บทที่ 147
คฤหาสน์ไม้สักทองหลังใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้านเล็กๆบริเวณหุบเขาบนเขาซิงซาน ห้องพักภายในคฤหาสน์ชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งโคจรลมปราณอยู่ด้านใน ชั่วน้ำเดือดก็มีเสียงเคาะประตูหน้าห้อง เสียงตอบรับจากด้านในดังแว่วออกมา เมื่อประตูถูกเปิดชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบปีก้มคารวะอยู่หน้าห้อง
“เรียนคุณชายใหญ่ ข้าสืบทราบแล้วว่าคุณชายรองอยู่กับกลุ่มคนสำนักทั้งแปดที่กำลังบุกขึ้นมาบนเขาขอรับ”
“เรื่องนี้ท่านพ่อรู้หรือไม่”
“คนของข้าปิดปากเงียบหาได้มีผู้ใดแจ้งต่อนายท่าน ตามคำสั่งของคุณชายใหญ่ขอรับ”
“ดี คอยจับตาดูมันไว้ เมื่อมีโอกาสให้สังหารมันทันที อย่าให้ตาแก่นั้นทราบเรื่องนี้โดยเด็ดขาด ว่าข้าอยู่เบื้องหลัง เข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจแล้วขอรับ”
สิ้นเสียงกล่าวตอบรับชายหนุ่มก็สะบัดมือขวานำคัมภีร์สีดำออกมายื่นให้กับชายที่ถูกเรียกว่าคุณชายใหญ่
“คัมภีร์ฝ่ามือทมิฬ นายท่านให้นำมามอบให้คุณชายใหญ่ขอรับ”
“เหอะ ในที่สุดข้าก็ได้มันมาเสียที ดี ดี เช่นนั้นเปลี่ยนแผนจับตัวมันมา ข้าจะเป็นคนสังหารมันเอง”
“จะดีหรือขอรับคุณชายใหญ่ นั่นคุณชายรองนะขอรับ หากนายท่านทราบเรื่อง”
“หุบปาก ไอ้สารเลวลูกนอกสมรสนั้นหาได้เป็นน้องชายข้าไม่ เจ้าเพียงแค่ทำตามคำสั่งก็พอ”
ระหว่างที่กล่าวออกมาชายผู้ถูกเรียกคุณชายใหญ่ก็ใช้ลมปราณระดับสีแดงขั้นกลางกดดันชายหนุ่มด้านหน้า ถึงกับคุกเข่าลงพื้นกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้าน
“ท่าน ท่านไปถึงระดับขั้นกลางแล้ว ข้ายินดีกับคุณชายใหญ่ยิ่งนัก”
“เหอะ อย่ากล่าวเรื่องนี้กับใครละ หาไม่เช่นนั้นข้าจะเป็นคนสังหารเจ้าเอง ข้าให้โอกาสเจ้าสามวันจับตัวมันมาให้ข้า”
“ขอรับคุณชายใหญ่”
ทางด้านค่ายของสำนักใหญ่ตอนนี้แต่สำนักถูกตรวจสอบคนของตนโดยละเอียด ทำให้หยางเวยและเย่เตาสังหารคนจากผาไม้ดำที่แฝงตัวเข้ามาในสำนักต่างๆอีกแปดคน แต่ละคนอยู่ในระดับหัวกะทิแทบทั้งสิ้น รุ่งเช้าหวังหลินก็จัดกำลังคนผสมแต่ละสำนักและทหารบุกขึ้นเขาซิงซานอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นหยางเวยและเย่เตานำทีมบุกทะลวง ปราณมีดสีม่วงและปราณดาบสีแดง พุ่งเข้าหาคนจากผาไม้ดำที่แอบซุ่มโจมตีอยู่ประดุจตาเห็น หากมองขึ้นไปบนฟ้าจะเป็นอินทรีพยัคฆ์บินลาดตระเวนอยู่ แน่นอนว่าเป็นมันนั้นเองที่ตรวจพบคนที่แอบซุ่มอยู่ แล้วแจ้งต่อเย่เตา
ช่วงเวลาทั้งวันคนจากผาไม้ดำถูกสังหารล้มตายเป็นจำนวนไม่น้อย มีเพียงไม่กี่คนที่หลบหนีออกไปได้ เสียงเฮตะโกนดังลั่นไปทั่วกลางเขา ด้วยความดีใจ เพราะวันนี้ทางสำนักใหญ่หาได้มีใครตกตายแม้แต่คนเดียวหลายคนหันไปกล่าวขอบคุณหยางเวยและเย่เตาที่ช่วยชี้เป้าและเข้าสังหารอย่างรวดเร็ว ทันทีที่กลับมายังค่ายพักก็มีการเลี้ยงฉลองกันเกิดขึ้น หยางเวยและเย่เตาอยู่ฉลองด้วยไม่ได้นานก็ขอตัวแยกออกมา ในขณะนั้นระหว่างที่สำนักใหญ่เลี้ยงฉลองกันอยู่ก็เกิดแรงสั่นสะเทือนมาจากบนเขา ชั่วน้ำเดือดก็มีเงาสีดำขนาดใหญ่เข้าปกคลุมบริเวณค่ายพัก กลิ่นเหม็นสาบฉุนเข้าจมูกหวังหลินตะโกนออกมาดังลั่น
“ปีศาจ ปีศาจกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ เตรียมตัวรับมือ”
ทหารจำนวนเกือบพันคนเดินทัพออกมาเผชิญหน้ากับปีศาจตัวสูงใหญ่มือของมันมีเล็บที่แหลมคมดวงตาสีแดงก่ำ ปราณดาบและปราณกระบี่จากด้านล่างนับสิบเล่มพุ่งเข้าปะทะตัวปีศาจ เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เสียงดังสนั่น หวังหลิน ซูหนิง จงเหรินป้าหยางเฟยและจางเฉิน ทั้งห้าพุ่งทะยานเข้าปะทะ รวมไปถึงสัตว์อสูรหลายสิบตัวปรากฏออกมาร้องคำรามพุ่งเข้าหาปีศาจ ในขณะเดียวกันก็มีเสียงเฮดังลั่นมาจากบนเขาอีกครั้ง เงาดำพุ่งทะยานออกจากป่าเชิงเขา คนจากผาไม้ดำนับร้อยพร้อมอาวุธในมือปรากฏตัวออกมา ศิษย์หัวกะทิสำนักต่างๆพุ่งเข้าต้านรับ เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้งอักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดงปรากฏออกมาเถาวัลย์สีแดงหลายสิบเส้นพุ่งเข้ารัดคนจากผาไม้ดำหยางเวยและเย่เตาหาได้เข้าปะทะด้วยแอบจ้องมองการต่อสู้จากด้านนอก
“หยางเวยเราต้องเข้าไปช่วยหรือไม่”
“รอก่อน มีบางอย่างผิดแปลกไป”
“เกิดสิ่งใดขึ้นรึ”
“ข้าว่าพวกเราถูกพวกมันหลอกแล้ว การบุกโจมตีเมื่อเช้าข้าสงสัยว่ามันเป็นแผนการตั้งแต่ต้น นั้นเพราะการสังหารเมื่อเช้าแทบจะไม่มีผู้ใดมีระดับสูงกว่าสีส้มขั้นกลาง แต่เจ้าดูคนที่บุกมาตอนนี้สิ แต่ละคนระดับสีแดงขั้นต้นทั้งนั้น เจ้าพอจำได้หรือไม่ว่าใครเป็นคนเอ่ยวาจาเลี้ยงฉลอง”
เย่เตาส่ายศีรษะไปมา
“ช่างเถอะ อย่างไรเสียพวกศิษย์พี่หวังหลินคงจัดการได้อยู่แล้ว พวกเราเข้าไปตรวจสอบในค่ายกันเถอะ ข้ารู้สึกผิดสังเกตยิ่งนัก”
“เจ้าหมายความว่าจะมีคนวางยาในสุราและอาหารอย่างนั้นรึ”
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกันเย่เตาแต่เจ้าดูสิ เหล่าทหารที่ออกมาช่วยรบมีท่าทางผิดปกติ”
เย่เตาหันไปมองกลุ่มทหารมีหลายคนเริ่มมีอาการอ่อนล้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่การปะทะยังใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ
“รีบไปตรวจสอบเถอะ”
ทั้งสองรีบพุ่งทะยานกลับเข้าไปยังค่ายอีกครั้ง หยางเวยรีบเข้าไปตรวจสอบอาหารที่ยังเหลืออยู่บนโต๊ะ ไม่นานหยางเวยก็ยกยิ้มกล่าววาจาออกมา
“คนจากผาไม้ดำมันเล่นสกปรกเสียจริง เจ้าดูนี้สิ”
หยางเวยนำเนื้อย่างเสียบไม้ที่วางอยู่บนจานกระเบื้องยื่นให้เย่เตาดู
“มีใครบางคนทายาพิษไว้ที่ไม้เสียบ”
เย่เตาตื่นตกใจเล็กน้อย
“แล้วเจ้าพอมียาแก้หรือไม่”
“ตัวข้าไม่มีหรอก แต่ข้ามั่นใจว่ายาถอนพิษต้องอยู่ในตัวของคนวางยาแน่”
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ใดเป็นคนวางยา ”
“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้ เหอะ หากไอ้บ้าเนี่ยฟงอยู่ที่นี่คงจัดการบางอย่างได้ เอาเถอะแต่ตอนนี้ตัวเนี่ยฟงหาอยู่ที่นี่ เราคงต้องจัดการกันเอง”
“หรือเราจะแจ้งผู้อาวุโส”
“อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นดีกว่า เพราะตอนนี้อยู่ระหว่างการต่อสู้ ตัวผู้วางยาเองก็ยังไม่รู้ว่าเราสองคนรับรู้แล้วเช่นกัน คงต้องปล่อยไว้เช่นนี้ก่อน ส่วนพิษข้าตรวจสอบแล้ว ไม่ทำให้ถึงตายเพียงแค่ทำให้ร่างกายอ่อนแรงเพียงแค่นั้น บัดซบยิ่งนัก คนจากผาไม้ดำมันทำทุกอย่างจริงๆ”
ในขณะนั้นเองหยางเวยก็รีบดึงเย่เตาแอบอยู่หลังกระโจมหลังหนึ่ง มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งเสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นคนจากสำนักเจ็ดดาว แอบย่องเข้ามาบริเวณโต๊ะอาหาร สิ่งที่ผู้อาวุโสท่านนี้ทำคือ จัดการเก็บเนื้อย่างเสียบไม้ที่วางอยู่บนจานกระเบื้อง และไม้เสียบที่กองวางอยู่ตามพื้น หยางเวยที่แอบมองอยู่ก็แสยะยิ้ม
“เย่เตาข้าว่าต้องเป็นผู้อาวุโสท่านนี้แน่ที่เป็นคนวางยา ที่คนผู้นี้กลับมาที่นี่ก็คือมาทำลายหลักฐาน เอาละเรารีบจับกุมตัวคนผู้นี้เถอะ ยาถอนพิษอาจอยู่ในตัวของคนผู้นี้ก็เป็นได้ หากสถานการณ์ยังยืดเยื้อเช่นนี้ต่อไป ข้าเกรงว่าเหล่าทหารที่มาช่วยเหลือการทำลายค่ายผาไม้ดำในครั้งนี้จะได้รับอันตราย”
หยางเวยสะบัดมือสวมใส่ถุงมือไหมไว้ในมือ แล้วทำมือไขว้หลังเดินออกมาจากหลังกระโจม
“ไม่คิดเลยว่าตัวท่านเป็นถึงระดับผู้อาวุโสศิษย์สำนักหลายคนต่างเคารพในตัวท่าน แต่ว่าท่านเองกลายเป็นคนจากผาไม้ดำไปเสียได้ หากข้าเดาไม่ผิด ท่านเองเป็นคนจากผาไม้ดำแต่แรกแล้วใช่หรือไม่”
หาได้มีเสียงกล่าวตอบกลับแต่เป็นฝ่ามือขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาหยางเวยแทน หยางเวยเองก็หาได้ตื่นตกใจซัดฝ่ามือขวาเข้าต้านรับ เปรี้ยง ไม่ถึงสองเค่อสัตว์อสูรหมีคลั่งก็ปรากฏออกมาด้านหลังหยางเวย ฟาดฝ่ามือลงมาหมายจัดการชายหนุ่มด้านหน้า เย่เตาที่แอบอยู่รีบสะบัดมือขวากำชับดาบในมือฟาดฟันออกไป ปราณดาบสีแดงพุ่งเข้าหาหมีคลั่งอย่างรวดเร็ว เปรี้ยง หยางเวยเองเมื่อรู้ว่าเย่เตายื่นมือช่วยเหลือก็ถีบเท้าขวาพุ่งเข้าประชิดผู้อาวุโสด้านหน้า พร้อมกับระเบิดปราณพิษในระยะประชิด ตูม ควันพิษสีม่วงฟุ้งกระจาย เสียงฝ่ามือปะทะกันกลางควันพิษ เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง
เย่เตาเองก็หาได้น้อยหน้าฟาดฟันด้วยทักษะประจำตัว ปราณดาบสีแดงหลายสิบเล่มพุ่งเข้าปกคลุมหมีคลั่งประดุจห่าฝน เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ไม่นานหมีคลั่งก็กลายเป็นแสงพุ่งเข้าไปยังควันพิษ ไม่ถึงสิบลมหายใจเสียงปะทะในกลุ่มควันก็เงียบหายไป หยางเวยลากผู้อาวุโสท่านนั้นออกมาจากควันพิษ รีบปลดแหวนในมือโคจรลมปราณตรวจสอบภายในแหวนก็พบว่ามียาแก้พิษอยู่ที่ตามที่คาดการณ์ไว้
“เป็นผู้อาวุโสท่านนี้เองที่เป็นคนวางยา ต่อไปเราต้องตรวจสอบทุกฝีก้าวแล้วละเย่เตา เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีผู้อาวุโสของสำนักอื่น ๆเป็นคนจากผาไม้ดำหรือไม่ เอาเถอะเราเอายาถอนพิษไปข่วยเหลือทหารกัน ส่วนผู้อาวุโสท่านนี้ปล่อยไว้ที่นี่แหละ โดนพิษของข้าไปเต็มๆหากไม่ได้ยาแก้พิษสุดท้ายก็ตกตายอยู่ดี”
หยางเวยรีบพุ่งทะยานเข้าสู่สนามรบอีกครั้ง เย่เตาเรียกอินทรีพยัคฆ์ออกมาเมื่อขึ้นไปยืนบนหลังอินทรีพยัคฆ์ก็พุ่งขึ้นไปบนฟ้าติดตามหยางเวยไป เมื่อมาถึงสิ่งแรกที่หยางเวยกระทำคือตะโกน
“เหล่าพี่ชายทหารทั้งหลาย และศิษย์สำนักทั้งแปดจงฟังข้า ท่านใดรู้สึกตัวว่ากำลังเริ่มที่จะหมดแรง ให้ออกจากสนามรบก่อน พวกท่านถูกวางยาพิษในอาหาร ตัวข้าเองได้ยาถอนพิษจากคนร้ายแล้ว ข้าจะรักษาท่านเอง”