ตอนที่ 10 เทพนักฆ่าตอแหล
ตอนที่ 10
“เหม่ยเหยาเป็นไงบ้าง !!” จันทร์วาดตะโกนถามเหม่ยเหยาที่อยู่ไม่ไกล
“ระดับยี่สิบแล้วค่ะพี่จันทร์วาด !!” เหม่ยเหยาตะโกนกลับมา
“เฮ้อ...กว่าจะระดับยี่สิบได้เล่นเอาเสียเวลาไปตั้งเจ็ดวัน” จันทร์วาดถอนหายใจออกมาเธอนั้นระดับยี่สิบตั้งแต่เมื่อสองวันที่แล้วแต่ทว่าระดับของเธอก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นไปยี่สิบเอ็ดแต่อย่างไรเพราะต้องรอให้เปลี่ยนอาชีพก่อนระดับถึงจะเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้ได้แต่ก็ยังดีที่ค่าประสบการณ์ที่ได้จากการจัดการสัตว์อสูรมันยังสะสมเอาไว้ให้ซึ่งไม่แน่ว่าพอเธอเปลี่ยนอาชีพแล้วนั้นระดับของเธออาจจะขึ้นไปอีกสองหรือสามระดับเลยก็ได้
“โห่พี่นี่ก็เร็วมากเลยนะคะปกติต้องใช้เวลาเกือบสองเดือนกว่าจะระดับยี่สิบถ้านับเป็นเวลานอกเกมส์เล่นแค่ตอนนอนล่ะก็ใช้เวลาเกือบสัปดาห์เลยนะคะ” เหม่ยเหยาพูดซึ่งถ้าถามว่าทำไมใช้เวลานานขนาดนั้นน่ะเหรอก็เพราะปกติผู้เล่นที่เก็บระดับจะเก็บระดับกันเป็นปาร์ตี้ประมาณ 5-6 คนแถมไม่ได้ล่าสัตว์อสูรเร็วแบบจันทร์วาดด้วยเพราะกว่าจะจัดการได้แต่ละตัวก็ต้องเสียเวลาประมาณห้านาที
ซึ่งผิดกับจันทร์วาดที่ใช้เวลาจัดการสัตว์อสูรตัวละไม่ถึงสองนาทีเลยด้วยซ้ำ
“เอาเถอะเรื่องพวกนั้นช่างมันดีกว่ารีบกลับเมืองไปขายของเอาเงินค่าเรือแล้วรีบเดินทางกันดีกว่าใช้เวลานั่งเรือนานมั้ย” จันทร์วาดถามเหม่ยเหยา
“ใช้เวลานั่งเรือสามชั่วโมงค่ะจากนั้นก็เดินทางอีกราวสิบกิโลเพื่อไปที่เมืองท่ามังกรทองเพื่อไปออฟไลน์ที่อาคารผู้เล่น” เหม่ยเหยาตอบ
“อ้าวอ้าวออฟไลน์ที่ท่าเรือไม่ได้เหรอ” จันทร์วาดสงสัย
“ที่นั่นไม่มีอาคารอำนวยความสะดวกอะไรเลยค่ะพี่แต่เมืองท่ามังกรทองก็อยู่ไม่ไกลมากหรอกค่ะแค่สิบกิโลเอง” เหม่ยเหยาพูด
“สิบกิโลสินะคงเดินทางราวๆครึ่งชั่วโมงตอนนี้ข้างนอกก็ตีห้าแล้วนั่งเรือในเกมส์สามชั่วโมงก็สามสิบนาทีเดินทางไปอาคารผู้เล่นเพื่อออฟไลน์อีกคงทันก่อนหกโมงเช้าล่ะมั้ง” จันทร์วาดเปิดคำสั่งของระบบขึ้นมาดูเวลาที่อยู่ด้านนอกและลองคำนวณดู
“พี่จันทร์วาดต้องตื่นเช้าเหรอคะหรือว่ามีซ้อมคาราเต้ตอนเช้า” เหม่ยเหยาถามหลังจากเห็นว่าจันทร์วาดดูเหมือนจะรีบเธอนั้นเข้าใจว่านักกีฬาทีมชาติอย่างจันทร์วาดน่าจะมีซ้อมตอนเช้าอะไรแบบนั้น
“ก็ทำนองนั้น” จันทร์วาดพยักหน้า
ไม่ได้มีซ้อมอะไรหรอกนะหนูเหม่ยเหยาพอดีป้าต้องรีบไปจ่ายตลาดถ้าไปช้าเนื้อสดผักสดคุณภาพดีจะโดนเลือกไปหมดเสียฉิบแถมป้าต้องรีบทำกับข้าวให้ไอ้ทิศมันด้วยเด็กมันกำลังโตข้าวเช้าเป็นสิ่งสำคัญมาก จันทร์วาดคิดในใจ
“เข้าใจแล้วค่ะถ้าอย่างนั้นเรารีบกลับเมืองกันเถอะ” เหม่ยเหยาพยักหน้าเข้าใจจากนั้นทั้งคู่จึงรีบกลับเมืองเริ่มต้นทันที
ไม่ถึงชั่วโมงทั้งคู่ก็มาถึงเมืองเริ่มต้นจันทร์วาดบอกให้เหม่ยเหยาจัดการขายของที่ดรอปมาจากสัตว์อสูรให้หมดเพราะจำเป็นต้องใช้เงินมาเป็นค่าเรือข้ามทวีปซึ่งค่าเรือก็แพงเอาเรื่องเลยทีเดียว
ท่าเรือ
ภายในท่าเรือทวีปเริ่มต้นนั้นมีผู้เล่นมากมายกำลังซื้อตั๋วและขึ้นเรือเพื่อจะไปจากทวีปเริ่มต้นและมีผู้เล่นบางส่วนที่เดินทางมาจากทวีปหลักเพื่อมารับเพื่อนหรืออาจจะเป็นพวกพ่อค้าที่มาขายของจันทร์วาดและเหม่ยเหยาเดินไปที่ซุ้มขายตั๋วซึ่งมี NPC นั่งอยู่
“ซื้อตั๋วไปทวีปมังกรทองสองใบค่ะ !!” เหม่ยเหยาซื้อตั๋วกับ NPC
“ทวีปมังกรทองสองใบนะครับนี่ตั๋วครับตอนเดินขึ้นเรือให้ถือตั๋วเอาไว้ด้วยนะครับไม่อย่างนั้นจะขึ้นเรือไม่ได้” NPC พยักหน้าก่อนจะหยิบตั๋วให้เหม่ยเหยาสองใบเธอจ่ายเงินให้ NPC ก่อนจะรับตั๋วมา
“นี่ค่ะพี่จันทร์วาด” เหม่ยเหยายื่นตั๋วใบนึงให้จันทร์วาด
“อือถ้าอย่างนั้นเราขึ้นเรือกันเถอะ” จันทร์วาดพยักหน้าและเดินไปที่เรือทันทีซึ่งเรือไปทวีปมังกรทองนั้นหาไม่ยากเลยเพราะเรือที่อยู่ที่ท่าเรือนั้นมีอยู่สี่ลำแต่ละลำมีสัญลักษณ์เป็นรูปสัตว์ตามชื่อทวีปอยู่
และเมื่อจันทร์วาดกับเหม่ยเหยาเดินไปขึ้นเรือแล้วไม่ใกล้ไม่ไกลจุดที่มีซุ้มขายตั๋วตั้งอยู่ก็มีผู้เล่นในชุดสีดำคนหนึ่งเดินมาซึ่งที่แขนของผู้เล่นคนนี้มีตราสัญลักษณ์กิลด์นักฆ่าติดอยู่เขาจ้องมองไปทางจันทร์วาดและเหม่ยเหยาที่พึ่งจะเดินไปก่อนจะเปิดระบบขึ้นมาและติดต่อไปยังใครบางคน
“ยืนยันเป้าหมายใส่ชุดผู้เล่นใหม่ไม่พกอาวุธหน้าตาตามที่ข้อมูลลูกค้าให้เอาไว้เป้าหมายกำลังเดินทางไปทวีปมังกรทองย้ำทวีปมังกรทองที่สำคัญเป้าหมายไม่ได้เดินทางคนเดียวมีผู้ร่วมทางด้วยอีกคนใส่ชุดผู้เล่นใหม่เช่นกัน !!” ผู้เล่นที่เป็นนักฆ่านั้นติดต่อไปยังใครบางคน
ทราบแล้วจะแจ้งให้หัวหน้าสาขาทวีปมังกรทองทราบ ปลายสายที่นักฆ่าคนนั้นติดต่อไปพูดกลับมาก่อนจะตัดการติดต่อไป
กิลด์นักฆ่า
สาขาทวีปมังกรทอง
หลันฮวาได้รับข้อมูลจากนักฆ่าของกิลด์ที่ถูกส่งไปทวีปเริ่มต้น
“นึกว่าจะต้องนั่งเรือตามไปที่ทวีปอื่นเสียแล้วดีเลยจะได้ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มว่าแต่สองคนงั้นเหรอกิลด์เรามีนโยบายไม่จัดการเป้าหมายที่ไม่อยู่ในงานด้วยสิไม่รู้ว่าคนที่เดินทางมากับเป้าหมายเป็นผู้เล่นระดับสูงเหมือนกันมั้ยแต่สงสัยต้องเอาคนไปเพิ่มจะได้ช่วยกันแยกเป้าหมายให้ออกจากกัน” หลันฮวาพูดออกมา
จากนั้นหลันฮวาก็ได้จัดปาร์ตี้ผู้เล่นระดับเจ็ดสิบหกคนมุ่งหน้าไปดักรอเป้าหมายที่ป่าเมืองท่าทันทีซึ่งมันอยู่ระหว่างท่าเรือกับเมืองท่ามังกรทองถามว่าทำไมต้องไปดักระหว่างทางน่ะเหรอเพราะว่าท่าเรือนั้นมีกฎห้ามไม่ให้ผู้เล่นต่อสู้กันดังนั้นจึงต้องไปดักรอฆ่าเป้าหมายที่ในป่าที่เชื่อมระหว่างท่าเรือและเมืองท่ามังกรทองแทน
ซึ่งหลักจากจัดการผู้เล่นที่เป็นเป้าหมายได้แล้วนั้นผู้เล่นคนนั้นจะถูกส่งไปเกิดที่ท่าเรืออีกรอบซึ่งพอเกิดมาแล้วก็แค่รอจัดการเป้าหมายไปเรื่อยๆก็เท่านั้นส่วนเป้าหมายมีโอกาสหนีมั้ยน่ะเหรอก็มีหลายทางเช่นพอเกิดแล้วให้นั่งเรือหนีไปทวีปอื่นแต่การนั่งเรือไปทวีปอื่นนั้นก็จะเจอนักฆ่านั่งเรือตามไปได้อยู่ดีวิธีที่ดีที่สุดคือออฟไลน์หลังจากตายซึ่งการออฟไลน์หลังจากตายนั้นเมื่อกลับเข้ามาจะถูกส่งไปยังสถานที่ที่ใกล้ที่สุดก่อนตายซึ่งในกรณีของจันทร์วาดถ้าไม่เป็นท่าเรือก็จะเป็นเมืองท่ามังกรทองนั่นเอง
ถ้ามีคนถามว่ากิลด์นักฆ่านั้นโหดร้ายมั้ยก็โหดร้ายนะแต่นี่มันเป็นเกมส์เป็นโลกที่สามารถทำอะไรก็ได้ที่ไม่ผิดกฎของเกมส์เป็นโลกที่ผู้เล่นจะมาปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่ในโลกจริงทำไม่ได้นั่นเอง
กลับมาที่จันทร์วาด
“ทะเลสวยจริงๆเลยว่าแต่มันจะแปลกไปหน่อยมั้ยเรือใบที่ไหนแล่นได้ไวขนาดนี้ทั้งๆที่ลมก็พัดเอื่อยๆเครื่องยนต์ก็ไม่มี” จันทร์วาดพูดออกมาขณะที่กำลังยืนดูทะเลอยู่บนเรือผู้เล่นหลายคนเองก็เลือกที่จะยืนดูวิวอยู่บนนี้
“พี่จันทร์วาดก็นี่มันเกมส์นะคะจะไม่ถูกหลักวิทยาศาสตร์สักหน่อยไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” เหม่ยเหยาพูด
“นั่นสินะช่างมันแล้วกันว่าแต่ระหว่างรอให้เรือไปถึงพอมีอะไรทำค่าเวลาได้มั่งมั้ย” จันทร์วาดถาม
“ดูเหมือนในเรือจะมีห้องเล่นบอร์ดเกมส์อยู่นะคะ” เหม่ยเหยาบอก
“บอร์ดเกมส์ ??” จันทร์วาดทำหน้างงเพราะไม่เคยได้ยิน
“พี่ไม่รู้จักเหรอคะโดยเฉพาะเกมส์นักฆ่าตอแหลน่ะสนุกมากเลย !!” เหม่ยเหยาอุทานออกมาเพราะบอร์ดเกมส์ในช่วงนี้เป็นอะไรที่ฮิตมากในหมู่วันรุ่น
“นักฆ่าตอแหลชื่อเกมส์บ้าอะไรเนี่ยไม่น่าเล่นเลยสักนิด” จันทร์วาดพูด
“โหสงสัยนักกีฬาทีมชาติอย่างพี่จะซ้อมหนักแน่เลยมาหนูจะพาพี่ไปเล่นบอร์ดเกมส์เอง” เหม่ยเหยานึกจินตนาการถึงภาพนักกีฬาทีมชาติที่ต้องซ้อมตั้งแต่เช้ายันมืดไม่มีเวลาให้กระดิกตัวไปทำอะไรเลยซึ่งจันทร์วาดไม่ตอบข้อสงสัยของเหม่ยเหยาเธอปล่อยให้เหม่ยเหยาลากเธอไปรู้จักกับบอร์ดเกมส์ที่ว่าทันที
โดยเหม่ยเหยาไม่รู้เลยว่าจันทร์วาดไม่ได้ซ้อมอะไรอย่างที่เธอจินตนาการสักนิดซึ่งกิจวัตรประจำวันของจันทร์วาดนั้นมีแค่ตื่นเช้าจ่ายตลาด ทำกับข้าวดูรายการตลกก่อนบ่ายคลายเครียดพอหลังจากรายการจบก็กินข้าวและซักผ้าทำงานบ้านพอถึงช่วงบ่ายสองก็ดูละครจนถึงช่วงสามโมงเย็นและก็นอนสองชั่วโมงก่อนจะตื่นมาทำกับข้าวพอค่ำก็อาบน้ำนอนถึงจะมีเวลาที่เธอต้องออกไปเก็บค่าที่ในตลาดทุกสัปดาห์แต่ก็ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่เพราะตลาดไม่ได้ไกลจากบ้านเธอชีวิตของจันทร์วาดนั้นเป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่มีลูก
สามชั่วโมงต่อมา
“อ้าถึงแล้วเหรอเนี่ยตายจริงกำลังสนุกเลยนึกไม่ไอ้นักฆ่าตอแหลอะไรนั่นจะสนุกขนาดนี้” จันทร์วาดพูดอย่างเสียดาย
“ค่ะยิ่งคนเยอะยิ่งสนุกนั่นคือข้อดีของบอร์ดเกมส์” เหม่ยเหยาพูด
“นั่นสิช่วงหลังมีคนในห้องมาเล่นด้วยหลายคนทำเอาสนุกเข้าไปใหญ่” จันทร์วาดเห็นด้วยว่าคนยิ่งเยอะยิ่งสนุกเพราะบอร์ดเกมส์บางชนิดนั้นเหมาะสำหรับผู้เล่นเยอะๆอย่างเช่นบอร์ดเกมส์ Seriel Killer หรือ นักฆ่าตอแหลที่เธอกับเหม่ยเหยาเล่นมันอยู่เกือบสามชั่วโมงโดยมีผู้เล่นในเรือที่อยู่ในห้องบอร์ดเกมส์มาร่วมเล่นด้วยเกือบยี่สิบคน
(ไรท์ : ตอนอยู่มหาลัยไรท์ชอบเล่นบอร์ดเกมส์มากเลยครับโดยเฉพาะ Serial Killer หรือนักฆ่าตอแหลใครอยากรู้วิธีการเล่นไปหาข้อมูลตาม Youtube ได้เลยครับพิมพ์ค้นหา Serial Killer มีเพียบ)
“แต่พี่จันทร์วาดนี่น่าเหลือเชื่อจริงๆเลยนะคะเพราะเวลาพี่เป็นนักฆ่าทีไรไม่เคยมีตำรวจจับพี่ได้เลยพี่นี่ตอแหลเก่งได้โล่เลย !!” เหม่ยเหยาพูดทำเอาจันทร์วาดถึงกับสะดุ้งจากนั้นผู้เล่นที่อยู่ในห้องบอร์ดเกมส์ก็ทยอยลงจากเรือมาระหว่างนั้นพวกเขาก็ทักทายจันทร์วาดและเหม่ยเหยาอย่างเป็นกันเอง
“เฮ้...น้องเหม่ยเหยา...จันทร์วาดเอาไว้มีโอกาสเจอกันมาเล่นบอร์ดเกมส์กันอีกนะสนุกมากเลย”
“โชคดีนะจันทร์วาด”
“จันทร์วาดเธอมันตอแหลเก่งชะมัดฉันจะเอาเธอเป็นไอดอล”
“จันทร์วาดเธอมันเทพนักฆ่าตอแหลต่อไปนี้ฉันจะจำชื่อเธอเอาไว้”
“จันทร์วาดจำเอาไว้เลยเธอน่ะฆ่าฉันไปตั้งสิบห้ารอบเจอกันคราวหน้าฉันเอาคืนแน่”
ผู้เล่นแต่ละคนที่ร่วมเล่นบอร์ดเกมส์กับจันทร์วาดนั้นต่างอาฆาตแค้นเธอกันหมด
ทำไมรู้สึกเหมือนโดนเด็กมันด่าว่าป้าตอแหลเก่งหว่าป้าก็แค่เล่นไปตามเกมส์เองนะเด็กๆ จันทร์วาดคิดในใจ
จบ...