ตอนที่ 121 เพื่อนเก่า
เหนือภพผละออกจากมือเรียวยาวของจิต ก่อนจะมองเข้าไปในดวงตาของเธอ
“ข้าสัมผัสไม่ได้ว่ามีคำสาป แต่สิ่งที่อยู่ในตัวเจ้ามันล้ำลึก ราวกับว่ามันถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับเจ้าแต่แรก”
คำพูดของเหนือภพทำให้จิตถึงกับเงียบงันเพื่อตัดสินใจบางอย่าง
“ข้าไม่รู้ว่าท่านจะช่วยข้าได้รึเปล่า มีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ ก่อนที่ข้าจะถูกจับ ข้าได้ค้นพบบางอย่าง มันคือเอกสารลับแปลก ๆ ของพรานบุญคนก่อน เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพี่จันมาก่อน นอกจากพ่อของข้า แต่ทันทีที่พ่อข้ารู้ เขาก็นำเรื่องนี้ไปบอกผู้ใหญ่บ้าน แล้วหลังจากนั้นพ่อข้าก็… พ่อข้าก็หายตัวไป”
“ห่ะ เจ้าจะบอกว่าพ่อเจ้าหายตัวไปก่อนที่เจ้าจะหายตัวไป ไม่ใช่สิ เจ้าไม่ได้หายตัวไปก่อน แล้วพ่อเจ้าค่อยร้องขอให้สำนักงานฮันเตอร์ตามหาตัวเจ้าหรอกหรอ”
จิตส่ายหน้าจนผมเผ้ารุงรังนั้นปรกหน้าปรกตา
“ไม่ใช่ พ่อของข้าหายตัวไปนานนับเดือนแล้ว และข้าเองก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กอย่างที่เจ้าเข้าใจ เพราะข้าได้รับการกระตุ้น ข้าถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้”
เหนือภพนิ่ง “อะไรที่กระตุ้นเจ้า”
“กล้วย แบบที่อยู่ในป่ากล้วยน่ะ”
“หืม เจ้าไปเอามาได้ยังไง”
เหนือภพยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ เพียงแค่เขาเฉียดเขาไปใกล้ต้นกล้วยของพวกวานรพวกนั้น มันก็พากันเข้ามาโจมตีทันที ดังนั้นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอไม่มีทางเข้าไปเอากล้วยด้วยตัวเองได้
“ผู้ใหญ่บ้านเอามาให้ข้ากิน เขาบอกว่ามีกล้วยบวชชีเหลือเยอะ เลยเอามาแจกจ่าย”
‘ผู้ใหญ่บ้านอีกแล้ว’
เหนือภพสูดลมหายใจลึกเข้าปอด ดูเหมือนว่าคนที่รู้เรื่องทุกอย่างกลับเป็นคนที่เข้าถึงยากมาก เขาไม่แปลกใจแล้วที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านจะมีการป้องกันแน่นหนาเพียงนั้น ยากมากที่ใครจะลอบเข้าไปได้โดยที่ไม่โดนจับได้
“ถ้างั้น เมื่อไหร่ที่พวกชาวบ้านผู้ไร้พรสวรรค์ได้รับการกระตุ้นด้วยกล้วยจากป่านั่น พวกเขาก็จะกลายร่างไม่ต่างจากเจ้า ถูกไหม ?”
เหนือภพพยายามทบทวนสิ่งที่ตัวเองเข้าใจ เพราะเขาจำเป็นต้องเขียนรายงานให้สำนักงานฮันเตอร์ทราบ ดังนั้นเขาจึงต้องเข้าใจสถานการณ์ให้ถ่องแท้ พยายามอย่าให้มีข้อผิดพลาด
จิตพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า
“แต่ข้าไม่เข้าใจว่าผู้ใหญ่บ้านต้องการอะไรจากข้า ทำไมถึงเลือกให้ข้ากินกล้วย แล้วหญิงสาวในหมู่บ้านหลายคนหายตัวไปไหน ข้าเองก็ไม่รู้ และไม่เคยได้รับคำตอบในเรื่องนี้เลย”
“งั้นข้าขอดูบันทึกที่เจ้าว่าได้ไหม”
จิตพยักหน้า จากนั้นเธอก็พาเหนือภพไปที่แหล่งหลบซ่อนของเธอที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่น เธอซ่อนตัวอยู่ในโพรงถ้ำใต้ต้นตะเคียนทองใหญ่ยักษ์กลางหนองป่าคลั่ง
เมื่อเหนือภพได้รับบันทึกมา เขาก็ตั้งใจอ่านมันอย่างจริงจัง อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายรอบ มันเป็นบันทึกข้อมูลอะไรสักอย่าง คล้ายสารานุกรมสัตว์อสูรที่กล่าวถึงลิงทั้งหมดในป่าแถบนี้ มีข้อมูลของลิงทุกสายพันธุ์ แถมยังมีการวาดโครงสร้างร่างกายของลิงพวกนี้ มีอักษรแทนค่าคล้ายการบันทึกของพวกแพทย์และนักเล่นแร่แร่แปรธาตุ ข้อมูลกายวิภาคเหล่านี้เหนือภพไม่เข้าใจ แต่ที่เขารู้ว่ามันเกี่ยวกับอะไร เพราะเขาเคยเห็นข้อมูลแบบนี้ในตำราจอมปราชญ์ของกลิ่นจันทน์
บันทึกชิ้นนี้ดูเหมือนจะเป็นเอกสารที่ไม่สมบูรณ์ อาจมีบางส่วน หรืออาจจะส่วนใหญ่ที่หายไป เหนือภพจึงคัดลอกเอกสาร ทั้งวาดรูป และเขียนข้อมูลตามต้นฉบับทุกประการ แล้วส่งไปให้สำนักงานฮันเตอร์วิเคราะห์เกี่ยวกับมัน โดยที่ไม่ได้บอกว่ามันเกี่ยวกับมนุษย์แปลงร่างได้ เพราะจิตขอให้เขาเก็บไว้เป็นความลับ
เหนือภพนอนค้างคืนในโพรงของจิต ช่วงสายของวันต่อมาเขาก็ได้รับจดหมายตอบกลับจากสำนักงานฮันเตอร์ พวกเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานช่างทำงานได้รวดเร็วเหลือเกิน
----------------------------------------------
ผู้ส่ง - ญาณวรุตม์
ที่อยู่ผู้จัดส่ง - สำนักงานฮันเตอร์ สาขาเมืองอมตะนคร
ผู้รับ - พิภพ
ที่อยู่ผู้รับ - หมู่บ้านโอปะ
ข้าได้รับจดหมายจากท่านแล้ว ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดท่านจึงส่งภาพเขียดมาให้ข้า แต่จากการวิเคราะห์ตัวอักษรที่ท่านแนบมาด้วย ทางแผนกของเราได้ประชุมกันอย่างเคร่งเครียดตลอดคืน จึงได้ข้อสรุปออกมาว่ามันคือบันทึกการทดลองเกี่ยวกับสัตว์อสูร ที่น่าจะเกี่ยวข้องกับโครงการลับเมื่อหลายร้อยปีก่อน
มันคือการค้นพบที่น่าทึ่ง แต่พวกเรายังไม่ทราบว่ามันเป็นการทดลองเกี่ยวกับอะไร เราต้องใช้เวลาวิเคราะห์มากกว่านี้ แต่ถ้าหากท่านค้นพบหลักฐานอื่น ๆ ที่คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ รบกวนส่งมาให้เราโดยเร็ว แล้วจ่าหน้าซองถึงแผนกศึกษาค้นคว้าและวิเคราะห์ข้อมูลโดยตรง
ลงชื่อ ญาณวรุตม์
เจ้าหน้าที่แผนกศึกษาค้นคว้าและวิเคราะห์ข้อมูล
----------------------------------------------
เหนือภพพับเก็บจดหมายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาไม่ได้ติดในเรื่องข้อมูลการวิเคราะห์ แต่เขาติดใจว่าเจ้าหน้าที่ผู้เก่งกาจมองภาพลิงของเขาเป็นภาพเขียดได้อย่างไร น่าอับอายสิ้นดี เขาถอนหายใจก่อนจะหันไปมองจิตที่กำลังนั่งกินผลไม้ป่าอยู่
“เราจะหาส่วนที่เหลือได้จากไหน”
“หลังจากที่พ่อข้าหายตัวไป ผู้ใหญ่บ้านก็มาค้นบ้านข้า ข้าคิดว่าบันทึกส่วนที่เหลือน่าจะอยู่ที่มันนั่นแหละ”
เหนือภพพยักหน้าอย่างคนที่ทำใจได้ เรื่องราวในชีวิตเขามักจะยากยิ่งกว่าในละคร หลักฐานสำคัญ ๆ ก็ดันไปอยู่กับคนที่เข้าถึงยากที่สุดซะด้วย และในตอนนี้เขาก็ไม่อยากเปิดเผยตัวมาก จนกว่าคนที่องค์หญิงบุษย์น้ำเพชรส่งมาช่วยจะมาถึง เขาต้องพยายามไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจพาจิตเดินมุ่งหน้าไปยังทิศที่ตั้งของหมู่บ้าน
ทางด้านฮันเตอร์ชายสองคนที่กำลังสะกดรอยตามอสูรวานรมาถึงริมแม่น้ำ
“รอยเท้าของลิงนั่นสิ้นสุดที่นี่”
เฮงเฮงพูดขึ้นมั่นใจ แม้เขาจะซวย แต่ความสามารถที่ติดตัวเขานั้นเป็นของจริง ชายร่างใหญ่ในชุดเกราะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“มันคงข้ามน้ำไปสินะ”
“เปล่า” เฮงเฮงส่ายหน้า แล้วก็พูดต่อ
“ตรงกันข้ามเลยต่างหาก อยู่ ๆ รอยเท้าวานรก็เปลี่ยนเป็นรอยเท้ามนุษย์... เหวอ !”
ตูม !
เฮงเฮงระวังมากแล้ว แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะต่อต้านโชคชะตา เขาลื่นไถลตกไปในกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวทั้ง ๆ ที่ยังพูดไม่จบ ทำให้เพื่อนร่วมทีมต้องลำบากลำบนตามไปช่วยเหลืออีกรอบ ชายร่างสูงใหญ่กระโดดตามเฮงเฮงลงไป ทว่ากระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากรุนแรงมากกว่าที่พวกเขาคาดคิด กว่าพวกเขาจะพากันกลับขึ้นฝั่งได้ ก็ถูกสายน้ำพัดพาไปจากจุดเดิมไกลกว่าหลายกิโลเมตร
แฮ่ก แฮ่ก
เสียงหอบหายใจของทั้งสองคนดังสลับกันอย่างเป็นจังหวะ เฮงเฮงหอบหายใจแรง แม้จะเหนื่อยแต่เขาก็ไม่ทิ้งหน้าที่ เขาจึงรีบพูดต่อทันทีคล้ายกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้พูดอีก
“มีรอยเท้าของคนสองคน รอยหนึ่งเป็นของผู้ชาย อีกรอยเป็นของผู้หญิง และดูจากรอยเท้าของผู้ชายนั้นทุกก้าวสม่ำเสมอ ไม่จมลึกทั้ง ๆ ที่ก้าวเดินอยู่บนพื้นดินโคลนพวกนั้น แสดงว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา น่าจะแข็งแกร่งมาก ๆ เลยด้วย”
ชายร่างใหญ่ในชุดเกราะโลหะพยักหน้ารับทราบ เขาจ้องมองต้นไม้ในป่าอย่างครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจพาเฮงเฮงกลับหมู่บ้าน
ณ ชายป่าขอบหมู่บ้านโอปะ
“ถ้าเจ้าอยากจะช่วยเขา ก็ได้อยู่ แต่เจ้ามีเงินรึเปล่าล่ะ”
เหนือภพพูดพลางแกว่งขาอยู่บนกิ่งไม้สูง ส่วนจิตที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้อีกกิ่งก็จ้องกลับมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเหนือภพ แต่เธอยังไม่กล้าพูดอะไรมาก
เหนือภพเอื้อมมือไปหยิบผลไม้บนต้น แล้วก็เขวี้ยงไปหาจิต อาจดูเหมือนว่าเขาไม่ออกแรงเลย ทว่าผลไม้สีแดงลูกนั้นกลับพุ่งเข้าจิตอย่างแม่นยำและรวดเร็ว จิตยกมือรับผลไม้ไว้ได้ แต่เธอก็รู้สึกเจ็บแปล๊บที่ข้อมือ เหนือภพสังเกตเห็นทุกอย่างแล้วเก็บเอาไว้ในใจ จากนั้นเหนือภพก็แกว่งขาพูดต่อไปอย่างไม่ยี่หระ
“นี่จะบอกให้นะ ลำพังแค่เงินที่พี่เจ้าจ้างข้าให้ปกป้องเจ้า ก็ถือลำบากข้าแล้ว ดังนั้นเจ้าก็อย่าได้ก่อปัญหาให้ข้าอีกเลย ถ้าไม่มีเงินมาจ้างข้าก็อย่าได้กวนใจข้า”
“นี่เจ้า...”
จิตชี้หน้าเหนือภพอย่างโมโห เธอจนปัญญาจะพูดกับเหนือภพแล้ว ขอร้องก็แล้ว อ้อนวอนก็แล้ว แต่ฮันเตอร์หนุ่มคนนี้กลับใจแข็งและไร้น้ำใจยิ่งนัก ถ้าไม่มีเงินเขาก็จะไม่ยอมทำข้อเรียกร้องของเธอ
“ถ้าเจ้าไม่ยอมช่วย ข้าก็จะไปช่วยพี่เอง”
“ไม่ได้ !”
เหนือภพพูดเสียงแข็งอย่างที่จิตไม่เคยได้ยินมาก่อน แล้วเหนือภพก็คว้าจับดาบแส้ของตัวเอง ทำให้จิตถึงกับตัวสั่นจนเสียกิริยา แววตาฉายชัดถึงความกลัว เธอเคยลิ้มรสดาบแส้เล่มนี้มาก่อน
จิตปีนต้นไม้ลงมาข้างล่างแล้วถอยห่างออกจากต้นไม้ที่เหนือภพอยู่ไปหลายสิบก้าวเพื่อความปลอดภัย แต่เธอก็ยังไม่วายพยายามพูดเพื่อตัวเอง
“อะไรของเจ้า พอข้าจะไปเจ้าก็ไม่ให้ข้าไป เจ้าจะเอายังไงกับข้ากันแน่”
“หากเจ้าเป็นอะไรไป ข้าก็จะไม่ได้เงิน ดังนั้นจงอยู่เฉย ๆ พี่ชายเจ้าไม่ตายในเร็ววันนี้หรอก ถ้าหากเจ้ายังทำตัวน่ารำคาญแบบนี้อีก ข้าจะฆ่าพี่เจ้าด้วยมือของข้าเอง”
เหนือภพจำเป็นข่มขู่เธอ หากเขาไม่ทำแบบนี้ยัยผู้หญิงครึ่งคนครึ่งลิงบ้าคนนี้ก็คงไม่หยุดเซ้าซี้น่ารำคาญ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ยอมให้พี่ชายของเธอตาย และเขาคงต้องหาวิธีช่วยแน่ ๆ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เขากลัวว่าหากเขาบอกจิตไปเช่นนั้น เธอคงรบเร้าเขาให้ไปช่วยโดยเร็ว และเขาก็ต้องทนอยู่กับอาการรบเร้าไม่จบไม่สิ้นของเธอ
เขาจำเป็นต้องรอให้ผู้ช่วยมาถึงก่อนจะได้ทำงานง่ายขึ้น ถ้ามีแค่เรื่องต่อสู้ให้เขาลุยเพียงคนเดียวก็เหลือแหล่ แต่การจะสืบหาข้อเท็จจริงตามที่สำนักงานฮันเตอร์ต้องการนั้นเพียงแค่เขากับทิว คงไม่พอที่จะทำงานนี้
ทว่าผู้หญิงครึ่งคนครึ่งลิงก็ยังน่ารำคาญไม่เปลี่ยน
“หากข้าตายเจ้าก็จะไม่ได้อะไร งั้นรีบไปช่วยพี่ข้าซะ ไม่งั้นข้าจะฆ่าตัวตาย”
เฮ้อ
เหนือภพถอนหายใจมองจิตที่กำลังใช้ไม้แหลมจ่อคอตัวเอง ยังไม่ทันที่เหนือภพจะตัดสินใจทำอะไร ทันใดนั้นก็มีจดหมายอาคมถูกส่งมาเสียก่อน มันไม่ระบุชื่อผู้ส่ง แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่าส่งมาจากใคร นี่เป็นจดหมายของผู้ช่วยที่องค์หญิงบุษย์น้ำเพชรบอก ในจดหมายบอกตำแหน่งและช่วงเวลาที่ผู้ช่วยจะเดินทางมาถึง เหนือภพจึงรีบเดินทางไปยังสถานที่นัดหมายทันที
จิตที่กำลังเอาไม้แหลมจ่อคอตัวเองอยู่ถึงกับสับสนงุนงง
“เดี๋ยวสิ เจ้าคนไร้หัวใจ เจ้าจะไปไหน ข้าจะฆ่าตัวตายแล้วนะ”
จิตร้องตะโกนบอกเหนือภพ แต่เขาไม่อยู่ที่นั่นแล้ว ถ้าเธอจะตายก็ต้องตายต่อหน้าเหนือภพเท่านั้น ดังนั้นเธอต้องไล่ตามเหนือภพไปตลอดทางและพยายามเรียกร้องให้เหนือภพสนใจเธอ แต่เธอกลับไม่มีโอกาสนั้นเลย
เหนือภพยืนรออยู่ใต้ต้นมะม่วงขนาดใหญ่ยักษ์ นี่เป็นสถานที่ที่ผู้ช่วยของเขานัดพบ เขาไม่รู้ว่าผู้ช่วยคนนั้นรู้จักที่นี่ได้อย่างไร แถมยังรู้ละเอียดเสียด้วยว่าในป่ารอบหมู่บ้านโอปะ มีป่ามะม่วงอยู่ส่วนหนึ่ง เหนือภพรอไม่นานเขาก็เห็นการเคลื่อนไหวของสัตว์อสูรม้าตรงเข้ามาหาเขาด้วยความเร็ว บนหลังของมันมีคนร่างเล็กนั่งอยู่บน คนคนนั้นปกปิดใบหน้าด้วยหน้ากากสีขาวและผ้าคลุมสีดำ
“หยู๊ดด”
เสียงใสของหญิงสาวดังออกมา พร้อมกับการกระตุกสายจูงม้าอสูร สองขาหน้าของมันยกขึ้นสูง เมื่อสัตว์พาหนะหยุดนิ่ง คนที่อยู่บนนั้นก็กระโดดลงมาอย่างคล่องแคล่ว
ทันทีที่ผู้มาใหม่เห็นเหนือภพที่นั่งแทะลูกมะม่วงอยู่ที่โคนต้นมะม่วง เธอก็เอ่ยทักเสียงดังผ่านหน้ากากขาวทันที
“เป็นเจ้าได้ยังไง ? เหนือภพ”
เหนือภพลุกขึ้นยืนมองเธออย่างสำรวจ เขาไม่คิดว่าคนที่ส่งมาจะรู้จักเขา เธอคงเป็นหนึ่งในเจ็ดผู้นำฝ่ายนอกของบุษย์น้ำเพชร
“พี่ผกางั้นเหรอ ?”
เหนือภพถามกลับ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับจากหญิงสาว เธอเพียงปลดผ้าคลุมศีรษะ ปลดผ้าคลุมกายและปลดหน้ากากออก แค่นั้นก็ทำให้เหนือภพอ้าปากค้างมองหญิงสาวที่แต่งกายคล้ายพวกหมอผีมนต์ดำ เธอแต่งหน้าหนาจัดด้วยแป้งขาว เขียนรอบดวงตาด้วยดินสอดำจนเป็นขอบหนา ริมฝีปากแดงเข้มราวกับทาด้วยเลือดหมู หนำซ้ำเปลือกตาของเธอยังทาอะไรบางอย่างที่มีสีเทาเข้ม สร้อยของขลังมากมายในตัวเธอสั่นกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊งตามจังหวะการเคลื่อนไหว
ส่วนเหนือภพก็ได้แต่มองตาค้าง ในใจของเขาคิดเพียงอย่างเดียวว่า
‘เป็นเธอได้ไงวะ’