ตอนที่แล้วตอนที่ 43
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 45

ตอนที่ 44


ตอนที่ 44

“พวกเรารีบไปคุยธุระกันต่อเถอะ”หลังจากที่ซูฮยอนบอกคุณหมอว่าจะไม่ทำแบบเมื่อกี้อีก

เขาก็ลากลีจุนโฮออกจากโรงพยาบาลทันที แต่เสียงตำหนิของคุณหมอก็ยังดังไล่หลังของซูฮยอนตามมาติดๆ

เมื่อทั้งคู่ออกจากโรงพยาบาล พวกเขาก็หาร้านคาเฟ่ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เพื่อนั่งคุยธุระกัน

แต่เนื่องจากแขนที่บาดเจ็บของซูฮยอน เลยทำให้เขาตกเป็นเป้าสายตาจากผู้อื่น...

หลังจากที่เข้ามาในคาเฟ่ พวกเขาก็สรรหาที่นั่ง ที่ดูห่างไกลจากผู้อื่น เพื่อป้องกันพวกชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน....

“แขนของนายไม่เป็นอะไรจริงๆนะ”ลีจุนโฮถามซูฮยอนหลักจากสั่งกาแฟหนึ่งแก้ว

“สบายหายห่วง เดี๋ยวก็หายแล้ว”ซูฮยอนตอบกลับไป

“งั้นเหรอ..แต่ตอนนายเคลื่อนที่ สีหน้าของนายดูเหยเกไปมาเหมือนเจ็บแผลอยู่นะ”

“ช่วยไม่ได้ ก็ตอนที่ร่างกายเคลื่อนไหว บาดแผลของผมมันไปเสียดสีกับผ้าพันแผลเลยทำให้เจ็บนิดหน่อย.. แต่ช่างมันเถอะ...อาการบาดเจ็บเป็นแป๊ปเดี๋ยว เดี๋ยวก็หาย”

ลีจุนโฮไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี เพราะตัวผู้บาดเจ็บ ก็บอกอยู่ว่าไม่เป็นอะไร....

‘อืม...ที่ซูฮยอนยังพอขยับตัวได้ แสดงว่าอาการบาดเจ็บของเขา คงไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่ฉันคิดสินะ’ลีจุนโฮคิด

หลังจากที่เคลียร์ชั้นของหอคอยสำเร็จ มักจะมี 7 คนจาก 10 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส และต้องเสียเวาลพักฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บไปอีกหลายวัน แม้แต่ตัวลีจุนโฮเองก็เคยได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

แต่ซูฮยอนนั้นต่างออกไป เขาไม่เคยได้รับบาดเจ็บร้ายแรงเลยสักครั้ง จะมีก็แค่แผลถลอกเล็กๆน้อยๆตามร่างกายเท่านั้น

แม้ครั้งนี้ซูฮยอนกลับมีอาการบาดเจ็บมากกว่าปกติ แต่สภาพก็ยังดูดีกว่า ‘ผู้ตื่นขึ้น’ คนอื่นๆหลายคนนัก.........

“ไม่น่าเชื่อเลยว่า ซูฮยอนที่ผู้คนต่างจับตามอง จะบาดเจ็บได้ถึงขนาดนี้...”ลีจุนโฮคิด

แต่ในเมื่อซูฮยอนบอกไม่เป็นไร เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องเป็นห่วงบาดแผลของซูฮนอนอีกต่อไป...

“จริงสิ ที่ฉันโทรไปหานายครั้งล่าสุด ฉันอยากถามว่า นายผ่านชั้นที่ 20 ได้ยังไงกันแน่ ทำไมมันถึงเร็วขนาดนั้น”

“เอ่อคือ...ผมก็ใช้วิธีปกติทั่วไปนั้นแหละ..”ซูฮยอนพูดตอบกลับไป เขาไม่รู้จริงๆว่าจะอธิบายให้ลีจุนโฮฟังยังไงดี

ซูฮยอนคิดว่า เขาไม่ควรบอกเรื่องนี้ให้ใครทราบ ฉะนั้นเขาจึงตัดสินใจปิดปากเงียบไว้…

เมื่อลีจุนโฮเห็นว่าซูฮยอนไม่อยากบอก เขาก็ไม่เซ้าซี้ซูฮยอนอีกต่อไป

ที่พวกเขาออกมาเจอกันเพราะมีอีกเรื่องที่สำคัญ......

“แล้วเรื่อง...ที่ผมไหว้วานนายเป็นไงมั่ง ผู้มีอำนาจเป็นด้วยไหม?”

“เอ่อคือ...ขอโทษด้วย แต่ดูเหมือนมันคว้าน้ำเหลวซะแล้ว”ลีจุนโฮพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา

**************************

หลังจากลีจุนโฮเล่าเรื่องของเขาจนหมด ภายให้ห้องของผู้อำนวยการก็เงียบลงอย่างกะทันหัน

อากาศภายในห้องเริ่มเบาบางลง เนื่องจากแรงกดดันที่ปล่อยออกมาจากไหนก็ไม่ทราบ

คิมดูอุยที่มากับลีจุนโฮด้วยเริ่มมีอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“พล่ามเรื่องบ้าอะไรของเธอ…”หลังจากเงียบมานาน ในที่สุดผู้อำนวยการก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลง

“ทะ..ท่าน..”คิมดูอุยเรียกผู้อำนวยการด้วยน้ำเสียงตื่นตะหนัก

คิมดูอุยพูดออกมาเพราะต้องการเปลี่ยนสถานการณ์ที่กำลังตึงเครียด แต่เมื่อรู้ได้ถึงสายตาที่แหลมคมดุจพญาอินทรีย์มองมา ทำให้คิมดูอุยต้องก้าวถอยหลังไป 1 ก้าวแล้วก้มศีรษะลง

“ทำไมเธอถึงคิดว่าเรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้น?”

“เธอมีหลักฐานมายืนยันไหม”ผู้อำนวยการถาม

เมื่อถามถึงหลักฐาน...ทำให้ลีจุนโฮเกิดอาการลุกลี้ลุกลน ตัวเขาเองก็หาหลักฐานไม่ได้เช่นกัน

แต่มีหรือว่าเขาจะยอมปล่อยให้มันจบง่ายๆ...

“ผู้อำนวยการ เรื่องที่ผมพูดมันจะเกิดขึ้นจริงๆนะครับ เชื่อผมเถอะ”

“งั้นก็เอาหลักฐานมาให้ฉันดู ถ้าฉันเห็นหลักฐาน ฉันอาจเชื่อเธอขึ้นมาก็ได้”ผู้อำนวยการยืนขึ้นจากที่นั่ง

“ในอีกหนึ่งเดือนถัดจากนี้ จะมีดันเจี้ยนปรากฎออกมาบนท้องฟ้าในเมือง อันยัง จังหวัง คย็องกี และสิ่งนั้นเองคือจุดเริ่มต้นของภัยพิบัติ ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำ คือการอพยพพลเมืองและเรียกผู้ตื่นขึ้นมาช่วยกันสินะ”

ผู้อำนวยการพูดในสิ่งที่ลีจุนโฮพึ่งบอกไปเมื่อสักครู่ออกมาพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ

“เธอรู้ไหม มันหมายถึงอะไร?”ผู้อำนวยการถาม

“หมายถึงอะไรครับท่าน?”

“เธอรู้ไหมว่าในเมืองอันยังมีผู้คนอาศัยอยู่กี่คน มันมีคนอาศัยอยู่เกือบ 600,000 คน เธอต้องการให้พวกเราอพยพ-พลเมืองเหล่านั้นออกไป เพียงเพราะคำพูดของเธองั้นเหรอ”

“เธอก็รู้ว่าการอพยพ-พลเมืองที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่จำนวน 600,000 คน มันยากลำบากมากแค่ไหน”

“ที่สำคัญ..ถ้าเราอพยพคนทั้ง 600,000 คนในคราวเดียว เธอไม่คิดเหรอว่า คนอีก 60 ล้านคนที่เหลือ จะไม่มีอาการหวาดวิตกเกิดขึ้น...?”

“…”

“เธอไปเอาขอมูลแบบนี้มาจากไหน? ถ้าเธอบอกฉัน แล้วถ้าฉันตรวจสอบว่ามันมีมูลที่จะเกิดขึ้นจริง ฉันจะเชื่อเธอ”ผู้อำนวยการกล่าว

แน่นอนว่าแหล่งข้อมูลที่ลีจุนโฮได้มาก็มาจากซูฮยอนทั้งนั้น แม้แต่ตัวลีจุนโฮ เขาก็ยังไม่มั่นใจเหมือนกันว่าข้อมูลที่ซูฮยอนมีเชื่อถือได้มาแค่ไหน

“คือ...เรื่องข้อมูลผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เขาบอกว่าฟังมาจากหอค่อยแห่งการทดสอบ”

“เธอกำลังจะบอกว่า เธอไม่รู้เอง แต่เธอฟังมาต่อจากเขามาอีกที?”

“ใช่ครับ”

“งั้น..เธอลองบอกฉันหน่อยสิ ว่าคนที่บอกเธอเป็นใคร?”

เมื่อผู้อำนวยการถามถึงคนที่บอกข้อมูลให้เขาฟัง ทำให้ลีจุนโฮต้องมานั่งคิดไตร่ตรองว่าควรบอกดีไหม

‘พ่อแก้วแม่แก้ว ผมควรทำยังไงดี ควรบอกความจริงดีไหม? หรือควรซ่อนมันต่อไปดี ถ้าบอกว่ารู้ความจริงมาจากซูฮยอน ผู้อำนวยการจะมีเชื่อหรือป่าว?

ที่สำคัญ เรื่องที่เล่ามาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นไหม

แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริง พลเมืองในอันยัง ได้กลายเป็นเมืองแห่งซากศพแน่ๆ

ลีจุนโฮหลับตาลงและพูดกลับไป “คิมซูฮยอนเป็นคนบอกผม”

“คิมซูฮยอนงั้นรึ?”

หลังจากที่ชื่อคิมซูฮยอนถูกขานออกมา ร่างกายของผู้อำนวยการสั่นไปหมด ราวกับว่าชื่อของคิมซูฮยอนเป็นคำต้องห้าม

“คิมซูฮยอน...อย่าบอกนะว่าเขาคือ..”

“ใช่ครับ เขาคือคิมซูฮยอนที่กำลังโด่งดังอยู่ตอนนี้”

“เธอสนิทกับเขา?”

“ไม่ครับ..ผมรู้เจอกับเขาโดยบังเอิญ พวกเราก็เลยพูดคุยกันสักพัก ก่อนที่เขาจะเล่าเรื่องแบบที่ผมเล่าให้ท่านฟังไปเมื่อครู่”

“แล้วเธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าเขาคือ คิมซูฮยอนตัวจริง”ผู้อำนวยการถาม

“ผมก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน...แต่เขาบอกกับผมว่าเขาคือคิมซูฮยอนตัวจริงเสียงจริง”

ถ้าเป็นไปได้ลีจุนโฮไม่อยากเอ่ยชื่อซูฮยอนออกมาเลยสักนิด เขาอยากซ่อนตัวตนที่แท้จริงของเพื่อนเอาไว้มากกว่า….

แต่เพื่อโน้มน้าวจิตใจของผู้อำนวยการ ทำให้เขาไม่มีทางเลือก....

ในบรรดา ‘ผู้ตื่นขึ้น’ คิมซูฮยอนคือชื่อที่ผู้คนต่างจับตามองมากที่สุด เพราะชื่อเสียงของเขาเต็มไปด้วยปริศนามากมาย

และที่สำคัญคิมซูฮยอนอาจเป็นเพียงคนเดียวในโลกก็ได้ ที่สามารถท้าท้ายในระดับที่ 10 ด้วยตัวตนเดียวจนสำเร็จ

ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง อย่างน้อยลีจุนโฮก็ทำให้ผู้อำนวยการครุ่นคิดได้สักครู่หนึ่ง

และไม่นานคำตอบก็ออกมาจากปากของผู้อำนวยการ “ไม่..ฉันไม่เชื่อ”

“แต่..ท่านครับ”ลีจุนโฮตะโกนออกมาด้วยความกระวนกระวาย

แม้ลีจุนโฮจะยกชื่อของคิมซูฮยอนขึ้นมาเป็นโล่กันบัง แต่ผู้อำนวยการก็ยืนยันแล้วปฏิเสธเสียงแข็งกลับมา....

ผู้อำนวยการเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของลีจุนโฮ เขาก็สายหัวแล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจอีกครั้ง

“คำพูดของเธอมันไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าที่ควร ถึงแม้คำพูดของคิมซูฮยอนอาจเป็นความจริง แต่เราก็ไม่อาจเชื่อถือเขาได้มากมัก ไม่แน่ข้อมูลที่เขาได้มา อาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้”

“แต่ท่านครับ..ท่านไม่ห่วงชีวิตของพลเมืองมั่งเหรอครับ พวกเขาอาจเสียชีวิตได้ตลอดเวลาเลยนะครับ”

“หน้าที่ของฉันมีแค่ฟังแล้วตัดสินใจ หน้าที่อันยิ่งใหญ่ มักมาพร้อมกับภาระที่ใหญ่ยิ่ง ถ้าข้อมูลของเธอไม่ถูกต้อง ก็ฉันนี้แหละที่ต้องออกหน้ารับ ถ้าเธอไม่พอใจ เธอกล้ารับผิดชอบแทนฉันไหมล่ะ”

ลีจุนโฮช่วยไม่ได้นอกจากกันฟันเพื่อระบายความโมโหออกมา ที่ผู้อำนวยการยกความรับผิดชอบมาอ้าง แสดงว่าเขาไม่เชื่อคำพูดของลีจุนโฮ เพราะกลัวผลเสียที่จะตามมา

สำหรับผู้อำนวยการ แม้คำพูดของลีจุนโฮจะเกิดขึ้นจริง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรถ้าพลเมืองจะเสียชีวิต…

เขาก็แค่อ้างว่าเกิดเหตุสุดวิสัยจนทำให้ไม่มีเวลาเตรียมตัว แค่นี้เขาก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแล้ว...

แต่ถ้าเขาอพยพคนตามคำพูดของลีจุนโฮ แล้วดันเจี้ยนไม่โผล่ออกมาล่ะ? ความรับผิดชอบที่ทำให้พลเมืองหวาดระแวงจะวิ่งตามว่าเล่นงานเขาจากด้านหลังได้

ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผู้อำนวยการกลัวมากที่สุด แต่ลีจุนโฮไม่เคยคิดถึงข้อนี้ เพราะลีจุนโฮไม่ได้มีตำแหน่งแบบเขา

“งั้น..ท่านกำลังเดิมพันกับชีวิตของพลเมืองอยู่สินะ”ลีจุนโฮถาม

“เธอหมายถึงอะไร?”

“ท่านละเลยความปลอดภัยของพลเมือง เพราะกลัวความรับผิดชอบ แต่ถ้าเรื่องที่ผมพูดมาเป็นความจริง ท่านจะทำเป็นหูทวนลม เหมือนไม่เคยได้ยินเรื่องที่ผมบอกใช่ไหม?”

“เธอกำลังเข้าใจฉันผิด ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น”

“แล้วท่านคิดแบบไหนกันแน่...”

ตึง...

ลีจุนโฮเดินเข้ามาหาผู้อำนวยการพร้อมกับใช้กำปั้นทุบโต๊ะ จนเอกสารทั้งหลาย ลอยกระจัดกระจายเต็มพื้น

ผู้อำนวยการมองเขาด้วยสายตากโกรธจัด

“ตอนนี้เธอทำให้มีน้ำโมโหสุดๆ ฉันจะหลับตาข้างหนึ่ง แล้วทำเหมือนไม่เคยเห็นเรื่องเมื่อครู่”

หลังจากพูดจบสายตาของผู้อำนวยการก็จ้องไปที่คิมดูอุยเพื่อส่งสัญญาณให้ส่งแขกได้แล้ว

คิมดูอุยไม่อาจขัดคำสั่งของผู้มีตำแหน่งสูงกว่าได้... เขาถอนหายใจออกมาแล้วนำลีจุนโฮออกไปทันที

********************************

“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ”ลีจุนโฮดูโกรธจัดหลังจากเล่าเรื่องให้ซูฮยอนฟัง

ใบหน้าของลีจุนโฮแดงเถือกไปหมด เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องของผู้อำนวยการทำให้เขาโมโหทุกครั้ง

การตัดสินใจของผู้อำนวยการแสดงให้เห็นถึงความสะเพร่าและประมาท เขาไม่นึกถึงความปลอดภัยของพลเมืองเลยแม้แต่น้อย

แต่อย่างน้อยลีจุนโฮก็ทำเรื่องที่ซูฮยอนไหว้วานสำเร็จ....ทำให้เขาไม่โล่งใจไปหนึ่งเปราะ

“เฮ้อ...เป็นชายที่ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ”ซูฮยอนถอนหายใจออกมา

“นายรู้จักผู้อำนวยการด้วย”ลีจุนโฮถาม

“ใช่”

“ดูเหมือนนายจะรู้เขาดีเลยนะ…”

แน่นอนซูฮยอนรู้ว่าผู้อำนวยการของสำนักงานรับรองเหล่าสหายผู้ตื่นขึ้นเป็นคนยังไง

ซูฮยอนเชื่อว่า เขาอาจเป็นเพียงคนเดียวที่รู้จักตัวตนของผู้อำนวยการดีกว่าใครๆ

“ก็รู้จักแน่นิดหน่อยเอง..”ซูฮยอนตอบกลับ

ผู้อำนวยการมักเป็นคนขี้กลัวเสมอ เขาไม่กล้าตัดสินใจเชื่อคำพูดของลีจุนโฮเพราะกลัวว่าเรื่องที่เล่าไปมันจะไม่เกินขึ้น จนละเลยความปลอดภัยของพลเมือง

ในฐานะที่เขาอยู่ในตำแหน่งรักษาความปลอดภัย ซูฮยอนคิดว่าเขาเป็นคนที่ห่วยแตกมากที่สุด

ดังนั้นซูฮยอนจึงไม่คาดหวังอะไรมาก ถึงแม้จะไม่ได้คาดหวัง แต่มันก็มีโอกาสที่จะโน้มน้าวจิตใจของผู้อำนวยการได้เช่นกัน

แม้ผลลัพธ์ที่ออกมามันหน้าผิดหวังจริงๆ แต่ซูฮยอนก็ไม่ได้เสียใจอะไรมาก...

“นายโอเคหรือป่าว”ลีจุนโฮถาม

“นายหมายถึงอะไร?”

“ก็เรื่องที่ฉันกล่าวพาดพิงชื่อนายออกไปไง”

“อ่อเรื่องนั้นหรอกเรอะ”

ซูฮยอนคิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะลีจุนโฮทำไปเพื่อโน้มน้าวผู้อำนวยการ

เขาไม่มีความจำเป็นต้องไปโกรธเคืองเลยสักนิด ความจริงซูฮยอนควรเทิดทูนลีจุนโฮด้วยซ้ำที่พยายามมากขนาดนั้น

“ช่างมันเถอะผมไม่คิดมากหรอก อืม....ดูเหมือนแผนการขอความช่วยเหลือจากผู้อำนวยการจะใช้ไม่ได้ผลแล้วแฮะ”

“พวกเราจะทำยังไงต่อไปดี....ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างว่าขึ้นจริงๆ เราจะมี ‘ผู้ตื่นขึ้น’ มาช่วยพวกเราหรือป่าว”

หากมี ‘ผู้ตื่นขึ้น’ มาช่วยพวกเขา มันอาจลดความเสียหายของพลเมืองไปได้มาก....

ถ้าไม่สามารถแก้ไขภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ มันจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ซูฮยอนจำความได้....

และที่สำคัญ...

“ฉันเคยอยู่ที่นั้นมาก่อน...”ซูฮยอนคิด

ความหายนะที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ซูฮยอนเพิ่งเป็น ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ได้ไม่นาน จึงทำให้เขาไม่ได้รับเลือกไปโจมตีดันเจี้ยนระดับสีเขียว แต่เขากลับถูกส่งมาในสมรภูมิแห่งนี้แทน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เขาเห็นพลเมืองตายต่อหน้าต่อตา โดยที่ตัวเขาเองไม่สามารถช่วยเหลือได้............

“แต่ครั้งนี้มันต่างกันออกไป..”

เพราะตอนนี้ซูฮยอนมีความทรงจำจากในอดีต ทำให้เหตุการณ์หลายๆอย่างสามารถพลิกกลับได้ตลอดเวลา

“ถ้าผู้อำนวยการไม่ช่วย ฉันคิดว่า ฉันคงต้องลงมือทำเอง”ซูฮยอนกล่าว

หลังจากลีจุนโฮที่ได้ยินคำตอบซูฮยอน เขาก็สะดุ้งโย่งขึ้นมาทันที เขาคิดว่าตัวเองอาจหูฟาดไป

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจถามไปอีกครั้ง “นายพูดว่าอะไรนะ...ด้วยตัวเองงั้นเหรอ”

“ใช่...ด้วยตัวเอง”ซูฮยอนตอบกลับด้วยท่าทีจริงจัง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด