ตอนที่ 144 ที่พักกิลด์ระดับต้น
ตอนที่ 144 ที่พักกิลด์ระดับต้น
กุหลาบแดงยอมสละเมืองอื่นๆทั้งหมดที่เธอเคยวางรากฐานเอาไว้ จนหมสิ้นไม่ว่าจะเป็นเมืองอีรูไดซ์ที่ถูกโจมตีหรือเมืองซัลฟอร์ดที่อยู่ทางตอนใต้ของเมืองอัลคาเดีย สามเหลี่ยมทองคำที่เธอหมายมั่นจะยึดครองพวกมันตั้งแต่วันแรกที่เธอเริ่มต้นการผจญภัยเกม The Era Onlineแต่ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ฝันกลางวันเท่านั้น แค่ลำพังเมืองอัลคาเดียในตอนนี้เธอยังไม่มีความมั่นใจเลยว่า กิลด์ของเธอจะเอาตัวรอดจากหมาป่าผู้หิวโหยกิลด์อื่นๆได้หรือไม่
ต้องอย่าลืมว่าโลกใบนี้ไม่ได้สวยงาม ยิ่งกิลด์ Red Shadowsเคยเป็นกิลด์ชั้นนำมาก่อน ย่อมต้องมีศัตรูมากเป็นเงาตามตัวเป็นธรรมดา ศัตรูอาจมีทั้งประเภทที่โผล่หน้ามาด่าทอ ประกาศศักดาท้าชนเยี่ยงลูกผู้ชาย หรือมีประเภทที่ทำตัวเป็นหมาลอบกัดคอยตอดเล็กตอดน้อย ให้รำคานใจ และก็ยังมีอีกประเภทหนึ่งที่ซ่อนตัวเองอยู่ในเงามืดเฝ้ารอเวลาที่คุณล้มลงอย่างใจเย็นก่อนที่จะเข้ามาซ้ำเติมคุณให้ตกต่ำลงไปอีก
ทั้งหมดล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ที่กิลด์ชั้นนำต้องยอมรับมันให้ได้และกิลด์ Red Shadowsของกุหลาบแดงกำลังต้องเผชิญกับวิกฤตนี้ให้ได้ หากคิดจะยังมีชีวิตรอดในเกมThe Era Online
“กริดเฮมเมอร์ ผู้อาวุโสแฟรงค์ ช่วยจัดการค่าใช้จ่ายในการย้ายเมืองให้กับหัวหน้าทีมคนอื่นๆด้วย รีบจัดการให้เสร็จเร็วเท่าไรยิ่งเป็นผลดีกับพวกเราเท่านั้น เพราะช่วงเวลานี้ยังอยู่ในช่วงเวลาอวยพร(เพิ่มค่าประสบการณ์และอัตราการดรอป) หลายๆกิลด์เลยให้ความสำคัญไปกับการเก็บ เราควรอาศัยช่วงเวลานี้ให้ทุกคนสละเมืองจะดีที่สุด”ถึงจะขาดเหล่าผู้อาวุโสมาช่วยแบ่งเบาภาระงานหรือช่วยตัดสินใจเรื่องบางเรื่องไป แต่กุหลาบแดงก็ยังคงความเป็นผู้นำได้อย่างยอดเยี่ยม
เธอเลือกช่วงเวลาที่ทุกคนให้ความสนใจไปกับการเก็บเลเวล ตัดสินใจย้ายสมาชิกที่ประจำอยู่เมืองต่างๆให้กลับมารวมตัวกันที่เมืองอัลคาเดียปราการหลังสุดท้ายของกิลด์เธอได้อย่างชาญฉลาด
จนในที่สุดเมื่อช่วงเวลาอวยพรสิ้นสุดลง สมาชิกกิลด์ Red Shadowsก็ได้เดินทางมายังเมืองอัลคาเดียได้ตามที่คาดหมายไว้จนครบถ้วน แม้ระหว่างทางจะมีปัญหาเกิดขึ้นบ้าง แต่ถึงอย่างไรครั้งหนึ่งพวกเขาเหล่านี้ก็เป็นถึงสมาชิกหลักของกิลด์ชั้นนำมาก่อน ทำให้กิลด์เล็กๆที่คิดจะฉวยโอกาสสร้างชื่อเสียงให้กับกิลด์ของตัวเอง ถูกสมาชิกกิลด์ Red Shadows จัดการไปจนหมดสิ้น.แต่ถึงกระนั้นใช่ว่าพวกเขาจะโชคดีพบเจอกิลด์เล็กๆไปได้ตลอด คณะเดินทางกลุ่มหนึ่งที่มุ่งหน้าออกจากเมืองอีรูไดซ์แม้จะปิดบังตัวเองและหลบเลี่ยงการใช้เส้นทางสายหลัก จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจหลบพ้นสายตาของผู้เล่นกิลด์ Outlaws และ Blood Commander ไปได้ สุดท้ายก็ถูกฆ่าตายยกกลุ่มกลับไปเริ่มต้นที่เมืองอีรูไดซ์ใหม่อยู่ดี สูญเสียไอเท็มและเลเวลไปหลายครั้ง จนถึงขั้นมีสมาชิกบางคนที่รอดกลับมาได้เหลือเลเวลเพียง 15เท่านั้นจากที่มีอยู่เดิมเลเวล 23
“อดกลั้นและเก็บความรู้สึกโกรธแค้นนี้ไว้ จำมันให้ขึ้นใจ สักวันหนึ่งพวกเราจะเอาคืนกลับคนที่เหยียบย่ำพวกเราให้สาสม ฉันกุหลาบแดงขอให้สัญญา!!”
.………
ถึงจะหมดช่วงเวลาอวยพรของเซิฟเวอร์ไปแล้ว แต่กิลด์ของเจสเปอร์ที่เป็นผู้พิชิตเควสเนื้อเรื่องยังเหลือเวลาช่วงเวลาอวยพรอยู่อีก 4 วัน(ในโลกจริง) ทว่าชายหนุ่มกลับหยุดพักการเก็บเลเวลของพวกเขาตามผู้เล่นคนอื่นด้วยเช่นกัน เพราะเขามองว่าเพื่อนๆทุกคนคงน่าจะเบื่อกับการต่อสู้กับมอนสเตอร์ซ้ำไปซ้ำพวกนี้มากพอแล้วและเลเวลของพวกเขาในตอนนี้ก็เรียกได้ว่าเกินความคาดหมายไปมาก โดยเฉพาะตัวของเขาหลังจากที่ทุ่มเทให้กับการเก็บค่าประสบการณ์ มานานหลายวัน ในที่สุดเลเวลของเจสเปอร์ก็พุ่งทะยานมาหยุดอยู่ที่เลเวล 43 ซึ่งเหลือเพียงอีก 7 เลเวลเท่านั้น ตัวเจสเปอร์ก็จะได้สิทธิในการเข้าทดสอบอาชีพวอร์เมจ อาชีพขั้นต่อไปของผู้ควบคุมธาตุสักที
เจสเปอร์นำเพื่อนๆและสมาชิกที่เหลือเดินทางกลับมาพักยังป้อมปราการ Mirage Tower ที่บัดนี้ได้ถูกสร้างและดัดแปลงให้เป็นที่พักกิลด์อย่างสมบูรณ์ ก่อนจะแนะนำสถานที่แห่งนี้ให้กับสมาชิกใหม่ทุกคนได้รู้รับรู้ ว่าที่แห่งนี้คือฐานบัญชาการของพวกเขาที่ตั้งอยู่ในเกม
‘มีทั้งที่ตั้งในโลกจริง?และยังมีในเกมอีกด้วย?’ สีหน้าของสมาชิกในกิลด์แสดงออกไม่ถูกแล้ว ตลอดเวลาที่เก็บเลเวลด้วยกันที่ผ่านมา พวกเขานึกว่าพวกเขาได้รับรู้ถึงความลับของกิลด์ Rising Sun จนหมดแล้ว แต่เปล่าเลยมันยังมีซุกซ่อนเอาไว้อยู่อีก ยิ่งอยู่กิลด์นี้นานเท่าไหร่ ความตื่นเต้นที่พวกเขาเคยผ่านมาล้วนเป็นเรื่องปัญญาอ่อนไปเลย ตรงหน้านี้ต่างหากที่ควรค่าแก่คำว่าน่าตื่นเต้น
สมาชิกในกิลด์ต่างรู้ดีว่าการได้ครอบครองสถานทีเป็นอะไรที่ได้มายากลำบากเพียงใด ขนาดกิลด์ชั้นนำที่มีเงินทุนเป็นหลักร้อยล้านเครดิตยังไม่เฉียดกับคำว่าเข้าใกล้คำว่าครอบครองเลยสักนิด แต่กิลด์ม้ามืด!ไม่สิ ม้ามดยังไม่ยิ่งใหญ่พอ ผลงานระดับนี้ต้องใหญ่กว่านั้น? มังกรซุ่ม!!นี้สิถึงจะเป็นคำเรียกที่เหมาะสม
กิลด์ Rising Sun มังกรซุ่มกลับทำมันได้ พวกเขาครอบครองดินแดนที่หลายคนได้แต่ใฝ่ฝัน แถมยังเนรมิตสรรสร้างสถานที่แห่งนี้ที่เคยเป็นจุดเก็บเลเวลให้เป็น ฐานบัญชาการได้อีก
ร็อคสตาร์และคาซิอุสองผู้เล่นที่มีโอกาสได้พบพานกับเจสเปอร์ด้วยความบังเอิญ หากวันนั้นพวกเขาสองคนเลือกที่จะเดินหนีร้านค้าสมาคมเหมือนคนอื่นๆ เขาทั้งสองคนคงจะไม่มีโอกาสได้มายืนที่ตรงนี้เป็นแน่ สองผู้เล่นไม่มีคำไหนจะพูดออกมาได้อีกนอกจากคำว่านับถือผู้นำอันแข็งแกร่งอย่างสุดหัวใจ เช่นเดียวกันกับสมาชิกหลักคนอื่นๆ
ก่อนหน้าที่เจสเปอร์จะนำเพื่อนๆของเขาออกไปเก็บเลเวลที่ป่าทางตอนเหนือ เจสเปอร์ได้จัดการทุ่มเหรียญทองทั้งหมดที่เขามีในเกมสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับป้อมปราการแห่งนี้ไปจนเกือบหมดตัวไม่ว่าจะเป็นการสร้างห้องพักรับรอง ห้องประชุม คลังเก็บของกิลด์ โรงตีเหล็ก โรงทำยา ห้องครัวและที่ขาดไม่ได้เลยคือโรงถลุงแร่ที่มีเหมือนแร่อยู่ภายในใต้ดิน สิ่งอำนวยความสะดวกที่กล่าวมานี้เจสเปอร์ใช้เงินไปมากถึง 1 หมื่นเหรียญทองในคราวเดียวเพื่อแลกกับการได้สิ่งปลูกสร้างระดับต้น (1/3) ทั้งหมดนี้มาถึงกระนั่นก็ยังมีสิ่งปลูกสร้างอีกหลายอย่างที่เจสเปอร์ยังไม่ได้สร้างขึ้นเนื่องจากติดปัญหาอยู่อย่างเดียวคือ เหรียญทองที่เจสเปอร์มีนั้นหมดเกลี้ยงลงแล้ว
สิ่งปลูกสร้างในเกม The Era Online นั้นมีด้วยกันอยู่สามระดับคือ ระดับต้น ระดับกลางและระดับสูง โดยทั้งสามระดับก็จะให้เปอร์เซ็นต์และผลผลิตเพิ่มมากขึ้นตามระดับของสิ่งปลูกสร้าง ยกตัวอย่างเช่นห้องพักรับรอง หากผู้เล่นเลือกนอนในโรงแรมอาจช่วยฟื้นค่าความเหนื่อยได้ 20% หรือเลือกนอนตามเต็นท์สนามที่ช่วยเพิ่ม 10-20% ขึ้นอยู่กับเกรดของเต็นท์แต่หากสมาชิกในกิลด์เลือกที่จะมาออฟไลน์และพักผ่อนที่ห้องพักของกิลด์พวกเขาสามารถฟื้นฟูค่าความเหนื่อยได้มากถึง 50% และยังได้รับคำอวยพรเพิ่มค่าประสบการณ์ตามเวลาที่เขาพักอีกด้วย เท่ากับว่าหากเจสเปอร์เลือกที่จะออฟไลน์ที่บ้านพักกิลด์เป็นเวลา 12 ชั่วโมง(ในเกม) พอกลับเข้ามาเจสเปอร์ก็จะได้รับคำอวยพรที่ช่วยเพิ่มค่าประสบการณ์ 12 ชั่วโมงนั้นกลับคืนอีกด้วย โดยเปอร์เซ็นต์ที่ได้รับขึ้นอยู่กับระดับของสิ่งปลูกสร้าง 3%,5%,10%
อาจจะเป็นตัวเลขที่สวยหรูหากมองจากภายนอก แต่ทว่าการจะอัพเกรดสิ่งปลูกสร้างแต่ละอย่างต้องใช้เงินและไอเท็มพิเศษอีกมากกว่าจะไปถึงตรงจุดนั้น เพราะฉะนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่กิลด์ Rising Sun ที่มีจำนวนสมาชิกเพียงเท่านี้จะทำได้ในระยะเวลาอันสั้นเพราะเพียงแค่สิ่งปลูกสร้างระดับต้นห้องรับรองของพวกเขาก็มีจำนวนมากถึง 500 ห้อง(ลักษณะสิ่งปลูกสร้างอาจดูไม่ใหญ่เทียบเท่าของจริงแต่ฟังก์ชั่นการใช้งานคล้ายกับสมาคมกิลด์ที่มีห้องเช่าจำนวนมากเอาไว้รองรับผู้เล่น)
แม้ทั้งหมดที่เจสเปอร์ตัดสินใจสร้างจะเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างระดับต้นแต่นั้นก็ถือว่ามากพอแล้วสำหรับกิลด์ของพวกเขาในตอนนี้แถมยังเป็นโชคดีของเขาอีกด้วยที่ป้อมปราการแห่งนี้ไม่ใช่กิลด์ของเขาคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเจ้าของเพราะป้อมปราการ Mirage Tower ยังมีเจ้าของร่วมอีกหนึ่งคนนั้นก็คือ ‘องค์หญิงซีซีเรีย’
หากมองว่าเจสเปอร์ทุ่มทุนไปกับการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกและการทำกำไร องค์หญิงแสนสวยคนนี้ก็ถือเป็นบุคคลขั้วตรงข้ามกับเจสเปอร์อย่างสิ้นเชิง เพราะเธอนั่นปลูกสร้างเนรมิตป้องปราการแห่งนี้ในด้านการทหารและการป้องกันแทบจะทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งกำแพงป้องกัน หอคอยที่ติดตั้งเครื่องยิงหินหรือแม้กระทั่งโรงฝึกนักรบที่ช่วยให้ผู้เล่นและ NPCทหารรักษาการณ์ สามารถพัฒนาทักษะระดับความเชี่ยวชาญได้มากยิ่งขึ้น
“เอาล่ะ!!ก่อนที่พวกนายจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน ฉันขอแนะนำระบบกิลด์ข้อหนึ่งให้ทุกคนได้ฟังก่อน...หากเปิดหน้าต่างกองทัพขึ้นมา ทุกคนคงจะเห็นปุ่มที่เขียนว่า ‘กลับที่พักกิลด์’ ปุ่มนี้จะช่วยส่งตัวพวกนายกลับมายังที่ป้องปราการแห่งนี้ ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ในอาณาจักรนี้ก็ตาม โดยการทำงานของมันสามารถใช้ได้เพียง 1 ครั้งต่อ 1 วันและต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากตามระยะทาง เพราะฉะนั้นฉันอยากให้ทุกคนคิดให้ดีก่อนจะใช้งานพวกมัน”
ทุกคนเปิดหน้าต่างขึ้นมาดูตามคำพูดของเจสเปอร์ ก่อนที่จะได้เห็นปุ่มที่เจสเปอร์ได้บอกเอาไว้อยู่ทางด้านหน้าของหน้าต่างกองทัพ พร้อมกับตัวเลขแสดงเวลาคูลดาวน์ในการใช้งาน
‘นี้คงจะเหมือนกับการเทเลพอร์ตกลับเมืองสิน่ะ!!’
เนื่องจากในตอนนี้ทางเกมยังไม่ได้ใส่ระบบเทเลพอร์ตเข้ามาในเกม การเดินทางไปไหนต่อไหนจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก แม้จะมีเสียงเรียกร้องจำนวนมากจากผู้เล่นให้เพิ่มระบบนี้เข้ามา แต่ทางบริษัท Phoenix Studioก็ยังยืนกรานอย่างหนักแน่นว่าทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมเอาไว้หมด เหลือแค่รอให้ผู้เล่นสักคนหนึ่งทำเควสดังกล่าวให้สำเร็จ ทุกคนๆในอาณาจักรก็สามารถที่จะใช้งานระบบที่ว่านี้ได้อย่างแน่นอน
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ก็ทำให้เจสเปอร์ฉุดคิดขึ้นมาได้ว่าตัวเขานั้นไม่ได้ติดต่อกับ ศจ.อลาสเตอร์มาสักพักแล้ว ตั้งแต่เขาช่วยนำแร่ Telelium ที่หายากกลับไปให้ ตัวเขาก็แทบจะไม่ได้ยินข่าวคราวของ ศจ. ดังกล่าวเลย
‘แวะกลับเมืองอัลคาเดียรอบนี้คงต้องแวะไปเยี่ยม ศจ. ดูสักหน่อย!’
เจสเปอร์ที่ชินกับการเดินทางด้วยการใช้งานเทเลพอร์ตมาตั้งแต่อดีตครั้งก่อน พอไม่มีระบบนี้เข้ามาก็แอบรู้สึกขัดใจอยู่เล็กน้อย เขาเองก็อยากที่จะทำเควสระดับตำนานที่ได้รับมาจากปรมาจารย์เมนอสให้สำเร็จเสียทีเพราะเควสที่ว่านี้เปรียบเสมือนระเบิดเวลาที่รอเวลาระเบิดอย่างไรอย่างนั้น ทว่ามันกลับติดปัญหาอยู่ที่การเดินทาง การออกตามหาศิษย์เอกสักคนหนึ่งแต่ละคนนั้นแทบจะอยู่กันคนละซีกโลก ข่าวคราวที่ได้รับมาก็กระจัดกระจายปะปนไปทั่วอาณาจักร ถึงตัวเขาจะอยากทำเควสระดับตำนานนี้มากแค่ไหนก็ไม่อาจก้าวข้ามข้อจำกัดนี้ไปได้
หลังจากที่ทุกคนได้เพลิดเพลินไปกับที่พักกิลด์กันจนหน่ำใจแล้ว ทวิสเต็ดและริคเตอร์ สมาชิกแกนนำทั้งสองก็ได้ขอแยกตัวออกไปจากกลุ่มชั่วคราวเพื่อไปทำเควสที่พวกเขาได้รับมาจาก NPC เมื่อตอนสู้กับ บอสพ่อมดมืด Dark magic
ทวิสเต็ดได้รับคำเชิญชวนให้ไปสืบทอดวิชาของกลุ่มภาคีเงาตะวันจาก NPC องค์รักษ์ทั้งสองขององค์หญิงซีซีเรียที่มีค่าเติบโตระดับตำนานเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาให้ ส่วนทางฝั่งของริคเตอร์เองก็ได้รับคำเชิญให้ไปร่วมฝึกกับกองทัพของราชวงศ์ ‘กรีนเวต้า’ ที่เมืองอีรูไดซ์ โดยมี คลูเอลหนึ่งในสมาชิกที่ประจำอยู่ในเมืองหลวง เข้าร่วมการฝึกด้วยอีกคน
แม้ผู้เล่นทั้งสองจะแยกตัวออกไปจากกลุ่ม แต่ในชีวิตจริงริคเตอร์และทวิสเต็ดก็ยังอาศัยอยู่กับเจสเปอร์ที่คอนโดของเขาทุกวัน เจสเปอร์จึงไม่จำเป็นต้องพูดหรือฝากฝังอะไรทั้งสองคนให้มากความเพราะถึงอย่างไรในช่วงเวลาอาหาร พวกเขาทั้งสองจะต้องมารายงานผลการฝึกให้ตัวชายหนุ่มได้รับทราบอยู่ดี
“เจสสส!!” เสียงร้องตะโกนของลูอิสที่ออกไปสำรวจบนกำแพง ได้รีบวิ่งกลับเข้ามายังตัวห้องโถงด้วยหน้าที่ตื่นตระหนก พลางร้องเรียกหัวหน้ากิลด์อยู่เป็นระยะ
“ฉันอยู่ทางนี้!!มีเรื่องอะไรลูอิส วิ่งหน้าตั้งมาขนาดนี้ไม่สมกับเป็นนายเลยน่ะ?”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน...ฉันได้รับแจ้งจากทหารรักษาการณ์ว่ามีกลุ่มผู้เล่นจำนวน 2 กลุ่ม กำลังต่อสู้กันอยู่ทางด้านหน้าป้อมปราการของเรา แม้จะยังอยู่ห่างจากพวกเราไปหลายกิโลแต่คาดว่า หากคำนวณจากทิศทาง คนกลุ่มนั้นคงตรงมาที่นี้อย่างแน่นอน!!”
...โปรดติดตามตอนต่อไป...
เที่ยวให้สนุก พักผ่อนให้เต็มที่ และอย่าลืมดูแลความปลอดภัยของตัวเองกันด้วยน่ะครับ
เข้าไปร่วมพูดคุยกับไรท์หรือสมาชิกนักอ่านคนอื่นๆได้ที่แฟนเพจตามลิงค์ด้านล่างเลยนะครับ
www.facebook.com/writelazy
