บทที่ 30 กฎแห่งทักษะ (อ่านฟรี)
แม้ว่าการตายของมาร์นี่จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มันก็ได้ปลุกผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่วางแผนจะเข้าไปสำรวจในหุบเขาแห่งความตายรู้ตัวว่า ถึงแม้หมอกสีม่วงหนาจะไม่เป็นอันตรายเพราะพวกเขามีคบเพลิงชำระล้างไมแอชม่า แต่มันก็ยังคงมีอันตรายอื่นแอบซ่อนอยู่ในนั้น
แม้แต่ชายขอบของหมอกม่วง ก็ยังมีสัตว์ประหลาดที่สามารถฆ่าผู้เล่นได้ในเสี้ยววิ
ความจริงไม่ใช่แค่ผู้เล่นเท่านั้นที่ตกใจ ซีเว่ยที่มองลงมาจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เองก็ตกใจไม่แพ้กัน
เขาใช้พลังงานเทพเจ้าเปิดตาศักดิ์สิทธิ์เพื่อดูว่ามาร์นี่ตายที่ไหน
ในอดีตที่นี่เคยเป็นสนามรบของเหล่าทวยเทพ หุบเขาแห่งความตายนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคและกระแสพลังอันปั่นป่วน ที่ทำให้ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ของเขาไม่สามารถมองทะลุเข้าไปได้
นั่นเป็นเหตุผลหลักว่าทำไม ซีเว่ยจึงต้องส่งผู้เล่นไปสำรวจแทนที่เขาจะไปด้วยตัวเอง
โชคดีว่าชายขอบที่ผู้เล่นอยู่ในตอนนี้ไม่มีอุปสรรคเหล่านั้น ทำให้ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ของซีเว่ยสามารถมองผ่านหมอกม่วงได้อย่างง่ายดาย และเห็นสัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ในหมอกเหมือนเงาแห่งความตายได้
มันเป็นสัตว์ประหลาดที่รู้จักกันในชื่อของ ‘ราชาแมงมุมกระโหลก’ มันเป็นแมงมุมกระดูกขนาดใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้แตกต่างจากสัตว์ประหลาดอย่าง 'แมงมุมป่า' เพียงแต่ราชาแมงมุมกระโหลก มักจะมองหากระดูกของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ และใช้ใยมัดกระดูกติดไว้ตามตัวของมันรวมถึงขาทั้ง 8 ข้าง แถมช่องท้องที่เปราะบางที่สุดของมัน ก็ยังมีกะโหลกของยักษ์หรือสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ตัวอื่นพันติดอยู่เพื่อเสริมการป้องกัน
นอกจากนั้น มันยังมีพละกำลังมากมายมหาศาลอย่างน่าประหลาดใจ และสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันจะแบกกระดูกสัตว์ที่หนักกว่าตัวมันหลายเท่า และมันยังเป็นสัตว์กินเนื้อที่กินมากถึงสองในสามของน้ำหนักตัวในแต่ละวัน แถมมันยังมีสติปัญญาสูงมากและดุร้าย มันมักซุ่มโจมตีผู้บุกรุกที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเอง นอกจากขาทั้ง 8 ข้างอันแหลมคมของมันแล้ว แม้แต่ขากรรไกรล่างของพวกมันก็ยังมีพิษร้ายแรง
ก่อนหน้านี้มาร์นี่ได้ถูกมันกัด จากนั้นร่างของเขาก็ละลายและตายลงทันที!
ในหนังสือภาพสัตว์ประหลาดที่รวบรวมโดยสมาคมนักผจญภัยแห่งภาคพื้นทวีป ได้จัดลำดับให้สัตว์ประหลาดตัวนี้อยู่ในระดับ ‘อันตรายสูง’ เงื่อนไขที่แนะนำในการออกล่าก็คือ ต้องมีทีมที่มีนักผจญภัยมากประสบการณ์กว่า 30 คนขึ้นไป
“ปรากฏว่าไม่ใช่มีแค่พวกเรเวแนนท์ในหุบเขาแห่งความตายสินะ…” ซีเว่ยเอาหนวดแตะคาง เขาพลาดอีกแล้ว
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ การที่มาร์นี่ถูกฆ่าและร่างของเขาไม่สามารถกู้คืนได้ เขาก็แค่เลเวลลดและรอฟื้นคืนชีพในอีก 3 วันต่อมาเท่านั้น
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากผู้เล่นต้องการเข้าสู่หมอกม่วงเพื่อไปช่วยลุงคนนั้น ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาในตอนนี้ มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะพากันไปตายเพิ่มเท่านั้น
หากเขาต้องการช่วยผู้เล่นนั่นก็ง่ายนิดเดียว เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากเลย แค่ต้องเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับราชาแมงมุมกระโหลกเป็นข้อมูลอ้างอิงและส่งมันไปให้ผู้เล่น เขามั่นใจว่าผู้เล่นจะสามารถกำหนดกลยุทธ์รับมือมันได้อย่างแน่นอน
แต่เขาไม่คิดจะช่วย
นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้เล่นสำรวจดินแดนใหม่ หลายครั้งประสบการณ์ ‘ครั้งแรก’ ก็เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาสัญชาตญาณบางอย่าง
ซีเว่ยสามารถช่วยพวกเขาได้ครั้งหรือสองครั้ง แต่มีหลายสิ่งในโลกมนุษย์ที่เขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้ นอกจากนี้หากผู้เล่นคุ้นเคยกับความช่วยเหลือของซีเว่ย และเอาแต่พึ่งพาเทพเจ้าไปทุกเรื่อง พวกเขาจะไม่สามารถทำอะไรได้หากพวกเขาไม่ได้รับข้อมูลจากเทพเจ้า เมื่อถึงเวลาคับขันที่คำอ้อนวอนของพวกเขาไม่ได้รับคำตอบ พวกเขาก็อาจจะหมดศรัทธาในตัวเทพเจ้าได้ง่าย ๆ
ถึงยังไงผู้เล่นก็จะไม่มีวันตายจริง ๆ อยู่แล้ว เพราะงั้นจึงเป็นการดีที่จะให้พวกเขาได้ฝึกฝนกันสักหน่อย
“ทำให้ดีที่สุด อย่าทำให้ฉันผิดหวัง…” ซีเว่ยตัดสินใจที่จะยืนดูสตรีมสดบนอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขาต่อไป
โชคดีที่เอ็ดเวิร์ดและคนอื่น ๆ ไม่ได้โง่ พวกเขารู้ทันทีว่าจะต้องมีสัตว์ประหลาดแอบซ่อนอยู่ในไมแอชม่า
พวกเขาจึงเพียงแค่ยืนอยู่นอกหมอกม่วงที่มาร์นี่ถูกฆ่าตาย และตะโกนบอกให้ผู้เล่นคนอื่นระดมยิงทักษะระยะไกลออกมาพร้อม ๆ กัน
สำหรับสัตว์ประหลาดธรรมดา ความเสียหายที่ผู้เล่นเลเวล 7-8 ทำได้นั้น ถือว่าค่อนข้างรุนแรง
หลังจากที่ราชาแมงมุมกระโหลกถูกห่าการโจมตีของรัศมีดาบ ลูกธนู และทักษะสุ่มอื่น ๆ เข้าไป เกราะกระดูกของมันก็แตกออก มันล่าถอยเข้าไปในหมอกม่วงลึกเข้าไปในหุบเขาแห่งความตาย
ขณะเดียวกัน ผู้เล่นแนวหน้าที่เหลืออีก 4 คนก็ได้เข้าไปในไมแอชม่าเพื่อค้นหา ‘แอ่งน้ำพิษ’ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นมาร์นี่
พวกเขาใช้เวลาไม่กี่วิไว้ทุกข์ให้กับเพื่อนร่วมทีม และจากนั้นทุกคนก็เดินหน้ากันต่อ
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เมื่อมองจากด้านนอกของไมแอชม่า พวกเขาจะเห็นเพียงกำแพงหมอกม่วงจากภายนอก และมองไม่เห็นอะไรด้านในเลย แต่หลังจากปาร์ตี้ของเอลีน่าเข้ามาพร้อมกับคบเพลิงชำระล้างไมแอชม่า หมอกก็เบาบางลงมาก ราวกับว่าพวกเขามีเลนส์กรองแสงสีม่วง ที่ทำให้พวกเขามองเห็นสภาพรอบตัวได้ในระยะไม่เกิน 10 เมตร
จากการติดตามร่องรอยที่ราชาแมงมุมกระโหลกเหลือทิ้งไว้ ผู้เล่นทั้ง 4 จึงได้ไล่ตามมันไปตลอดทาง จากนั้นพวกเขาก็พบแมงมุมตัวใหญ่ที่กำลังขุดหลุมอยู่!
ทันทีที่ผู้เล่นเห็นแถบ HP ด้านบน พวกเขาก็ขยับตัวโดยไม่ลังเล
การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว
ในฐานะที่โจเป็นวอร์ริเออร์ เขารีบวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่แม้แต่จะชักดาบ และตรงเข้าไปจับต้นขาหนา ๆ ของแมงมุมแล้วโยนมันกลับหลังทันที
หากผู้ศรัทธาในศาสนจักรอื่นมาเห็นวิธีการต่อสู้เช่นนี้ พวกเขาคงจะหัวเราะ และคิดว่าโจเป็นไอ้โง่ที่ไม่รู้จักขีดจำกัดของตัวเอง
ถ้าพูดกันตามหลักเหตุผลแล้ว ความแข็งแกร่งของโจก็ไม่เพียงพอจริง ๆ เขาไม่อาจยกราชาแมงมุมกระโหลกขึ้นมาได้แน่ เพราะเกราะกระดูกของมันมีน้ำหนักมากกว่า 5 ตัน! และต่อหน้าราชาแมงมุมกระโหลก โจก็สูงไม่เท่าครึ่งขาของมันเลย!
แต่ถึงอย่างนั้น ความจริงก็ได้ทำให้ผู้คนจากศาสนจักรอื่นอ้าปากค้าง เพราะโจยกราชาแมงมุมกระโหลกขึ้นมาได้จริง ๆ!
นี่คือความแตกต่างระหว่างวิธีการต่อสู้ของผู้เล่นกับคนธรรมดา
แม้ว่าโลกแฟนตาซีนี้จะมาพร้อมกับพลังเหนือธรรมชาติ อย่างพลังศักดิ์สิทธิ์และเวทมนตร์ แต่ความสามารถเหล่านั้นก็ไม่เป็นระบบ
พูดให้ถูกก็คือโลกนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า 'ทักษะ'
นั่นทำให้ซีเว่ยใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้ได้อย่างเต็มที่
ด้วยบัญชาศักดิ์สิทธิ์จากอำนาจที่ครอบคุลมของเขาในฐานะเทพเจ้าแห่งเกม เขาจึงได้บัญญัติกฎใหม่ขึ้นมาชื่อว่า ‘กฎแห่งทักษะ’
ลำดับของกฎนี้ต่ำมาก มันใช้ไม่ได้ผลกับผู้ถูกเลือกและสัตว์ประหลาดระดับตำนาน แต่มันก็ยังคงเป็นกฎ ไม่ว่ามันจะมีระดับต่ำเพียงใดก็ตาม!
ตามกฎแห่งทักษะ ถ้าคุณโดนทักษะดาบส่งตัว (Upper Pick) คุณจะปลิวขึ้นไปบนฟ้า หากคุณโดนเวทย์ไฟนรก (Hellfire) คุณจะโดนเผาไหม้ตามระยะเวลาของทักษะ หากคุณโดนทักษะซูเพล็กซ์ แม้ว่าคุณจะเป็นก็อตซิลล่า คุณก็ยังโดนท่าเยอรมันซูเพล็กซ์ทุ่มหัวปักดิน...
แน่นอนว่าเมื่อใช้กฎนี้ มันจะถูกจำกัดด้วยค่าความเสียหายที่ 'ทักษะ' ทำได้และ 'ค่าป้องกันของศัตรู'
ตัวอย่างเช่น ถ้ามันเป็นผู้ชายกล้ามโตที่ใช้ท่าซูเปอร์เพล็กซ์กับราชาแมงมุมกระโหลกโดยไม่ใช้ทักษะ มันอาจจะทำให้แมงมุมตัวนี้หัวแบะและขาหงิกงอได้
แต่ในทางกลับกัน ราชาแมงมุมกระโหลกตัวนี้เพียงแค่มึนงงอยู่พักหนึ่งหลังจากที่โจโยนมันหัวปักดิน โดยที่มันไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย นั่นเป็นเพราะความเสียหายของทักษะซูเพล็กซ์นั้นลด HP ตามจำนวนค่าพลังโจมตีของโจ และ HP ที่ลดนั้นก็ไม่ได้ทำให้ราชาแมงมุมกระโหลกบาดเจ็บสาหัส
แถมหลังจากที่โจลุกขึ้นยืนได้แล้ว ราชาแมงมุมกระโหลกก็จะมีภูมิคุ้มกันสั้น ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เล่นจับมันทุ่มเรื่อย ๆ ไม่หยุด เพื่อลด HP ของศัตรูเมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่พวกเขาไม่อาจเอาชนะได้
ความจริงซีเว่ยไม่ได้ตั้งค่าภูมิคุ้มกันนี้เมื่อเขาสร้างกฎ มันเป็นโลกที่แก้ไขกฎบางส่วนและปิดกั้นประตูลับไปสู่ชัยชนะของผู้เล่นที่ซีเว่ยแอบเปิดทิ้งไว้ และนั่นก็ทำให้ตัวเอกของเรารู้สึกเสียใจมาก...
-----------------------------------------------------------------