ตอนที่ 11 เข้าใจผิดแล้วเข้าใจผิดอีก !!
ตอนที่ 11
“หือทำไมคนพวกนั้นไม่ออกเดินทางล่ะเมืองอยู่ห่างไปแค่สิบกิโลไม่ใช่เหรอ” จันทร์วาดสงสัยพลางมองดูผู้เล่นที่พึ่งจะลงจากเรือผู้เล่นพวกนั้นแทนที่จะออกเดินทางเข้าเมืองไปดันเลือกที่จะหาพื้นที่โล่งๆแถวท่าเรือก่อกองไฟและนั่งลง
“เพราะพระอาทิตย์จะตกดินแล้วน่ะพี่...พี่อาจจะลืมไปแล้วว่าตอนกลางคืนจะมีสัตว์อสูรระดับสูงออกมา” เหม่ยเหยาบอก
“อ๊ะจริงด้วยแล้วสัตว์อสูรที่ออกมาแถวนี้ระดับเท่าไหร่รู้มั้ยพี่อยากเข้าเมืองไปออฟไลน์น่ะ” จันทร์วาดถาม
“สามสิบค่ะพี่” เหม่ยเหยาตอบ
“สามสิบสินะสมแล้วที่เป็นพวกหาข้อมูลก่อนเล่นรู้เยอะจริงเลยเราน่ะ” จันทร์วาดพูดพลางคลี่ยิ้มให้เหม่ยเหยา
“แหะๆแต่ระดับแค่สามสิบอย่างพี่จันทร์วาดน่าจะเอาอยู่ล่ะมั้งคะถ้ายังไงเรารีบไปกันเถอะค่ะเดี๋ยวจะออฟไลน์ไม่ทันนะคะ” เหม่ยเหยายกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆก่อนจะชวนจันทร์วาดให้ออกเดินทางเพราะระยะทางสิบกิโลเมตรนั้นน่าจะใช้เวลาประมาณชั่วโมงตอนนี้เวลาภายในเกมส์ก็หกโมงกว่าแล้วไปถึงเมืองน่าจะประมาณเกือบทุ่มครึ่งพอดี
“อืมถ้างั้นไปกันเถอะ” จันทร์วาดพยักหน้าก่อนจะรีบเดินทางเข้าป่ามุ่งหน้าไปที่เมืองท่ามังกรทองซึ่งอยู่ห่างไปสิบกิโลเมตรทันที
ทั้งคู่เดินทางเข้าป่าไปท่ามกลางสายตาของผู้เล่นมากมายที่อยากจะเตือนแต่ก็ไม่ได้เตือนเพราะเดี๋ยวก็กลับมาเกิดที่ท่าเรือกันเอง
สี่สิบนาทีต่อมา
กร๊อบ !! เสียงคอของสัตว์อสูรตัวหนึ่งที่โจมตีสองสาวถูกหักลงก่อนผู้หญิงคนที่จัดการหักคอสัตว์อสูรตัวนั้นจะโยนร่างของมันลงพื้นและร่างของมันก็สลายกลายเหลือไว้แต่เพียงเหรียญทองไม่กี่เหรียญ
“ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดนี่สัตว์อสูรพวกนี้ระดับสามสิบเสียเปล่าจัดการง่ายกว่าหมีที่ทวีปเริ่มต้นอีก” จันทร์วาดพูด
“โธ่มันง่ายซะที่ไหนล่ะคะพี่จันทร์วาดดูสิหนูฟันไปตั้งสิบกว่าทียังจัดการมันไม่ได้เลยมีแต่พี่นี่แหละที่อาศัยจังหวะที่มันพุ่งเข้ามาฉกก่อนจะหลบและคว้าคอมันเอาไว้พอคว้าได้ก็หักคอมันเลย” เหม่ยเหยาพูดเธอนั้นฟันสัตว์อสูรงูที่เข้าโจมตีเธออยู่เป็นสิบรอบแต่ก็ยังจัดการไม่ได้จนจันทร์วาดเข้ามาจัดการให้
“ก็งูพวกนี้มันพุ่งโจมตีแบบโง่ๆนี่นามีที่ไหนพุ่งตัวมาฉกเป้าหมายแบบนี้ลอยอยู่กลางอากาศก็เป็นเป้านิ่งน่ะสิส่วนของเหม่ยเหยาพี่ก็บอกแล้วให้หลบแล้วฟันฉับตัดคอมันจะง่ายกว่าเอาแต่ฟันกับมันตรงๆอยู่นั่นแหละชาติไหนมันจะตายล่ะ” จันทร์วาดพูด
“พี่จันทร์วาดก็พูดง่ายน่ะสิหนูไม่ได้คาดเดาการเคลื่อนไหวสัตว์อสูรได้แบบพี่นะ” เหม่ยเหยาบอก
“ก็ฝึกเอาสิเดี๋ยวก็ได้เองเอาล่ะเดินทางกันต่อดีกว่า” จันทร์วาดพูดก่อนจะเดินไปเก็บเหรียญทองที่พื้นเข้ากระเป๋า
“ค่ะ” เหม่ยเหยาพยักหน้าจากนั้นทั้งคู่ก็เดินทางกันต่อ
“ว่าแต่เหม่ยเหยารู้สึกว่าสัตว์อสูรมันน้อยๆมั้ย” จันทร์วาดสงสัย
“นั่นสิคะปกติสัตว์อสูรตอนกลางคืนมันน่าจะเยอะกว่านี้แต่นี่เราก็เดินทางมาก็ใกล้ถึงเมืองท่ามังกรทองแล้วแล้วเจอยังไม่ถึงสิบตัวเลย” เหม่ยเหยาเห็นด้วยว่าสัตว์อสูรมันน้อยแปลกๆตอนนั้นเองจันทร์วาดก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างคล้ายเสียงคนเหยียบอะไรหัก
แกร๊บ !! จันทร์วาดหันไปตามเสียงนั่นก่อนจะเห็นประกายสะท้อนแสงกำลังพุ่งเข้ามาซึ่งมันคือหัวของลูกศรนั่นเอง
“เหม่ยเหยาหลบ !!” จันทร์วาดตะโกนพลางผลักเหม่ยเหยาออกไป
กรี๊ด !! เหม่ยเหยาร้องออกมาอย่างตกใจที่จู่ๆก็โดนผลัก
ฟิ้ว !! ฉัวะ !! ทันทีที่จันทร์วาดผลักเหม่ยเหยาออกไปหัวลูกศรนั่นก็พลาดเป้าไปทันทีแต่ไม่วายยังเฉี่ยวแขนของจันทร์วาดเรียกเลือดไปได้ไม่น้อย
[คุณถูกผู้เล่นโจมตี !!]
เสียงเตือนของระบบดังขึ้นในหัวของจันทร์วาดทันที
“ชิ !! หลบทันงั้นเหรอระดับสูงจริงด้วย” เสียงสบถดังออกมาจากในป่าก่อนจะมีผู้เล่นชายในชุดสีดำคนหนึ่งเดินออกมาในมือผู้เล่นคนนั้นถือธนูเอาไว้ด้วยซึ่งทำให้จันทร์วาดรู้ทันทีว่าลูกศรที่ถูกยิงมานั้นเป็นฝีมือของผู้เล่นคนนี้
“มึงเป็นใครไอ้เวรยิงมาได้เกือบโดนหนูเหม่ยเหยาแล้วเห็นมั้ย !!” จันทร์วาดหันไปมองผู้เล่นคนนั้นพลางถามอย่างหยาบคาย
“นะ นะ นักฆ่า !!” เหม่ยเหยาที่พึ่งตั้งตัวได้อุทานออกมาเมื่อเห็นชุดของผู้เล่นที่โจมตีพวกเธอ
“นักฆ่างั้นเหรอ” จันทร์วาดที่ได้ยินดังนั้นก็หรี่ตามองดูผู้เล่นที่โจมตีมา
“ใช่ค่ะพี่คนพวกนี้คือกิลด์นักฆ่าจากที่หนูอ่านเจอในบอร์ดผู้เล่นพวกนี้จะแต่งชุดสีดำมีสัญลักษณ์รูปหัวกระโหลกอยู่ที่ไหล่ถ้าจำไม่ผิดกิลด์พวกนี้จะรับงานฆ่าผู้เล่นตามใบสั่ง” เหม่ยเหยาอธิบาย
“ใช่แล้วพวกเราเป็นนักฆ่าเอาล่ะบอกมาคนไหนชื่อจันทร์วาด !!” นักฆ่าตรงหน้าจันทร์วาดพูด
ไอ้เด็กนี่พูดว่าพวกเรางั้นเหรอแสดงว่าไม่ได้มีคนเดียวที่สำคัญตามหาเรางั้นเหรอแสดงว่าเป้าหมายคือเราสินะ !! จันทร์วาดคิดในใจและในตอนนั้นเองก็มีผู้เล่นในชุดสีดำอีกสี่คนเดินออกมาจากป่ารอบๆล้อมทั้งคู่เอาไว้นักฆ่าอีกสี่คนที่มาสมทบนั้นบ้างก็ถือกระบี่ บ้างถือดาบและบ้างก็ถือมีดเรียกได้ว่ามีอาวุธแทบทุกชนิด
“เอาล่ะจะถามอีกครั้งคนไหนจันทร์วาดถ้าไม่ตอบจะฆ่าทั้งคู่แล้วนะ !!” นักฆ่าคนนั้นเมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบก็ถามอีกครั้ง
“ฉันเองจันทร์วาดปล่อยเด็กไป !!” จันทร์วาดพูดพลางเดินมาบังเหม่ยเหยาเอาไว้
“พวกเราไม่ฆ่าคนอื่นที่ไม่ใช่เป้าหมายอยู่แล้ว” นักฆ่าคนที่ถามจันทร์วาดพูดก่อนจะหันไปพยักหน้าให้เพื่อนเพื่อส่งสัญญาณเมื่อได้สัญญาณแล้วนักฆ่าพวกนั้นก็บีบวงล้อมเข้ามาทันที
“เหม่ยเหยาหนีไปซะ” จันทร์วาดหันไปบอกเหม่ยเหยา
“ไม่เอาพี่หนูไม่ทิ้งพี่ไว้หรอก” เหม่ยเหยาพูด
“ไปซะเป้าหมายพวกมันคือพี่หนูอยู่แบบนี้ก็เกะกะพี่เปล่าๆ” จันทร์วาดบอก
“แต่ว่า...”
“ไป !!” จันทร์วาดไม่ปล่อยให้เหม่ยเหยาพูดอะไรต่อเธอออกแรงผลักเหม่ยเหยาออกไปทันที
“พะ พี่ทนไว้ก่อนนะหนูจะเข้าเมืองแล้วพยายามติดต่อให้เพื่อนหนูมาช่วยเพื่อนหนูอยู่เมืองฟ้ากระจ่าง” เหม่ยเหยาพูดพลางวิ่งหนีไปทันทีเธอนั้นไม่ได้แอดชื่อเพื่อนของเธอเอาไว้แต่เธอกะว่าจะไปตามหาลูกกิลด์ของเพื่อนในเมืองแล้วขอความช่วยเหลือเอาพวกนักฆ่าที่ล้อมอยู่เมื่อเห็นเหม่ยเหยาวิ่งหนีพวกมันก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะเป้าหมายคือจันทร์วาดเท่านั้น
“เอาล่ะเธอยอมตายดีๆเถอะเรายังต้องฆ่าเธออีกหลายรอบเลย” นักฆ่าคนที่ถือธนูพูดเขายกธนูขึ้นก่อนจะน้าวสายธนูทันที
“เรื่องดิใครจะยอมเอ็งวะไอ้เด็กบ้า” จันทร์วาดพูดพลางมองจับการเคลื่อนไหวของนิ้วมือและสายตาของนักฆ่าที่ถือธนูอยู่ตลอดเวลา
“เด็กบ้านเธอสิฉันน่ะอายุยี่สิบห้าแล้วโว้ย !!” นักฆ่าคนนั้นพูดก่อนจะยิงธนูใส่จันทร์วาดทันที
ฟ้าว !! ฉึก !! จันทร์วาดที่มองดูการเคลื่อนไหวของมือและสายตาอยู่ตลอดหลบลูกธนูนี่ได้นักฆ่ารอบๆที่เห็นว่าเป้าหมายหลบได้ก็ตกตะลึงทันที
“เยส...ยัยนี่หลบธนูนายได้เว้ยระดับสูงจริงด้วย” นักฆ่าที่ล้อมกรอบจันทร์วาดอยู่พูดด้วยน้ำเสียงตกตะลึงเพราะด้วยระยะประชิดขนาดนี้ไม่เคยมีใครหลบลูกธนูของเพื่อนเขาได้มาก่อน
“น่าจะระดับเดียวกับเจ้ว่ะ...แต่เจ้ไปไหนวะ” นักฆ่าคนที่ถือธนูวิเคราะห์พลางถามถึงเจ้หรือหัวหน้าของเขา
“เจ้บอกหลงว่ะกูส่งพิกัดไปแล้วกำลังตามมาสมทบ” เพื่อนของนักฆ่าคนที่ถือธนูพูด
ถ้าเป็นแบบนี้เราโดนเด็กพวกนี้ฆ่าแน่ต้องเข้าไปในป่าแล้วค่อยจัดการทีละคน จันทร์วาดคิดในใจเพราะตอนนี้เธออยู่ในพื้นที่โล่งทำให้เธอเสียเปรียบมาก
ฟุ่บ !! จันทร์วาดไม่รอช้าพุ่งตัวใส่นักฆ่าที่ถือธนูทันที
“ดูถูกกันหรือไงพุ่งเข้ามาโดยไม่ใช้วิชาตัวเบาน่ะ !!” นักฆ่าที่ถือธนูพูดก่อนจะหวดธนูในมือใส่จันทร์วาดทันที
ผัวะ !! ฟ้าว !! อ๊าก !! คันธนูนั่นฟาดใส่ร่างของจันทร์วาดด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างมากขนาดจันทร์วาดเองที่มีฝีมือการต่อสู้นอกเกมส์ระดับสูงยังตามความเร็วในการโจมตีนั่นไม่ทันที
ร่างของจันทร์วาดลอยยังกับลูกเบสบอลปลิวไปยังป่าอีกฝั่งทันทีพวกนักฆ่าที่อยู่รอบและนักฆ่าที่เป็นคนโจมตีใส่จันทร์วาดก็ทำหน้าเหร๋อหราด้วยความตกใจ
“เอ๊ะทำไมยัยนั่นปลิวไปไกลจังวะกูก็แค่ฟาดเบาๆนี่หว่ายังไม่รู้สึกว่าฟาดโดนด้วยซ้ำ” นักฆ่าคนที่พึ่งใช้คันธนูฟาดจันทร์วาดพูดออกมาอย่างไม่เข้าใจ
(ถ้าถามว่าทำไมจันทร์วาดถึงหลบลูกธนูได้แต่หลบการฟาดด้วยคันธนูไม่ได้นั่นก็เป็นเพราะการยิงธนูนั้นจันทร์วาดมองนิ้วมือและสายตาของผู้ยิงแล้วก็อ่านการโจมตีล่วงหน้าพอเห็นนิ้วมือขยับก็หลบเลยส่วนการฟาดด้วยคันธนูนั้นเป็นเพราะนักฆ่าที่ฟาดนั้นมีระดับสูงมากซึ่งระดับของเขามากกว่าเจ็ดสิบส่วนจันทร์วาดที่ระดับแค่ยี่สิบจึงมีค่าสถานะต่างกันมากทำให้จันทร์วาดมองความเร็วของนักฆ่าคนนั้นไม่ทัน)
“เฮ้ยแผนแม่งต้องเป็นแผนแน่ยัยนั่นคงแกล้งพุ่งใส่เพื่อให้โจมตีแล้วกระโดดถอยหลังหนีไปยัยนั่นอาศัยจังหวะที่พวกเรากำลังตะลึง” นักฆ่าคนหนึ่งพูด
“เออแม่งน่าจะใช่ว่ะตามยัยนั่นเร็ว !!” นักฆ่าคนที่ใช้ธนูคิดว่าน่าจะเป็นแบบที่เพื่อนบอกจึงรีบบอกให้เพื่อนๆตามไปทันที
ทางด้านจันทร์วาด
ฟ้าว !! อ๊าก !! โคร่ม !! ร่างของจันทร์วาดปลิวเข้าไปในป่ากว่าห้าสิบเมตรระบบบังคับให้เธอร้องออกมาก่อนร่างของเธอจะไปชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งและติดอยู่บนต้นไม้สูงจากพื้นดินเกือบสิบเมตร
บ้าจริงมันอะไรกันมองการโจมตีนั่นไม่ทันเลยทำไมเคลื่อนไหวมือได้ไวขนาดนั้นมันจะผิดหลักไปหน่อยนะมนุษย์น่ะไม่สามารถเคลื่อนไหวไวขนาดนั้นได้หรอกที่สำคัญเลือดเกือบหมดหลอด จันทร์วาดคิดในใจพลางมองดูหลอดเลือดตัวเองตอนนี้เธอค้างอยู่บนต้นไม้ทันใดนั้นเองนักฆ่าห้าคนนั่นก็โผล่มา
ฟุ่บ !! ฟุ่บ !! ฟุ่บ !! ฟุ่บ !! ฟุ่บ !! นักฆ่าห้าคนโผล่มาแถวใต้ต้นไม้ที่เธอค้างอยู่ด้านบน
“แม่งเอ้ยหายไปแล้วยัยนั่นแกล้งพุ่งเข้ามาแกล้งทำเป็นโจมตีแล้วกระโดดหนีจริงๆด้วยแยกกันตามหาเร็ว !!” นักฆ่าคนที่ถือธนูสบถออกมาอย่างหัวเสียเขานั้นรู้สึกว่าตัวเองเสียรู้จึงรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก
“เออแยกกันเร็วก่อนเจ้มาถ้าเจ้มาแล้วรู้ว่าพวกเราปล่อยเป้าหมายหนีไปได้โดนเจ้กระทืบแน่” นักฆ่าอีกคนเห็นด้วยจากนั้นพวกเขาทั้งห้าคนก็วิ่งแยกไปคนละทางทันทีปล่อยจันทร์วาดที่ปลิวมาค้างอยู่บนต้นไม้ได้แต่ทำหน้างง
“ไอ้เด็กพวกนั้นมันอะไรของมันพูดเองเออเองแล้วก็วิ่งไป” จันทร์วาดพูดออกมาพลางมองตามทิศทางที่นักฆ่าห้าคนนั้นแยกกันไป
“อืมเลือดเหลือนิดเดียวสูงขนาดนี้กระโดดลงไปคงตายสินะกินยาเพิ่มเลือดก่อนแล้วกัน” จันทร์วาดพูดก่อนจะหยิบยาฟื้นฟูเลือดระดับต่ำที่ได้รับมาตอนไปเอาของที่อาคารผู้เล่นใหม่เธอนั้นไม่เคยใช้มันเลยตั้งแต่ได้มา
ป๊อก !! เธอเปิดฝายาฟื้นฟูเลือดออกก่อนจะกระดกมันเข้าปากทันที
“หือนมรสสตรอว์เบอรี่” จันทร์วาดอุทานด้วยน้ำเสียงแปลกใจตอนแรกนึกว่าจะมีรสชาติขมเสียอีกเพราะมันเป็นยาแต่ที่ไหนได้ดันเป็นรสชาติของนมสตรอว์เบอรี่ซะอย่างงั้น
อีกด้านหนึ่ง
“หือลูกน้องเราไปไหนหมดพิกัดนี้ไม่ใช่เหรอไง” หลันฮวาที่พึ่งจะมาถึงตามพิกัดที่ลูกน้องส่งมามองดูซ้ายมองดูขวาด้วยความแปลกใจเธอลองส่งข้อความไปหาลูกน้องแต่ก็ไม่มีใครตอบกลับมาสักคน
และตอนนั้นเองเธอก็เห็นลูกศรสองดอกปักอยู่บนพื้นซึ่งหนึ่งในลูกน้องเธอที่ถูกส่งมานั้นมีคนใช้ธนูอยู่ด้วยและใกล้ๆกันนั้นมีรอยเลือดอยู่บนพื้น (เลือดของจันทร์วาดที่โดนธนูดอกแรกยิงเฉี่ยว)
“อย่าบอกนะว่าเป้าหมายจัดการลูกน้องฉันหมดแล้วบ้าน่าฉันใช้เวลามาที่นี่ไม่ถึงห้านาทีเลยนะระดับเป้าหมายสูงขนาดไหนเนี่ยขนาดฉันเองจะจัดการพวกนั้นพร้อมกันห้าคนยังต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่ายี่สิบนาที !!” หลันฮวาอุทานออกมาซึ่งเธอไม่รู้เลยว่าเธอเข้าใจผิดเพราะรอยเลือดนั่นไม่ใช่เลือดของลูกน้องเธอ
จบ...