Ep.233 - กำไรมหาศาล
1/4
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.233 - กำไรมหาศาล
หนึ่งวันต่อมา
ฉินเฟิงยังคงอยู่ในโพรงใหญ่ ทำสมาธินั่งขวาทับซ้าย
“ฟู่ว!”
หลังผ่อนลมหายใจยาว เจ้าตัวก็ลืมตาขึ้น
ปัจจุบัน ในตันเถียนของเขามีทะเลเมฆอยู่มากถึง 33 ชั้น
ท่ามกลางการต่อสู้ชุลมุนเมื่อวาน แม้ผู้ใช้วรยุทธโบราณส่วนใหญ่จะไม่ได้ถูกฉินเฟิงสังหาร แต่ตายก็คือตาย เทคนิคลับกลืนดาราถูกเปิดใช้งานอย่างลับๆ กำลังภายในของผู้คนที่โดนสังหาร ทั้งหมดถูกสูบออกมาโดยฉินเฟิง
ด้วยเหตุนี้เอง กำลังภายในของฉินเฟิงถึงก้าวกระโดดไปอีกขั้นหนึ่ง
อีกทั้งยังมีพลังพิเศษดูดกลืน ที่สูบพลังงานจากกองทัพจระเข้มังกร ส่งผลให้ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาก้าวขึ้นมาสู่เลเวล E 3 เป็นที่เรียบร้อย
กล่าวได้ว่าการเดินทางข้ามมิติในครั้งนี้ ฉินเฟิงสามารถฟันกำไรได้อย่างมหาศาล
แต่สิ่งที่เก็บเกี่ยวมาได้มากที่สุด คงไม่พ้นด้านทรัพยากร
ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา นอกจากนั่งสมาธิแล้วฉินเฟิงไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย แต่เป็นไป๋หลีที่เดินเล่นระหว่างรอ ออกล่าสมบัติไปพลางๆ และได้หยิบอุปกรณ์รูนมิติจากผู้ใช้พลังที่ถูกฝูงจระเข้มังกรสังหารลงติดไม้ติดมือกลับมา ปัจจุบันฉินเฟิงเลยมีอุปกรณ์รูนมิติอยู่ในครอบครองมากถึง 40 ชิ้น
บอกเลยว่าหากให้นับสินสงครามที่เก็บรวบรวมมาได้ในเวลานี้ คงไม่สามารถทำได้!
เพราะยังไงซะ เขายังไม่ได้จัดระเบียบมัน อีกทั้งยังมีจำนวนมหาศาลเกินไป
อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าตลอดทั้งเกาะแห่งนี้ นอกเหนือไปจากพลังงานทางจิตวิญญาณแล้ว มันไม่หลงเหลือสมบัติใดอยู่อีกต่อไป!
“มาเถอะไป๋หลี ได้เวลากลับกันแล้ว” ฉินเฟิงกล่าว
เมื่อมีปรมาจารย์มิติอย่างไป๋หลี ฉินเฟิงก็ไม่จำเป็นต้องเสียอุปกรณ์รูนมิติเพื่อสร้างตัวเชื่อมมิติ เขาถึงขั้นสามารถเลือกได้ว่าจะกลับไปยังสถานที่ใด ไม่จำเป็นต้องเป็นพิกัดมิติเดียวกันกับที่ผู้ใช้พลังคนอื่นๆจากไป ดังนั้นเจ้าตัวเลือกกลับสู่สถานชุมชนเฟิงหลีโดยตรง
หลังจากทำการข้ามมิติ ฉินเฟิงและไป๋หลีก็ปรากฏตัวขึ้นในคฤหาสน์บนภูเขาแม่
“ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!”
พอกลับมาถึงสถานชุมชนเฟิงหลี อุปกรณ์สื่อสารของทั้งฉินเฟิงและไป๋หลีก็สั่นอย่างบ้าคลั่ง! แต่เรื่องนี้ยังพอเข้าใจได้ เนื่องจากโดยปกติแล้วตัวอุปกรณ์สื่อสาร หากไม่นับฟังก์ชั่นตรวจสอบแล้ว มันไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้อีกเลยหากอยู่ในมิติอื่น
ด้วยเสียงข้อความที่ดังเข้ามาถี่ยิบเช่นนี้ ก็พอจะบอกได้ว่ามีหลายคนเลยที่เป็นห่วงเขา
ฉินเฟิงเปิดฟังก์ชั่นข้อความ และพบว่าชิหลง , ฮั่นเจียน และหลิงหวูยี่ต่างก็ส่งข้อความมาหาตน กระทั่งระดับสูงจากสถานชุมชนเฟิงหลีก็เช่นกัน ทั้งหมดสอบถามเกี่ยวกับเรื่องที่เขาหายตัวไป
ฉินเฟิงกดคลิกเปิดข้อความของฮั่นเจียน : ‘ผู้ว่าการฉิน ถ้าคุณกลับมาแล้ว โปรดรีบออกจากพิกัดที่ได้รับมาตอนแรกในทันที! เวลานี้เมืองไห่เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจ ปัจจุบันมันอยู่ภายใต้การครอบครองของเล่ยเฉิน พิกัดก่อนหน้านี้เดิมเป็นตำแหน่งของเล่ยเฉิน พอพวกเราถูกส่งตัวกลับมา เล่ยเฉินก็บังคับเรียกเก็บเงินพวกเราเป็นค่าชดเชยกว่า 200 ล้านเหรียญ … สารเลวเอ๊ย!’
และเขาก็เริ่มเปิดข้อความอื่นๆ
‘ผู้ว่าการฉิน คุณยังไม่กลับมาอีกหรือ?’
‘ผู้ว่าการฉิน เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า?’
‘ผู้ว่าการฉิน …. ’
ฉินเฟิงเริ่มทยอยตอบกลับ ทีละคน
‘นายพลฮั่น พอดีว่าผมมีพิกัดมิติของสถานชุมชนอยู่ก่อนแล้ว เลยสามารถกลับมาที่เฟิงหลีได้โดยตรง เอาไว้คุณกลับมา แล้วพวกเขาค่อยมาแบ่งสมบัติกัน!’ ฉินเฟิงส่งข้อความเสียงไป
‘ชิหลง ผมกลับมาที่สถานชุมชนเฟิงหลีแล้ว เดี๋ยวจะวิดีโอคอลหาคุณในภายหลัง ว่าแต่คุณอยากให้แบ่งสินสงครามเป็นทรัพยากร หรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินเลยดี? ’
‘หลิงหวูยี่ รีบกลับมายังสถานชุมชนเฟิงหลีโดยด่วน!’
ส่วนเรื่องเงินค่าชดเชยที่กลุ่มเล่ยถัง หรือว่าเล่ยเฉินต้องการ ฉินเฟิงเพียงสบถเสียงเย็นชา : จ่ายให้โง่สิ!
เพราะยังไงซะ ฉินเฟิงก็กลับมายังสถานชุมชนเฟิงหลีแล้ว ดังนั้น ต่อให้มือของเล่ยเฉินยาวคับฟ้าเพียงใด มันก็ไม่สามารถเอื้อมมาถึงที่นี่ได้
ทยอยตอบข้อความสำคัญเสร็จ ฉินเฟิงก็แจ้งแก่คนในสถานชุมชนว่าเขากลับมาแล้ว ถ้ามีธุระอะไร ให้มาเจอเขาได้ที่คฤหาสน์
เพราะตอนนี้ฉินเฟิงยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องทำ
“มาเถอะไป๋หลี ไปสวมบทชาวไร่กัน!”
“นี่แหละคำที่รอคอย!”
อย่างที่บอกไป ก่อนหน้านี้ไป๋หลีบอกว่าอยากจะมีสวนเป็นของตัวเอง ฉินเฟิงเลยสั่งเปลี่ยนน้ำพุหน้าคฤหาสน์ ให้กลายเป็นทางน้ำไหลขนาดเล็ก
ฉินเฟิงโยนหินพลังงานธรรมชาติที่เขาได้รับมาจากทุ่งล่าลงไปในธารน้ำ อีกทั้งยังวางหอยมุกเงินที่ยังมีชีวิตอยู่ลงไป และนำสมุนไพรบางส่วนที่เก็บรวบรวมมาไปปลูกรอบๆ เพื่อให้มันได้ซึมซับพลังงานธรรมชาติ
ส่วนสมุนไพรดอกหญ้าทมิฬและต้นอื่นๆที่เก็บเกี่ยวได้จากในโพรงถ้ำ ทั้งหมดจะถูกนำไปปลูกในสวนหลังบ้านของฉินเฟิง
เพราะพวกมันน่าจะยังไม่จำเป็นในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม ในอนาคตพวกมันจะสามารถทำกำไรได้มหาศาลอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ยังมีพลังงานทางจิตวิญญาณจากภูเขาแม่ ที่จะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น
ภายในสถานชุมชนเฟิงหลี ซูซิงฝูเป็นคนเดียวที่ตรงดิ่งเข้ามายังคฤหาสน์ ส่วนคนอื่นๆเมื่อทราบว่าเขาสบายดีก็โล่งใจ
ร่างอุดมสมบูรณ์ของซูซิงฝูก้าวมาตามพื้นหินเรียบ เมื่อพบกับคนที่ตามหา และก้มลงมองมือของฉินเฟิงและไป๋หลีเต็มไปด้วยดินโคลน เหมือนจะปลูกต้นไม้อยู่ เจ้าตัวก็ไม่ทราบจะปรับอารมณ์อย่างไรดี
ซูซิงฝูส่ายหัวสลัดความคิด เอ่ยปากกล่าว “ผู้ว่าการฉิน ยังคงดูสง่างามและสุขสบายดีเหมือนเคยเลยนะ”
เห็นได้ชัดว่านี่เขาจงใจเล่นลิ้น แต่ในไม่ช้า รอยยิ้มแป้นบนใบหน้าเขาก็เลือนหายไป กลายเป็นความประหลาดใจอย่างรวดเร็ว
“นี่ … อย่าบอกนะว่าทุกต้นเป็นสมุนไพรวิญญาณ?”
ฉินเฟิงมองไปทางซูซิงฝูอย่างอารมณ์เสีย เอ่ยปากกล่าว “คุณคิดว่าผมมีเวลาว่างนักหรือไง? ทำไมถึงไม่มอบหมายให้ผู้ใช้อบิลิตี้ธาตุไม้มาคอยดูแลพวกมัน ผมหายไปแค่ครึ่งเดือน กลับมาอีกที ดอกไม้และพืชที่ปลูกไว้ก็ตายหมดแล้ว เลยต้องปลูกใหม่หมดเลยเห็นไหม!”
ว่าจบ ฉินเฟิงก็ปล่อยให้ไป๋หลีเพลิดเพลินไปกับบทชาวไร่ ส่วนตนแยกออกมาสนทนากับซูซิงฝูที่โถงทางเดิน
“เรื่องตลาดมืดที่ผมขอให้สร้างคราวก่อน ตอนนี้เตรียมการไปถึงไหนแล้ว?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม
“มันถูกสร้างเสร็จแล้วในสถานที่ลับ แต่ว่า …” ซูซิงฝูหยุดคล้ายยากจะอธิบาย แต่สุดท้ายตัดสินใจกล่าวตามตรง “มันจะได้กำไรจริงๆน่ะหรือ? สถานที่แบบนี้มันจำเป็นต้องมีชื่อเสียงเป็นของตัวเองนะ และที่สำคัญคือต้องมีสินค้า!”
ทุกท่านต้องทราบนะว่า ตลาดมืดที่ฉินเฟิงต้องการตั้งขึ้นนี้ หลายๆแห่งก็มีอยู่เหมือนกัน แค่เฉพาะในบรรดาสามเฉิงเท่านั้น ที่ไม่มี
---ตลาดมืดน่ะไม่จำเป็นต้องหวาดเกรงว่าจะขายสินค้าที่ขโมยมาจากใคร บ้างก็รับซื้อในราคาถูก ทั้งยังมีข้อได้เปรียบทางด้านราคา สามารถแย่งลูกค้าจากร้านที่ถูกกฏหมายได้ และตลอดทั้งกระบวนการดังกล่าว ไม่มีใครสามารถตรวจสอบ
นี่เอง คือสิ่งที่เรียกกันว่าตลาดมืด
อีกอย่างเลยก็คือ ของส่วนใหญ่ที่ถูกนำมาวางขาย มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าจะได้รับมาจากการสังหาร
ส่วนใหญ่แล้วตลาดมืดในสถานชุมชน มักจะถูกก่อตั้งขึ้นโดยองค์กรมืด … แต่ก็นั่นล่ะนะ คนอย่างองค์กรมืดจะมีความซื่อสัตย์ซักแค่ไหนกันเชียว?
เกรงว่าหลังจากที่คุณซื้อของดีในราคาถูกไป พอออกมา คุณอาจจะถูกลอบสังหารในทันทีเลยก็ได้ แล้วของที่คุณเพิ่งซื้อไปก็จะถูกนำมาวางขายอีกครั้ง ในขณะที่ทั้งเงินออมและชีวิตของคุณถูกนำมาทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์
ดังนั้น หากกล่าวว่าต้องการจัดตั้งตลาดมืด ก็จำเป็นต้องแสดงออกถึงสถานะให้มันชัดเจน ซื่อสัตย์ และมีสต็อกสินค้าอยู่มากพอ
เรื่องสถานะ ฉินเฟิงน่ะผ่านฉลุย แต่ชื่อเสียงด้านความซื่อสัตย์ยังคงต้องสั่งสมอีกหน่อย สำหรับเรื่องสินค้าที่ซูซิงฝูกล่าว---
“--คุณลองดูของพวกนี้สิ ทั้งหมดไม่ได้มาจากสถานชุมชน แต่เป็นสินค้าที่ผมได้รับมาเป็นการส่วนตัว นี่น่าจะใช้เป็นตัวชูโรงได้!”
ขณะกล่าว ฉินเฟิงก็โยนกระเป๋าเป้ใบหนึ่งลงบนโต๊ะ
ซูซิงฝูเปิดดูมันด้วยความสงสัย
“มีของดีอะไรงั้นหรือ?”
แค่กระเป๋าเป้เล็กๆใบเดียว มันจะจุสินค้าได้สักกี่อย่างกัน?
ทว่าเมื่อซูซิงฝูเปิดกระเป๋า เขาก็ต้องผงะ!
เพราะภายใน มันเต็มไปด้วยอุปกรณ์รูนมิติ!
“ผู้ว่ากา--- ไม่สิ ลูกพี่ ต่อจากนี้ไปขอให้ฉันได้เรียกคุณว่าลูกพี่เถอะ!” ซูซิงฝูตื่นเต้นสุดๆ “ว่าแต่ลูกพี่ไปเอาของพวกนี้มาจากที่ไหนกัน?”
อุปกรณ์รูนมิติละลานตาอยู่เบื้องหน้า หากให้เอ่ยบรรยาย คงเปรียบดั่งวลี ใช้เสียมขุดลงดินในตำแหน่งใด ก็ล้วนพบแต่ทองคำ!
“ใจเย็นๆก่อน มันไม่ใช่แค่อุปกรณ์รูนมิติ แต่ยังมีบางอย่างอยู่ข้างใน”
มองไปยังท่าทีตื่นตกใจของซูซิงฝู ฉินเฟิงก็เอ่ยเตือนสติ
ซูซิงฝูผงะอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มตรวจสอบอุปกรณ์รูนมิติแต่ละชิ้นโดยละเอียด และพบว่าทุกชิ้นยังมีของอยู่ข้างในจริงๆ!
“ยอด … สุดยอดไปเลย! ฉันจะรีบไปคำนวณมันเป็นเม็ดเงินทันที!” ร่างของซูซิงฝูกระสับกระส่ายด้วยความตื่นเต้น ท่าทีของเขาราวกับผีถูกเกลือสาด
แต่นั่นจะโทษเขาก็ไม่ได้ เพราะยังไงซะ ทรัพยากรเหล่านี้มันก็มหาศาลเกินไปจริงๆ!
“ไปเถอะ” ฉินเฟิงโบกมือ ซูซิงฝูกระโดดตัวลอยจากไป
“แต่อย่าลืมนะ ว่าถ้าขายพวกมันแล้ว ขอให้นำเงินส่วนต่างทั้งหมดที่ได้มา ไปซื้อแก่นพลังงานของราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E !”
“รับทราบลูกพี่!” เสียงตะโกนของซูซิงฝูลอยแว่วมาจากสถานที่ห่างไกล