้มซูจิงเหวินและเดินออกไป จากนั้นห้องที่คึกคักก็เงียบลงทันที
“มู่มู่ เจ้า เจ้าไม่ใช่มู่มู่ของข้า...”
ทุกคนออกไปหมดแล้ว และนางเจ้ามองไปที่มู่เก๋ออย่างเหม่อลอยและเศร้าศร้อย
“เจ้าเป็นใคร มู่มู่ของข้าล่ะ มู่มู่อยู่ที่ไหน?”
ซูมู่เก๋อรู้ว่านางแตกต่างจากคนเดิมมาก ซึ่งกระตุ้นความสงสัยของนางเจ้า
ซูหลุนและนางอันไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของมู่เก๋อ แต่นางเจ้าที่อยู่กับลูกทุกวันนางรู้
ซูมู่เก๋อต้องการบอกนางว่าลูกสาวแท้ๆของนางได้ตายไปแล้ว แต่มันดูโหดร้ายเกินไปมาก ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่ต้องการถูกมองว่าเป็นผี ดังนั้นนางจึงจับมือนางเจ้าและปลอบอย่างนุ่มนวล
“ท่านแม่ ข้าเป็นลูกสาวของท่าน ข้าตายไปแล้วครั้งหนึ่งและเมื่อข้าไปถึงประตูนรก ราชาแห่งนรกสอนข้ามากมาย ดังนั้นข้าจึงเปลี่ยนไปมาก”
นางเจ้าอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ในวัยเด็กของนาง นางจึงเชื่อเรื่องทฤษฎีผี
“เจ้า เจ้าเห็นราชาแห่งนรกหรือ?”
“ใชท่านแม่ ราชาแห่งนรกบอกข้าว่าข้ายังไม่ถึงเวลาตายและข้าควรกลับมา”
“ขอบคุณสวรรค์ ข้าจะภาวนาต่อพระโพธิสัตว์เพื่อขอบคุณ ที่ประธานชีวิตใหม่ให้กับเจ้า”
นางเจ้าออกจากห้องและมู่เก๋อนั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
ดอกไม้และเครื่องประดับเป็นของตกทอดที่ถูกใช้แล้วทั้งนั้น มันเป็นของมือสองจากซูจิงเหวินหรือไม่ก็คือนางไม่เอา แต่ถึงจะเป็นของตกทอดก็ยังมีความสุขที่มี
ซูมู่เก๋อหยิบกระจกทองแดงขึ้นมามองใบหน้าที่ไม่ค่อยชัดในกระจก
“โอ้ พระเจ้า!”
หญิงสาวในกระจกมีใบหน้างดงาม แม้ว่าผิวจะเป็นสีเหลืองซีดเนื่องจากการขาดสารอาหาร แต่ก็แลดูบอบบาง ด้วยใบหน้ารูปไข่กลมกลึง นางไม่ได้สวยมาก แต่ดูดี ข้อบกพร่องเพียงประการเดียวคือไฝแดงบนดวงตาข้างหนึ่งเช่นเดียวกับชุดสีขาวและอาจไร้ที่ติถ้าไม่ถูกสาดน้ำมัน ซึ่งทำให้คนอื่นไม่สนใจความงามที่มีอยู่ สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นคือข้อบกพร่องที่ชัดเจน
ในความทรงจำของอันเก่าก่อน ไฝนี้ดูเหมือนจะมีมาตั้งแต่นางยังเด็ก หากเป็นไปตามธรรมชาติก็ไม่ง่ายนักที่จะเอาออก
“คุณหนู ได้เวลาอาหารเช้าแล้วเจ้าค่ะ”
เยว์รู่เข้ามาในห้องพร้อมอาหารเช้าซึ่งมีเพียงชามโจ๊กและซาลาเปา
มู่เก๋อเดินมาหานางและลูบใบหน้าที่แดงและบวมของนาง
อย่างไรก็ตาม เมื่อมือของนางสัมผัสใบหน้าของเยว์รู่ ฝ่ามือก็ร้อนขึ้น ส่งความร้อนแปลกๆ
ความร้อนเป็นเหมือนแผ่นดูดที่ทำให้มือเคลื่อนไปบนใบหน้าของเยว์รู่
เพียงครู่เดียวความร้อนก็หายไป
ในขณะที่ใบหน้าของเยว์รู่ก็ดูดีดังเดิม!
“อะไร? มันแปลกมาก ทำไมความเจ็บปวดบนใบหน้าข้าหายไปแล้ว?” เยว์รู่จับหน้าของนางและมันก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย
มู่เก๋อก็ประหลาดใจเกินกว่าจะพูดออกมา
“คุณหนู ท่านทายาขี้ผึ้งที่หน้าข้าหรือ?”
มู่เก๋อมองไปที่ฝ่ามือของนางแล้วพูดว่า “ใช่ มันเป็นยาขึ้ผึ้งที่ดีมาก มันมีประสิทธิภาพจริงๆ”
“ขอบคุณ คุณหนูของข้า มันเป็นความผิดของข้า...”
“จำไว้ว่าเจ้าเป็นสาวใช้คนสนิทของข้า เจ้าเป็นสาวใช้คนสนิทของคุณหนูตั้งแต่เกิด และไม่มีใครสามารถกลั่นแกล้งเจ้าได้ เจ้าเข้าใจใช่ไหม?”
เยว์รู่มองไปที่ซูมู่เก๋อที่สงบ แต่ดูมีศักดิ์ศรีและความมั่นใจ พยักหน้ารับอย่างแข็งทื่อ
คุณหนูคนปัจจุบันแปลกมาก แต่นางคิดว่าคุณหนูแปลกคนนี้ดีกว่าคนก่อน
“เจ้าค่ะ คุณหนู ข้าจะจำไว้”
หลังจากที่เยว์รู่ออกจากห้องไป มู่เก๋อจ้องไปที่ฝ่ามือของนาง สูญเสียความคิด
ฝ่ามือของข้าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้หรือ?
เพื่อขจัดข้อสงสัยนี้ นางเอากิ๊บและแทงที่นิ้ว การเฉือนไม่ใหญ่ แต่มีเลือดไหลล้นออกมา
นางเหยียดฝ่ามือออกและค่อยๆ ปิดลงบนนิ้ว สักพัก ฝ่ามือก็ไม่มีความร้อน
เมื่อยกฝ่ามือขึ้น ยังคงมีบาดแผลที่นิ้ว
“มันใช้ไม่ได้?”
นางเกิดภาพลวงตารึ?