L.P.T ตอนที่ 67 ความสำเร็จและความก้าวหน้า
การกระทำของการ์ดีตัวน้อยทั้ง 2 ทำให้พ่อของพวกมันทำหน้าไม่น่าดูเล็กน้อยแต่หลังจากได้ยินเสียงเรียกจากภรรยาที่อยู่ข้างๆเขา เขาก็รีบแสดงความตั้งใจในการสอนลูกๆทันที
หลังจากนั้นการ์ดีตัวพ่อและตัวแม่ก็วิ่งไปข้างหน้าทันทีโดยคาบลูกทั้งคู่ไว้ในปากตามลำดับจากนั้นมองไปที่ซาโต้ด้วยสีหน้าระแวดระวังขณะที่อุ้มเจ้าตัวน้อย พวกเขารีบกลับไปยังที่พักลับที่อยู่ไม่ไกลทันที
เมื่อเห็นการ์ตัวพ่อและแม่ทำท่าเหมือนป้องกันหัวขโมย ซาโต้ก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดอีกเขาจึงหันหลังและจากไปพร้อมกับซูแบทและคุไซฮานะ ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพแย่มาก เขาต้องหาที่รักษาอาการบาดเจ็บโดยเร็วที่สุด
หลังจากถูกตำหนิโดยการ์ดีตัวพ่อทั้ง 2 ตัว ก็ลดศีรษะลงอย่างน่าสงสาร แต่การ์ดีตัวพ่อเองก็ขยับดวงตาเล็กๆของมันไปที่ประตูบ้านเป็นครั้งคราว สายตาของเขาแสดงให้เห็นถึงรูปลักษณ์ของขากวางป่าย่าง ที่น่าจะอร่อยกว่าอาหารที่เขาเคยกินมาทั้งหมด
10 นาทีต่อมาเขาสังเกตเห็นว่า ซาโต้และโปเกมอนของเขาห่างไปไกลแล้ว การ์ดีตัวพ่อก็ลังเลอยู่พักหนึ่งและในที่สุดก็เดินออกจากที่พักเพื่อนำขากวางป่าย่างโดยที่มีเจ้าการ์ดีตัวน้อย 2 ตัวร้องอย่างมีความสุขจากบ้านของพวกมัน
ในอีกด้านหนึ่งซาโต้ได้ออกจากป่าเล็กๆแห่งนั้นพร้อมกับผลเบอร์รี่สีแดงเพลิง และเดินไปพร้อมกับซูแบทและคุไซฮานะกลับเข้าไปในป่าที่หนาแน่นจากนั้นก็อาศัยพลังลับของคุไซฮานะ สร้างบ้านต้นไม้เปิดบนต้นไม้ใหญ่ใกล้ป่าเล็กๆและตอนนี้เขาก็กำลังพักผ่อนอยู่ในบ้านต้นไม้
"ให้ตายเถอะดูเหมือนว่าฉันจะไม่สามารถทำอะไรได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า มิฉะนั้นฉันคงถูกฆ่าตายด้วยการบาดเจ็บของตัวเองหรือพวกโปเกมอนป่าแน่" เมื่อดูจากหลายๆบาดแผลที่อยู่บนร่างกายของเขาได้เปิดขึ้นอีกครั้งและบาดแผลยังร้ายแรงขึ้นอีกซาโต้จึงแสยะยิ้มและหยิบยาฆ่าเชื้อขึ้นมาอีกครั้งเพื่อทำแผล
การถูกไล่ล่าโดยไคลอสในครั้งนี้ทำให้ ซาโต้รู้ได้ว่าด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขามันยังเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเดินอย่างอิสระในป่าโทคิวะนี้ เขาคิดว่าเพื่อความอยู่รอดต่อไปนี้คงต้องระมัดระวังให้มากขึ้นหน่อย
ยิ่งไปกว่านั้น ซาโต้ยังพบว่าเขาพึ่งพาฟังก์ชั่นการตรวจคลื่นความถี่ของซูแบทมากเกินไปแม้ว่าความสามารถในการตรวจจับจะดีมาก แต่มันก็มีข้อบกพร่องอย่างเห็นได้ชัดสำหรับโปเกมอนป่าบางตัวที่เจาะดินลึกลงไป ความสามารถในการตรวจคลื่นความถี่ของซูแบทนั้นไม่สามารถทะลุพื้นดินลงไปได้
เหตุผลที่ซาโต้ได้เผลอเข้าไปในดินแดนของไคลอสในครั้งนี้ก็เป็นเพราะเขาพึ่งพาความสามารถในี้ของซูแบทมากเกินไปและอย่างที่สองคือเขาไม่เข้าใจนิสัยของพวกไคลอสมากพอ
(หมายเหตุ: ไคลอสกลัวความหนาวเย็นมากและมักจะขุดดินลงไปที่พื้นซึ่งอุณหภูมิพอเหมาะในขณะนอนหลับ)
วันนี้สภาพร่างกายของซาโต้แย่ลงจากการบาดเจ็บ ทำให้เขาไม่สามารถที่จะฝึกหรือไปไหนมาไหนไกลๆได้ประมาณ 4 หรือ 5 วันไม่งั้นเขาคงจะตายจากอาการบาดเจ็บได้ และถ้าเขาไม่รีบหายจากอาการบาดเจ็บแบบนี้หรือไม่เลิกบาดเจ็บเสียทีเขาคงตายจากการไม่มีอุปกรณ์รักษะเพียงพอแน่นอน
เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายในวันนี้ ซาโต้ก็รู้สึกหมดหนทาง แต่เพื่อชีวิตของเขาเองเขาจึงล้มเลิกแผนการที่จะสำรวจป่าในบริเวณใกล้เคียงต่อไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้าและเลือกที่จะรักษาบาดแผล
เมื่อเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ซาโต้ก้ได้หลีกเลี่ยงโปเกมอนป่าส่วนใหญ่อย่างระมัดระวังด้วยความช่วยเหลือของซูแบทและคุณลักษณะเหม็นของคุไซฮานะและแล้วในที่สุดซาโต้ก็กลับสู่ถิ่นที่อยู่เดิมอย่างปลอดภัย
หลังจากนั้นในเวลาต่อมา ซาโต้ก็ได้ใช้เวลาฝึกทักษะกับโปเกมอนของเขา"ตลอดเวลา" ทั้ง 5 วันในที่พักใกล้กับแหล่งน้ำแห่งนี้
แน่นอนว่าในช่วง 5 วันของการพักฟื้น ซาโต้ก็ไม่ได้อยู่เฉยๆเขามักจะนำซูแบทและคุไซฮานะไปฝึกฝนใน 5 วันของการฝึกฝนอย่างเข้มข้นและสม่ำเสมอ ทำให้ความแข็งแกร่งของโปเกมอนทั้ง 2 นี้และความสามารถของทักษะบางอย่างก็ดีขึ้นเช่นกัน
ในหมู่พวกเขาแล้ว ซูแบทนั้นประสบความสำเร็จอย่างดีในการควบคุมพลังงานธาตุบินเขาได้เพิ่มระดับของใบมีดอากาศจนถึงระดับที่เชี่ยวชาญแล้วตอนนี้เขาสามารถสร้างใบมีดขนาดกลาง 10 ใบหรือ 30 ใบมีดขนาดเล็กกว่าต่อครั้งและสามารถ ควบคุมใบมีดอากาศเหล่านี้เพื่อโจมตีในทิศทางที่แตกต่างกันได้
ในขณะเดียวกันด้วยความช่วยเหลือของเหล่าโครัตตาตัวน้อยที่มักออกมาหาอาหาร ซูแบทก็ยังสามารถฝึกทักษะ"คลื่นสะกดจิต"ใส่โครัตตาทีเสียสละพวกนั้นได้(ตอนนี้ทักษะอยู่ระดับเริ่มต้น)
และคุไซฮานะนั้นก็ได้รับ"การช่วยเหลือ"โดยโปเกมอนพืชตัวอื่นๆในการฝึกทักษะของคมมีดใบไม้(razor leaf)และแส้เถาวัลย์(vine whip)แถมยังเชี่ยวชาญทักษะทั้ง 2 ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีคนสอนและไม่ต้องใช้ซีดี อย่างที่ซาโต้คิดคุไซฮานะคือผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานธาตุพืชที่ทรงพลัง เธอฝึกฝนทักษะทั้ง 2 นี้ได้อย่างรวดเร็วจนใกล้ถึงระดับปรมาจารย์
ในเวลาเดียวกันใน 3 วันถัดมาหลังจากที่ซาโต้เริ่มรู้สึกว่าอาการบาดเจ็บของเขาหายดีแล้วเขายังคงค้นหาโปเกมอนป่าที่มีระดับใกล้เคียงกับโปเกมอนทั้ง 2 ตัวของเขาอย่างซูแบทและคุไซฮานะเพื่อต่อสู้
ด้วยก้อนพลังงานในมือที่สามารถฟื้นฟูความแข็งแรงทางกายภาพของโปเกมอนได้อย่างรวดเร็วและซูแบทกับคุไซฮานะที่ทั้ง 2 มีความสามารถในการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของพวกเขาดีอยู่แล้ว (การดูดเลือดของซูแบทและการสังเคราะห์แสงของคุไซฮานะ) ภายในหนึ่งวันซาโต้ก็สามารถให้ซูแบทกับคุไซฮานะสู้กับโปเกมอนป่าได้เกือบ 100 กว่าตัว
แน่นอนว่าด้วยประสบการณ์ในการถูกไล่ล่าโดยพวกไคลอส ซาโต้จึงมองหาคู่ต่อสู้ที่เท่าเทียมกันเพื่อฝึกฝนโปเกมอนทั้ง2 และโดยปล่อยให้โปเกมอนทั้ง 2 ในมือของเขาสะสมประสบการณ์การต่อสู้อย่างต่อเนื่อง
ในหมู่พวกเขามีคู่ต่อสู้หลายคนที่เปรียบเทียบได้กับซูแบทและคุไซฮานะเองก็ได้รับการท้าทายและพ่ายแพ้หลายต่อหลายครั้ง บางครั้งพวกเขาหวาดกลัวก็ซาโต้ และแม้ว่าซาโต้จะไม่ได้ว่าอะไรหรือเร่งรัดแค่ไหน แต่พวกเขาก็เลือกที่จะซ่อนตัวอยู่ในรังและไม่ออกมาต่อสู้
ในที่สุดเนื่องจากเขาไม่พบคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมและยังไม่กล้าที่จะเข้าไปในพื้นที่ป่าอื่นๆลึกเกินไป ซาโต้จึงต้องไปที่ป่าใกล้เคียงเพื่อต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม ในตอนนี้จำนวนโปเกมอนที่บาดเจ็บจากสเปียร์มีจำนวนมาก และสเปียร์ที่อาศัยอยู่ในป่าใกล้เคียงก็เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันและหลายพื้นที่ก็ค่อยๆสูญเสียที่อยู่ให้สเปียร์ไป
เมื่อรู้ว่าตอนนี้พวกเขาอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อันตรายทุกหนทุกแห่งเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้นและปกป้องตัวซาโต้ ซูแบทและคุไซฮานะจึงฝึกฝนอย่างหนักจากนั้นก็พึ่งพาการฝึกและอื่นๆจากโปเกมอนป่าที่ได้ต่อสู้กันเพื่อบีบศักยภาพและเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว
ด้วยวิธีนี้และภายใต้คำแนะนำโดยเจตนาของซาโต้ ความแข็งแกร่งของซูแบทและคุไซฮานะจึงเริ่มดีขึ้นทีละนิด
จากประสบการณ์ที่สะสมมาจากการต่อสู้กับโปเกมอนป่าจำนวนมากเลเวลของทั้ง 2 ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกันตอนนี้ระดับของซูแบทได้เพิ่มขึ้นเป็นเลเวล 24 และระดับของคุไซฮานะก็ถึงเลเวล 25 แล้ว(คนเขียนเคยบอกไปละคับว่าจำนวนเลเวลไม่มีผลให้โปเกมอนพัฒนาร่างไม่งั้น 22 ซูแบทคงพัฒนาเป็นโกลแบทแล้ว)
ใน 5 วันนี้นอกเหนือจากการฝึกฝนและต่อสู้กับเหล่าโปเกมอนแล้วยังมีเหตุการณ์ที่น่ายินดีอีกหลายอย่างที่ทำให้ซาโต้มีความสุขมาก
เหตุการณ์แรกที่มีความสุขคือในที่สุดนิโดรันก็ได้ผ่านช่วง 1 สัปดาห์ของวัยทารกและเข้าสู่ช่วงการเจริญเติบโตเป็นวัยรุ้นอย่างเป็นทางการแล้ว และด้วยการให้นมกระป๋องใหญ่อาหารโปเกมอนพิษคุณภาพสูงและแคลเซียมเม็ดคุณภาพสูง นิโดรันซึ่งอยู่ในช่วงเติบโตอย่างรวดเร็วในวัยทารกก็ยิ่งเติบโตอย่างรวดเร็วในวัยรุ่นเข้าไปอีกเช่นกัน
เมื่อเทียบกับนิโดรันซึ่งมีขนาดเท่ากระต่ายขาวตัวอ้วนเมื่อ 5 วันก่อน ตนนี้เขาโตเป็นครึ่งหนึ่งของขนาดหมาป่าแล้ว หลังจากที่นิโดรันพ้นวัยทารก ซาโต้ก็ได้เริ่มต้นการฝึกของนิโดรันอย่างจริงจังทันที
ด้วยความช่วยเหลือของซาโต้ในการฝึกฝนนิโดรันอย่างมีสติ เพื่อฝึกฝนทักษะพลังจิตของเขาในช่วง 5 วันนี้ สมรรถภาพทางกายของเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพหลังจากพ้นวัยทารกและทักษะพลังจิตของเขาก็เริ่มเข้าสู่ระดับเริ่มต้นตามธรรมชาติซึ่งถือว่าเป็นขั้นต้นในการต่อยอดไปทักษะอื่นๆในอนาคต
เหตุการณ์ที่มีความสุขครั้งที่สองคือในอีก 2 วันถัดมา ซาโต้ก็ทำตามสัญลักษณ์ที่เขาทิ้งไว้บนต้นไม้แบบพิเศษและกลับไปที่ป่าเล็กๆที่การ์ดีอาศัยอยู่ได้สำเร็จ และเขาก็ใช้กลิ่นของบาร์บีคิวที่เขาทำดึงดูดเจ้าการ์ดีตัวน้อยจอมโลภได้สำเร็จ
แม้ว่าการ์ดีตัวน้อยจะถูกเจ้าตัวพ่อคาบกลับไปอย่างรวดเร็วและการ์ดีตัวน้อยเองก็เกือบจะดมมือซาโต้ได้ แต่ซาโต้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ ด้วยการพึ่งพาของบาร์บีคิวแสนอร่อยและก้อนพลังงานระดับอัญมณีในการหลอกล่อเหล่าการ์ดีตัวน้อย
หลังจากนั้นทุกครั้งที่ซาโต้มาที่ป่าเล็กๆนี้ เหล่าการ์ดีตัวน้อยที่จำกลิ่นของซาโต้ได้ก็จะออกมา เพื่อขอของอร่อยกินทันที
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการ์ดีตัวพ่อจะห้ามปรามหลายครั้งก็ไม่เกิดประโยชน์และกลังจากที่เห็นว่าซาโต้ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายเจ้า ตัวน้อย เขาก็ไม่ได้สนใจห้ามปรามอีก ดังนั้นการ์ดีตัวน้อยทั้งคู่จึงคุ้นเคยกับซาโต้มากขึ้นเรื่อยๆ
เหตุการณ์แห่งความสุขครั้งที่สามเพิ่งเกิดขึ้นกับซาโต้ตอนนี้!