L.P.T ตอนที่ 54 เข้าถึงแหล่งน้ำ
เมื่อดวงอาทิตย์ตกลงบนร่างของคุไซฮานะ เธอก็เริ่มใช้ทักษะสังเคราะห์แสงทันที ในตอนนั้นดอกไม้และใบไม้บนร่างกายของเธอก็เปล่งแสงสีขาวออกมาก่อนจะเปลี่ยนเป็นแสงสีเขียวอ่อนๆที่ปกคลุมไปทั่วร่างของเธอ
ภายใต้แสงสีเขียวอ่อนนี้การบาดเจ็บของคุไซฮานะก็เริ่มฟื้นตัวด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า การสังเคราะห์แสงของ คุไซฮานะใช้เวลาเกือบ 30 วินาที เมื่อมันจบลงการบาดเจ็บบนร่างกายของเธอก็หายอย่างสมบูรณ์และพลังงานของเธอก็ยังกลับสู่สภาวะสูงสุดอีกเ้วย
"โปเกมอนที่มีคุณสมบัติพืชมีความสามารถในการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งจริงๆ หากเปลี่ยนเป็นซูแบทที่บาดเจ็บละก็มันคงจะต้องใช้เวลาในการรักษาอย่างน้อย2-3ชั่วโมงเลยทีเดียว" เมื่อเห็นคุไซฮานะฟื้นตัวทันทีหลังจากใช้ทักษะเสร็จ ซาโต้ก็รู้สึกชื่นชมเล็กน้อย
ในตอนนี้ซาโต้ได้สวมหน้ากากป้องกันแก๊สพิษบนใบหน้าของเขา หน้ากากป้องกันแก๊สพิษนี้ยังเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่เขาเตรียมเอาไว้ เดิมทีมันใช้เพื่อป้องกันโรคที่ลอยในอากาศจากในป่า แต่ตอนนี้เขาใช้เพื่อป้องกันกลิ่นเหม็นของคุไซฮานะแทนแล้ว
ซาโต้ไม่เคยใช้มันมาก่อนก็เพื่อความประทับใจที่ดีของคุไซฮานะ และเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วก็ไม่จำเป็นต้องทนกลิ่นของคุไซฮานะอีกต่อไป ด้วยหน้ากากป้องกันแก๊สพิษที่กรองอากาศได้อันนี้ทำให้เขาไม่ต้องทนอึดอัดเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
แน่นอนว่าซาโต้ไม่มีความคิดที่จะเลือกปฏิบัติกับคุไซฮานะ ในใจของเขานั้นเขาจะปฏิบัติต่อโปเกมอนทุกตัวที่ถูกปราบด้วยตัวเขาเองอย่างดี แต่เขาก็ทนกลิ่นไม่ไหวจริงๆ ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องทำเช่นนี้เพื่อที่จะเดินต่อไปในป่าที่เต็มไปด้วยอันตรายนี้ได้
หลังจากหายจากอาการบาดเจ็บคุไซฮานะก็กลับไปหาซาโต้และเธอก็สังเกตเห็นหน้ากากกันแก๊สบนใบหน้าของซาโต้แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้ว่าหน้ากากกันแก๊สคืออะไรเลยไม่ได้สนใจมัน
ในขณะเดียวกันเมื่อรู้ว่าซาโต้และซูแบทจะกลายเป็นเพื่อนร่วมทางของเธอ เธอก็รวบรวมดอกตูมที่มีกลิ่นเหม็นที่อยู่บนหัวของเธอและพยายามแยกกลิ่นออกจากร่างกายให้ได้มากที่สุด
ตอนนี้คุไซฮานะซึ่งเคยโดดเดี่ยวมาตลอดได้รู้สึกถึงจิตใจที่เข้มแข็งและอ่อนไหวมานานอีกครั้ง นอกจากนี้เธอยังตระหนักดีว่าเพื่อนของเธอพยายามที่จะเอาชนะกลิ่มเหม็นของเธอ ดังนั้นเธอจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ตัวเองดีขึ้นอีกนิดหน่อยก็ยังดี และจะไม่พยายามทำให้เพื่อนเดือดร้อนอีกด้วย
แม้ว่าคุไซฮานะจะยังคงส่งกลิ่นเหม็นอยู่ แต่ก็ยังดีกว่ากลิ่นเหม็นก่อนหน้านี้ที่สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตตกตะลึง
ในเวลานี้ซูแบทที่สังเกตเห็นว่ากลิ่นไม่น่ากลัวมากแล้ว มันก็บินกลับไปหาซาโต้และซาโต้ก็ดึงหน้ากากป้องกันแก๊สพิษบนใบหน้าแล้วใส่กลับเข้าไปในประเป๋า เขาคิดว่าคงจะต้องรีบปรับตัวให้เข้ากับกลิ่นของดอกไม้เหม็นให้ได้โดยเร็วที่สุด
“ไปด้วยกันเถอะคุไซฮานะ” ซาโต้พูดด้วยรอยยิ้มให้กับคุไซฮานะซึ่งพยายามระงับกลิ่นเหม็นของเธอจากนั้นก็ปล่อยให้ซูแบทนำทางไปยังแหล่งน้ำ
"นาา นา" เมื่อเห็นเช่นนี้คุไซฮานะก็พยักหน้าอย่างมีความสุขจากนั้นก็เดินตามซาโต้ไปทีละก้าว จากนี้ไปในที่สุดเธอก็ไม่ต้องอยู่คนเดียวอีกต่อไปและเธอจะไปทุกที่ที่เพื่อนของเธอไป
ด้วยคุณลักษณะกลิ่นเหม็นของคุไซฮานะมันทำให้ซาโต้ มีโอกาสเดินทางต่อไปได้อย่างราบรื่นและไม่มีภูติป่ามากเกินไปที่จะขัดขวางพวกเขา แถมพวกสเปียร์ที่ลาดตระเวนในบริเวณใกล้เคียงก็พบพวกเขา แต่พวกมันก็รีบบินผ่านไปโดยไม่สนใจพวกเขาเลย
หลังจากเดินทางเกือบครึ่งชั่วโมง ซาโต้ก็ค้นพบแหล่งน้ำได้สำเร็จ เขาข้ามป่ามาถึงฝั่งแม่น้ำใหญ่ที่มีน้ำไหลเชี่ยวจนได้
ริมฝั่งแม่น้ำเต็มไปด้วยก้อนกรวดจำนวนมากและเสียงน้ำไหลดังก้องอยู่ในหูของซาโต้ตลอดเวลา ลมกระโชกกำลังพัดเข้ามาและไอน้ำจำนวนมากก็ทำให้ใบหน้าของซาโต้แฉะ ทำให้ตอนนี้เสื้อผ้าของซาโต้เปียกไปเล็กน้อย
หลังจากเก็บน้ำในแม่น้ำจำนวนมากด้วยขวดขนาดใหญ่ไม่กี่ขวด ซาโต้ก็ออกจากฝั่งแม่น้ำอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เริ่มเตรียมอาหารกลางวันใกล้ๆพื้นที่ป่าที่ปกคลุมไปด้วยเงาของต้นไม้ใหญ่
ตอนนี้เวลาก็มาถึง 12.00 น. เมื่อมาถึงจุดนี้ซาโต้และซูแบทก็หิวกันมาก แถมยังมีเจ้านิโดรันตัวน้อยที่ยังอยู่ในลูกบอลอีกมันจะต้องหิวมากแน่ๆ
"ออกมาเถอะ นิโดรัน" หลังจากปล่อยให้คุไซฮานะทิ้งกลิ่นเหม็นไว้บริเวณพื้นที่โล่งโดยรอบและปล่อยให้ซูแบทใช้คลื่นความถี่เพื่อยืนยันความปลอดภัยของพื้นที่ใกล้เคียง ซาโต้ก็ปล่อยนิโดรันออกมา
หลังจาก 2 วันของการเลี้ยงดูอย่างระมัดระวัง นิโดรันน้อยตัวนี้ก็เติบโตขึ้นมาก ร่างเล็กที่เดิมมีขนาดเล็กๆตอนนี้โตเป็น 1.5 เท่าจากเมื่อก่อนแล้ว
ทันทีที่นิโดรันออกมา เจ้าตัวเล็กก็รีบเข้าไปในอ้อมแขนของซาโต้ทันทีและดวงตาของเจ้าหนูนี้ก็เริ่มชื้นขึ้น นี่เป็นสัญญาณว่าเขาไม่มีความสุขและจะร้องไห้แล้ว สำหรับสัญญาณแบบนี้ซาโต้ที่ดูแลเจ้าตัวเล็กนี้มาตลอด 2 วัน ก็รู้ได้ในทันทีและจากนั้นซาโต้จึงหยิบก้อนพลังงานออกมาจากมือของเขาทันทีจากนั้นยัดมันเข้าไปในปากเล็กๆของนิโดรันที่กำลังเปิดออก
อาจจะเป็นเพราะนิโดรันได้กินก้อนพลังงานแสนอร่อยตามที่เขาต้องการ นิโดรันจึงไม่ส่งเสียงดังอีกต่อไปและมีความสุขมากที่โดนลูบหัวขณะอยู่ในอ้อมแขนของซาโต้
"มาแนะนำเพื่อนใหม่กันเถอะ นี่คือคุไซฮานะ นิโดรันนายต้องทำดีกับคุไซฮานะในอนาคตมากๆละ คุไซฮานะนี่คือนิโโรัน เขายังเป็นเด็กอยู่ดูแลเจ้าตัวน้อยนี้เผื่อในอนาคตด้วยละ" หลังจากที่นิโดรันเลิกงอแงได้สักพัก ซาโต้ก็พานิโดรันออกจากอ้อมแขนของเขาจากนั้นจึงแนะนำนิโดรันและคุไซฮานะให้รู้จักกัน
นิโดรันนั้นยังเป็นเด็กที่มีจิตใจเรียบง่าย เขาจึงมีความสุขมากเมื่อได้ยินว่ามีเพื่อนยของเขาเพิ่มเข้ามา เขาไม่สนใจเลยเกี่ยวกับกลิ่นของคุไซฮานะที่กำลังส่งกลิ่นเหม็นในเวลานี้เลย และเขายังเดินขึ้นไปทักทายคุไซฮานะเองอีกด้วย
และสำหรับคุไซฮานะแล้ว เพื่อนร่วมทางคนอื่นที่ไม่รังเกลียดเธอแบบนี้ เธอก็มีความสุขมากเช่นกัน ในเวลานี้เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะปกปิดกลิ่นเหม็นบนร่างกายและนำน้ำหวานที่เก็บไว้ในร่างกายออกมาให้นิโดรันตัวน้อยชิม
หลังจากนั้นไม่นานทั้ง 2 ก็เริ่มรู้จักกันและจากนั้นพวกเขาก็เล่นกันอย่างมีความสุข แน่นอนว่าส่วนใหญ่คุไซฮานะใช้น้ำหวานล่อลวงนิโดรันให้เล่นกับเธอ ทำให้เธอดูเหมือนพี่สาวที่อ่อนโยน
แต่ซูแบทนั้นค่อนข้างสงบาและมั่นคง มันจึงไม่เลือกที่จะเข้าร่วมในการเล่น ซูแบทปฏิบัติตามคำสั่งของซาโต้อย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด โดยแขวนตัวเองไว้ที่ใต้กิ่งไม้ใหญ่และใช้คลื่นความถี่ตรวจรอบข้างอย่างระมัดระวัง
ไม่กี่นาทีต่อมาซาโต้ก็เตรียมอาหารกลางวันของเหล่าโปเกมอนของเขาเสร็จ อาหารกลางวันของซูแบทยังคงเป็นเลือด ส่วนนิโดรันเป็นขวดนมและอาหารของโปเกมอนพิษระดับสูง อาหารของคุไซฮานะคือน้ำสะอาดและโคลนแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ในบริเวณใกล้เคียง
เพื่อหลีกเลี่ยงโปเกมอนที่กินเนื้อเป็นอาหาร เนื่องจากมีกลิ่นเลือดที่รุนแรง ซาโต้ได้เตรียมอาหารสำหรับซูแบทโดย เขาจิ้มไปที่ฝาขวดเลือดเป็นรูเล็กๆเพื่อให้ฟันของซูแบทมีขนาดพอๆกับรูเล็กๆนี้เพื่อที่จะได้ดื่มเลือดแสนอร่อยโดยไม่ให้กลิ่นเลือดรั่วออกไป
สำหรับอาหารคุไซฮานะ ซาโต้ต้องการให้อาหารโปเกมอนพิษระดับสูงที่นิโดรันชอบกินในตอนแรกกับเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะชอบน้ำแสงแดดและดินมากกว่าดังนั้นเขาจึงต้องให้น้ำและโคลนริมฝั่งแม่น้ำแก่เธอ
เมื่อคุไซฮานะกิน เธอจะทำเหมือนกับพืชทั่วไปก็คือ เธอจะเจาะรากลงไปในดินจากนั้นดูดซับความชื้นในดินและสังเคราะห์แสงเพื่อผลิตอินทรียวัตถุเพื่อตอบสนองความต้องการอาหารของเธอ
ในสายตาของซาโต้ คุไซฮานะคือโปเกมอนที่มีทั้งตัวเป็นพืช นั้นทำให้โครงสร้างทางสรีรวิทยาของเธอนั้นแตกต่างจากภูติที่กินเนื้อและเลือดอื่นๆอย่างแน่นอน หากเขาต้องการเลี้ยงเธอในอนาคต เขาควรให้ดินที่อุดมสมบูรณ์และปุ๋ยดอกไม้ที่ดีที่สุดสำหรับเธอ