บทที่ 138
เกาซิงหมิงและเฮ่อหนานนำกำลังชายฉกรรจ์นับสี่สิบคนพุ่งทะยานไปตามทางผ่านเข้าเขตดินแดนแห่งดิน ทั้งหมดก็มาหยุดอยู่ที่บริเวณการต่อสู้ของเนี่ยฟง จากการตรวจสอบพบว่าเป็นคนของผาไม้ดำ เกาซิงหมิงร้องคำรามออกมาเสียงดังลั่นป่า เกาซิงหมิงหาได้จัดการกับซากศพเร่งเดินทางต่อหวังติดตามคนจัดการกับคนของผาไม้ดำ
เนี่ยฟงเองก็ร้อนใจไม่แพ้กันจึงเร่งเดินทางโดยนั่งหลังกิเลนอัสนีบินไปบนท้องฟ้า มีหยุดพักต่อวันไม่ถึงสองชั่วยามตลอดระยะเวลาห้าวันในที่สุดเนี่ยฟงก็เข้าสู่เขตดินแดนแห่งสายลม
“ไอ้หนู ดูท่าแล้วเจ้าจะเจองานใหญ่แล้ว”
“มีสิ่งใดขอรับท่านลุ่ยกง”
“ข้างหน้าสิบลี้มียอดฝีมือดักซุ่มอยู่ห้าคน แต่ละคนมีระดับพลังสีแดงขั้นกลาง ข้าไม่แน่ใจว่าเป็นพวกไหนกัน”
เนี่ยฟงหาได้กล่าวตอบบังคับให้กิเลนอัสนีบินลงด้านล่าง เมื่อลงมาถึงกลายเป็นแสงพุ่งเข้าร่าง เนี่ยฟงปลอมตัวเป็นหมอชราเซียงฟงเดินทาง โดยแวะเมืองหน้าด่านเพื่อซื้อรถม้ากลับเมืองหลวง ไม่นานเนี่ยฟงก็เข้ามาพื้นที่ที่มีคนดักซุ่มอยู่ บริเวณรอบด้านเป็นป่าไม้ลำต้นสูงใหญ่ เนี่ยฟงบังคับรถม้าไปด้วยพร้อมกับแผ่ลมปราณตรวจสอบ แต่ไม่พบผู้ได้
“ท่านลุ่ยกง พวกมันยังอยู่หรือไม่”
“ยังอยู่”
“เหตุใดข้าตรวจสอบพวกมันไม่พบขอรับ”
“พวกมันใช้วิชาบางอย่างหลบซ่อนพลังปราณ”
“เหตุใดท่านถึงตรวจสอบเจอพวกมันขอรับ”
“ฮ่า ฮ่า ไอ้หนูเจ้าลืมไปแล้วอย่างไรว่าข้าคือใคร เรื่องพวกนี้สัตว์อสูรระดับสูงๆสามารถรับรู้ได้เองตามธรรมชาติ เจ้าระวังทางขวามือของเจ้าก็พอ พวกมันอยู่ด้านนั้น”
เนี่ยฟงใช้มือซ้ายบังคับม้า ส่วนมือขวาทำเป็นนำผ้ามาเช็ดเหงื่อแอบหรี่ตามองทางด้านขวามือ แต่ทว่าก็ไม่เกิดสิ่งใดขึ้น เนี่ยฟงก็เดินทางต่อมีพักแวะพักม้าตอนเย็นพอรุ่งเช้าก็เดินทางต่อ ไม่นานเนี่ยฟงก็เข้าสู่เมืองหลวง ที่นี่มีการตรวจคนอย่างปกติเพียงแต่ว่ามีทหารประจำการมากกว่าที่เคยเป็น หลังจากผ่านการตรวจที่ป้อมประจำเมืองเนี่ยฟงก็บังคับรถม้ามุ่งหน้าไปที่ร้านยาก่อน พระอาทิตย์ส่องแสงกลางศีรษะ ด้านหน้าของร้านยาไร้ซึ่งผู้คน รถม้าค่อยๆเลื่อนออกไปด้านหลังของร้านเมื่อลงจากรถม้าเนี่ยฟงก็แอบเข้ามาทางประตูหลังไม่ลืมที่จะเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นเช่นเดิม ทันทีที่เข้ามาพยัคฆ์สายฟ้าตัวใหญ่ก็รีบพุ่งเข้ามาอย่าวรวดเร็ว รีบเอาศีรษะมาถูที่มือขวาของเนี่ยฟงชายชราเนี่ยฟงนั่งยกยิ้มอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเดิม
“ท่านปู่เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
“ลูกฟง เจ้าดูเปลี่ยนมาก ส่วนข้าสบายดี การเดินทางครั้งนี้ของเจ้า ทำให้เจ้าดูเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไม่น้อยเลยทีเดียว”
“ขอรับท่านปู่ ข้ามีข่าวที่จะแจ้งให้ท่านทราบ”
“เรื่องกลุ่มโจรหมอกพิษหรือคนจากผาไม้ดำ”
“ท่านปู่ทราบเรื่องแล้ว”
“เจ้าไม่ต้องห่วงมู่ซุนกวน ส่งคนมาดูแลข้าอย่างดีเจ้าไม่ต้องกังวลไป จัดการเรื่องของเจ้าเถอะ”
“ขอรับท่านปู่ หากไม่มีสิ่งใดแล้วเช่นนั้นข้าขอกลับไปที่สำนักก่อนขอรับ”
เมื่อร่ำลาเสร็จสิ้นเนี่ยฟงสะบัดมือนำเนื้ออสูรให้หลันเซ่อกองใหญ่ หลังจากนั้นก็ออกจากร้านยา รีบมุ่งหน้าไปที่สำนักพยัคฆ์สายลม ด้านหน้าทางเข้ามีการตรวจค้นอย่างเข้มข้น เมื่อเนี่ยฟงมาถึงหยางเวยและเย่เตาก็ออกมารับที่ด้านหน้าสำนัก ทั้งสามมุ่งหน้าไปที่บ้านพักของเจ้าสำนัก
“เหตุใดเจ้าถึงมาถึงช้านัก ข้าคิดว่าจะไม่เจอเจ้าอีกแล้วตัวนำโชคของข้า”
“มีปัญหานิดหน่อย หากข้าเดาไม่ผิดคนพวกนั้นต้องติดตามข้ามาจากดินแดนแห่งทะเลทรายเป็นแน่”
“เหอะ เจ้าคงทำพวกมันไว้แสบนัก”
“ว่าแต่พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนดักซุ่มอยู่ ป่ารอบนอกเขตสายลม”
“เจ้าสำนักส่งผู้อาวุโสที่เฝ้าที่นั่น หากคนของผาไม้ดำผ่านมารับรองพวกมันไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัสเป็นแน่”
ไม่นานทั้งสามก็มาถึงบ้านพักของเจ้าสำนัก มีศิษย์สำนักสองคนเฝ้าอยู่ด้านหน้า ทั้งสองเมื่อเห็นว่าผู้ใดมาก็รีบเปิดทางให้ เนี่ยฟงรีบเข้าไปด้านในก็พบเจ้าสำนักนั่งอ่านคัมภีร์อยู่
“คารวะท่านอาจารย์ขอรับ”
“ไม่พบกันเสียนาน เจ้าดูเติบใหญ่ขึ้นไม่น้อย”
“ขอรับ ข้ามีเรื่องบางอย่างจะแจ้งต่อท่านอาจารย์ทราบ ท่านคงทราบแล้วว่าคนของผาไม้ดำคิดส่งมือสังหารเข้าจัดการท่าน และข้าทราบแล้วว่าที่ตั้งของผาไม้ดำอยู่ที่ใด”
เจ้าสำนักจางหลิงถึงกับตื่นตกใจที่ได้ยินเช่นนั้น
“เจ้ารู้ได้อย่างไร”
“จากการสอบสวนขอรับ ที่ตั้งของผาไม้ดำอยู่ที่เขตดินแดนแห่งไฟขอรับ มีหมู่บ้านเล็กๆตั้งอยู่ในหุบเขาลึก”
“ได้ข้าจะส่งคนไปสืบ ขอบใจเจ้ามาก ระหว่างนี้เจ้าก็พักที่พักเดิมก็แล้วกัน ใกล้ที่พักเพื่อนทั้งสองของเจ้า”
“อาจารย์ยังมีคนของผาไม้ดำติดตามข้ามาจากเขตดินแดนทะเลทราย คนผู้หนึ่งนามว่าเกาซิงหมิงและอีกคนเฮ่อหนาน”
“เกาซิงหมิง เกาซิงหมิง สามพี่น้องตระกูลเกาที่มีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อสิบปีก่อนในเขตดินแดนแห่งไฟ ส่วนเฮ่อหนานข้าไม่เคยได้ยินชื่อ”
“ขอรับ ข้าสังหารเกาซิงหยาง เกาซิงอู่และฟันซือจินที่เขตทะเลทรายแล้วหลบหนีมา”
“ข้ามองเจ้าไม่ผิดจริงๆ ดี ดี เจ้ามีสิ่งใดอีกหรือไม่”
เนี่ยฟงเล่าเรื่องที่ออกตามหาศิลาจารึกให้กับเจ้าสำนักจางหมิงอยู่นานจนลืมหยางเวยและเย่เตาที่รออยู่ด้านหน้าบ้านพัก เกือบชั่วยามเนี่ยฟงก็เดินออกมาพบเห็นหยางเวยและเย่เตายืนอยู่
“ไอ้บ้าเนี่ยฟงออกมาได้เสียทีข้าหิวจะแย่อยู่แล้ว หากนานเช่นนี้เจ้าควรจะบอกข้าก่อน”
เนี่ยฟงยกยิ้มเดินเข้าไปกอดคอหยางเวย
“ไม่เอาน่าคุณชายหยางเวย เอาไว้ข้าจะเลี้ยงอาหารเจ้าก็แล้วกัน”
“ได้ อย่ากล่าววาจาไร้สาระ เจ้าเดินตามข้ามาเถอะ”
หยางเวยรีบเดินนำเนี่ยฟงและเย่เตาออกจากสำนัก มุ่งหน้าไปที่โรงเตี๊ยมขึ้นชื่อของเมืองหลวง เมื่อเข้ามาถึงทั้งสามถูกขวางด้วยทหารสี่นายด้านหน้าโรงเตี๊ยม
“พวกเจ้าทั้งสามเข้าไปด้านในไม่ได้”
“เหตุใดพวกข้าถึงเข้าไปไม่ได้ขอรับ ด้านในก็มีโต๊ะว่างเหลืออยู่หลายโต๊ะ”
“พูดจาไม่รู้ความ ข้าบอกพวกเจ้าเข้าไม่ได้ ก็คือเข้าไม่ได้”
เนี่ยฟงขมวดคิ้วทั้งสองขึ้น เพราะฟังจากน้ำเสียงมีบางอย่างแปลกๆ
“พี่ชายได้โปรดบอกกล่าวได้หรือไม่ เพราะเหตุใดขอรับ ที่พวกข้าทั้งสามถึงเข้าไปด้านในไม่ได้”
“เหอะ ไม่ดูสารรูปตัวเอง อย่างพวกเจ้าทั้งสามมีรึจะมีเงินจ่ายค่าอาหารด้านใน ข้าว่าพวกเจ้าทั้งสามกินบะหมี่ข้างทางก็พอแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“หากพี่ชายกล่าวเช่นนั้นพวกข้าก็ขอตัวลาก่อน”
ในระหว่างที่ทั้งสามกำลังจะเดินออกไปจากด้านหน้าโรงเตี๊ยมก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกจากด้านในโรงเตี๊ยม ทั้งสามหยุดก้าวเดิน เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นหวังหลินก้าวเดินออกมา
“เจ้ากลับมาเมื่อไรศิษย์น้องเนี่ยฟง”
“คารวะศิษย์พี่หวังหลินขอรับ ข้ากลับมาถึงได้ไม่นานขอรับ”
“เกิดสิ่งใดขึ้น เหตุใดพวกเจ้าไม่เข้าไปด้านใน”
หยางเวยแสยะยิ้ม เอ่ยวาจาออกมา
“พวกข้าทั้งสาม ก็หวังจะเข้าไปด้านในโรงเตี๊ยมขอรับ แต่ว่าพี่ชายทั้งสี่คนนี้ หาได้ให้พวกข้าเข้าไปด้านใน กล่าววาจาว่าพวกข้าไม่มีเงินจ่ายค่าอาหาร”
หวังหลินหันไปมองทหารที่สี่นาย
“พวกเจ้าไม่รู้รึว่าสองคนนี้เป็นใคร อดีตศิษย์สำนักพยัคฆ์สายลม ศิษย์อันดับหนึ่งในทำเนียบการต่อสู้เนี่ยฟง และศิษย์อันดับสี่หยางเวย ต่อให้นายของเจ้าองค์ชายสี่สามคนก็สู้พวกเขาทั้งสองไม่ได้”
ทหารทั้งสี่นายยืนตัวสั่นสะท้านไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเนี่ยฟงและหยางเวย แต่ทว่าก็มีเสียงสบถดังมาจากด้านในโรงเตี๊ยมดังลั่นออกมา
“เมื่อครู่ข้าได้ยินมาว่าต่อให้มีข้าสามคนก็หาเอาชนะได้ ข้าชักคันไม้คันมือเสียแล้ว อยากรู้นักว่าเป็นผู้ใด”
ไม่นานองค์ชายสี่และองครักษ์อีกสามคนเดินออกมาด้านหน้าโรงเตี๊ยม
“หยางเวย เย่เตากลับเถอะข้าไม่อยากมีปัญหาที่นี่ เราไปหาที่อื่นทานก็ได้ ต้องขออภัยศิษย์พี่หวังหลินที่ต้องลำบากเป็นธุระให้”
“พวกเจ้าจะไปที่ไหน เอาสิข้าขอเลี้ยงต้อนรับพวกเจ้าก็แล้วกัน”
“ขอรับศิษย์พี่หวังหลิน”
องค์ชายสี่ที่เดินออกมาหาได้มีใครสนใจก็ตะโกนออกมาดังลั่น
“ไอ้พวกลูกหมา คิดว่าเป็นศิษย์สำนักพยัคฆ์สายลมแล้วจะมาอวดอ้างที่นี่รึ”
เนี่ยฟง หยางเวย เย่เตาและหวังหลิน หาได้มีใครสนใจองค์ชายสี่หันหลังเดินออกจากโรงเตี๊ยมไป องค์ชายสี่เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ระเบิดพลังปราณระดับสีส้มขั้นกลางออกมา ตูม พุ่งเข้าหาหยางเวยที่เดินอยู่ท้ายสุด แน่นอนว่าหยางเวยตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว โดยตั้งแต่ออกมาก็โคจรลมปราณไว้ที่มือขวา ในจังหวะที่องค์ชายสี่พุ่งทะยานเข้ามา หยางเวยรีบหันหลังกลับย่อตัวลงพร้อมกับพุ่งออกไป หมัดขวาถูกง้างต่อยเข้าไปที่ปลายคางอย่างถนัดถนี่ เปรี้ยง องค์ชายสี่กระเด็นออกไปด้านซ้าย กระอักเลือดออกมาพร้อมกับฟันอีกสองซี่ องครักษ์อีกสามคนเห็นท่าไม่ดีจึงพุ่งเข้ามาอีก หยางเวยที่รออยู่แล้วก็ต่อยหมัดขวาจัดการองครักษ์ทั้งสาม เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง
หลังจากนั้นหยางเวยก็ตะโกนออกมาเสียงดังเพราะคนเริ่มหยุดมุงดู
“พวกท่านทั้งหลายคนเห็นแล้วว่า เดินพวกข้าหวังจะเข้าไปทานอาหารด้านในโรงเตี๊ยม แต่ทว่าคนขององค์ชายสี่ขับไล่พวกข้าเสียก่อน พวกข้าจึงคิดที่จะไปหาที่อื่นทานอาหาร แต่ก็อย่างที่พวกท่านเห็น เป็นองค์ชายสี่พุ่งเข้ามาทำร้ายข้า แน่นอนข้าก็เป็นศิษย์สำนักพยัคฆ์สายลมเช่นกัน หาได้ต้องให้ใครมารังแก”