บทที่ 148
เหล่าทหารเกือบร้อยนายและศิษย์สำนักอีกจำนวนไม่น้อยเมื่อรู้ว่าตัวเองได้รับพิษก็เริ่มทยอยถอยออกมา เย่เตาเองก็ฟาดฟันดาบในมือพุ่งเข้าหาคนจากผาไม้ดำที่คิดติดตามสังหารกลุ่มคนที่กำลังล่าถอย หยางเวยรับเปิดจุกขาดยาในมือกลิ่นหอมจากสมุนไพรในขวดโชยออกมา หยางเวยรีบนำไปให้ทหารผู้หนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ
“พี่ชายรีบสูดดมยาแก้พิษเร็ว”
หลังจากทหารผู้นั้นดมยาแก้พิษไม่ถึงสามลมหายใจ ก็รีบโคจรลมปราณตรวจสอบร่างกายพบว่าตอนนี้กำลังที่เคยหายไปเริ่มกลับคืนมาแล้ว หยางเวยเมื่อเห็นท่าทางดีขึ้นรีบพุ่งเข้าหาคนต่อไปทันที ไม่นานปีศาจตัวสูงใหญ่ก็ถูกสังหารลง พวกศิษย์หัวกะทิทั้งหลายเลยเบนเป้าหมายมาที่คนจากผาไม้ดำแทน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ศิษย์สำนักวารีสวรรค์และศิษย์สำนักอักขระเต่าดำ หลังจากต่อสู้ด้วยกันมาหลายวันก็เริ่มที่จะเข้าขา ผู้หนึ่งใช้เถาวัลย์พุ่งรัดอีกผู้หนึ่งใช้ออกด้วยปราณกระบี่ประดุจห่าฝน ศิษย์สำนักอื่นอีกเช่นกัน เริ่มที่จะใช้การโจมตีประสานจัดการคนจากผาไม้ดำ แต่ทว่าอีกฝ่ายก็หาได้ไร้ซึ่งฝีมือเป็นยอดฝีมือด้วยเช่นกัน เคร้ง เคร้ง เคร้ง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง
แสงสว่างจากตะเกียงไฟสว่างไสวไปทั่วบริเวณ เสียงร้องโหยหวนแว่วดังออกมาทั้งสองฝ่าย หยางเวยเมื่อเห็นว่าเหล่าทหารเริ่มที่จะมีอาการดีขึ้นจึงฝากให้คนที่เป็นหัวหน้าหน่วยจัดการแทนพร้อมกับคุ้มกันไปด้วย ปราณฝ่ามือสีม่วงซัดลงพื้นดินกลางกลุ่มคนจากผาไม้ดำ ตูม ควันพิษสีม่วงฟุ้งกระจาย อสรพิษดำตัวใหญ่พ่นพิษร้ายเข้าใส่ศัตรูของผู้เป็นนาย เกือบชั่วยามทุกอย่างก็เสร็จสิ้น การปะทะกันทั้งสองฝ่ายมีคนจากผาไม้ดำหลบหนีได้เพียงไม่กี่คนนอกนั้นถูกสังหารจนหมด การตรวจยามในค่ำคืนจึงต้องใช้กำลังเยอะขึ้นพอสมควรคอยสอดส่องดูแล เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้รู้ว่าใครก็สามารถเป็นคนจากผาไม้ดำแอบแฝงตัวเข้ามา
ตลอดเวลาสองวันที่ผ่านมาคนจากผาไม้ดำเป็นฝ่ายนำกำลังลงมาจัดการสำนักใหญ่ทั้งแปดและเหล่าทหาร โดยการอัญเชิญปีศาจเข้าโจมตีปะทะเป็นแนวหน้า ส่วนพวกตนขอจัดการสังหารติดตาม แต่ก็ยังไม่สามารถจัดการลงได้ กลางดึกคืนหนึ่งหลังจากที่ทุกคนเข้ากระโจมหลับนอนด้วยความเหนื่อยล้าจากการเข้าปะทะ เสียงกรนดังลั่นออกมาจากกระโจมใหญ่ ทหารยามและเหล่าศิษย์ยังคงยืนประจำการและเดินตรวจตราตามปกติ เปลวไฟสั่นไหวเล็กน้อยเงาคนพุ่งผ่านไปมามุ่งหน้าไปที่กระโจมใหญ่หลังหนึ่งไม่ถึงสิบลมหายใจเงาคนผู้นั้นก็แบกชายผู้หนึ่งถูกผ้าสีดำห่อพันทั้งตัวพุ่งออกไปจากค่าย
ทันทีที่อรุณทอแสงภายในค่ายก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง หวังหลินหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลายคนรวมกลุ่มกันออกติดตามหา แต่ทว่าก็เกรงกลัวที่จะเป็นแผนร้ายจากผาไม้ดำเช่นกัน จึงกลับมาประชุมหารือ ในที่สุดก็ตัดสินใจยกกำลังทั้งหมดขึ้นเขาซิงซาน เพื่อหวังตามหาหวังหลินด้วยเช่นกัน ระหว่างที่ทั้งหมดกำลังวางแผนกัน หยางเวยและเย่เตาเดินตรวจสอบกระโจมที่พักของหวังหลิน ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ สอบถามพวกศิษย์สำนักและเหล่าทหารที่เป็นยามเมื่อคืนก็ไม่ได้สิ่งใดเพิ่มเติม เพราะแต่ละคนก็หาได้พบเห็นอะไรเช่นกัน
ทั้งสองยังคงตรวจสอบบริเวณโดยรอบแต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติไม่ถึงครึ่งชั่วยามเหล่าทหารและศิษย์สำนักบางกลุ่มก็ช่วยกันจัดการรื้อถอนค่าย ไม่นานก็พากันขึ้นไปบนเขา น่าแปลกที่เกือบสองชั่วยามที่ทั้งหมดขึ้นเขามา หาได้มีคนจากผาไม้ดำเข้าโจมตี ในที่สุดทั้งหมดก็ขึ้นมาบนเขา พบเห็นช่องเขาขนาดใหญ่ด้านหน้า ลงไปยังด้านล่างจากระหว่างเขาอีกลูก ทั้งหมดจึงตัดสินใจตั้งค่ายอยู่ด้านบน เหตุที่เดินทางล่าช้าเพราะ ต้องรอกำลังหลายพันคน อีกทั้งยังต้องลาดตระเวนระวังตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะศัตรูเป็นยอดฝีมือและเป็นนักฆ่า หยางเวยและเย่เตาพุ่งทะยานไปตามกิ่งไม้เพื่อตรวจสอบโดยรอบเพื่อความปลอดภัย
ทหารจำนวนมากช่วยกันตั้งกระโจมที่พัก ศิษย์สำนักบางส่วนก็ช่วยกันจัดทำอาหารกันเองเพื่อความปลอดภัย อรุณลาลับขอบฟ้าตะเกียงไฟถูกจุดให้แสงสว่าง เสียงพูดคุยดังออกมาจากกลุ่มศิษย์หลายร้อยคนที่นั่งล้อมวงทานอาหาร เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นก็แบ่งเวรยามเช่นเคย ส่วนกระโจมของสำนักพยัคฆ์มังกรนั้นนั่งประชุมกันด้วยความเป็นกังวล ซูหนิงเองก็กังวลใจไม่น้อยเช่นกัน สุดท้ายทุกคนก็แยกย้ายหลังจากวางแผนบุกเข้าไปยังหุบเขา แต่ถึงอย่างไรก็ต้องรอการประชุมใหญ่อีกเจ็ดสำนักอยู่ดี
ห้องขนาดใหญ่ภายในคฤหาสน์ มีชายผู้หนึ่งถูกคลุมศีรษะด้วยผ้าดำ มัดแขวนไว้อยู่กลางห้อง ด้านข้างมีกองอาวุธจำนวนมาก ส่วนอีกด้านเป็นเตาหลอมขนาดใหญ่ ด้านในเตายังคงมีประกายไฟอยู่ตลอดเวลาทำให้ห้องแห่งนี้มีความร้อนพอสมควร ไม่นานก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมชุดสีแดงเดินเข้ามาในห้อง แสยะยิ้มหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างอารมณ์ดี ที่เห็นว่ามีชายผู้หนึ่งถูกแขวนเอาไว้ ด้านหลังมีชายหนุ่มสวมสีดำเดินติดตามเข้ามา
“มันผู้นี้รึน้องชายของข้า”
“ขอรับ คุณชายใหญ่”
หมัดขวาถูกต่อยเข้าที่ท้องของชายหนุ่มที่ถูกมัด เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เลือดสีแดงสดไหลหยดลงผ้าดำที่คลุมศีรษะไว้ ชายที่ถูกเรียกคุณชายใหญ่ยังคงไม่หนำใจ เดินเข้าไปหยิบแส้หนังเส้นยาวออกมาจากกองอาวุธแสยะยิ้มหวดแซ่ในมือออกไป เพียะ เพียะ เพียะ เพียะ เสื้อผ้าที่สวมใส่ฉีกขาด เลือดค่อยๆซึมออกมาจากรอยแผล ชายชุดดำจ้องมองดวงแววตาสงสารแต่ก็ไม่สามารถกระทำสิ่งใดได้เพียงแค่กำหมัดในมือทั้งสองข้างเท่านั้น เสียงร้องโหยหวนโดยความเจ็บปวด เกือบหนึ่งเค่อการลงมือทรมานก็หยุดลงพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนเงียบเสียงลง ไม่ถึงสองลมหายใจก็ได้ยินเสียงโยนแส้ในมือทิ้งลงพื้น
“เช่นนั้นก็มัดมันไว้ที่นี่ก่อน อย่าได้รักษามันหรือทำอันใดกับมัน ปล่อยมันไว้เช่นนี้ ข้าจะเก็บไว้สังหารมันเป็นคนสุดท้าย ข้าอยากรู้นักว่าหากมันรับรู้ว่าเพื่อนของมันตกตายลงหมดแล้ว และตาแก่บิดาที่เคารพของมันตกตายลง ต่อหน้าต่อตาของมัน มันจะทำหน้าเช่นไร ข้าอยากให้มันทุกข์ทรมานไปจนตาย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เมื่อกล่าวสิ้นเสียงทั้งสองก็เดินออกจากห้องไป ชายผู้ที่เดินตามหลัง หันไปมองชายผู้ที่ถูกแขวนด้วยแววตาสงสาร หลังจากนั้นก็รีบเดินออกจากห้องไป ด้านนอกมีชายฉกรรจ์สวมชุดดำพร้อมอาวุธในมือยืนประจำการอยู่หลายคน
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เสียงค้อนเหล็กทุบตีลงมาบนดาบเล่มใหญ่สีแดงฉาน ตอนนี้เนี่ยฟงถอดเสื้อที่สวมใส่เหลือเพียงกางเกง หวดค้อนเหล็กในมืออย่างไม่ลดละ ไม่นานใบดาบก็กลายเป็นสีดำทมิฬ เนี่ยฟงยกยิ้มอย่างดีใจ วางค้อนเหล็กลงบนพื้นใช้คีมเหล็กจับไปที่ด้ามดาบ นำไปแช่ลงบนน้ำมันบางอย่างเกือบสิบลมหายใจก็จับดาบยัดเข้าไปในเตาหลอม พร้อมกับนำออกมาอย่างรวดเร็ว
“เอาละดาบของเจ้าเหลือขั้นตอนทำให้มันคมเท่านั้น เจ้าออกไปพักด้านนอกเถอะ ไม่ถึงชั่วยามเจ้าจะได้เห็นดาบของเจ้า”
“ขอรับท่านผู้เฒ่า”
เนี่ยฟงเดินออกมาจากห้องหลอมทันทีที่เดินออกมาก็พบว่าด้านนอกดึกมากแล้ว เนี่ยฟงนั่งโคจรลมปราณรออยู่ด้านนอก
“ไอ้หนูเจ้าจะติดตามเพื่อนของเจ้าไปเลยหรือไม่”
“ใจจริงข้าอยากตามไปทันทีขอรับ เพียงแต่ว่าข้าต้องสลักอักขระศักดิ์สิทธิ์ลงไปในดาบเสียก่อน เพราะว่าหากดาบเล่มนี้เสียหายอีกข้าคงต้องใช้มือเปล่าเข้าปะทะแล้วขอรับ”
“ว่าแต่เจ้าจะสลักอักขระศักดิ์สิทธิ์ชุดใดเข้าไปรึ”
“ความแข็งแกร่งและพลังธาตุสายฟ้าขอรับ”
“ข้านึกภาพไม่ออกเลยว่าเจ้าจะใช้ดาบสีดำทมิฬนั่นอย่างไร เอาเถอะถึงอย่างไรเจ้าก็ยังมีมีดสั้นอีกเล่ม”
“ข้าจะทำมีดสั้นเล่มนั้นเป็น มีดบินขอรับแต่ข้าคิดเอาไว้แล้วว่าจะทำมันออกมาเช่นไร”
ไม่ถึงสองเค่อผู้อาวุโสกู๋อิ๋งจิ้นก็เดินออกมาพร้อมกับโหนแหวนหนึ่งวงให้แก่เนี่ยฟง ทันทีที่คว้าจับแหวนได้ก็โคจรลมปราณไปที่แหวนอย่างรวดเร็ว ดาบเล่มใหญ่รูปร่างคล้ายกระบี่แต่เล่มใหญ่โตกว่ามีคมทั้งสองด้านที่ด้ามจับที่รูคล้องด้วยโซ่ สีดำทมิฬทั้งเล่ม เนี่ยฟงกำชับในมือขวา กวัดแกว่งไปมาในการทดสอบ เสียงลมจากการหวดฟาดเสียงดังหวีดหวิว เนี่ยฟงทดลองโคจรลมปราณไปที่ดาบไม่ถึงครึ่งลมหายใจใบดาบสีทำทมิฬก็มีประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจางๆ เนี่ยฟงยกยิ้มด้วยความดีใจ
“ขอบคุณท่านผู้เฒ่ามากขอรับ”
“เอาเถอะ ข้าขอตัวไปพักก่อน ว่าแต่เจ้าจะเดินทางเลยหรือไม่ หรือจะพักกับข้าที่นี่ก่อนรุ่งเช้าค่อยเดินทาง”
“เช่นนั้นรบกวนท่านผู้เฒ่าแล้วขอรับข้าของพักที่ด้านนอกก็พอขอรับ รุ่งเช้าจะได้รีบเดินทางไม่รบกวนท่านผู้เฒ่าขอรับ”
“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าเถอะ”