ตอนที่ 73-74
ตอนที่ 73 : จี้อู๋ฮุยพิโรธ
เห็นได้ชัด ว่าทุกคนต่างคิดว่าเรื่องราวน่าสนุกและรับชมเป็นอย่างยิ่ง
บางคนกระทั่งนำของขบเคี้ยวออกมารับชมลั่วฉวนลงมือ กระทั่งพูดคุยต่อกันว่าถัดจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อ
และข่าวคราวนี้ไม่ช้าก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรแล้ว จักรวรรดิเทียนชิงก็ไม่ใช่สถานที่ซึ่งผู้ฝึกตนจะก่อการได้ตามใจชอบ
คิดใช้โอกาสนี้ลงมือเพื่อซื้อใจจักรวรรดิเทียนชิงก็ถือเป็นโอกาสอันดี!
“พวกเราทำอย่างไรดี?” เจียงเฉิงจวินกล่าวกระซิบ
“ยังจะทำอะไรได้? รับชมสิ!” ปู้หลี่เกื๋อกลอกตามองพร้อมกระซิบตอบ
แม้ตัวตนคนทั้งสองสูงส่งไม่น้อย กระนั้นกับที่นี่ย่อมไม่กล้า
สิ่งที่ควรทำตอนนี้ คือไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย
“ต้องกล่าวเลย ว่าหากชายคนนั้นลงมือต่อจี้เทียนเฮา เช่นนั้นคงไม่เหลือที่ให้หยัดยืนแล้ว”
“เหอะเหอะ หากผู้ใดกล้ามายุ่งเกี่ยวกับสตรีข้า เช่นนั้นข้าย่อมไม่ปล่อยมันไปแน่!”
“จุ๊จุ๊ เจ้าก็เพียงแค่ขอบเขตโชคชะตา ข้าเกรงว่าจะมีแต่ต้องคุกเข่าให้จี้เทียนเฮา!”
“บัดซบ เจ้าไม่เชื่องั้นหรือ? เช่นนั้นตามมา! ไปยังเทือกเขาจิ่วเหยานอกเมืองแล้วข้าจะแสดงให้ได้ทราบ!”
“ได้! ผู้ใดกลัวเกรง...”
ฝูงชนพูดคุยไปมาก่อนจะชวนทะเลาะกันเองพลางรับชมเรื่องราวจนเกิดความวุ่นวายไปทั่ว
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างมองที่ลั่วฉวน พวกเขาคิดอยากได้เห็นว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างไรกับจี้เทียนเฮา
เมื่อจี้เทียนเฮาได้เห็นสีหน้าลั่วฉวน สีหน้าของอีกฝ่ายยังคงเฉยชา ส่วนตัวเขาได้แต่ตระหนกแตกตื่น
“เจ้า หากล้าทำอะไรข้า เช่นนั้นจะถือเป็นศัตรูต่อจักรวรรดิเทียนชิง!”
จนกระทั่งถึงตอนนี้ จี้เทียนเฮาก็ยังไม่ลืมที่จะกล่าววาจาข่มขู่ต่อลั่วฉวน
“นี่เจ้ายังไม่ทราบสถานการณ์กระจ่างชัดพอหรือไร?”
ลั่วฉวนยังคงเผยสีหน้าเฉยชาไม่แปรเปลี่ยนราวกับเป็นเช่นนี้นานนับพันปี เป็นผลให้ผู้อื่นไม่อาจคาดเดาได้ว่าภายในนั้นคิดอะไรอยู่
จี้เทียนเฮากัดฟันแน่น ดวงตานั้นเผยความขุ่นแค้นพร้อมฟาดจี้ห้อยคอหยกที่ข้อมือลงพื้น
ลั่วฉวนรู้สึกว่าภาพฉากช่างคุ้นตา และเขาก็ไม่คิดถอยแต่อย่างใด
ต่อหน้ากำลังอันไร้เทียมทาน ไม่ว่าอะไรก็ไม่อาจต้านทานได้!
ด้วยจี้หยกตกลงพื้นพร้อมแตกออก พริบตานี้จึงเกิดคลื่นที่ไม่อาจมองเห็นกระจายสู่โดยรอบ
ทันใดนี้ ทั้งนครจิ่วเหยาจึงถูกปกคลุมด้วยออร่าชวนสะพรึง
ค่ายอาคมคุ้มกันถูกกระตุ้นการทำงานแล้ว!
พระราชวังหลวง
จี้อู๋ฮุยซึ่งกำลังรวบรวมเขียนพู่กัน ขณะนี้ฝ่ามือสะท้านจนทำหมึกเป็นรอยอันไม่พึงประสงค์
ทว่าเขาไม่ได้คิดสนใจเรื่องนี้ ดวงตานั้นจับจ้องไปยังทิศทางซึ่งภัตตาคารเซียนวิหคอมตะตั้งอยู่ และออร่าที่เป็นของเขาเองนั้นได้หลุดออกอย่างอย่างไม่อาจควบคุม
“องค์เหนือหัวเกิดเรื่องใดขึ้น?”
ร่างของเหล่าไป่พลันปรากฏด้านหลังจี้อู๋ฮุย
ในดวงตานั้นเผยซึ่งความสับสน ว่าเหตุใดองค์เหนือหัวของตนที่ปกติไม่เคยมีโทสะขณะนี้จึงมีได้
ตัวเขาแทบไม่กล้าหายใจแรงในสถานการณ์เช่นนี้
“ค่ายอาคมนครจิ่วเหยาทำงาน!”
จี้อู๋ฮุยสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามสะกดคลื่นโทสะภายในใจและกล่าวออก
ขณะเสียงกล่าวคำจบ ภาพฉากภายในนครจิ่วเหยาจึงปรากฏขึ้น
แสงสีทองขณะนี้ได้เข้าปกคลุมทั้งนครจิ่วเหยา
นี่คือปรากฏการณ์ที่บ่งบอกถึงการเริ่มใช้งานค่ายอาคมคุ้มกัน!
เหล่าไป่เผยอาการตื่นตกใจยามได้ทราบเรื่อง
เป็นที่ทราบกันว่าลัญจกรหยกแห่งอาณาจักรนั้นสามารถใช้เปิดค่ายอาคมคุ้มกันของนครจิ่วเหยาได้ และลัญจกรหยกดังกล่าวก็อยู่ในมือของจี้อู๋ฮุย
แต่ทว่า...
เหล่าไป่นึกถึงอีกหนึ่งความเป็นไปได้
จี้อู๋ฮุยให้ค่าผู้สืบสายเลือดตนไว้เป็นอย่างสูง ดังนั้นทุกคนจึงมีจี้ห้อยคอหยกไว้คุ้มกันชีวิต
และวันนี้ องค์ชายสองก็ออกไปนอกพระราชวังหลวง
เป็นไปได้ว่าที่ค่ายอาคมคุ้มกันใหญ่เปิดการทำงานขึ้น เป็นเพราะเกิดอันตรายขนาดจี้หยกถูกทำลาย...
ตอนที่ 74 : เหล่าไป่ปรากฏตัว
“เหล่าไป รบกวนเจ้าไปดูแล้ว” จี้อู๋ฮุยที่สงบใจได้ค่อยกล่าวคำเสียงเบาออกมา
เหล่าไป่คือขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่แปด แม้ว่าในนครหลวงยามนี้มีผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน ทว่าเขาก็คือตัวตนอันสูงสุด!
“องค์เหนือหัววางใจ ข้าย่อมนำฝ่าบาทกลับมาอย่างปลอดภัย!”
ก่อนสิ้นเสียงเหล่าไป่ ร่างนั้นก็เลือนหายไปแล้ว
“กล้าทำร้ายบุตรชายข้า ไม่ว่าเป็นผู้ใด วันนี้เจ้าต้องจ่ายด้วยราคาอันสาหัส!”
จี้อู๋ฮุยมองทางนครหลวงที่อยู่ไกลออกไป สีหน้ายามนี้เผยความเย็นเยือก
ด้วยฐานะจักรพรรดิ เขาไม่สนว่ามือนี้จะต้องเปื้อนเลือดสักเพียงใด
ความเร็วของขอบเขตทดสอบเต๋าย่อมมากล้ำ
ด้วยเวลาเพียงไม่กี่สิบชั่วลมหายใจ เหล่าไป่ก็มาถึงภัตตาคารเซียนวิหคอมตะแล้ว
พบเห็นจี้เทียนเฮายังมีลมหายใจ เหล่าไป่ค่อยถอนหายใจโล่งอกได้
ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต เรื่องราวก็ย่อมง่ายดายลง
สีหน้าเหล่าไป่ยามนี้เผยความเย็นเยือก ร่างนั้นเคลื่อนหายตัวเข้าไปในภัตตาคาร
เขาคิดอยากได้เห็น ว่าผู้ใดหาญกล้าหาเรื่องต่อราชวงศ์ในนครจิ่วเหยาแห่งนี้!
ผู้คนที่สัญจรเพียงรับรู้ถึงร่างเงาที่เคลื่อนผ่าน พวกเขาไม่ทราบว่าเกิดเรื่องใดขึ้น...
ขณะเดียวกัน จี้เทียนเฮาได้ถูกแสงสีทองอ่อนเข้าปกคลุมประหนึ่งเทพลงมาเยือนผืนแผ่นดิน
ด้วยพรจากค่ายอาคมคุ้มกันเมือง จี้เทียนเฮาจึงเผยความมาดมั่นออกมาได้
กระทั่งว่าเป็นยอดฝีมือทดสอบเต๋าระดับสูงสุดโจมตีใส่ เขาก็ยังสามารถต้านรับได้หลายชั่วสิบลมหายใจ!
กระนั้นที่เขาไม่ทราบ คือหากลั่วฉวนคิดอยากสังหาร ต่อให้นำทั้งค่ายอาคมมารวมพลังที่ตรงนี้และเพิ่มอีกสักสิบเท่าก็ไร้ประโยชน์!
และลั่วฉวนเองก็ไม่ใช่บุคคลกระหายเลือดถึงเพียงนั้น
แต่หากมีใครยังคิดสั้นมาหาเรื่อง...
เวลานี้เองที่เหล่าไป่เข้าถึงด้านในภัตตาคาร
เมื่อผู้รับประทานมื้อค่ำพบเห็น สีหน้าพวกเขาจึงแปรเปลี่ยนพร้อมกระซิบกันเสียงดัง
“เหล่าไป่ที่เคียงข้างจักรพรรดิเทียนชิงมาโดยตลอด กำลังนั้นคือขอบเขตทดสอบเต๋า! ด้วยเหล่าไป่ปรากฏตัว องค์เหนือหัวคงพิโรธแล้วเป็นแน่!”
“หากเหล่าไป่ลงมือ ชะตาคนผู้นั้นก็คาดเดาได้แล้ว!”
“เฮ้อ น่าเสียดาย...”
สายตาผู้รับประทานอาหารค่ำมื้อนี้ต่างมองที่ลั่วฉวนด้วยความเสียดาย
เหล่าไป่คือยอดฝีมือขอบเขตทดสอบเต๋า และลั่วฉวนที่น่าจะอายุยังไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำ มีหรือจะแข็งแกร่งทัดเทียมอีกฝ่ายได้?
จากที่เห็น ผลลัพธ์ก็ชัดเจนเกินพอแล้ว
“เหล่าไป่ ช่วยข้าด้วย!”
จี้เทียนเฮาเผยความยินดีเมื่อพบเห็นเหล่าไป่ปรากฏตัว
สำหรับจี้เทียนเฮา ลั่วฉวนนั้นน่ากลัวเกินกว่าจะรับมือได้ไหว
ด้วยเพียงตบหน้า หลี่มู่เป็นหรือตายก็ไม่ทราบ และหากนั่นเป็นตนเอง...
เฮือก!
เพียงคิดก็ทำหัวใจต้องหล่นไปกองกับพื้นแล้ว!
แม้ได้รับพรจากค่ายอาคมคุ้มกันเมือง แต่ก็ไม่ใช่ทำให้จี้เทียนเฮาวางใจไปได้ตลอดรอดฝั่ง
เพราะเขาได้ทราบ ว่าลั่วฉวนสงบจนน่ากลัว
มันสงบจนขนาดจี้เทียนเฮาต้องหวาดกลัวจากก้นบึ้ง!
ตัวตนของจี้เทียนเฮาเดิมไม่สนเรื่องการฝึกฝน ดังนั้นจึงไม่ทราบเข้าใจถึงพลังของค่ายอาคมคุ้มกันเมืองแต่อย่างใด
กระนั้นเขาทราบว่าเหล่าไป่แข็งแกร่ง และเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งทัดเทียมทัพนับหมื่นชีวิต!
พบเห็นเหล่าไป่มาถึง จี้เทียนเฮาจึงค่อยถอนหายใจออกได้
กระนั้นความจริงที่เกิดขึ้นกลับเหนือกว่าที่จี้เทียนเฮาจะคาดคิด
เขาได้พบ ว่าเหล่าไป่เผยสีหน้าผิดแปลกออกไป
กระนั้นจี้เทียนเฮาไม่คิดใส่ใจ เพราะตัวเขาเชื่อมั่นในกำลังของเหล่าไป่
“เหล่าไป่ ชายคนนี้คิดตบหน้าข้า เอาชีวิตมันมาให้ข้า!”
จี้เทียนเฮาชี้ที่หน้าลั่วฉวนด้วยคำเสียงดัง ตัวเขาปรารถนาสังหารอีกฝ่ายตกตายตรงหน้าที่กล้าทำตนเองหวาดกลัวถึงเพียงนี้