บทที่ 53 อาวุธคู่กายสายป้องกัน
บทที่ 53 อาวุธคู่กายสายป้องกัน
ฝ่ามือที่รับมาทั้งหมดนั้น ปรากฏแสงสีน้ำเงินขึ้น มันสลายการโจมตีไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น หยางไห่รู้สึกราวกับฝันไป การโจมตีอันทรงพลังของมันไม่สามารถทำอันตรายอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย
พลังต่อสู้ของหยางไห่พลันเพิ่มสูงขึ้น ชุดเกราะสีฟ้าอ่อนสวมทับบนร่างของมัน มันแผ่พลังสีเฉกเช่นเดียวกับพลังปราณของมันออกมา หยางไห่ผู้นี้มีอาวุธคู่กายสายป้องกัน ซึ่งหาได้ยากมาก!
“หึ! ชุดเกราะของข้าไม่ใช่แค่ป้องกันการโจมตีเท่านั้น ยังสามารถสะท้อนการโจมตี และโจมตีด้วยตนเองอีกด้วย!”
กุนไท่ที่ฟังหยางไห่โอ้อวดพลังของตัวมันอย่างภาคภูมิใจนั้น มันช่างน่าขันนัก! เพราะผู้บ่มเพาะที่กล้าบอกความสามารถของตนให้ผู้อื่นฟัง ถือเป็นการกระทำที่โง่เขลานัก ฝูงชนเองก็คิดไม่ต่างกัน คุณชายผู้นี้คิดว่าตนอยู่สูงกว่าผู้ใด คิดว่าตนเองมีความสามารถมาก ถึงกลับโง่เง่าเผยความลับของตนเองออกมา
กุนไท่ระมัดระวังมากขึ้น เพราะเขายังไม่เคยต่อสู้กับผู้ครอบครองอาวุธคู่กายสายป้องกันสักคนเดียว ชายหนุ่มปล่อยหมัดออกไปปะทะกับชุดเกราะนั่น
แต่แล้วชุดเกราะกลับไร้รอยขีดข่วน พลันบังเกิดแสงเปล่งประกายที่ชุดเกราะ มันยิงลำแสงตรงมาที่กุนไท่อย่างไม่ทันตั้งตัว มันคือการโจมตีสวนกลับของชุดเกราะ!
สัญชาตญาณสั่งให้กุนไท่หลบ เพราะการโจมตีนั้นไม่ใช่การโจมตีกายภาพ แต่เป็นการโจมตีทางจิต และวิญญาณพร้อมกัน! แม้ตัวเขาจะมีพลังจิตที่แข็งแกร่งแต่ฝ่ายตรงข้ามนั้นหยิบยืมพลังมาจากเขา ทำให้การโจมตีแฝงไปด้วยพลังจิต และวิญญาณที่ทรงพลัง!
ครืนนนน!
กุนไท่ไม่รอช้าเรียกขลุ่ยจักรพรรดิวิญญาณออกมาออกมาโดยพลัน ตอนนี้เขาต้องทุ่มพลังทั้งหมดแล้ว บรรยายกาศรอบตัวของชายหนุ่มเปลี่ยนไป พลังงานอันลึกลับแผ่มาจากพลังขลุ่ยจักรพรรดิวิญญาณ พลังปราณสีม่วงของขลุ่ยจักรพรรดิวิญญาณนั้นระเบิดกระจายออกไปเป็นวงกว้าง สร้างความกดดัน และความหวาดกลัวให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบ
หยางไห่ถึงกลับผงะ มันเริ่มสงสัยที่มาที่ไปของกุนไท่แล้วว่ามาจากที่ใดกันแน่ ความหวาดกลัว และความไม่แน่ใจเริ่มก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของเขา!
“จงสิ้นหวังไปซะ!”
กุนไท่เอ่ยอย่างเย็นชา ตัวตนของเขาในตอนนี้หาใดเปรียบ มันยิ่งใหญ่เหนือเกินคณานับ ศิษย์สตรีของสำนักมังกรครามมากมายล้วนจ้องมองไปที่ใบหน้าคมคายของเขา ซึ่งก่อนหน้ามีแต่ความอบอุ่น แต่บัดนี้มีเพียงแต่เย็นชาเท่านั้น
กุนไท่เริ่มเป่าขลุ่ยบรรเลงทวงทำนองอันไพเราะ มันทำให้ผู้ที่ได้ยินต่างรู้สึกเจ็บปวดทรมานราวกับตายทั้งเป็น!
โดยเฉพาะหยางไห่เสียงเพลง และคลื่นเสียงดังเข้าไปในโสตประสาทของมันโดยตรง ส่งผลให้เห็นภาพหลอนน่ากลัวมากมาย มันเป็นนายน้อยตระกูลใหญ่ที่มั่งคง ไหนเลยจะมาเคยเห็นภาพที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ได้!
โลหิตสีแดงสดเริ่มไหลออกมาจากรูหูของหยางไห่ มันพลันคำรามออกมาอย่างเจ็บปวด ก่อนจะสิ้นใจตายไปอย่างไม่ยินยอม!
เมื่อกุนไท่เห็นเช่นนั้น เขาพลันหยุดการบรรเลงนั้นลง ก่อนที่ขลุ่ยจักรพรรดิวิญญาณจะสลายไปอย่างไร้วี่แวว ชายหนุ่มมองไปที่หยางไห่ที่นอนแน่นิ่ง บนใบหน้าของมันนั้นแสดงถึงความหวาดกลัวที่สุดเท่าที่เคยมีมา แววตาของมันฉายความหวาดผวาสุดพรรณนา ราวกับได้เห็นนรกมาแล้ว!
กุนไท่มองไปโดยรอบ เห็นผู้คนมากมายกำลังยืนนิ่งแข็งค้างราวกับรูปปั้น เขามองไปที่เจียวเหม่ยที่กำลังอ้าปากค้างจนสามารถยัดหมั่นโถวเข้าไปทั้งลูกได้
“ข้าขอตัวก่อนนะพี่เหม่ย ไว้ครั้งหน้าข้าจะมาเยี่ยมท่านใหม่!”
ขณะที่กุนไท่เตรียมตัวจะจากไปนั้น พลันรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล มันครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณนี้ พลังปราณที่อยู่ในระดับสูงล้ำ จนกุนไท่ไม่สามารถคาดเดาได้ หากเทียบมันคงพอๆกับผู้อาวุโสระดับสูงในนิกายฟ้าสวรรค์คำรามพิโรธ!
“ไอ้บัดซบตัวไหน มันกล้าสังหารบุตรชายของข้า!”
เสียงของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งดังขึ้น ร่างของมันนั้นอ้วนเหมือนตุ่ม แต่พลังปราณที่แผ่ซ่านออกมานั้น สร้างความหวาดกลัวให้กับเหล่าศิษย์ในสำนักทุกคน!
กุนไท่ยังคงมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงกริยาท่าทางสงบเสงี่ยม รักษาความไว้ซึ่งของผู้มีพลังอำนาจเหนือผู้ใด! ชายหนุ่มจ้องมองไปที่ใบหน้าของชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างอ้วนผู้นั้น มันมีใบหน้าคล้ายกับหยางไห่ถึงแปดส่วน!
“เจ้ากล้าสังหารบุตรชายของข้า!”
ชายร่างอ้วนซึ่งเป็นบิดาของหยางไห่นั้น มันมีนามว่า หยางซวนฉี มีตำแหน่งสูงภายในสำนักมังกรคราม
“ใช่เป็นข้าเอง! แต่ข้ากับมันได้ร่างสัญญาก่อนการประลองไว้แล้ว ท่านดูเอาเองเถอะ!”
กุนไท่เกียจคร้านจะอธิบายกับคนประเภทเหล่านี้ เขาโยนสัญญาฉบับนั้นให้อีกฝ่ายดู หยางซวนฉีมองไปที่กระดาษสีขาวในมือ มันมีลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจนอย่างละเอียด ทันใดนั้นสีหน้าของมันกลายเป็นหน้าเกลียดทันที เพราะที่เขียนไว้ข้างในนั้นคือมันไม่สามารถแก้แค้นให้กับบุตรชายของมันได้ รวมถึงการกระทำใดก็แล้วแต่อันก่อให้เกิดเหตุที่มีผลต่อชีวิตของกุนไท่!
แม้หยางฉีจะไม่สามารถทำสิ่งใดไว้ได้ แต่แล้วมันก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา มันหันไปหากุนไท่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการฆ่าออกมา ร่างกายแผ่รังสีๆดำทมิฬออกมา ก่อนจะกล่าวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อออกมา
“แม้ข้าจะทำอันตรายเจ้าไม่ได้! แต่ข้าจะเก็บเจ้าไว้เป็นสัตว์เลี้ยงส่วนตัวของข้า ข้าจะให้เจ้าใช้ชีวิตเยี่ยงสัตว์!”
หลังจากกล่าวจบ หยางซวนฉีทำมือเป็นกรงเล็บแล้วหงายขึ้น ทันใดนั้นรอบตัวของกุนไท่ปรากฏกรงขังที่สร้างจากพลังปราณขึ้น มันมีความแข็งมากกว่าเหล็กชั้นยอดเสียอีก!
“ท่านผู้อาวุโส อย่าทำอะไรกับน้องชายข้าเลย!”
เจียวเหม่ยตอบกลับไปด้วยความร้อนรน นางรู้สึกใจหายใจคว่ำที่เห็นกุนไท่จะโดนจับไปอย่างนั้น
“อย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้อีกสาวน้อย! แม้เจ้าจะเป็นศิษย์ของท่านรองเจ้าสำนักก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถแทรกเรื่องส่วนตัวของข้าได้!”
หยางซวนฉีตอบกลับไปด้วยความเกรี้ยวกราดที่สามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ ภายในใจของมันรู้สึกเจ็บปวดที่สูญเสียบุตรชายคนเดียวของมันไป
(รองเจ้าสำนักมีหลายคน ปู่ของหยางไห่ก็เป็นหนึ่งในนั้น รวมถึงอาจารย์ของเจียวเหม่ยด้วย)
ขณะที่หยางซวนฉีกำลังจะพากุนไท่ไปกับมันนั้น ท้องฟ้ากลับแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ รวมถึงจุดแสงสีฟ้าพร้อมกับปรากฏเงาร่างของชายชราผู้หนึ่งออกมา ผมสีขาวนั้นสยายไปตามแรงลมทำให้ดูแข็งแกร่งและลึกลับ ชายชราผู้นั้นเปล่งเสียงขึ้นมาว่า
“ปล่อยตัวสหายน้อยกุนไท่ซะ!”