ตอนที่แล้วตอนที่ 38: สถานการณ์ในรอนดิเน่  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 40 : สับเปลี่ยน

ตอนที่ 39 : เส้นทางทะเลสู่รอนดิเน่  


วันต่อมา, ในที่สุดพระราชาอัลบราโทรก็ตัดสินใจเชื่อมสะพานความสัมพันธ์ระหว่างอัลบราโทรกับรอนดิเน่

ฉันดีใจที่พวกเขาคิดเรื่องต่างๆให้ถี่ถ้วนแต่ในฐานะประเทศ, นี่เป็นการตัดสินใจที่ช้าเกินไป

ฉันเข้าใจว่าพวกเขามีประวัติศาสตร์ความขัดแย้งกับรอนดิเน่มาเนิ่นนานแต่ทุกสิ่งจะสูญสิ้นในตอนที่ประเทศของพวกเขาล่มสลาย

“ข้าคงต้องขอฝากท่านแล้วหล่ะนะ องค์ชายลีโอนาร์ด”

“ครับฝ่าบาท, ไว้ใจข้าได้เลย”

“ตะ, แต่ว่า, ท่านจะใช้เส้นทางทะเลจริงๆหรอครับ.....?”

พระราชามองไปที่ทะเลด้วยสีหน้าหวาดกลัว

ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ที่ท่าเรือ พอได้รับคำขอของพวกเขา, ฉันก็สั่งให้เรือทำการเตรียมตัวในทันที

ผู้คนของราชรัฐอัลบราโทรต่างก็คิดกันหมดว่าฉันจะใช้เส้นทางบกในการเดินทางและตอนนี้พวกเขาก็ทำเหมือนกับว่ากลัวจนแทบลมจับ แม้กระทั่งตอนนี้, พวกเขาก็ยังคงมองฉันเหมือนกับไม่อยากจะเชื่อ

“ไปทางทะเลมันเร็วกว่า เมืองหลวงของรอนดิเน่เองก็เป็นเมืองท่าเหมือนกันเพราะฉะนั้นข้าน่าจะไปถึงที่นั่นภายในสองวัน ถึงยังไงข้าก็ไม่อยากเสียเวลาโดยไม่จำเป็นกับเรื่องนี้อีกแล้ว”

“แต่ว่า......ลิเวียธานยังแอบซุ่มอยู่ในนั้นนะครับ”

“ข้ามีปืนใหญ่เวทมนตร์ที่ประเทศของท่านให้ยืมมา และเหนือสิ่งอื่นใด, ถ้าข้าไม่ไปยั่วโมโหมัน, ลิเวียธานก็ไมน่าจะมาโจมตีเรือของข้าหรอก พิจารณาจากมุมมองของมันแล้ว, สิ่งที่มันระวังมากที่สุดน่าจะเป็นอุปกรณ์ปิดผนึก หรือพูดอีกนัยนึงก็คือ, ลิเวียธานอาจจะพุ่งความสนใจมาที่นี่ เพราะฉะนั้นระวังด้วยนะครับ”

“อะ, อืม.... ข้าขอโทษสำหรับทุกอย่างนะ พวกเราขอฝากท่านด้วยขอร้องหล่ะ”

“ถึงแม้ว่าความสามารถของข้าจะมีจำกัด, แต่ไว้ใจได้เลยครับ”

พอพูดจบ, ฉันก็กำลังจะแยกกับพระราชาแต่ในตอนนั้นเองก็มีคนเรียกฉัน

“อะ, องค์ชายลีโอนาร์ด! ได้โปรดรอก่อนครับ!”

“นั่นองค์ชายจูลิโอไม่ใช่หรอครับ ตอนนี้ร่างกายของท่านหายดีแล้วหรอ?”

คนที่ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับผู้ติดตามของเขาก็คือจูลิโอ

จากสภาพร่างกายของเขามันจะเป็นการดีกว่าถ้าเขาอยู่นิ่งๆ

แต่ถึงอย่างนั้น, จูลิโอก็ยังคงเดินเข้ามาหาฉันแล้วโค้งคำนับจนสุดตัว

“ข้าอยากจะมาขอบคุณก่อนที่ท่านจะไปครับ ข้ารู้สึกซาบซึ้งมากที่ท่านช่วยชีวิตผู้คนของข้าตั้งมากมาย”

เขาไม่ได้พูดว่าเพราะฉันช่วยชีวิตของเขาและพี่สาวของเขา, ที่เขาแสดงความซาบซึ้งก็เพราะฉันช่วยเหล่าผู้รอดชีวิต

แนวคิดเชิงอุดมคติสุดๆแบบนี้มันคล้ายกับลีโอจริงๆ

จูลิโอเองก็เป็นคนอ่อนโยนเหมือนกันสินะ

“ข้าแค่ช่วยคนที่ขอความช่วยเหลือตรงหน้าข้า ข้าไม่ได้ทำสิ่งที่คุ้มค่ากับคำสรรเสริญของท่านหรอก”

“แต่ถึงอย่างนั้น, ความจริงที่ท่านช่วยพวกเราก็ไม่ได้เปลี่ยนไปครับ ข้าจะไม่มีวันลืมหนี้บุญคุณในครั้งนี้เป็นอันขาด”

“.....ท่านก็พูดเกินไป แต่, มันก็ไม่ได้รู้สึกแย่นะครับ ถ้างั้นซักวันนึงข้างหน้าข้าจะมาขอให้ท่านตอบแทนนะครับ”

พอพูดจบ, ฉันก็ยิ้มเหมือนลีโอแล้วหันหลังให้เขา

แต่, จูลิโอก็หยุดฉันไว้อีกครั้ง

“องค์ชายลีโอนาร์ดครับ!.... ข้าอยากจะเป็นเหมือนกับท่าน! ข้าควรทำยังไงถึงจะกลายเป็นเจ้าชายที่น่านับถือเหมือนท่านได้!?”

คำตอบสำหรับคำถามนี้ค่อนข้างยาก

ฉันคิดว่าลีโอเป็นคนที่ยอดเยี่ยมแต่ฉันก็ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นคนที่น่านับถือ

ลีโอมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน

ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้หล่ะนะ ตอบไปตามตรงก็แล้วกัน

“องค์ชายจูลิโอ ลีโอนาร์ด เลคส์ แอดเลอร์ไม่ได้เป็นคนที่ยอดเยี่ยมเท่าที่ท่านคิดหรอกครับ บางคนอาจจะคิดว่าข้าอ่อนโยนแต่ก็มีคนที่คิดว่าอ่อนต่อโลกเหมือนกัน บางคนคิดว่าข้ากล้าหาญแต่ในทำนองเดียวกันก็มีคนที่คิดว่าข้าไม่รู้จักยั้งคิด แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังคิดว่าแนวคิดในอุดมคติของข้านั้นคือจุดอ่อนสำหรับตำแหน่งที่จำเป็นต้องใช้การตัดสินตามความเป็นจริงเฉกเช่นจักรพรรดิหรือเจ้าชาย ท่านอาจจะเทิดทูนข้าในฐานะฮีโร่แต่ข้าไม่ใช่ฮีโร่อย่างที่ท่านคิดหรอกครับ”

“ตะ, แต่ว่า.......!”

“ครับ, ข้ารู้ ถ้าท่านคิดว่าถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร, ข้าก็ขอให้คำแนะนำซักเล็กน้อยนะครับ ข้าไม่เคยลังเลในการทำสิ่งที่ข้าคิดว่ามันถูกต้อง นี่คือสิ่งที่ข้ารู้สึกภูมิใจกับมัน ท่านสามารถมีผู้ติดตามเพื่อชดเชยจุดอ่อนอื่นๆของท่านได้แต่การตัดสินใจนั้นถือเป็นความโดดเดี่ยวของกษัตริย์ นี่คือสาเหตุที่ทำไมข้าถึงคิดว่าถ้าสิ่งที่ตัวเองทำมันถูกต้องแล้ว, ข้าก็จะไม่ลังเล ในตอนที่ข้าช่วยเหลือเหล่าผู้รอดชีวิตก็เหมือนกัน ข้าคิดว่าข้าต้องช่วยพวกเขาดังนั้นข้าก็เลยทำ ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง, ถ้าข้าคิดว่ามันถูกต้องข้าก็จะทำการตัดสินใจนั้นในทันที ถ้าท่านอยากจะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองในฐานะเจ้าชายถ้างั้นก็อย่าเสียเวลาโลเลในสิ่งที่ท่านพิจารณาแล้วว่าถูกต้อง”

“คะ, ครับ! คำพูดเหล่านี้! ข้าจะสลักเอาไว้ในใจของข้าเลยครับ!”

จูลิโอก้มศรีษะ

คำพูดเหล่านี้คือทัศนคติของฉันที่มีต่อลีโอจริงๆ

พูดตามตรง, ลีโอไม่เหมาะกับการเป็นจักรพรรดิ พี่ชายคนโตสุดของพวกเรา, มงกุฎราชกุมารเองก็เป็นคนอ่อนโยนแต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนที่ปล่อยให้สิ่งนั้นมาสร้างผลกระทบกับการตัดสินใจของเขา อย่างไรก็ตาม, ลีโอใสซื่อเกินไปในเรื่องนี้ การตัดสินใจของเขาจะได้รับผลกระทบจากความรู้สึกของเขาอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม, ลีโอไม่เคยลังเล การอ่อนต่อโลกเกินไปหรือโลกสวยเกินไปนั้นสามารถชดเชยได้ด้วยเหล่าผู้ติดตาม สิ่งที่จำเป็นของจักรพรรดิก็คือความสามารถในการตัดสินใจที่เด็ดขาด

เขาไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ

สิ่งที่สำคัญก็คือความหนักแน่น เขาไม่จำเป็นต้องคิดแผนการเพื่อทำร้ายคนอื่น ถ้าเขาแค่ทำการตัดสินใจที่เป็นประโยชน์ต่อจักรวรรดิได้ในฐานะคนที่มีความสำคัญสูงสุดเขาก็ถือว่าเป็นจักรพรรดิที่ดีแล้ว

ซึ่งนี่คือสาเหตุที่ฉันเลือกผลักดันให้ลีโอได้เป็นจักรพรรดิ

คนอื่นอีกสามคนเองก็มีความสามารถแต่พวกเขามีอีโก้เยอะเกินไป พวกเขาให้ความสำคัญกับตัวเองก่อนจักรวรรดิ นี่คือลักษณะของจักรพรรดิที่พวกเขาจะกลายเป็น

พวกเขาต้องถูกหยุดยั้ง

“แต่ถ้าเป็นลีโอคงบอกว่า, ‘ถ้าท่านพี่มองแบบนี้ทำไมท่านพี่ไม่กลายเป็นจักรพรรดิซะเองเลยหล่ะ’ หล่ะมั้งนะ”

ฉันพึมพำด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแล้วขึ้นไปที่เรือ

ฉันไม่เหมาะที่จะเป็นจักรพรรดิ

นี่คือสิ่งที่อาจารย์ของฉันเช่นเดียวกับท่านทวดที่เคยเป็นจักรพรรดิมาก่อนเป็นคนตัดสิน

จากคำพูดของเขา, จักรพรรดินั้นจำเป็นต้องมีความตั้งใจ ตราบใดที่ไม่มีสิ่งนั้นต่อให้มีคุณสมบัติอื่นครบทุกอย่างก็ยังไม่เหมาะสมที่จะเป็นจักรพรรดิอยู่ดี

ความตั้งใจในที่นี้ไม่ใช่สิ่งที่เหมือนกับความทะเยอทะยานที่จะเป็นจักรพรรดิ มันคือความตั้งใจที่จะทำสิ่งต่างๆ พูดอีกนัยนึงก็คือ, คนที่เกลียดเรื่องยุ่งยากอย่างฉันไม่เหมาะที่จะกลายเป็นจักรพรรดิ

ซึ่งฉันก็เห็นด้วยกับเขาอย่างเต็มที่

แค่แกล้งแสดงเป็นลีโอไม่กี่วันมันก็ทำให้สุขภาพจิตของฉันย่ำแย่ไปเยอะแล้ว ฉันอดใจที่จะกลับไปเป็นคนไร้ค่าอีกครั้งไม่ไหวแล้วเนี่ย

“ออกเรือได้! จุดหมายของเราคือราชรัฐรอนดิเน่!”

ด้วยความคิดนั้นในหัว, ฉันก็ออกคำสั่ง

ถ้าฉันสามารถไปรวมตัวกับฝั่งของลีโอได้ก็น่าจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

ด้วยการสงบจิตใจที่ระส่ำระส่ายของฉัน, ฉันก็ล่องเรือไปในทะเลที่มีมังกรทะเลแอบซุ่มอยู่

วันที่ฉันออกเดินทางจากอัลบราโทรผ่านไปโดยไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น

จากนั้นก็เข้าสู่วันที่สอง

พอหลุดจากน่านน้ำของอัลบราโทรมาได้, เรือของเราก็เข้ามาในเขตของรอนดิเน่

ซึ่งมันคือตอนที่มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น

จู่ๆเสียงคำรามก็ดังขึ้นมาจากใต้ทะเล

“เหวอ, อะไรหน่ะ!?”

“มังกรทะเลกำลังคำรามหรอ!?”

“หนอย! ทุกคน, เข้าประจำตำแหน่งของตัวเองซะ!”

ทุกคนที่อยู่บนเรือระส่ำระส่าย

ในอีกด้านนึง, ฉันออกมาจากห้องอย่างใจเย็นแล้วขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ

ฉันสร้างบาเรียเอาไว้รอบเรือลำนี้แล้ว มันคือบาเรียที่ตัดขาดตัวตนของเราจากการรับรู้ของภายนอก ที่ฉันเลือกเส้นทางทะเลก็เพราะฉันมีเวทย์นี้ แต่ว่า, สุดท้ายแล้วพวกเราก็มาเจอมันที่นี่จนได้สินะ

“ทุกคน, ใจเย็นก่อน! ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว พวกเราทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้มันผ่านไป”

“อะ, องค์ชาย.....”

“มันอยู่ข้างใต้พวกเราแล้วครับ”

ฉันมองไม่เห็นมัน

บางทีมันน่าจะอยู่ลึกเข้าไปใต้ทะเล

แต่, ถ้าฉันไม่ได้ร่ายบาเรียปกปิดตัวตนหล่ะก็เรือของพวกเราอาจจะถูกจมไปแล้วก็ได้

จากตำนานของอัลบราโทร, ร่างกายของมันน่าจะยาวประมาณห้าสิบเมตรได้และมีปีกหนึ่งคู่กับขาสี่ข้างแต่ว่าฉันไม่สามารถยืนยันได้เลยว่าตำนานนั้นเป็นความจริงรึเปล่า

อย่างไรก็ตาม, ฉันมั่นใจว่ามันอยู่ข้างใต้พวกเราเนี่ยแหล่ะ

ไม่ใช่แค่ฉัน, ดูเหมือนว่าทุกคนบนเรือก็รู้เรื่องนี้เหมือนกันเพราะสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ของพวกเขา ซึ่งความจริงที่ว่าทุกคนต่างก็กลั้นหายใจนั้นคือหลักฐาน

พวกเขาทุกคนรู้สึกได้ถึงอันตรายที่ร้ายแรงถึงชีวิต

มังกรคือผู้ล่าและมนุษย์ก็เป็นแค่เหยื่อของพวกมัน กฏนี้แทบจะแน่นอนนอนในโลกใบนี้

หลังจากผ่านไปซักพัก, ฉันก็ยืนยันได้ว่ามันผ่านพวกเราไปแล้ว อย่างไรก็ตาม, ฉันไม่ได้บอกพวกเขา

จนในที่สุด, หลังจากผ่านไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมงโดยที่ไม่มีใครกล้าขยับกล้ามเนื้อเลย, มาร์คก็ประกาศออกมาว่าตอนนี้น่าจะปลอดภัยแล้วและพวกเราก็มุ่งหน้าไปที่รอนดิเน่ต่อ

“ข้านึกว่าพวกเราจะเสร็จมันแล้วนะเนี่ย.......”

“นั่นสินะ, ข้าเองก็นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเราจะมาเจอมันในสถานที่แบบนี้ ข้าไม่ระวังเองแหล่ะ”

“ครับ, แต่ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

“....สำหรับลิเวียธาน, มนุษย์ทุกคนคงจะเป็นศัตรูของมัน มันไม่มีแนวคิดเรื่องประเทศดังนั้นมันอาจจะไปทำอะไรบางอย่างในรอนดิเน่, หรือบางทีมันคงอยู่ในระหว่างทางกลับหลังจากทำแบบนั้นไปแล้ว แต่ไม่ว่ายังไง, มันคงจะดีกับรอนดิเน่มากกว่าถ้าพวกเขามองว่านี่เป็นปัญหาของพวกเขาเหมือนกัน”

ราวกับช่วยสนับสนุนคำพูดเป็นลางไม่ดีของฉัน, มีรายงานเข้ามา

“องค์ชาย! ตอนนี้รอนดิเน่กำลังถูกมอนส์เตอร์โจมตีอยู่ครับ!”

“ตามที่คิดเอาไว้เลยสินะ.....”

“องค์ชาย, ครั้งหน้าช่วยอย่าพูดอะไรที่อยู่ในใจท่านอีกจะได้ไหมครับ?”

“ถ้าสามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้มันจะไม่ดีกว่ารึไง?”

“แต่สิ่งที่ท่านพูดมันอาจจะกลายเป็นจริงก็ได้นี่ครับ”

“ข้าไม่ได้มีความสามารถเหมือนพระเจ้าแบบนั้นซักหน่อย”

พอพูดจบ, ฉันก็ขึ้นไปบนดาดฟ้าแล้วมองไปทางเมืองหลวงของรอนดิเน่ที่อยู่ไกลๆ

ตอนนี้, พวกเขากำลังถูกมอนส์เตอร์หลากหลายขนาดโจมตีอยู่

ในขณะนั้นเอง, ก็มีเรือลำนึงที่กำลังต่อกรกับมอนส์เตอร์

ซึ่งเรือลำนั้นได้ชูธงของจักรวรรดิ

สมแล้ว, การตัดสินใจของเขารวดเร็วจริงๆ

“เดินหน้าเต็มกำลัง พวกเราจะไปช่วยสนับสนุนท่านพี่ของข้า!”

“รับทราบครับ! ทุกคนเข้าประจำตำแหน่งต่อสู้! เตรียมปืนใหญ่เวทมนตร์ที่ยืมมาจากอัลบราโทรให้พร้อมด้วย!”

พอพูดจบ, กัปตันเรือก็ให้คำแนะนำด้วยแรงใจที่พกมาอย่างเต็มที่

เขาคงกำลังมีความสุขที่จะได้ใช้อาวุธที่พวกเรายืมมาจากอัลบราโทร

ฉันได้ห้อยดาบของลีโอเผื่อเอาไว้ที่เอวด้วยแต่ว่ามันหนัก ฉันน่าจะไม่สามารถเหวี่ยงมันได้ดีซักเท่าไหร่

“แต่ถึงงั้นก็เถอะ, แบบนี้ก็แสดงว่าฉันจะมีโอกาสได้สลับตัวกลับแล้วใช่ไหม?”

ในขณะที่คิดเรื่องพวกนี้, พวกเราก็มุ่งหน้าตรงไปที่รอนดิเน่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด