บทที่ 139
ทหารจำนวนเกือบสี่สิบนายยืนล้อม หวังหลิน เนี่ยฟง หยางเวย และเย่เตาไว้ตรงกลางด้านหน้าของโรงเตี๊ยม ชาวบ้านจำนวนมากถูกกันตัวออกจากบริเวณ ชายหนุ่มอายุสามสิบปี ร่างกายสูงใหญ่สวมเสื้อแขนกุดโชว์มัดกล้าม ก้าวเดินเข้าไปประคององค์ชายสี่ ทหารที่ยืนล้อมต่างกำชับดาบในมือแน่น เพื่อรอคำสั่ง หยางเวยแสยะยิ้มก้าวเดินออกมาเผชิญหน้าพร้อมกับโคจรลมปราณเอาไว้ หวังหลินเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นชักจะบานปลายเสียแล้ว จึงเอ่ยวาจาห้ามอีกครั้ง
“ต้องขออภัยหัวหน้าองครักษ์ห่าวเฉียงขอรับ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจผิดกันขอรับ”
“โอ้ คิดว่าใครที่ไหนคุณชายหวังหลิน เรื่องที่เกิดขึ้นข้าพอเข้าใจและทราบเรื่องที่เกิดขึ้นดี เพียงแต่ว่าเพื่อนของท่านทำร้ายองค์ชายและองครักษ์ เรื่องที่เกิดขึ้นคงไม่จบลงที่เพียงกล่าวคำขอโทษเป็นแน่”
หยางเวยเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วกล่าววาจาตอบกับห่าวเฉียง
“ผายลม ตัวท่านเป็นถึงหัวหน้าองครักษ์ เหตุใดถึงเอ่ยวาจาเห็นแก่ตัวเช่นนั้น เป็นองค์ชายของท่านเองที่พุ่งเข้ามาทำร้ายข้า หากตัวท่านเป็นข้า ท่านจะให้องค์ชายของท่านลงมือทุบตีรึ อีกอย่างคนขององค์ชายเองก็กล่าววาจาไล่พวกข้าตั้งแต่แรก”
ห้าวเฉียงเองก็รับรู้ว่านิสัยขององค์ชายสี่เป็นเช่นไร แต่ก็ไม่สามารถกระทำสิ่งใดได้มาก ผู้เป็นนายสั่งสิ่งใดก็ต้องกระทำ องค์ชายสี่เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มมีอารมณ์โกรธขึ้นมาอีกครั้ง
“บัดซบ ทหารจำกุมตัวมัน ข้าจะลงมือทรมานมัน บังอาจทำร้ายข้า”
ทหารที่ยืนล้อมคนที่สี่เอาไว้ก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับอาวุธในมือ หยางเวยเห็นเช่นนั้นก็แสยะยิ้มตะโกนออกมา
“เป็นถึงองค์ชาย ใช้อำนาจในมือในทางที่ผิด ดีวันนี้ข้าหยางเวยจะลงมือทุบตีท่าน ประดุจสุกรตัวหนึ่ง”
เมื่อกล่าวสิ้นเสียงหยางเวยก็ซัดฝ่ามือลงพื้นดิน ปราณฝ่ามือสีม่วงพุ่งปะทะกับพื้น เปรี้ยง ควันพิษสีม่วงพุ่งโพยออกมา ถุงมือไหมถูกนำออกมาสวมใส่ ผัวะ ผัวะ ผัวะ เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เนี่ยฟง เย่เตาและหวังหลินก็ร่วมต่อสู้ด้วยเช่นกัน เสียงหมัดเข้าปะทะร่างกายเสียงดังสนั่น ชั่วน้ำเดือดเมื่อควันพิษจางหาย ทหารเกือบสี่สิบนายลงไปนอนกับพื้น บางคนร้องออกมาเสียงโหยหวนเพราะพิษร้ายเริ่มทำงานของมันแล้ว หยางเวยก้าวเดินออกมาข้างหน้า พร้อมกับผายมือออกมาทั้งสองข้างจ้องมององค์ชายสี่และห้าวเฉียง
“คนของท่านถูกจัดการหมดแล้ว ตัวท่านองค์ชายสนใจหรือไม่ หรือจะออกคำสั่งอยู่ด้านหลังหากเป็นเช่นนั้นคงต้องให้ผู้คนเอ่ยกล่าวเรียกท่านว่าองค์หญิงสี่เสียแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“บัดซบ ไอ้ลูกหมา ดี ดี เมื่อครู่ข้าประมาทไป เช่นนั้นเจ้ารับมือ”
กล่าวสิ้นเสียงองค์ชายสี่ก็ระเบิดพลังปราณระดับสีแดงขั้นต้นออกมา ตูม พร้อมกับสะบัดมือขวาเรียกดาบคู่ใจออกมา พุ่งทะยานเข้าหาหยางเวย
“มาดูกันว่า ข้าจะทุบตีท่านอย่างไร”
หยางเวยโยกตัวหลบดาบขององค์ชายสี่ที่ฟาดฟันออกมา คมดาบวาดผ่านไปมาเสียงดังหวีดหวิว ไม่ถึงหนึ่งเค่อ องค์ชายสี่ก็เสียท่าให้หยางเวย ถูกมุดเข้าไปประชิดตัวกระหน่ำต่อยหมัดทั้งซ้ายและขวาไปที่หน้าท้องขององค์ชายสี่ เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง หมัดสุดท้ายหยางเวยต่อยเข้าไปที่ปลายคางอีกครั้ง เปรี้ยง องค์ชายสี่กระเด็นออกไปนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
“หวังว่าท่านจะไม่ใช้อำนาจในทางที่ผิดอีกนะองค์ชาย”
หยางเวยคิดว่าจัดการเรียบร้อยแล้วกำลังจะหันหลังเดินกลับมา เย่เตาที่จ้องมององค์ชายสี่อยู่ก็ตะโกนเสียงดังออกมา
“หยางเวยหลบ”
หยางเวยเมื่อรู้ตัวก็ไม่ทันเสียแล้ว องค์ชายสี่สะบัดมือนำกระบอกอาวุธลับออกมายิงใส่หยางเวยจากด้านหลัง เนี่ยฟงที่รอจังหวะเรียกเกราะสายฟ้าออกมาต้านรับอาวุธลับที่ถูกยิงออกมา
ห้าวเฉียงเองตื่นตกใจไม่น้อย ชาวบ้านที่มุงดูได้แต่เอือมระอาในการกระทำขององค์ชายสี่ หยางเวยหัวเราะดังลั่นออกมา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า มีแต่ความตายเท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงตัวตนของท่านได้องค์ชายสี่ สันดานของท่านมันเน่าเฟะเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว”
หลังจากนั้นหยางเวยก็หันไปมองรอบด้าน
“พวกท่านก็เห็นแล้วว่าการกระทำขององค์ชายสี่บัดซบนั้น คิดสังหารข้าด้วยอาวุธลับ พวกท่านจะให้ข้าทำเช่นไร”
ความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณ ไม่มีแม้แต่ผู้ใดคิดขยับตัวเพื่อช่วยเหลือองค์ชายสี่ ในระหว่างที่หยางเวยก้าวเดินเข้าไปอย่างช้าๆ หยางเวยก้มลงไปหยิบเข็มพิษที่ถูกยิงออกมาเล่มหนึ่ง ใช้ลมปราณพิษของตนเคลือบพิษในตัวเข็มพิษ
“หากเมื่อครู่ท่านยอมพ่ายแพ้ไป เรื่องทุกอย่างก็คงจะจบลงโดยดี โดยที่ท่านบาดเจ็บเล็กน้อย แต่น่าเสียดายการกระทำอันบัดซบของท่าน”
หยางเวยซัดเข็มพิษไปที่หัวไหล่ขวาขององค์ชายสี่ ไม่ถึงสองลมหายใจก็ร้องออกมาด้วยเสียงโหยหวน เนี่ยฟงสะบัดมือโยนขวดยาสีขาวนวลให้แก่ห้าวเฉียง
“ท่านหัวหน้าองครักษ์นั้นเป็นยารักษาที่ดีที่สุด ท่านโปรดนำไปรักษาองค์ชายสี่เถอะขอรับ หวังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ จะเป็นบทเรียนให้แก่องค์ชายสี่ไม่น้อย หากมีสิ่งใดท่านสามารถสอบถามหาข้าได้ ข้ามีนามว่าเนี่ยฟง ส่วนคนที่ลงมือกับองค์ชายสี่ นามว่าหยางเวย”
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นทั้งสี่กำลังเดินออกจากบริเวณก็ถูกแรงกดดันระดับสีแดงขั้นกลางแผ่ออกมาจากบนหลังคาโรงเตี๊ยม เนี่ยฟงสะบัดมือขวาอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏออกมาที่พื้น สลายแรงกดดัน เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นแม่ทัพเมิ่งเซียวที่อดีตเคยพบเจอเมื่อครั้งงานล่าอสูร
“พวกเจ้าเด็กน้อยทั้งสี่ยังไปไหนไม่ได้ ถึงอย่างไรองค์ชายก็ยังคงเป็นองค์ชาย พวกเจ้าทั้งสี่มีความผิดลงมือทำร้ายองค์ชายสี่ โดยเฉพาะเจ้า”
หวังหลินเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มที่จะหนักข้อขึ้นจึงคิดจะเอ่ยกล่าววาจาออกมาแต่ทว่าก็ถูกเนี่ยฟงกล่าวออกมาเสียก่อน
“ไม่คิดเลยว่าคนของผาไม้ดำจะแทรกซึมไปทั่วจริงๆ”
“ผายลม เจ้ากล่าววาจาไร้สาระอันใด”
หลายคนได้ยินถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เนี่ยฟงไม่กล่าวสิ่งใดมากความอีก สะบัดมือขวาวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏออกมาที่พื้นด้านหน้า เนี่ยฟงรีบซัดฝ่ามือลงพื้น เถาวัลย์สีฟ้ามีประกายสายฟ้ารอบล้อมพุ่งเข้าหาแม่ทัพเมิ่งเซียวอย่างรวดเร็ว ปราณระดับสีแดงขั้นกลางถูกระเบิดออกมา แต่ทว่าก็ไม่สามารถป้องกันเถาวัลย์สีฟ้าไปได้ มันพุ่งรัดตัวของเมิ่งเซียวเอาไว้จนแน่นร่วงลงมากระแทกพื้นดิน เมิ่งเซียวถึงกับกระอักเลือดออกมา หลายคนล้วนแล้วแต่ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก แม่ทัพผู้เก่งกาจถูกสยบไม่ถึงสามลมหายใจ
“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ติดต่อพรรคพวกของท่าน ถึงความสามารถของข้าสินะ”
เนี่ยฟงเดินเข้าไปปลดแหวนของเมิ่งเซียวออกมาพร้อมกับโคจรลมปราณเข้าไปเรียกสิ่งของในแหวนออกมากองที่พื้น เนี่ยฟงแสยะยิ้มเมื่อเห็นสิ่งของบางอย่าง จึงเดินเข้าไปหยิบแล้วชูขึ้นเหนือศีรษะ มันคือป้ายไม้ของผาไม้ดำและมีจดหมายคำสั่งสังหารเนี่ยฟง เนี่ยฟงยื่นจดหมายให้ห้าวเฉียง
“ที่นี่ท่านคงรับรู้แล้วว่า มันเกิดสิ่งใดขึ้น แม่ทัพใหญ่ของพวกท่านถูกซื้อตัวโดยคนของผาไม้ดำเสียแล้ว หากว่าพวกท่านยังไม่เชื่อเช่นนั้นก็ฟังคำกล่าวจากท่านแม่ทัพเองก็แล้วกัน”
เหตุที่เนี่ยฟงรับรู้ว่าเมิ่งเซียวคือคนของผาไม้ดำ นั้นก็เพราะว่ามีรูปไม้ไผ่สีขาวปักที่ชายเสื้อ เช่นเดียวกับคนของผาไม้ดำที่สังหารมา ความเงียบเข้าปกคลุมพื้นที่อีกครั้ง เนี่ยฟงแอบสะบัดมือนำขวดยาสีขาวออกมา เทเม็ดยาออกมาหลังจากนั้นก็ยัดเข้าไปในปากของเมิ่งเซียว แล้วลากออกมากลางถนน เนี่ยฟงหันไปมองห้าวเฉียง
“เชิญท่านห้าวเฉียงสอบปากคำเถอะขอรับ ให้ชาวบ้านที่อยู่ที่นี่รับรู้ ว่าสิ่งที่ข้ากล่าวเป็นจริงหรือว่าคำโกหก”
แน่นอนแม้แต่ห้าวเฉียงเองก็สงสัยไม่น้อย จึงเริ่มสอบถาม เพียงแค่คำถามแรกก็ทำให้ผู้คนที่ได้ยินตกตะลึง เมิ่งเซียวแม่ทัพใหญ่ที่ใครๆหลายคนนับถือ เป็นคนของผาไม้ดำถูกแฝงตัวให้เข้ามาตั้งแต่แรก อีกทั้งยังมีด้วยกันหลายสิบคนที่แฝงตัวอยู่ในเมืองต่างๆของแต่ละเขต แน่นอนเพื่อทำงานลอบสังหาร หรือส่งข่าวถึงความเคลื่อนไหวในเขตปกครองเขตต่างๆให้แก่หัวหน้าของผาไม้ดำรับรู้
เหตุการณ์ที่หน้าโรงเตี๊ยม เมิ่งเซียวถูกจับกุมส่งตัวให้แก่ผู้ปกครองเขต มีคำสั่งประหารในรุ่งเช้าของอีกวันพร้อมกับครอบครัวตระกูลเมิ่งทั้งหมดในเขตแห่งสายลม ข่าวถูกแพร่กระจายอย่างรวดเร็วรวมไปถึงการส่งจดหมายด่วนถึงเขตปกครองทั้งแปด ให้ตรวจสอบเหล่าทหารแม่ทัพและเจ้าเมืองอย่างละเอียด ใครที่ไม่มีหลักฐานยืนยันถิ่นกำเนิดโดยละเอียดถูกสั่งจับกุมทั้งหมด