ตอนที่ 39 : เส้นทางทะเลสู่รอนดิเน่
วันต่อมา, ในที่สุดพระราชาอัลบราโทรก็ตัดสินใจเชื่อมสะพานความสัมพันธ์ระหว่างอัลบราโทรกับรอนดิเน่
ฉันดีใจที่พวกเขาคิดเรื่องต่างๆให้ถี่ถ้วนแต่ในฐานะประเทศ, นี่เป็นการตัดสินใจที่ช้าเกินไป
ฉันเข้าใจว่าพวกเขามีประวัติศาสตร์ความขัดแย้งกับรอนดิเน่มาเนิ่นนานแต่ทุกสิ่งจะสูญสิ้นในตอนที่ประเทศของพวกเขาล่มสลาย
“ข้าคงต้องขอฝากท่านแล้วหล่ะนะ องค์ชายลีโอนาร์ด”
“ครับฝ่าบาท, ไว้ใจข้าได้เลย”
“ตะ, แต่ว่า, ท่านจะใช้เส้นทางทะเลจริงๆหรอครับ.....?”
พระราชามองไปที่ทะเลด้วยสีหน้าหวาดกลัว
ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ที่ท่าเรือ พอได้รับคำขอของพวกเขา, ฉันก็สั่งให้เรือทำการเตรียมตัวในทันที
ผู้คนของราชรัฐอัลบราโทรต่างก็คิดกันหมดว่าฉันจะใช้เส้นทางบกในการเดินทางและตอนนี้พวกเขาก็ทำเหมือนกับว่ากลัวจนแทบลมจับ แม้กระทั่งตอนนี้, พวกเขาก็ยังคงมองฉันเหมือนกับไม่อยากจะเชื่อ
“ไปทางทะเลมันเร็วกว่า เมืองหลวงของรอนดิเน่เองก็เป็นเมืองท่าเหมือนกันเพราะฉะนั้นข้าน่าจะไปถึงที่นั่นภายในสองวัน ถึงยังไงข้าก็ไม่อยากเสียเวลาโดยไม่จำเป็นกับเรื่องนี้อีกแล้ว”
“แต่ว่า......ลิเวียธานยังแอบซุ่มอยู่ในนั้นนะครับ”
“ข้ามีปืนใหญ่เวทมนตร์ที่ประเทศของท่านให้ยืมมา และเหนือสิ่งอื่นใด, ถ้าข้าไม่ไปยั่วโมโหมัน, ลิเวียธานก็ไมน่าจะมาโจมตีเรือของข้าหรอก พิจารณาจากมุมมองของมันแล้ว, สิ่งที่มันระวังมากที่สุดน่าจะเป็นอุปกรณ์ปิดผนึก หรือพูดอีกนัยนึงก็คือ, ลิเวียธานอาจจะพุ่งความสนใจมาที่นี่ เพราะฉะนั้นระวังด้วยนะครับ”
“อะ, อืม.... ข้าขอโทษสำหรับทุกอย่างนะ พวกเราขอฝากท่านด้วยขอร้องหล่ะ”
“ถึงแม้ว่าความสามารถของข้าจะมีจำกัด, แต่ไว้ใจได้เลยครับ”
พอพูดจบ, ฉันก็กำลังจะแยกกับพระราชาแต่ในตอนนั้นเองก็มีคนเรียกฉัน
“อะ, องค์ชายลีโอนาร์ด! ได้โปรดรอก่อนครับ!”
“นั่นองค์ชายจูลิโอไม่ใช่หรอครับ ตอนนี้ร่างกายของท่านหายดีแล้วหรอ?”
คนที่ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับผู้ติดตามของเขาก็คือจูลิโอ
จากสภาพร่างกายของเขามันจะเป็นการดีกว่าถ้าเขาอยู่นิ่งๆ
แต่ถึงอย่างนั้น, จูลิโอก็ยังคงเดินเข้ามาหาฉันแล้วโค้งคำนับจนสุดตัว
“ข้าอยากจะมาขอบคุณก่อนที่ท่านจะไปครับ ข้ารู้สึกซาบซึ้งมากที่ท่านช่วยชีวิตผู้คนของข้าตั้งมากมาย”
เขาไม่ได้พูดว่าเพราะฉันช่วยชีวิตของเขาและพี่สาวของเขา, ที่เขาแสดงความซาบซึ้งก็เพราะฉันช่วยเหล่าผู้รอดชีวิต
แนวคิดเชิงอุดมคติสุดๆแบบนี้มันคล้ายกับลีโอจริงๆ
จูลิโอเองก็เป็นคนอ่อนโยนเหมือนกันสินะ
“ข้าแค่ช่วยคนที่ขอความช่วยเหลือตรงหน้าข้า ข้าไม่ได้ทำสิ่งที่คุ้มค่ากับคำสรรเสริญของท่านหรอก”
“แต่ถึงอย่างนั้น, ความจริงที่ท่านช่วยพวกเราก็ไม่ได้เปลี่ยนไปครับ ข้าจะไม่มีวันลืมหนี้บุญคุณในครั้งนี้เป็นอันขาด”
“.....ท่านก็พูดเกินไป แต่, มันก็ไม่ได้รู้สึกแย่นะครับ ถ้างั้นซักวันนึงข้างหน้าข้าจะมาขอให้ท่านตอบแทนนะครับ”
พอพูดจบ, ฉันก็ยิ้มเหมือนลีโอแล้วหันหลังให้เขา
แต่, จูลิโอก็หยุดฉันไว้อีกครั้ง
“องค์ชายลีโอนาร์ดครับ!.... ข้าอยากจะเป็นเหมือนกับท่าน! ข้าควรทำยังไงถึงจะกลายเป็นเจ้าชายที่น่านับถือเหมือนท่านได้!?”
คำตอบสำหรับคำถามนี้ค่อนข้างยาก
ฉันคิดว่าลีโอเป็นคนที่ยอดเยี่ยมแต่ฉันก็ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นคนที่น่านับถือ
ลีโอมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน
ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้หล่ะนะ ตอบไปตามตรงก็แล้วกัน
“องค์ชายจูลิโอ ลีโอนาร์ด เลคส์ แอดเลอร์ไม่ได้เป็นคนที่ยอดเยี่ยมเท่าที่ท่านคิดหรอกครับ บางคนอาจจะคิดว่าข้าอ่อนโยนแต่ก็มีคนที่คิดว่าอ่อนต่อโลกเหมือนกัน บางคนคิดว่าข้ากล้าหาญแต่ในทำนองเดียวกันก็มีคนที่คิดว่าข้าไม่รู้จักยั้งคิด แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังคิดว่าแนวคิดในอุดมคติของข้านั้นคือจุดอ่อนสำหรับตำแหน่งที่จำเป็นต้องใช้การตัดสินตามความเป็นจริงเฉกเช่นจักรพรรดิหรือเจ้าชาย ท่านอาจจะเทิดทูนข้าในฐานะฮีโร่แต่ข้าไม่ใช่ฮีโร่อย่างที่ท่านคิดหรอกครับ”
“ตะ, แต่ว่า.......!”
“ครับ, ข้ารู้ ถ้าท่านคิดว่าถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร, ข้าก็ขอให้คำแนะนำซักเล็กน้อยนะครับ ข้าไม่เคยลังเลในการทำสิ่งที่ข้าคิดว่ามันถูกต้อง นี่คือสิ่งที่ข้ารู้สึกภูมิใจกับมัน ท่านสามารถมีผู้ติดตามเพื่อชดเชยจุดอ่อนอื่นๆของท่านได้แต่การตัดสินใจนั้นถือเป็นความโดดเดี่ยวของกษัตริย์ นี่คือสาเหตุที่ทำไมข้าถึงคิดว่าถ้าสิ่งที่ตัวเองทำมันถูกต้องแล้ว, ข้าก็จะไม่ลังเล ในตอนที่ข้าช่วยเหลือเหล่าผู้รอดชีวิตก็เหมือนกัน ข้าคิดว่าข้าต้องช่วยพวกเขาดังนั้นข้าก็เลยทำ ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง, ถ้าข้าคิดว่ามันถูกต้องข้าก็จะทำการตัดสินใจนั้นในทันที ถ้าท่านอยากจะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองในฐานะเจ้าชายถ้างั้นก็อย่าเสียเวลาโลเลในสิ่งที่ท่านพิจารณาแล้วว่าถูกต้อง”
“คะ, ครับ! คำพูดเหล่านี้! ข้าจะสลักเอาไว้ในใจของข้าเลยครับ!”
จูลิโอก้มศรีษะ
คำพูดเหล่านี้คือทัศนคติของฉันที่มีต่อลีโอจริงๆ
พูดตามตรง, ลีโอไม่เหมาะกับการเป็นจักรพรรดิ พี่ชายคนโตสุดของพวกเรา, มงกุฎราชกุมารเองก็เป็นคนอ่อนโยนแต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนที่ปล่อยให้สิ่งนั้นมาสร้างผลกระทบกับการตัดสินใจของเขา อย่างไรก็ตาม, ลีโอใสซื่อเกินไปในเรื่องนี้ การตัดสินใจของเขาจะได้รับผลกระทบจากความรู้สึกของเขาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม, ลีโอไม่เคยลังเล การอ่อนต่อโลกเกินไปหรือโลกสวยเกินไปนั้นสามารถชดเชยได้ด้วยเหล่าผู้ติดตาม สิ่งที่จำเป็นของจักรพรรดิก็คือความสามารถในการตัดสินใจที่เด็ดขาด
เขาไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ
สิ่งที่สำคัญก็คือความหนักแน่น เขาไม่จำเป็นต้องคิดแผนการเพื่อทำร้ายคนอื่น ถ้าเขาแค่ทำการตัดสินใจที่เป็นประโยชน์ต่อจักรวรรดิได้ในฐานะคนที่มีความสำคัญสูงสุดเขาก็ถือว่าเป็นจักรพรรดิที่ดีแล้ว
ซึ่งนี่คือสาเหตุที่ฉันเลือกผลักดันให้ลีโอได้เป็นจักรพรรดิ
คนอื่นอีกสามคนเองก็มีความสามารถแต่พวกเขามีอีโก้เยอะเกินไป พวกเขาให้ความสำคัญกับตัวเองก่อนจักรวรรดิ นี่คือลักษณะของจักรพรรดิที่พวกเขาจะกลายเป็น
พวกเขาต้องถูกหยุดยั้ง
“แต่ถ้าเป็นลีโอคงบอกว่า, ‘ถ้าท่านพี่มองแบบนี้ทำไมท่านพี่ไม่กลายเป็นจักรพรรดิซะเองเลยหล่ะ’ หล่ะมั้งนะ”
ฉันพึมพำด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแล้วขึ้นไปที่เรือ
ฉันไม่เหมาะที่จะเป็นจักรพรรดิ
นี่คือสิ่งที่อาจารย์ของฉันเช่นเดียวกับท่านทวดที่เคยเป็นจักรพรรดิมาก่อนเป็นคนตัดสิน
จากคำพูดของเขา, จักรพรรดินั้นจำเป็นต้องมีความตั้งใจ ตราบใดที่ไม่มีสิ่งนั้นต่อให้มีคุณสมบัติอื่นครบทุกอย่างก็ยังไม่เหมาะสมที่จะเป็นจักรพรรดิอยู่ดี
ความตั้งใจในที่นี้ไม่ใช่สิ่งที่เหมือนกับความทะเยอทะยานที่จะเป็นจักรพรรดิ มันคือความตั้งใจที่จะทำสิ่งต่างๆ พูดอีกนัยนึงก็คือ, คนที่เกลียดเรื่องยุ่งยากอย่างฉันไม่เหมาะที่จะกลายเป็นจักรพรรดิ
ซึ่งฉันก็เห็นด้วยกับเขาอย่างเต็มที่
แค่แกล้งแสดงเป็นลีโอไม่กี่วันมันก็ทำให้สุขภาพจิตของฉันย่ำแย่ไปเยอะแล้ว ฉันอดใจที่จะกลับไปเป็นคนไร้ค่าอีกครั้งไม่ไหวแล้วเนี่ย
“ออกเรือได้! จุดหมายของเราคือราชรัฐรอนดิเน่!”
ด้วยความคิดนั้นในหัว, ฉันก็ออกคำสั่ง
ถ้าฉันสามารถไปรวมตัวกับฝั่งของลีโอได้ก็น่าจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
ด้วยการสงบจิตใจที่ระส่ำระส่ายของฉัน, ฉันก็ล่องเรือไปในทะเลที่มีมังกรทะเลแอบซุ่มอยู่
วันที่ฉันออกเดินทางจากอัลบราโทรผ่านไปโดยไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
จากนั้นก็เข้าสู่วันที่สอง
พอหลุดจากน่านน้ำของอัลบราโทรมาได้, เรือของเราก็เข้ามาในเขตของรอนดิเน่
ซึ่งมันคือตอนที่มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
จู่ๆเสียงคำรามก็ดังขึ้นมาจากใต้ทะเล
“เหวอ, อะไรหน่ะ!?”
“มังกรทะเลกำลังคำรามหรอ!?”
“หนอย! ทุกคน, เข้าประจำตำแหน่งของตัวเองซะ!”
ทุกคนที่อยู่บนเรือระส่ำระส่าย
ในอีกด้านนึง, ฉันออกมาจากห้องอย่างใจเย็นแล้วขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ
ฉันสร้างบาเรียเอาไว้รอบเรือลำนี้แล้ว มันคือบาเรียที่ตัดขาดตัวตนของเราจากการรับรู้ของภายนอก ที่ฉันเลือกเส้นทางทะเลก็เพราะฉันมีเวทย์นี้ แต่ว่า, สุดท้ายแล้วพวกเราก็มาเจอมันที่นี่จนได้สินะ
“ทุกคน, ใจเย็นก่อน! ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว พวกเราทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้มันผ่านไป”
“อะ, องค์ชาย.....”
“มันอยู่ข้างใต้พวกเราแล้วครับ”
ฉันมองไม่เห็นมัน
บางทีมันน่าจะอยู่ลึกเข้าไปใต้ทะเล
แต่, ถ้าฉันไม่ได้ร่ายบาเรียปกปิดตัวตนหล่ะก็เรือของพวกเราอาจจะถูกจมไปแล้วก็ได้
จากตำนานของอัลบราโทร, ร่างกายของมันน่าจะยาวประมาณห้าสิบเมตรได้และมีปีกหนึ่งคู่กับขาสี่ข้างแต่ว่าฉันไม่สามารถยืนยันได้เลยว่าตำนานนั้นเป็นความจริงรึเปล่า
อย่างไรก็ตาม, ฉันมั่นใจว่ามันอยู่ข้างใต้พวกเราเนี่ยแหล่ะ
ไม่ใช่แค่ฉัน, ดูเหมือนว่าทุกคนบนเรือก็รู้เรื่องนี้เหมือนกันเพราะสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ของพวกเขา ซึ่งความจริงที่ว่าทุกคนต่างก็กลั้นหายใจนั้นคือหลักฐาน
พวกเขาทุกคนรู้สึกได้ถึงอันตรายที่ร้ายแรงถึงชีวิต
มังกรคือผู้ล่าและมนุษย์ก็เป็นแค่เหยื่อของพวกมัน กฏนี้แทบจะแน่นอนนอนในโลกใบนี้
หลังจากผ่านไปซักพัก, ฉันก็ยืนยันได้ว่ามันผ่านพวกเราไปแล้ว อย่างไรก็ตาม, ฉันไม่ได้บอกพวกเขา
จนในที่สุด, หลังจากผ่านไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมงโดยที่ไม่มีใครกล้าขยับกล้ามเนื้อเลย, มาร์คก็ประกาศออกมาว่าตอนนี้น่าจะปลอดภัยแล้วและพวกเราก็มุ่งหน้าไปที่รอนดิเน่ต่อ
“ข้านึกว่าพวกเราจะเสร็จมันแล้วนะเนี่ย.......”
“นั่นสินะ, ข้าเองก็นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเราจะมาเจอมันในสถานที่แบบนี้ ข้าไม่ระวังเองแหล่ะ”
“ครับ, แต่ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
“....สำหรับลิเวียธาน, มนุษย์ทุกคนคงจะเป็นศัตรูของมัน มันไม่มีแนวคิดเรื่องประเทศดังนั้นมันอาจจะไปทำอะไรบางอย่างในรอนดิเน่, หรือบางทีมันคงอยู่ในระหว่างทางกลับหลังจากทำแบบนั้นไปแล้ว แต่ไม่ว่ายังไง, มันคงจะดีกับรอนดิเน่มากกว่าถ้าพวกเขามองว่านี่เป็นปัญหาของพวกเขาเหมือนกัน”
ราวกับช่วยสนับสนุนคำพูดเป็นลางไม่ดีของฉัน, มีรายงานเข้ามา
“องค์ชาย! ตอนนี้รอนดิเน่กำลังถูกมอนส์เตอร์โจมตีอยู่ครับ!”
“ตามที่คิดเอาไว้เลยสินะ.....”
“องค์ชาย, ครั้งหน้าช่วยอย่าพูดอะไรที่อยู่ในใจท่านอีกจะได้ไหมครับ?”
“ถ้าสามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้มันจะไม่ดีกว่ารึไง?”
“แต่สิ่งที่ท่านพูดมันอาจจะกลายเป็นจริงก็ได้นี่ครับ”
“ข้าไม่ได้มีความสามารถเหมือนพระเจ้าแบบนั้นซักหน่อย”
พอพูดจบ, ฉันก็ขึ้นไปบนดาดฟ้าแล้วมองไปทางเมืองหลวงของรอนดิเน่ที่อยู่ไกลๆ
ตอนนี้, พวกเขากำลังถูกมอนส์เตอร์หลากหลายขนาดโจมตีอยู่
ในขณะนั้นเอง, ก็มีเรือลำนึงที่กำลังต่อกรกับมอนส์เตอร์
ซึ่งเรือลำนั้นได้ชูธงของจักรวรรดิ
สมแล้ว, การตัดสินใจของเขารวดเร็วจริงๆ
“เดินหน้าเต็มกำลัง พวกเราจะไปช่วยสนับสนุนท่านพี่ของข้า!”
“รับทราบครับ! ทุกคนเข้าประจำตำแหน่งต่อสู้! เตรียมปืนใหญ่เวทมนตร์ที่ยืมมาจากอัลบราโทรให้พร้อมด้วย!”
พอพูดจบ, กัปตันเรือก็ให้คำแนะนำด้วยแรงใจที่พกมาอย่างเต็มที่
เขาคงกำลังมีความสุขที่จะได้ใช้อาวุธที่พวกเรายืมมาจากอัลบราโทร
ฉันได้ห้อยดาบของลีโอเผื่อเอาไว้ที่เอวด้วยแต่ว่ามันหนัก ฉันน่าจะไม่สามารถเหวี่ยงมันได้ดีซักเท่าไหร่
“แต่ถึงงั้นก็เถอะ, แบบนี้ก็แสดงว่าฉันจะมีโอกาสได้สลับตัวกลับแล้วใช่ไหม?”
ในขณะที่คิดเรื่องพวกนี้, พวกเราก็มุ่งหน้าตรงไปที่รอนดิเน่