ตอนที่ 22: ดีนะที่คุณชายผู้นี้นึกออก! ฟรี วันที่ 2020/11/06
เมื่อการประลองจบลงระหว่างเซี่ยงเส้าหยุนและอู่หมิงเหลียง ชัยชนะของเซี่ยงเส้าหยุนทำให้ดวงตาของเหล่าผู้ชมนั้นเบิกกว้างและหนุนชื่อเสียงที่มีอยู่แล้วให้มากขึ้นอีก จากที่กล่าวมาทำให้ความลับที่ตนได้บรรลุถึงระดับพื้นฐานขั้นเจ็ดเผยออก ทว่าสิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลต่อผู้อื่นเท่าใดนัก ความสามารถในการเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าในขณะที่อยู่เพียงขั้นเจ็ดนั้นพิสูจน์แล้วว่าเขานั้นมีความสามารถเพียงพอ
“ลูกพี่ ท่านช่างยอดเยี่ยม! ท่านกล่าวแล้ว ว่าจะดูแลข้า! นับจากนี้ข้าจะเป็นคนของท่านตลอดไป!” เซี่ยหลิวฮุยกล่าวขณะจับมือกับเซี่ยงเส้าหยุน
เซี่ยงเส้าหยุนเตะไปยังสีข้างของเซี่ยหลิวฮุยก่อนจะตะโกนด่าทอ “บิดาเจ้าสิ อย่ามาแตะตัวข้า! ข้าไม่อยากเหม็นเหมือนอึ!”
เซี่ยหลิวฮุยแสดงความรู้สึกผิดก่อนจะกล่าวอย่างอ่อนโยน “ข้าเป็นคนเถรตรงมาตลอด ท่านพี่! ข้าเพียงตื่นเต้นนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
ขณะเดียวกันได้มีเสียงตัดผ่านอากาศมาอย่างชัดเจน “ขอแสดงความยินดีกับชัยชนะของเจ้าด้วย เซี่ยงเส้าหยุน!”
เมื่อหันไปมองเซี่ยงเส้าหยุนก็ได้พบกับลู่เสี่ยวฉิงผู้น่ารักกำลังยืนใกล้กับตน ใบหน้าอันบอบบางของนางถูกแต้มด้วยสีชมพูอ่อน เขาหัวเราะก่อนจะตอบ “ขอบคุณเจ้ามาก แต่นี่เป็นเพียงการประลองกับลูกปลาตัวกระจ้อย มิใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องกล่าวถึงเลยสักนิด”
แม้คำเหล่านั้นจะดูถ่อมตน แต่ก็มิอาจปกปิดความภาคภูมิที่ฉายบนใบหน้าได้เลย การได้รับความเยินยอจากผู้ที่งดงามเช่นนี้ช่างน่าอัศจรรย์เสียจริง
“ดูเหมือนผิวหนังของเจ้าจะหนามากเป็นพิเศษสิท่า?” ลู่เสี่ยวฉิงหัวเราะคิกคักเบา ๆ
“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร?” เซี่ยงเส้าหยุนตอบกลับอย่างจริงใจก่อนจะกล่าวกับนาง “ตามข้ามาเถิด แม่นางคนงาม ข้าจะเลี้ยงอาหารเจ้าที่เหลาอาหารเอง”
“หากเจ้ายังเรียกข้าเช่นนี้อีก ข้าจะโกรธแล้วนะ!” ลู่เสี่ยวฉิงค่อนข้างไม่พอใจกับวิธีที่เซี่ยงเส้าหยุนพูดกับนาง
“ก็ได้ ก็ได้ แม่นางเสี่ยวฉิง ข้าขอเชิญเจ้าไปทานอาหาร จะตอบรับข้าหรือไม่?” เซี่ยงเส้าหยุนยังคงเหย้าแหย่นาง
ใบหน้าเล็กน่ารักของลู่เสี่ยวฉิงอาบด้วยสีแดงเข้มเพราะความโกรธ “เรียกข้าว่าลู่เสี่ยวฉิงซะ!”
“ลูกพี่ ข้าไปด้วย! พาข้าไปด้วยนะ!” เซี่ยหลิวฮุยกระโดดมายังเท้าของเซี่ยงเส้าหยุนพร้อมวิงวอน
เซี่ยงเส้าหยุนจ้องมองเซี่ยหลิวฮุยด้วยสายตาเชือดเฉือนก่อนก่นด่าอยู่เงียบ ๆ “เจ้าบ้านี่อ่านบรรยากาศไม่เป็นหรืออย่างไร?” เขานั้นต้องการอยู่เพียงลำพังกับลู่เสี่ยวฉิง แต่เจ้าบ้านี่ตามติดตลอดเวลา ขณะที่ทั้งสามกำลังเดินไปยังเหลาอาหารนั้น ได้มีสองคนปรากฎตรงหน้าพวกเขาอย่างเป็นธรรมชาติ
“เป็นศิษย์พี่โม่ปูหุยกับศิษย์พี่เหม่ยเหลียนฮวานี่!” เซี่ยหลิวฮุยดึงเซี่ยงเส้าหยุนออกมา
“ท่านทั้งสองมีธุระอันใดกับข้าหรือ?” เซี่ยงเส้าหยุนถามอย่างอ่อนน้อม เขานั้นรู้มาก่อนจากเซี่ยหลิวฮุยแล้วว่าทั้งสองเป็นถึงอันดับสองและสามของสวนชั้นนอก
“ฮ่า ๆ ข้าได้ยินศิษย์น้องเซี่ยงกำลังเชิญชวนไปทานอาหาร ถ้าเช่นนั้นขอไปด้วยได้หรือไม่ ข้าสงสัยว่าศิษย์น้องเซี่ยงจะมีน้ำใจต่อเราทั้งสองหรือไม่?” โม่ปูหุยหัวเราะอย่างเริงร่า
“ข้าเชื่อว่าศิษย์น้องเส้าหยุนมิได้ต้องการความเป็นส่วนตัว คงจะไม่รังเกียจหรือไม่?” เหม่ยเหลียนฮวามองยั่วยวนไปยังเซี่ยงเส้าหยุน หากทั้งสองดูถูกเซี่ยงเส้าหยุนก่อนหน้านี้ ทัศนิคติที่มีต่อพวกตนจะต้องพลิกจากดีกลายเป็นร้ายแน่นอน
ไม่เพียงแต่ตอนนี้มีชื่อเสียงเทียบเท่าพวกตนแล้ว เขายังเป็นผู้มีห้าดวงดาวสถิตอีกด้วย ความสำเร็จของเขานั้นจะก่อให้เกิดจันทรคราส ด้วยเหตุนี้การผูกไมตรีต่อกันจึงนับเป็นสิ่งที่ดีกว่าการมุ่งร้าย
ด้วยเซี่ยงเส้าหยุนเป็นกันเองโดยธรรมชาติ เขากวักมือก่อนจะกล่าวอย่างภูมิใจ “ไม่มีปัญหา หากพวกท่านทั้งสองเต็มใจที่จะมาร่วมกับพวกข้า ดังนั้นย่อมต้องเป็นเจ้าภาพที่ดี”
ดังนั้น เซี่ยงเส้าหยุนและพรรคพวกจึงมุ่งไปยังเหลาอาหาร เซี่ยหลิวฮุยอึ้งกับรูปโฉมอันสง่างามของเหม่ยเหลียนฮวาและจ้องมองนางตลอดเวลา ใบหน้าแดงเป็นครั้งคราว เขานั้นเป็นเพียงผู้เยาว์ที่บริสุทธิ์โดยสมบูรณ์ เซี่ยงเส้าหยุนสังเกตเห็นสหายผู้ไร้ประโยชน์ของตนและเริ่มเสียใจที่รับเขามาดูแล เจ้านี่จะทำลายชื่อเสียงอันหาญกล้าของตนเป็นแน่
ขณะที่เดินไปได้เพียงครึ่งทาง ทันใดนั้นความคิดของเซี่ยงเส้าหยุนก็ผุดขึ้นก่อนจะร้องออกมา “บ้าเอ้ย!”
“เกิดอะไรขึ้น?” ลู่เสี่ยวฉิงถาม นางไม่รู้ว่าเหตุใดเซี่ยงเส้าหยุนจึงอุทานออกมา
“ท่านถูกตีจนเลอะเลือนรึ? ลูกพี่อย่าทำให้ข้าตกใจสิ!” เซี่ยหลิวฮุยรีบถาม
“รอข้าสักครู่นะ ข้ามีเรื่องต้องทำที่หอคอยแห่งขีดจำกัด เมื่อเสร็จสิ้นแล้วข้าจะเลี้ยงพวกเจ้าทั้งหมดอย่างที่ไม่คิดไม่ฝันเลย ข้าสัญญา!” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างมั่นใจก่อนจะวิ่งไปยังหอคอยแห่งขีดจำกัด
“บ้าเอ้ย ข้าเกือบลืมไปว่าไม่มีแต้มเหลือแล้ว! ดีนะที่คุณชายผู้นี้นึกออก!” เซี่ยงเส้าหยุนถอนหายใจอย่างโล่งอก หากรู้สึกตัวตอนที่ไปถึงเหลาอาหารแล้วจะต้องพบว่าตนนั้นถังแตกอย่างสมบูรณ์ มันจะต้องสร้างความลำบากใจอย่างมาก เขาจะต้องไปท้าทายห้องที่สองของหอคอยแห่งขีดจำกัดเพื่อเพิ่มแต้มเสียก่อน
“มีเรื่องต้องทำที่หอคอยแห่งขีดจำกัดงั้นรึ? คงไม่ใช่ว่าไปท้าทายห้องแรกกระมัง?” เหม่ยเหลียนฮวาคาดเดา
“อาจเป็นไปได้! ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในยามนี้ มันควรจะเหมาะแล้วที่เขาจะท้าทายห้องแรก เหตุใดเราไม่ตามไปดูล่ะ?” โม่ปูหุยเสนอกับคนในกลุ่ม
“ลูกพี่จะไม่ท้าทายห้องแรกอีกแน่นอน เขาจะต้องไปห้องที่สองแน่ ๆ!” เซี่ยหลิวฮุยตอบกลับด้วยความมั่นใจ
“จริงหรือนี่?!” ลู่เสี่ยวฉิงถามด้วยความประหลาดใจ
“เป็นความจริง! ลูกพี่บอกกับข้าก่อนหน้านี้ว่าเขานั้นผ่านห้องแรกเรียบร้อยแล้ว” เซี่ยหลิวฮุยตอบอย่างภูมิใจ
“เช่นนั้นแล้วพวกเราควรจะต้องไปดูด้วยตาตนเองนะ! ข้าเองก็อยากลองท้าทายห้องที่สองมานานแล้วเช่นกัน!” โม่ปูหุยกล่าวอย่างร่าเริง
เช่นนั้นแล้วพวกเขาจึงตามไปติด ๆ ในตอนนี้ได้มาถึงหอคอยแห่งขีดจำกัดเรียบร้อยแล้ว เซี่ยงเส้าหยุนกำลังเข้าไปยังห้องที่สอง
“ท่านผู้ดูแลที่เคารพ เซี่ยงเส้าหยุนเข้าไปท้าทายห้องที่สองงั้นหรือ?” เหม่ยเหลียนฮวาถามกับผู้ดูแล
ผู้ดูแลพยักหน้าก่อนจะตอบ “ถูกต้อง เขาเข้าไปด้านในแล้ว”
“ข้าบอกแล้วว่าลูกพี่กำลังมุ่งหน้าไปยังห้องที่สอง” เซี่ยหลิวฮุยอุทานก่อนจะขยับเล็กน้อย
“ข้าก็ต้องการเข้าไป” โม่ปูหุยกล่าวอย่างไร้ความลังเล
“เจ้าแน่ใจแล้วรึ?” ผู้ดูแลถาม
“ข้าแน่ใจ” โม่ปูหุยตอบกลับอย่างมั่นใจ
“ก็ได้ เช่นนั้นเข้าไปยังห้องที่เจ้าต้องการ หากเจ้าสามารถอยู่ข้างในได้ถึงหนึ่งชั่วโมง เจ้าก็จะผ่าน” ผู้ดูแลให้คำแนะนำ
“ข้าก็ต้องการจะเข้าไปเช่นกัน!” ลู่เสี่ยวฉิงกล่าวขึ้น
“ศิษย์น้องเสี่ยวฉิงช่างกล้าหาญนัก ข้า เหม่ยเหลียนฮวาก็จะไม่อยู่เฉยเช่นกัน!” เหม่ยเหลียนฮวากล่าวเสริม
“ยอดเยี่ยม พวกเจ้าช่างเป็นผู้เยาว์ที่กล้าหาญนัก! ไม่ว่าพวกเจ้าจะผ่านการทดสอบหรือไม่ก็ควรได้รับคำชม!” ผู้ดูแลหัวเราะ สายตามองทางเซี่ยงเส้าหยุนที่กำลังยืนอยู่ด้านข้าง เขาถาม “พวกเขาทั้งหมดจะเข้าไป แล้วเจ้าล่ะ?”
“เรื่องนี้…ท่านผู้ดูแล ข้ายังไม่เคยท้าทายห้องแรกมาก่อนเลย อย่าได้กล่าวถึง” เซี่ยหลิวฮุยพยายามหลีกเลี่ยง
“งั้นก็ท้าทายห้องแรกเสีย! เจ้าอยู่จุดสูงสุดของระดับพื้นฐานขั้นเจ็ดแล้ว มิได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอก!” ผู้ดูแลสนับสนุนเซี่ยหลิวฮุยก่อนที่จะกล่าวเสริมในภายหลัง “หากเจ้าสามารถอยู่ได้จนครบชั่วโมง เจ้าจะผ่าน คิดว่าอย่างไรเล่า? เจ้าอยากจะลองสักหน่อยไหม?”
เซี่ยหลิวฮุยแสดงสีหน้าหนักใจ อย่างไรก็ตามเมื่อได้เห็นสายตาของเหม่ยเหลียนฮวาที่จ้องมองอย่างดูถูกเหยียดหยาม จึงกัดฟันและประกาศเสียงดังว่า “ข้าจะลอง! ข้า เซี่ยหลิวฮุย ไม่เกรงกลัวสิ่งใดทั้งนั้น!”
ดังนั้นพวกเขาแต่ละคนจึงเข้าไปยังหอคอยแห่งขีดจำกัด ภายในห้องที่สองของหอคอยนั้น เซี่ยงเส้าหยุนได้เริ่มสัมผัสกับบททดสอบในห้องแล้ว
ห้องนี้เป็นการก่อตัวของก้อนหินจำนวนมากที่มีน้ำหนักถึงห้าร้อยกิโลกรัม ซึ่งเป็นน้ำหนักที่เทียบเท่ากับขีดจำกัดของผู้ฝึกยุทธ์ระดับพื้นฐานขั้นเก้าโดยทั่วไป ก้อนหินบินไปมาอย่างไม่หยุดหย่อนภายในห้อง หากประมาทเพียงเล็กน้อยก็จะโดนก้อนหินที่ลอยอยู่ทับในทันทีซึ่งอาจนำไปสู่ความตายได้
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับพื้นฐานขั้นเก้านั้นพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะอยู่ในห้องจนครบหนึ่งชั่วโมง หอคอยแห่งขีดจำกัดนั้นจะมอบบททดสอบ และหากพวกเขาเหล่านั้นประสบความสำเร็จก็จะได้รับรางวัลพิเศษตอบแทนด้วย