ตอนที่ 149 โจมตีด้วยสถานะ
ตอนที่ 149 โจมตีด้วยสถานะ
ย้อนกลับไปไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ทวิสเต็ดได้ทำการส่งข้อความไปหาเจสเปอร์ที่สู้อยู่อีกฝากด้วยความร้อนใจ เนื้อหาใจความที่ทวิสเต็ดส่งออกไปนั้นเป็นการคาดคะเนของตัวนักฆ่าหนุ่มเองล้วนๆ มันมีบางอย่างที่เขาเชื่อมั่นว่าวูลฟ์ไชน์จะไม่สู้กับเขาจนถึงตายอย่างแน่นอน เพราะตลอดเวลาที่สู้พวกเขากัน นักฆ่าคนนี้ไม่เคยคิดใช้สกิลอำพรางตัวเองออกมาเลยเหมือนจงใจเก็บสกิลนี้เอาไว้เพื่อเป็นทางหนีให้กับตัวเองยังไงยังงั้น
นักฆ่าส่วนใหญ่มักมีนิสัยเหมือนๆกันคือจะหนีเมื่อรู้ว่าตัวเองสู้ไม่ได้ ถึงพวกเขาจะมีศักดิ์ศรีค้ำคอมากเพียงใด แต่สุดท้ายแล้วคนที่เล่นอาชีพนักฆ่าส่วนใหญ่ก็รักตัวกลัวตายกันอยู่ดี ในเมื่อรู้ว่าตัวเองมีสกิลอำพรางตัวเป็นที่พึ่งใครบ้างล่ะจะเอาตัวเองเป็นตายง่ายๆแบบนั้นนอกเสียจากว่าจำเป็นต้องตายจริงๆ?
[ทวิสเต็ด: เจส…ฉันคิดว่าหมอนี้น่าจะเก็บสกิลอำพรางตัวเพื่อเอาไว้หนี ยังไงนายช่วยเตรียมสกิล ‘ดวงตาแห่งความจริง’ ให้ฉันที ส่วนทางฉันจะดึงการต่อสู้ไปใกล้กับกลุ่มของพวกนายเอง]
เมื่อข้อความถูกส่งไปทวิสเต็ดก็ซัดมีดอาบยาพิษเข้าใส่วูลฟ์ไชน์อย่างไม่หยุดยั้ง เขาจงใจปามีดให้ไม่โดนนักฆ่าผู้นั้นเพื่อบีบบังคับให้วูลฟ์ไชน์หลบไปตามเส้นทางที่เขาว่างเอาไว้ก่อนที่จะซัดมีดดอกสุดท้ายที่เตรียมไว้เพื่อสะกดให้ศัตรูเชื่องช้าลง
แน่นอนว่าทวิสเต็ดจงใจแบบนั้นจริงๆ มีหรือที่คนอย่างเขาจะปาอาวุธลับได้ย่ำแย่ขนาดนั้น เขาเป็นถึงผู้กล้าที่ถูก NPCระดับตำนานทั้งสองคนเลือกให้เป็นผู้สืบทอดวิชาของภาคีเงาตะวันเชียวนะ ไหนเลยจะทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธลับอย่าง NPC เรมมี่(Remmy the Whisper) ผิดหวังได้กันล่ะ!
เมื่อวูลฟ์ไชน์ติดสถานะพิษของแมงมุมแม่ม่ายดำเข้าไป ทวิสเต็ดก็จงใจเดินบีบระยะเข้าไปอีกนิด สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ตัวของวูลฟ์ไชน์ดั่งหมาป่าที่กำลังมองกวางตัวน้อยเป็นอาหาร ก่อนที่จะเห็นว่าดวงตาอันสุกใสของกวางตัวน้อยมองไปยังฝูงของมันด้วยความหวัง ช่วงจังหวะนั้นเองหมาป่าอย่างทวิสเต็ดก็ได้เหลือบมองไปยังหมาป่าอีกตัวที่ไล่ตามฝูงกวางมา พร้อมให้สัญญาณซึ่งกันและกัน
‘วันนี้ฉันไม่ใช่หมาป่าเดียวดายอีกต่อไปแล้ว ฉันเป็นฝูงหมาป่าที่จะดับความหวังลมแล้งๆของแกเจ้ากวางน้อย!!’
[ดวงตาแห่งความจริง!!]
เมื่อเปิดใช้งานสกิลนี้ออกไป วูลฟ์ไชน์ก็ถือว่าสิ้นชีพโดนสิ้นเชิง ส่วนจะตายยังไงนั่น? เจสเปอร์หาได้ให้ความสนใจแม้แต่น้อย งานเก็บกวาดของเขายังไม่เสร็จ เป้าหมายขุมทรัพย์เคลื่อนที่ยังมีลมหายใจจะให้เขาปล่อยมือได้อย่างไรจริงไหม?
“หัวหน้าวูลฟ์ไชน์ตายแล้ว!!” หนึ่งในสมาชิกกิลด์ Blood Commanderคนหนึ่งโพล่งคำที่สะเทือนใจนี้ออกมา พวกเขามาอยู่ในระยะที่มองเห็นหัวหน้าของพวกเขาได้แล้ว แต่สภาพที่เห็นกลับกลายเป็นความรู้สึกขั้วตรงกันข้ามไปเสียอย่างนั่น เมื่อเสาหลักถูกโค่นลงย่อมกระทบกับความรู้สึกของทุกคนเป็นธรรมดา
สมาชิกกิลด์ Blood Commanderลำพังแค่เสียเพื่อนร่วมทีมไปหลายคนก็ถือว่าแย่มากพอดูอยู่แล้ว บัดนี้ยังต้องเสียหัวหน้าที่แข็งแกร่งไปต่อหน้าต่อตาอีก จะให้มีขวัญกำลังใจสู้ต่อได้อย่างไร? วินาทีนั้นเองพวกเขาแต่ละคนก็ต่างวิ่งหนีแตกกระเจิงกันไป คนละทิศคนละทางไม่เหลือคราบของผู้เล่นกิลด์ชั้นนำอีกต่อไป
“พวกแกจะไปไหน!! อยู่สู้กับฉันก่อน พวกเรามีจำนวนมากกว่าจะกลัวพวกมันไปทำไม กลับมาเดี๋ยวนี้ นี้เป็นคำสั่ง!!” เรย์ตะโกนเรียกสมาชิกในกิลด์ ราวกับคนบ้า เขาพยายามพูดปลอบใจคนอื่นให้สู้ต่ออย่างสุดแรง แต่ทว่าคนที่เข้ากิลด์มาใหม่และใช้เงินซื้อตำแหน่งอย่างเขาจะมีน้ำหนักและบารมีแทบเท่ากับวูลฟ์ไชน์ที่เป็นแกนนำหลักของกิลด์ได้อย่างไร?
‘เอาเงินมาฟาดน่ะเหรอหรือจะใช่ไอเท็มเข้ามาหลอกล่อ!’ น่าขัน!
ของพวกนี้ใช้หลอกล่อคนที่หมดใจสู้ไม่ได้หรอก แต่ละคนแตกกระเจิงวิ่งหนีเข้าไปในป่า กอดสถานะฆาตกรติดตัวไปด้วยความหวาดกลัว พระจันทร์ที่ทอแสงให้ความอบอุ่นไม่อาจโอบกอดคนพวกนี้ตามเข้าไปในป่าอันมืดมิดได้อีกแล้ว ชั่วขณะต่อมาเสียร้องของคนพวกนี้ก็ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ที่ละคนสองคน ชื่อของพวกเขาค่อยดับแสงไป ในที่สุดก็เหลือเพียง นักแสดงหนุ่มเรย์เป็นคนสุดท้าย
“อย่าคิดว่าฉันจะกลัวพวกแก...อย่างมากก็แค่ตาย จำเอาไว้ให้ดี ฉันเรย์คนนี้จะเอาคืนพวกแกอย่างสาสม”แม้คำพูดของนักแสดงหนุ่มจะดูแข็งกร้าวไม่ยอมแพ้ แต่การแสดงออกทางร่างกายของเขากลับไม่แข็งแกร่งดั่งคำที่พูดเลย มีเหงื่อเม็ดเบ้อเร้อพุดขึ้นที่ใบหน้าของเขา สองแขนที่ถือโล่และดาบสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว แต่เมื่อมองไปยังสองขาของชายหนุ่มกับเห็นว่าเท้าทั้งสองข้างยืนปักหลักแน่นอยู่กับพื้นไม่ไหวติง
ไม่ใช่ว่าเขาทำทีเป็นอ่อนแอให้ศัตรูตายใจแต่อย่างใด แต่เขากลัวจนขาไม่สามารถก้าวขาให้ขยับได้ต่างหากล่ะ!
“งั้นเหรอ!!ส่วนใหญ่ก็ชอบพูดกันแบบนี้”เจสเปอร์หยักไหล่ขึ้นเล็กน้อย ไม่แยแสต่อคำขู่ที่ได้รับ
ผู้ควบคุมธาตุเหวี่ยงดาบในมือเข้ากับปะทะกับโล่ของอัศวินเรย์ที่ยกขึ้นมาป้องกันอย่างแรง แรงกระทบที่เกิดขึ้นผลักชายทั้งสองให้กระเด็นถอยหลังออกไปเล็กน้อย สนามต่อสู้ก็พลันสงบนิ่ง ทวิสเต็ดที่เก็บไอเท็มจากวูลฟ์ไชน์ขึ้นมาจนหมดก็ถือโอกาสนี้หลบไปยืนพิงต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากระยะการต่อสู้ จ้องมองดูชายทั้งสองคนสู้กันแบบดวลเดียว สองมือกอดอกแน่นพร้อมกับพูดคุยกับคนที่หลบซ่อนอยู่ในที่มืดอย่างออกรส
“พวกแกคิดจะทำอะไร?” เรย์สับสนเมื่อได้เห็นการกระทำของกลุ่มโจรตรงหน้า
“ก็สู้กันแบบยุติธรรมไง หากแกชนะแกรอด...แต่ถ้าแพ้แกตาย อ้อแล้วที่สำคัญอย่าคิดหนี ตกลงไหม??!!”
ถึงอย่างไรเรย์ก็ไม่ได้กระทำอะไรให้เจสเปอร์ต้องเจ็บแค้นหรือโกรธมากขนาดนั้น อย่างมากก็แค่เหยาะเย้ย ดูถูก ซึ่งเป็นธรรมดาของคนไม่ถูกชะตากันและอยู่ในบริบทฐานะที่ดีกว่าจะมีความคิดแบบนั้น มีใครบ้างล่ะจะชอบคนที่มายุ่งหยามกับคนที่ตัวเองหลงรักจริงไหม? ในเมื่อตอนนี้เรย์ยังไม่ได้สร้างปัญหาให้เขามากถึงขนาดนั้น ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะบีบบังคับชายคนนี้จนไร้หนทางมากเกินไป
“โอ้คิดไม่ถึงจริงๆว่าเจ้าเจส!! จะใจดีเป็นกับเขาด้วย”
“ไม่เสมอไปหรอก ลองทวนคำพูดท้ายประโยคสุดท้ายของเจสเปอร์ดูสิ ที่ว่า‘อย่าคิดหนี’ทั้งหมดขึ้นอยู่ที่ตัวอัศวินตู้ATMนั่นแล้ว ว่าจะเลือกจะตายแบบไหน”
สมาชิกในกิลด์ต่างพูดคุยกันอย่างออกรสพร้อมกับจับตัวผู้เล่นชายคนหนึ่งที่ถูกพันธนาการด้วยแส้ของสลิปให้มองไปยังการต่อสู้ของเจสเปอร์และเรย์ตรงหน้าเพื่อเป็นสักขีพยาน โดยผู้เล่นชายคนนั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก กริดเฮมเมอร์แกนนำกิลด์ Red Shadowsที่สลิปได้แสร้งทำที่เป็นจับตัวเอาไว้เพื่อปล้นทรัพย์ตามวิถีของโจรปล้นไอเท็มถือเป็นแผนการของเจสเปอร์ที่วางเอาไว้เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเป็นฝีมือของกิลด์เขา
‘สวมรอยเป็นผู้เล่นโจรเพื่อช่วยกิลด์ Red Shadows’
กลับมาที่การดวลอัศวินเรย์แม้จะไม่เชื่อในคำพูดของผู้เล่นตรงหน้า ว่าถึงตัวเขาจะชนะแล้วไม่ถูกฆ่าก็ตามที แต่ใจหนึ่งก็คิดว่าอย่างน้อยก็ดีที่ตัวเขาได้มีโอกาสได้สู้บ้าง ไม่ใช่ถูกรุมจนตายโดยไร้ทางตอบโต้ ‘กลับดีซะอีกในระหว่างที่ต่อสู้ ตัวเขาจะได้มีเวลาคิดหาช่องทางหลบหนีจากกลุ่มโจรพวกนี้ยังไงดีกว่า!!’ ถึงจะถูกเจสเปอร์เตือนว่าห้ามหลบหนี แต่ก็ไม่อาจห้ามความคิดที่ว่านี้ได้ง่ายๆ ห้ามหนีแล้วยังไงสุดท้ายถ้าถูกจับได้ก็ตายเหมือนกัน เผลอๆหากหนีรอดไปได้ตัวเขาอาจจะไม่ถูกฆ่าก็เป็นได้
อัศวินเรย์เมื่อได้รับโอกาสก็ไม่รีรอ เปิดใช้งานสกิลต่อสู้ของตัวเองไปพร้อมกับๆคัมภีร์เพิ่มพลังโจมตีที่ซื้อหามา เรียกได้ว่าบัฟอวยพรจัดหนักจัดเต็มเลยทีเดียว ความเร็ว พลังกายและพลังชีวิตล้วนเพิ่มขึ้นฉับพลัน เขารัวฟาดดาบในมือและทุบด้วยโล่ใส่ผู้ควบคุมธาตุเป็นชุด ทว่าทุกการโจมตีของเขา ถูกเจสเปอร์ปัดป้องรับเอาไว้ได้ทั้งหมด
เจสเปอร์เองเมื่อต้องรับการบุกแบบบ้าระห่ำจากเรย์ ตัวเขาก็ไม่ร้อนรนไปตามกระแสที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย เจสเปอร์ยังคงเยือกเย็นรับมือไปตามสถานการณ์ เฝ้ารอจังหวะของเขาอยู่เงียบๆ
[Bash!!]
เรย์เรียกใช้งานสกิล Bash ขึ้นทันทีเมื่อคูลดาวน์สกิลวนเวียนมาบรรจบ เดิมที่สกิล Bash นี้เป็นสกิลตีหนักธรรมดาทั่วไป ไม่มีเอฟเฟคอะไรให้หวือหวา แค่ยกดาบฟันให้โดนศัตรูเท่านั้นพอ คูลดาวน์ค่อนข้างสั้นความเสียหายก็ไม่ขี้เหล่ จึงมักเป็นสกิลที่ผู้เล่นสายอาชีพนักดาบแทบทุกคนเลือกใช้
เรย์ยกดาบขึ้นฟาดฟันตามท่าทางของสกิล Bash ช่วงจังหวะนั่นเองเมื่อเรย์ต้องลดโล่ป้องกันลงเพื่อโฟกัสพลังไว้ที่ดาบ เจสเปอร์ที่เฝ้ารอจังหวะนั้นก็ได้ฉวยโอกาสตีโต้กลับไปสถานการณ์กลับตาลปัตรขึ้นทันที
จากฝ่ายรับกลายเป็นฝ่ายรุก จากฝ่ายรุกกลายเป็น...เอิ่ม ไม่มีคำบรรยายใดๆอีกต่อไปแล้ว มีหรือเมื่อเจสเปอร์ไขว่คว้าจังหวะมาได้จะปล่อยผ่านมันไปง่ายๆ ดาบสลักอาคมแกว่งไกวราวกับผีเสื้อโบยบิน
‘แก๊งงง!!’ ‘ตูมม!!’ ทุกๆการฟันเมื่อได้รับลูกบอลพลังธาตุ เจสเปอร์ก็เรียกใช้มันออกมาเดี๋ยวนั้นเลยไม่ปล่อยให้มีพลังสะสมมากจนเกินไป เขาไม่ต้องการให้การต่อสู้นี้จบลงเร็วเกินไปถึงเขาจะไม่ถือโทษโกรธเรย์ที่ดูถูกเขาเมื่อหนก่อน แต่เขาไม่เคยบอกนี้ว่าจะให้อภัยการกระทำนี้ง่ายๆ
ลูกบอกพลังธาตุแต่ละลูก พุ่งเข้าใส่ที่ละลูกสองลูก ความเสียหายอาจไม่มากเท่าไหร่นักหากเทียบเท่ากับการรวบรวมเอาไว้และระเบิดออกมาในคราวเดียว แต่พลังธาตุเล็กๆกลับให้ผลดีในทิศทางตรงกันข้าม
[ท่านได้รับสถานะ เผาไหม้ ส่งผลให้พลังชีวิตของท่านลดลง เป็นเวลา 1 วินาที]
[ท่านได้รับสถานะ แช่แข็ง ส่งผลให้ไม่สามารถขยับร่างกายได้ เป็นเวลา 1 วินาที]
‘เผาไหม้!’ ‘แช่แข็ง!’ ‘เลือดออก!’ ‘สตัน’...
หลากหลายสถานะล้วนเด้งขึ้นบนหน้าจอของอัศวินเรย์อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันกับค่าความเสียหาย –80,-74,-69 เรียงพุ่งขึ้นมาเป็นแถบๆดั่งสายน้ำ
อัศวินเรย์ถูกสถานะต่างๆรุมจู่โจมจะขยับเท้าหนึ่งก้าวก็ติดสถานะเลือดออก จะยกดาบตอบโต้ก็ติดสถานะแช่แข็ง พวกมันล้วนวนเวียนสลับกันไปมา แม้มันจะมีผลเพียงแค่ 1 วินาที แต่ก็สร้างความรำคานและความอึดอัดให้กับเรย์เป็นอย่างมาก อยากจะตายก็ตายไม่ได้ อยากจะโต้ตอบก็ติดขัด อยู่ในสถานะ ‘กลืนไม่เข้าคายไม่ออก’ อย่างแท้จริง
อัศวินเรย์ต้องทนอยู่กับสภาพนี้นานหลายนาที จนในที่สุดเมื่อพลังชีวิตของเขาเข้าขั้นริบหรี่ เจสเปอร์ก็ลดดาบในมือลงเพื่อทดสอบอะไรบางอย่าง เขาแสร้งทำทีเป็นชะงักค้างเนื่องจากการออกคำสั่งมากเกินไป ซึ่งเป็นปัญหาที่พบเห็นได้ตามผู้เล่นที่ใช้หมวก VR รุ่นเริ่มต้น ที่มักจะมีอาการค้างหรือหลุดออกจากเกมหากการซิงค์ข้อมูลไม่คงที่
ชายหนุ่มยืนเก้ๆกังๆ จะฟันดาบก็ไม่ฟัน ยืนค้างอยู่กับที่แบบนั้น ไม่กระดุกกระดิก สร้างความตกใจให้กับคนอื่นๆว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเจสเปอร์หรือไม่
“ฮ่าฮ่า!!ไอ้โง่เอ้ย โจรกระจอกแบบแก ก็มีปัญญาใช้แค่หมวกVRถูกๆ คิดจะฆ่าฉันนะเหรอ ตามฉันให้ทันก่อนสิ”
‘5วินาที’ เขามีเวลา 5 วินาที ปัญหาที่เกิดจากหมวกจะใช้เวลาประมวลผลใหม่ 5 วินาที หากการซิงค์ข้อมูลยังไม่เสถียรผู้เล่นที่เกิดปัญหาจะหลุดออกจากเกมโดยทันทีเพื่อปกป้องผู้เล่นจากอันตราย เรย์ยิ้มออกมาด้วยความดีใจเมื่อโอกาสหนีของเขามาถึงแล้ว อัศวินหนุ่มไม่คิดจะสู้อีกต่อไปการปะทะเมื่อครู่บ่งบอกทุกอย่างแล้วว่าตัวเขาไม่อาจสู้โจรกระจอกคนนี้ได้
แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม เวลานี้เรย์ก็ได้หยิบน้ำยาเพิ่มความเร็วจากช่องเก็บไอเท็มขึ้นมาดื่ม ความเร็วและความว่องไวของเขาก็พลันพุ่งสูงขึ้น ก่อนที่จะหันหลังวิ่งกลับไปในทิศทางเดิมที่พวกเขาเดินทางมา 5,4,3,2,1…
...โปรดติดตามตอนต่่อไป...
เข้าไปร่วมพูดคุยกับไรท์หรือสมาชิกนักอ่านคนอื่นๆได้ที่แฟนเพจตามลิงค์ด้านล่างเลยนะครับ
www.facebook.com/writelazy