ตอนที่แล้วตอนที่ 122 ไม่เลว แค่ทำดีไม่เป็น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 124 ศึกผู้ขมังเวทย์

ตอนที่ 123 โทษทีนะเพื่อนยาก


เที่ยงคืนของคืนเดียวกัน

ทิวทำตามแผนการที่เหนือภพวางเอาไว้ และแผนนั้นก็ช่างเรียบง่าย

“นี่ทิว เจ้าบอกว่าเห็นการเคลื่อนไหวของวานรยักษ์ที่นี่งั้นเหรอ”

ฮันเตอร์หญิงถามอย่างไม่แน่ใจ ขณะซุ่มรออยู่ที่บริเวณหนองป่าคลั่งใกล้ ๆ กับต้นตะเคียนทองขนาดใหญ่

“ครับพี่ญาดา พี่บอกให้ข้าช่วยเป็นหูเป็นตา ข้าก็เลยช่วยพี่อีกแรง เมื่อพลบค่ำข้ามาล่าสัตว์อสูรบังเอิญพบรังของวานรยักษ์ ข้าคิดว่าเป็นไปได้ที่วานรยักษ์จะกลับมาที่นี่หลังจากที่มันล่าเสร็จแล้ว”

“ขอบใจเจ้ามาก ทิว”

ญาดา ฮันเตอร์สาวแรงค์ D จากบ้านฮันเตอร์หลวงยิ้มให้ทิว พลางคว้าเอาคันธนูของเธอที่สะพายอยู่ข้างหลังมาถือเอาไว้ ขณะเดียวกันฮันเตอร์บ้านฮันเตอร์หลวงอีกสองคนก็กลับมาหลังจากการสำรวจพื้นที่ด้านหน้า

“เจออะไรบ้าง” ญาดาถาม

“ด้านหน้ามีร่องรอยของวานรยักษ์จริง แต่มีเรื่องน่าแปลกอยู่อย่างหนึ่ง ในนั้นมีข้าวของเครื่องใช้ของผู้หญิง มันถูกจัดเก็บอย่างเรียบร้อย นี่ไม่ใช่วิสัยของสัตว์อสูร เหวอ !!”

สวบ !

เฮงเฮงพูดยังไม่ทันจบ ดินที่เขายืนอยู่ก็เกิดยุบตัวกะทันหัน ทำให้เขาหงายหลังปักลงไปในดินโคลน กว่าจะตะเกียกตะกายขึ้นมาได้ก็ใช้เวลาไม่น้อยเลย

“ธวัช เจ้าว่าไง”

ญาดาหันไปขอความคิดเห็นจากฮันเตอร์ชายร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะเต็มยศ

“เป็นจริงอย่างที่เฮงเฮงพูด วานรตัวนี้มีความแปลกประหลาด ตั้งแต่ที่พวกเราไล่ล่ามันแล้ว มันดูเหมือนจะมีความคิด ทั้งยังคุ้นเคยกับพื้นที่มากกว่าพวกเรามาก พวกเราควรรั้งรออยู่ที่นี่ ข้าเชื่อว่ามันต้องกลับมาแน่นอน และเราอาจจะรู้อะไรเพิ่มเติม เอ๊ะ ! เจ้าหาอะไรอยู่”

ธวัชพูดขณะมองไปที่เฮงเฮง เฮงเฮงกำลังใช้มืองมลงไปในดินโคลนอย่างสะเปะสะปะ

“เบี้ยแก้ของข้า” เฮงเฮงตอบ ก่อนจะอธิบายต่อไปว่า

“สร้อยเส้นนี้เพื่อนที่ดีของข้าคนหนึ่งให้มา เขาบอกว่าจะทำให้ความซวยของข้าลดลงครึ่งหนึ่ง”

“หืม เมื่อก่อนเจ้าซวยยิ่งกว่านี้อีกหรอ”

ญาดาเอ่ยพร้อมกับเบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ เพราะตั้งแต่เฮงเฮงได้มาเข้าร่วมทีมกับเธอ ก็ไม่มีวันใดเลยที่เธอไม่เห็นเฮงเฮงเลือดตกยางออก

“อืม”

เฮงเฮงตอบขณะควานมือลงไปในดินโคลนอย่างขะมักเขม้น แม้ทุกครั้งที่ล้วงมือลงไปเขาจะโดนหอยบาด โดนสัตว์มีพิษกัด โดนพืชพิษที่หาได้ยาก แต่เฮงเฮงก็ยังคงพยายามอยู่อย่างนั้น

“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า”

ธวัชมองเฮงเฮงด้วยความเป็นห่วง แม้เขาจะมองไม่ชัดเพราะความมืด แต่ด้วยแสงจากจันทร์เสี้ยวก็ทำให้เขาพอจะมองออกว่าเฮงเฮงเริ่มมีท่าทางไม่ดีเลย เขาเริ่มมีดวงตาแดงก่ำผิดปกติ

เฮงเฮงรู้สึกหน้ามืดวิงเวียนศีรษะกะทันหัน ชั่วพริบตาต่อมาอยู่ ๆ เขาก็ล้มคว่ำลงไปกับดินโคลน

“เฮงเฮง เจ้าเป็นอะไรไป”

“ช่วยเขาเร็ว เรื่องวานรนั่นพักไว้ก่อน”

ณ พื้นที่เขตหนองป่าคลั่ง

ไม่ห่างจากจุดที่คนของบ้านฮันเตอร์หลวงซุ่มอยู่

“เพื่อนยาก ครั้งนี้ข้าต้องขอโทษเจ้าจริง ๆ”

เหนือภพพูดพลางมองเบี้ยแก้ที่อยู่ในมือ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา เขาไม่เพียงจำเป็นต้องใช้มันในการทะลวงม่านป้องกันอาคมอันยุ่งยากนั่น แต่เขายังต้องการใช้บางอย่างในตัวเฮงเฮงเพื่อเรียกร้องความสนใจจากกลุ่มคนผู้คุ้มกันอีกด้วย

‘ดูเหมือนเจ้าจะเล่นแรงเกินไปนะ เจ้ารู้ผลที่ตามมาใช่ไหม ถ้าปล่อยเจ้านั่นออกมา แม้ข้าอยากช่วยแต่ตอนนี้ข้าก็ทำไม่ได้’

พญานาครู้ความคิดของเหนือภพเป็นอย่างดี และรู้ว่าผลลัพธ์ของสิ่งที่เหนือภพเลือกนั้นอันตรายกว่าที่ใครจะคาดคิด

‘ข้ารู้ แต่นี่เป็นทางออกที่ดี ระดับพลังของข้าในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะสามารถจัดการเจ้านั่นได้หรือเปล่าล่ะ’

‘ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน เจ้าในตอนนี้ก็คงจัดการได้สบาย แต่ข้าไม่รู้ว่าผ่านมาเนิ่นนานแบบนี้มันจะเติบโตขึ้นขนาดไหนแล้ว ยังไงสหายเจ้าก็พัฒนาตัวเองขึ้นมาตลอดเวลา จึงส่งผลให้เจ้าสิ่งนั้นเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย’

‘ไปเถอะ รีบจัดการงานนี้ให้เสร็จ ส่วนผลที่ตามมาข้าจะรับผิดชอบเอง และตัวเจ้าเองก็อ่อนกำลังลงทุกวัน มีแต่ต้องกลับเมืองหลวงเท่านั้น ข้าถึงจะสามารถช่วยเจ้าได้’

‘อืม’ พญานาคตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง

ตูม ! ตูม ! ตูม ! ตูม !

“เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย เฮงเฮง เจ้าเป็นอะไรไป”

ญาดาร้องตะโกน ขณะช่วยหอบหิ้วร่างของทิวหนีออกจากรัศมีการโจมตีของเฮงเฮง ‘เฮงเฮงที่เปลี่ยนไป’

“ร่างมืด”

ธวัชพูดขณะดึงเอาท่อนโลหะสามท่อนที่อยู่ข้างเอวมาต่อกันจนกลายเป็นหอกยาว จากนั้นเขาก็ใช้มันหมุนควงขณะที่เคลื่อนตัวถอยหลัง พลางกวัดแกว่งหอกต่อต้านดาบอาคมสีดำทะมึนที่พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างไม่หยุดหย่อน

“เจ้ารู้จักงั้นเหรอ” ญาดาถามอย่างไม่แน่ใจ

“อืม”

ธวัชพยักหน้า เขาเคยเห็นมันที่การประลองชิงภารกิจพิเศษในงานเทศกาลประมูลที่ผ่านมา แล้วเฮงเฮงนี่แหละที่เล่นงานฮันเตอร์ผู้ท้าชิงทุกคนด้วยตัวเพียงคนเดียว คราแรกเขาคิดว่าร่างมืดที่เกิดจากวิญญาณนั้นจะถูกทำลายไปแล้วด้วยอาคมของสางลำไพร ทว่าความจริงที่อยู่ตรงหน้ากลับไม่เป็นเช่นนั้น เขารู้แล้วว่ามันถูกสะกดโดยเบี้ยแก้มาโดยตลอด

“รีบหาสร้อยเบี้ยแก้เร็ว หากไม่มีมัน พวกเราได้ตายแน่”

“สร้อย ! เอาสร้อยของข้ามา”

เสียงแหบแห้งแต่ดุร้ายดังออกมาจากร่างสีดำมืดที่ค่อย ๆ ขยายขนาดใหญ่โตมากขึ้นเรื่อย แล้วเฮงเฮงร่างมืดก็พุ่งเข้าใส่ธวัช พร้อมกับฟาดดาบสีดำลงไปกระแทกเข้ากับด้ามหอกที่ธวัชยกขึ้นต้าน เฮงเฮงร่างมืด ปลดปล่อยควันวิญญาณดำออกมามากขึ้น จนบรรยากาศเริ่มมืดมัวจนมองอะไรไม่เห็น ไม่เพียงเท่านั้นเฮงเฮงร่างมือยังฟันดาบใส่ธวัชด้วยความรวดเร็ว รุนแรง และเฉียบขาดอย่างที่เฮงเฮงคนเดิมจะไม่มีวันทำแบบนั้นกับเพื่อนร่วมทีมอย่างเด็ดขาด

ธวัชทำได้แค่ถอยไปต้านไป เขาพยายามยื้อเฮงเฮงร่างมืดให้อยู่กับตัวเองให้ได้นานที่สุด เพื่อให้ญาดาและทิวมีเวลาหาเบี้ยแก้ ในฐานะที่เขามีฝีมือสูงที่สุดในทีม หน้าที่อันสำคัญเช่นนี้จึงตกเป็นของธวัชโดยไม่ต้องร้องขอ

ส่วนทิวกับญาดาก็ทำได้แค่ควานมือลงไปในโคลนในจุดที่เฮงเฮงตกลงไปก่อนหน้านี้ เพื่อตามหาสร้อยเบี้ยแก้ แม้มันจะสกปรกแต่พวกเขาก็ควานหากันอย่างไม่อิดออด แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามค้นหามันเท่าไหร่กับไม่พบมัน

เวลาผ่านไปเนิ่นนานหลายชั่วโมง การต่อสู้ระหว่างเฮงเฮงร่างมืดกับธวัชผู้เป็นฮันเตอร์ระดับสูง ถึงกับทำให้พื้นที่หนึ่งในสิบของหนองป่าคลั่งเตียนโล่ง ไฟลุกไหม้ลามจนใกล้จะมาถึงเขตหมู่บ้านโอปะแล้ว เปลวเพลิงโลกันตร์นี้ทำให้พื้นที่สว่างไสวและร้อนรุ่ม อีกทั้งการต่อสู้ยังส่งผลให้เกิดเสียงดังอึกทึกคึกโครม จนเป็นที่สังเกตเห็นของคนในหมู่บ้านโอปะ

“เกิดอะไรขึ้น”

ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยถามมิ่งลูกน้องคนสนิท หลังจากที่เขาสะดุ้งตื่น แล้วเปิดหน้าต่างมองไปยังทิศตะวันออกของหมู่บ้านก็สังเกตเห็นท้องฟ้าแดงฉาน มันสว่างไสวราวกับเกิดเปลวเพลิงร้อนแรง

“ไม่แน่ใจครับผู้ใหญ่ สงสัยจะมีไฟป่า”

“มีไฟป่าที่หนองป่าคลั่งเนี่ยนะ”

“เดี๋ยวข้าจะไปดูให้ครับ”

“แล้วจะรออะไรล่ะ ไปเร็ว ๆ”

“ครับ ๆ”

มิ่งรีบวิ่งลงจากเรือนบ้านผู้ใหญ่ ก่อนจะตะโกนเรียกยามที่เฝ้าอยู่รอบ ๆ บ้านผู้ใหญ่

“พวกเจ้าสิบคนมากับข้า ที่เหลือเฝ้าอยู่ที่นี่”

“ครับ”

มิ่งได้วิ่งผ่านเขตลานกลางหมู่บ้าน เขาเหลือบมองพรานบุญที่คงหลับพับอยู่คาเสาพร้อมกับความรู้สึกแปลก ๆ มีสัญญาณบ่งบอกว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง

“เจ้าสองคนเฝ้าอยู่ที่นี่ ที่เหลือมากับข้า”

“เร็ว ๆ รีบไปพวกเรา”

การเคลื่อนไหวอย่างเอิกเกริกของมิ่งทำให้ชาวบ้านตื่นเพราะเสียงดังอึกทึกคึกโครม รวมกับเสียงการต่อสู้ที่ดังก้องจากหนองป่าคลั่ง ผู้ชายใจกล้าบางคนเริ่มออกมาดู บางส่วนก็ออกไปยืนออกันที่ชายขอบหมู่บ้านที่เชื่อมติดกับหนองป่าคลั่ง พวกชาวบ้านคิดว่าหากมีอะไรที่พอจะช่วยได้ก็จะช่วย ตามประสาชาวบ้านที่พึ่งพาอาศัยกันและกัน

ยกเว้นเพียงสตรีสองนางที่ซุ่มแอบดูอยู่

“รีบไปช่วยพี่เจ้า ข้าจะจัดการยามพวกนั้นเอง จำไว้ว่าถ้าเสร็จแล้วให้รีบออกไปจากหมู่บ้านนี้ให้เร็วที่สุด อย่ากลับมาที่นี่อีก เข้าใจไหม”

สางลำไพรย้ำเตือนจิตอีกครั้งจากนั้นเธอก็บริกรรมคาถาพึมพำ ก่อนจะเป่ามันไปที่มือ แล้วกวาดมือไปยังทิศทางของเหล่ายามที่ยืนเฝ้าอยู่ ยามเหล่านั้นจากที่มีท่าทีคึกคักก็เริ่มซึมลงจนกระทั่งหลับทั้งที่ยังยืนอยู่

“เร็ว ไปเร็ว” จิตวิ่งออกไปที่กลางลานทันที

ทางด้านมิ่งและยามอีกแปดคนถือคบเพลิงวิ่งมาเป็นกลุ่มด้วยความเร็วอย่างผู้ที่ฝึกมาดี

‘ดูเหมือนคนที่เจ้าอยากเจอจะมาแล้ว’

พญานาคพูดกับเหนือภพอย่างปลง ๆ หากมันไม่อ่อนแรงเช่นนี้มันคงจะรู้สึกสนุกสนานคึกคักยิ่งกว่านี้ เพราะเรื่องต่อยตีแบบนี้มันชอบนักล่ะ

‘มาแล้วก็ดี งานนี้จะได้เสร็จสักที’

เหนือภพที่นั่งดักรออยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ต้นที่อยู่ปากทางเข้าหนองป่าคลั่ง เขาคว้าเอาหน้ากากที่เขายืมสางลำไพรมาสวมใส่ ก่อนจะทิ้งตัวลงจากกิ่งไม้อย่างแรง

ตุ๊บ !

ยามหมู่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกระโดดหนีกันโหยงเหยง

“ใคร !!!”

มิ่งเอ่ยถามขณะที่ยามหมู่บ้านชักดาบที่พกติดตัวออกมาอย่างพร้อมเพรียง

“บอกมา เจ้าเป็นใคร ต้องการอะไร”

“จำไม่ได้จริงๆ รึว่าข้าเป็นใคร”

เหนือภพพูดดักคอออกไปมั่ว ๆ ไม่นึกว่าประโยคนั้นจะทำให้ผู้ช่วยมิ่งมีท่าทีผิดแปลกไป

‘หรือว่าท่านคือคนผู้นั้น’

มิ่งหยุดคิดด้วยท่าทีลังเล หากคำพูดของบุคคลปริศนาเป็นเพียงการโยนหินถามทางเท่านั้น เขาก็ควรจะจัดการมันเสีย แต่ถ้าหากบุคคลปริศนาคือคนผู้นั้นจริง ๆ ล่ะ แล้วเขาจะทำอย่างไรดี

เหนือภพเห็นมิ่งนิ่งไป ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ ด้วยไหวพริบของพญานาคผู้มีประสบการณ์ก็เอ่ยบอกเหนือภพให้พูดตามที่มันพูด เหนือภพจึงได้แต่ทำตามสถานการณ์ ถึงอย่างไรเขาก็นับพญานาคเป็นที่ปรึกษาคนหนึ่งอยู่แล้ว

“หึ ไปถึงไหนแล้ว เจ้าจะให้นายของข้ารอไปถึงเมื่อไหร่”

คำพูดของเหนือภพทำให้มิ่งตัดสินใจได้ แม้ก่อนหน้าจะมีความลังเลอยู่บ้าง มิ่งรีบคุกเข่าลงพื้นในทันที

“คำนับ ท่านทูต”

‘ฆ่าพวกยามนั่นซะ’ พญานาคบอกเหนือภพอย่างเหี้ยมเกรียม จนเหนือภพถึงสะดุ้งในใจ

‘ทำไม’

‘เชื่อข้า ถ้าเจ้าอยากล้วงข้อมูลจากมัน เจ้าต้องทำ’

แม้เหนือภพจะไม่อยากฆ่าคนบริสุทธิ์ แต่ถ้ามันจำเป็นก็ต้องทำ ถึงอย่างไรคนพวกนี้ก็ไม่นับว่าเป็นคนดีอะไรอยู่แล้ว แถมยังอยู่ห่างไกลจากคำว่าบริสุทธิ์อีกด้วย เหนือภพเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะหักคอยามหมู่บ้านทุกคนที่ติดตามมิ่งด้วยความรวดเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

มิ่งตกใจตัวสั่นพลางลุกยืนขึ้นยืน ร่างกายบางส่วนเริ่มมีขนวานรขึ้นปกคลุม มิ่งเตรียมพร้อมจะต่อสู้แล้ว

“ท่านทำอะไรคนของข้า”

“พวกมันมีสิทธิ์ที่จะฟังหรือ”

คำถามนี้ทำให้มิ่งก้มหน้าต่ำลง แล้วคลายการแปลงร่างของตัวเอง ก่อนจะเดินตามเหนือภพเข้าไปในป่าลึก ระหว่างนั้นเหนือภพก็เชิดหน้าขึ้น เดินอกผายไหล่ผึ่ง และพูดตามบทที่พญานาคเขียนให้ในใจ

“การทดลองไปถึงไหนแล้ว”

“เอ่อ คือ”

มิ่งมีท่าทีอึกอักลังเลใจ แต่เมื่อเหนือภพที่ยังสวมหน้ากากขาวหันขวับมามอง มิ่งก็ทำหน้าเลิ่กลั่กแล้วรีบตอบกลับด้วยเสียงสั่นเครือ

“ยังไม่ถึงไหนครับท่านทูต เราติดปัญหาที่ตัวทดลองหลักของเราหนีไป”

“หืม ?”

“แต่ท่านทูตไม่ต้องเป็นห่วง อีกไม่นานเราต้องทำสำเร็จแน่ ๆ ผู้ใหญ่บ้านเองก็มาควบคุมการทดลองเองกับมือ ท่านทูตโปรดวางใจ อีกไม่นาน….”

ยังไม่ทันที่มิ่งจะพูดจบ เหนือภพก็ขัดขึ้น

“คำว่าไม่นานนี่ ข้าได้ยินมานักต่อนักแล้ว ไม่นานของเจ้าคือเท่าไหร่ ข้าต้องการความแน่นอน”

“เอ่อ เรื่องนี้ข้า ข้า”

“ยังจะอึกอักอยู่อีก บอกมา”

เหนือภพเร่ง ขณะเดียวกันพญานาคบอกแผนการใหม่ให้เหนือภพฟังในจิต

‘บอกไปว่าที่บ้านผู้ใหญ่บ้านมีคนบุก’

‘แต่เรื่องนี้…’

‘เชื่อข้า ข้ารู้ว่าควรทำอะไร รับรองเจ้าไม่ขาดทุนแน่ แค่เจ้าหาครุฑตัวอ้วน ๆ มาให้ข้ากินก็พอ’

แค่พญานาคจินตนาการว่าจะได้กินครุฑอ้วน ๆ สักตัวสองตัว มันก็เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว

เหนือภพแสร้งถอนหายใจ ด้วยท่าทางแบบที่เขาเคยเห็นพระอาจารย์ทำ มันเป็นท่าทางถอนหายใจแบบยอดฝีมือยามที่มองเห็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ

“เรื่องนั้นช่างมันก่อน ดูเหมือนเจ้าจะเลินเล่อมากเกินไปแล้ว รีบกลับไปหานายของเจ้าซะ อ้อ ข้าจะยังอยู่แถวนี้ไม่นานนัก ดังนั้นก่อนเช้าเจ้าต้องนำเอกสารโครงการลับมาให้ข้าดู ถ้าหากว่ามันไม่ก้าวหน้าอย่างที่เจ้าพูดล่ะก็ เจ้าคงรู้ใช่มั้ยว่าข้าทำอะไรได้บ้าง”

“คะ คะ ครับ”

“เจ้ากลัวหรอ ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าข้าได้อ่านบันทึกโครงการแล้วพบว่าเจ้าไม่ได้มีส่วนในความล่าช้าครั้งนี้ บางทีข้าอาจจะ...”

เหนือภพเว้นช่องว่างคำพูดให้มิ่งลุ้นตามอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเขาเห็นว่ามิ่งกำลังจ้องเขม็งมาอย่างตั้งใจฟัง เขาก็พูดจบประโยคว่า

“ให้เจ้าขึ้นมาแทนตำแหน่งของผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบัน”

มิ่งตกใจจนตัวสั่น แล้วเขาก็รีบทำความเคารพท่านทูต ก่อนจะลนลานกลับไปบ้านของผู้ใหญ่บ้าน โดยไม่สนใจเหตุความวุ่นวายที่หนองป่าคลั่งอีก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด