ตอนที่แล้วL.P.T: ตอนที่ 10 คู่หูคนแรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปL.P.T: ตอนที่ 12 ก้อนพลังงาน

L.P.T: ตอนที่ 11 วิธีปรับความแข็งแกร่งของโปเกมอน


เมื่อเห็นซูแบทบินอยู่บนแขนที่กางปีกออกอย่างเชื่อฟัง ซาโต้ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าพอใจ เห็นได้ชัดแล้วว่าซูแบทจำเขาได้จากการทำเช่นนั้นและด้วยวิธีนี้ก็ทำเขามีทางรอดในโลกนี้เช่นกัน เขาควรคิดเพื่อตัวเองสักหน่อยในเวลานี้

"ฉันดีใจมากที่ฉันได้รับการยอมรับจากนาย ซูแบท ให้ฉันแนะนำตัวหน่อยละกัน ฉันชื่อ ซาโต้ คาเอเดะ ในอนาคตข้างหน้าก็ฝากนายด้วยละ" ซาโต้นำซูแบทจากบนแขนของเขาไปวางไว้ต่อหน้าเขา ทันใดนั้นเขาก็ทำใบหน้าจริงใจมากขณะพูด

และเหมือนซูแบทก็รู้สึกถึงความตื่นเต้นและความจริงใจในหัวใจของซาโต้ ร่องรอยของความระมัดระวังบนใบหน้ามันที่มีอยู่ก็หายไปเช่นกัน มันตะโกนใส่ซาโต้ จากนั้นพยักหน้าแล้วบินไปเกาะที่ไหล่ขวาของซาโต้

ในความเป็นจริงโปเกมอนส่วนใหญ่มักจะยังคงมีความเรียบง่ายในใจ พวกโปเกมอนยังคงเป็นสัตว์ที่มีเลือดเนื้อและมีอารมณ์ ตราบใดที่คุณยังปฏิบัติต่อพวกเอลฟ์อย่างดีพวกโปเกมอนจะอยู่กับคุณและคอยปฏิบัติตามคำสั่งคุณอย่างเต็มที่

ในเวลาต่อมาซาโต้ พยายามอย่างหนักในการพูดคุยกับซูแบทของเขา เพราะเขามีเรื่องที่จะคุยด้วยกันกับมัน แล้วเขายังเชื่อว่าซูแบทฟังสิ่งที่เขาพูดรู้เรื่อง แต่มื่อคิดถึงความพยายามของเขาที่จะพูดคุยกับมันนั้น มันถึงกับทำให้เขารู้สึกปวดท้องของเขาขึ้นมาไม่มากก็น้อยเลย (และแน่นอนว่าเรื่องเกี่ยวกับชีวิตก่อนหน้าของซาโต้นั้น เขาเลือกที่จะไม่พูดถึงมัน)

และจากในบทสนทนาทั้งหมดนี้ซาโต้ยังบอกกับซูแบท ว่าเขาต้องการที่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก

ในทำนองเดียวกันซูแบทยังพยายามที่จะบอกกับซาโต้ ถึงความฝันของมัน โดยซาโต้อาศัยการคาดเดาจากท่าทางต่างๆของซูแบท  ซาโต้คิดว่าความฝันของซูแบทคือการเป็นโปเกมอนที่ทรงพลังเหมือนกับโครแบทที่เป็นพ่อของมัน

บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาแบ่งปันความฝันของกันและกันและความฝันของทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันมากความสัมพันธ์ระหว่างซาโต้และซูแบทก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น

ในตอนบ่ายท้องของซาโต้ก็เริ่มประท้วงขึ้น เพื่อตอบสนองความหิวเขา เขาจึงต้องหยุดพูดแล้วปล่อยซูแบทไป จากนั้นเขาก็หาวแล้วเดินออกไปจากห้อง จากนั้นจึงไปที่โรงอาหารสาธารณะเพื่อรับประทานอาหาร

ในเวลานี้โรงอาหารสาธารณะกำลังจะปิดจึงมีคนกำลังกินน้อยมากและซาโต้ก็มาได้ทันเวลาทานอาหารก็ที่โรงอาหารจะปิด

ในตอนเที่ยงนี้อาจจะเป็นเพราะฉันมีคู่หูแล้วเราถึงรู้สึกไม่ค่อยสบายท้องกัน? แต่เดิมแม้จะเป็นอาหารง่ายๆแต่ซาโต้ก็ยังกินอย่างเพลิดเพลินโดยมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าของเขาได้ ผู้คนมักจะคิดว่าเขากำลังรับประทานอาหารอันโอชะอยู่เสมอ

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงในที่สุดซาโต้ก็กินอาหารทั้งหมดในจานอย่างช้าๆจนหมด จากนั้นภายใต้การจ้องมองของพนักงานโรงอาหารจำนวนมากที่รอเลิกงานอาหารจานที่ถูกซาโต้กินก็ถูกวางไว้ในสถานที่ที่กำหนดแล้วเขาจึงออกจากที่ห้องอาหารสาธารณะโดยไม่มีความอายใดๆ

ในช่วงครึ่งชั่วโมงของการรับประทานอาหารที่นี่ ซาโต้ก็สงบลงด้วยความปีติยินดีในการเอาชนะโปเกมอนเป็นครั้งแรกจากนั้นเขาก็เริ่มคิดถึงขั้นตอนต่อไป

หลังจากเข้ารับโปเกมอนคู่หูตัวแรกแล้ว ซาโต้ในตอนนี้ที่มีฐานะเทรนเนอร์ต้องทำอะไรบ้าง? หรทอเขาจะต้องคิดถึงวิธีการปรับปรุงความแข็งแรงของซูแบทด้วยวิธีธรรมชาติดี? พูดตรงไปตรงมาก็คือการให้ซูแบทออกกำลังกายอย่างหนัก?

พูดตามตรงตอนนี้ ซาโต้กำลังคิดถึงวิธีการออกกำลังกายของโปเกมอนเท่านั้น ในอดีตการต่อสู้กับโปเกมอนป่าและ NPC (non-player-character=ตัวละครที่ไม่ใช่ผู้เล่น)ริมถนนในเกมเป็นเรื่องปกติ เมื่อหลอดเลือดของโปเกมอนป่าในเกมถึง0 ระดับโปเกมอนของเราที่ชนะก็จะเพิ่มขึ้นเอง

แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งต่างๆเกมเป็นสิ่งที่ไม่อาจใช้ในตอนนี้ได้อย่างเห็นได้ชัด ความแข็งแกร่งของโปเกมอนสามารถปรับปรุงได้ไม่เพียงแค่การต่อสู้กับโปเกมอนของคนอื่นๆเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการฝึกฝนของโปเกมอนในแบบต่างๆ

ในวิสัยทัศน์ของซาโต้ การปรับปรุงความแข็งแกร่งของโปเกมอนนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าสามปัจจัยที่สำคัญ ปัจจัยแรกคือสมรรถภาพทางกายของโปเกมอน ปัจจัยที่สองคือความเชี่ยวชาญในทักษะของโปเกมอนเอง และปัจจัยที่สามคือโปเกมอนที่ต่อสู้นั้นมีประสบการณ์มากพอ

ทุกคนรู้ดีว่าสมรรถภาพทางกายของโปเกมอนแต่ละตัวนั้นมนุษย์ทั่วไปเทียบไม่ได้ แต่สมรรถภาพทางกายของโปเกมอนแต่ละคนมีความแตกต่างกันโดยธรรมชาติและสมรรถภาพทางกายของโปเกมอนแต่ละชนิดก็แตกต่างกันอีก

ตามความเข้าใจของซาโต้สมรรถภาพทางกายของโปเกมอนสามารถแบ่งออกได้เป็น 6 ปัจจัย ได้แก่ 1.HP(เลือด) 2. ATK(พลังโจมตี) 3. SATK(โจมตีพิเศษหรือพลังโจมตีเวทย์) 4.DEF(พลังป้องกัน) 5. SDEF(พลังป้องกันเวทย์) 6. SPD(ความเร็ว)

ถูกต้องแล้วคุณภาพทางกายภาพของเโปเกมอนนั้นเทียบเท่ากับค่าพลังของโปเกมอนในเกมและมีสองวิธีในการเพิ่มค่าพลังของโปเกมอนในเกม ประการแรกคือการเพิ่มระดับของโปเกมอนและอย่างที่สองคือการฝึกฝนเพื่อให้ได้ค่าในการปรับปรุงข้อมูลของความแข็งแกร่งต่างๆ

แน่นอนว่าทฤษฎีนี้ใช้ได้ในโลกแห่งความเป็นจริงและเห็นได้ชัดว่ามีลำดับของพลังในหมู่โปเกมอน

และคุณค่าของความพยายามนั้นค่อนข้างง่ายที่จะเข้าใจในความเป็นจริงซึ่งคล้ายกับการออกกำลังกายต่างๆของเทรนเนอร์ สำหรับโปเกมอนที่ผ่านการออกกำลังกายนั้นก็เพื่อปรับปรุงข้อมูลความแข็งแกร่งของโปเกมอนแต่ละตัว

ตามสมมติฐานในปัจจุบันของซาโต้ปริมาณHPของโปเกมอนสามารถปรับปรุงได้จากการพัฒนาการทางร่างกายและความแข็งแกร่งทางกายภาพของโปเกมอนทั้งสองด้าน

และค่าDEFและค่าS.DEFของโปเกมอนสามารถปรับปรุงได้จากในแง่ของความสามารถในการต้านทานของโปเกมอนค่าSPDของโปเกมอนนั้นสามารถปรับปรุงได้จากการออกกำลังกายโดยเน้นไปที่หัวใจและปอด

สำหรับวิธีการเพิ่มค่าATKและค่าS.ATKของโปเกมอนนั้น ซาโต้คิดมานานแล้วแต่ไม่สามารถใช้ความเข้าใจในปัจจุบันของเขาทำความเข้าใจได้ ค่าพลังทั้ง2เป็นที่เข้าใจกันดีว่ามันเป็นคำที่เป็นนามธรรมเกินไป

เกี่ยวกับเรื่องนี้ซาโต้คงทำได้แค่ระงับการคิดหาวิธีการเพิ่มพลังทั้งสองนี้ไว้ชั่วคราวโดยหวังว่าเขาอาจจะได้รับคำตอบหลังจากที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับโปเกมอนในอนาคตข้างหน้า (ก็นะ มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้เขียนจะนึกถึงวิธีการเพิ่มของค่าทั้งสี่ได้ออก ยังต้องมาคิดอีก 2 ให้ปวดหัวอีก - -)

ปัจจัยที่สองที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของโปเกมอนคือระดับความเชี่ยวชาญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความเชี่ยวชาญทักษะ ในที่นี้สามารถแบ่งออกเป็นจำนวนทักษะของโปเกมอนถือครองหรือความสามารถของโปเกมอนที่จะตีความทักษะในแบบต่างๆ

เห็นได้ชัดว่าโปเกมอนที่มีความรู้ด้านทักษะหลากหลายจะมีข้อได้เปรียบในการต่อสู้มากกว่าโปเกมอนที่มีทักษะเพียงเล็กน้อย ตราบใดที่โปเกมอนของซาโต้มีความสามารถนี้ก็สามารถที่จะข่มคู่ต่อสู้ ซึ่งนั้นทำให้โอกาสชนะจะมีสูงมาก

ดังนั้นโปเกมอนที่สามารถเชี่ยวชาญทักษะต่างๆได้มากขึ้น จะสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้ในเวลาอันสั้น

แน่นอนว่านอกเหนือจากการฝึกฝนทักษะแล้วยังเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับโปเกมอนที่จะสามารถใช้ทักษะได้อย่างเชี่ยวชาญหรือไม่ ตามที่กล่าวไปการฝึกฝนนั้นคือการทำให้สมบูรณ์แบบ ประโยคนี้เป็นประโยคที่ถูกต้องมากเมื่อเทียบถึงความเชี่ยวชาญในทักษะของโปเกมอน

ภายใต้สถานการณ์ปกติความสามารถในทักษะของโปเกมอนสามารถแบ่งออกเป็นสี่ระดับ: ระดับเริ่มต้น,เชี่ยวชาญ, ชำนาญและสมบูรณ์แบบ

ความเชี่ยวชาญในทักษะระดับเริ่มต้นโดยธรรมxยถึงสถานการณ์ที่โปเกมอนเพิ่งใช้ทักษะนี้ครั้งแรก ด้วยความเชี่ยวชาญระดับนี้ทักษะที่โปเกมอนปล่อยออกมาจะไม่ทรงพลังเท่ากับการปลดปล่อยทักษะที่ใช้มานาน

ระดับความเชี่ยวชาญหมายถึงสถานการณ์ที่โปเกมอนสามารถปลดปล่อยทักษะนี้ได้อย่างยืดหยุ่น ด้วยความเชี่ยวชาญระดับนี้โปเกมอนจึงสามารถปลดปล่อยพลังของทักษะในระดับดั้งเดิมได้ เวลาที่ใช้ปล่อยทักษะก็ลดลงด้วย

ความสามารถในระดับความชำนาญหมายความว่าเอลฟ์มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในทักษะที่ใช้ ทักษะในระดับนี้มีประโยชน์เมื่ออยู่ในมือของโปเกมอนที่เข้าใจจริงๆ ตราบใดที่ความแข็งแกร่งทางร่างกายเพียงพอเอลฟ์ก็สามารถที่จะปล่อยทักษะได้ เพื่อระเบิดความเสียหาย(สำหรับทักษะระยะไกล)หรือการใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง(ของทักษะระยะใกล้หรือเปลี่ยนทักษะในพริบตาเพื่อสลับไปใช้ทักษะอื่น)

สำหรับระดับความสามารถในทักษะที่สี่หรือสมบูรณ์แบบเมื่อความสามารถของโปเกมอนเพียงพอสำหรับการใช้ทักษะถึงระดับนี้หมายความว่าโปเกมอนได้หลอมรวมทักษะนี้เข้าด้วยความเข้าใจที่มากพอแล้วและพลังของทักษะนี้ในมือของโปเกมอนจะเพิ่มขึ้นอย่างมากไปถึงอีกระดับทีเดียว และใช่แล้ว ทักษะยังคงยืดหยุ่นให้เหมาะกับโปเกมอน แถมยังสามารถรวมท่ักษะนี้เข้ากับทักษะอื่นๆได้อีกด้วย(ประมาณรวม2ท่า ให้เกิดท่าใหม่หรือเพิ่มความสามารถย่อยเข้าไปในท่าที่ปล่อย)

และสิ่งสุดท้าย ปัจจัยที่สามที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของโปเกมอนคือความรู้ด้านการต่อสู้ สิ่งที่เรียกว่าความรู้ด้านการต่อสู้ถ้าจะเป็นการพูดตรงไปตรงมาก็คือประสบการณ์การต่อสู้ของโปเกมอน

จะปรับปรุงความรู้ด้านการต่อสู้ของโปเกมอนได้อย่างไร? ในความเข้าใจของซาโต้นั้นมีสองวิธี

ประการแรกคือการฝึกฝนการต่อสู้ของเทรนเนอร์เพื่อส่งต่อถึงโปเกมอน

การฝึกการต่อสู้แบบนี้หมายถึงคำแนะนำการต่อสู้ต่างๆที่เทรนเนอร์มอบให้กับโปเกมอนในชีวิตประจำวัน พูดง่ายๆก็คือการฝึกจำลองก่อนการรบ ด้วยวิธีนี้โปเกมอนควรรู้วิธีเผชิญหน้ากับโปเกมอนประเภทต่างๆ และรู้วิธีจัดการกับมันอย่างไร

แม้ว่าจะมีโปเกมอนหลากหลายประเภท แต่ก็สามารถจำแนกได้ตามลักษณะเฉพาะและทักษะที่ปล่อยออกมาอย่างชัดเจน โดยทั่วไป โปเกมอนสามารถแบ่งหมวดการต่อสู้ออกเป็นสามประเภทใหญ่ๆ:1.ระยะประชิด 2.การป้องกัน 3.การโจมตีระยะไกล

ในหมู่พวกเขาประเภทโจมตีระยะประชิดสามารถแบ่งออกเป็น ประเภทระยะประชิดแบบนักฆ่าและประเภทระยะประชิดแบบสู้ซึ่งหน้า ประเภทการป้องกันก็สามารถแบ่งออกเป็น ประเภทการป้องกันทางกายภาพและประเภทการป้องกันพิเศษ และสุดท้ายประเภทการโจมตีระยะไกลสามารถแบ่งออกเป็นประเภทการโจมตีระยะไกลทางกายภาพและประเภทการโจมตีระยะไกลพิเศษ

แม้ว่าจะมีการกล่าวว่าวิธีการต่อสู้ของโปเกมอนแต่ละประเภทจะแตกต่างกัน แต่วิธีการโจมตีทั่วไปของพวกมันก็ยังตรวจสอบได้ง่ายอยู่ดี

ตัวอย่างเช่น ปิคซี ที่เป็นประเภทนักฆ่าระยะประชิดพวกมันมีความคล่องตัวที่รวดเร็วและการระเบิดพลังในพริบตาที่แข็งแกร่ง แต่ข้อเสียคือร่างกายของมันบอบบางมากและผลลัพธ์หลังจากที่ปลดปล่อยพลังออกมาก็คือจะอ่อนแอ

เมื่อต้องเผชิญกับโปเกมอนต่อสู้ประเภทนี้หากพวกเขาไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ก่อนที่จะโดยการลอบโจมตีหรือสามารถต่อสู้ซึ่งๆกับมันได้ทางเลือกที่ดีที่สุดคือ ควรจะเป็นโปเกมอนที่มีทักษะในการช่วยชีวิตต่างๆเพื่อป้องกันตัวเองและหลีกเลี่ยงการถูกชักจูงตอนที่ต่อสู้หรือควรอยู่ให้ห่างจากฝ่ายตรงข้าม เพียงแค่สามารถรักษาการโจมตีระลอกแรกของคู่ต่อสู้ได้สถานการณ์การต่อสู้จะเริ่มพลิกกลับเอง

ในการฝึกประจำวัน เทรนเนอร์จะต้องบอกตัวเองเป็นพิเศษว่าควรที่จัดการฝึกให้กับโปเกมอนประเภทต่างๆอย่างไรเพื่อให้โปเกมอนจำคำสอนของคุณ แล้วเอาไปใช้ในระหว่างการต่อสู้ได้เพื่อที่โปเกมอนจะได้เชี่ยวชาญในจังหวะของการต่อสู้

วิธีที่สองในการปรับปรุงความรู้ด้านการต่อสู้ของเอลฟ์คือการต่อสู้จริงตามธรรมชาติ

ทองคำแท้ไม่กลัวไฟแม้ว่าการฝึกจำลองก่อนการต่อสู้จะทำได้ดี แต่หลังจากได้สัมผัสกับการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยเลือดและเพลิงความโหดร้ายแล้วโปเกมอนจะสามารถบรรลุการเปลี่ยนแปลงในแง่การต่อสู้ที่แท้จริงได้

ไม่มีโปเกมอนที่ทรงพลังตนใดก็ตามที่ไม่เคยผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน ในหมู่พวกโปเกมอนแล้วการต่อสู้ที่เดิมพันชีวิตและความตายยังคงได้ประสบการณ์ที่มากมาย มีแต่การได้สัมผัสกับมันด้วยตัวเองเท่านั้นที่จะรู้ถึงความเจ็บปวดและสามารถตระหนักถึงข้อบกพร่องของตัวเองในการต่อสู้ได้อย่างลึกซึ้ง

เบื้องหลังโปเกมอนผู้ทรงพลังทุกตนมักมีชัยชนะมากมายและความล้มเหลวมากมายและในที่สุดชัยชนะและความล้มเหลวเหล่านี้จะกลายเป็นประสบการณ์การต่อสู้ที่มีค่าของโปเกมอนตัวนั้นซึ่งจะส่งผลต่อความแข็งแกร่งของโปเกมอนเอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด