ตอนที่ 140 สองสมาชิกพลัดหลง
ตอนที่ 140 สองสมาชิกพลัดหลง
เจสเปอร์ไม่ได้โฟกัสที่การเก็บเลเวลอยู่อย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว ชายหนุ่มปรับแผนของเขาให้ออกล่ามินิบอสหมีภูเขาไปทั่วพื้นป่าด้านบน โดยการนับไป 60 นาทีถัดจากนี้ซึ่งเป็นเวลาที่มินิบอสจะกลับมาเกิดใหม่ ให้ทวิสเต็ด สลิปคอยตะเวนหามินิบอสพร้อมกับส่งอามมี่ที่มีประสบการณ์ในการลากมอนสเตอร์เข้าไปช่วยด้วยอีกแรง
3 คนรับหน้าที่ลาก 1กลุ่มรับหน้าที่สังหารกวาดล้างและอีก 5 NPC รับหน้าที่เก็บไอเท็มและซ่อมแซมอาวุธที่เสื่อมสภาพ ทุกอย่างไหลเวียนอย่างเป็นระบบ ภายใต้การชักนำของเจสเปอร์ที่ควบคุมสายพานนี้เอาไว้ด้วยตัวเอง
วันคืนค่อยๆเคลื่อนคล้อยจนผ่านไปนานหลายวัน(ในเกม)เลเวลของสมาชิกในกิลด์ของแต่ละคนก็เริ่มไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆอย่างสม่ำเสมอ วัตุดิบที่ได้รับจากหมาป่าไดร์วูลฟ์และหมีภูเขา ก็เพิ่มพูนจนคลาซ่าต้องวนเวียนพลัดกับช่างตีเหล็กคนอื่นๆนำวัตถุดิบเหล่านั้นกลับไปยังป้อมปราการ Mirage Tower ที่เวลานี้กำลังถูกสร้างและปรับเปลี่ยนให้เป็นที่พักของราชวงศ์และกองทัพกิลด์ Rising Sun
“เจส!!พบมินิบอสอีกตัวแล้วอยู่ห่างออกไปจากกลุ่มประมาณ 20 นาที” อามมี่ที่ถูกเติมเข้าไปอยู่ในกลุ่มลากมอนสเตอร์ชั่วคราวได้ทำการแจ้ง เพื่อนสนิทของเขาโดยทันทีเหมือนเช่นทุกครั้งที่เขาและ2นักล่าที่เหลือพบกับมินิบอสหมีภูเขา...ทว่าการลากในครั้งนี้นั้นแตกต่างไปจากทุกที มินิบอสหมีตัวดังกล่าวแม้อามมี่พยายามก่อกวนมันมากแค่ไหน หมียักษ์ตนนี้ก็ดูเหมือนจะไม่สนใจชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย
“เจส!!มินิบอสตัวนี้ดูเหมือนจะไม่สนใจฉันเลย ให้ฉันทำยังไงกับมันดี?”
อามมี่ได้ทำการส่งข้อความติดต่อออกไปอีกครั้งและในระหว่างที่รอข้อความตอบกลับ อามมี่ก็ไม่ได้อยู่เฉยๆปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เขายังคงหลอกล่อมินิบอสหมีภูเขาต่อไปเพื่อหวังว่ามันจะหันกลับมาสนใจเขาเหมือนเช่นทุกที...แต่เปล่าเลย!!
“เจสเปอร์ดูข้อความที่อามมี่ส่งมาสิ...หมอนั่นมันจะแกล้งอะไรพวกเรากันแน่ สงสัยกลัวพวกเราจะว่างจนไม่มีอะไรทำมั้งถึงได้ส่งข้อความประหลาดแบบนี้มา??!!”
โบม่อนที่เดินเล่นกีตาร์วนเวียนไปทั่วกลุ่มเพื่อแจกเสียงดนตรีที่เปรียบเสมือนบัฟปาร์ตี้ให้กับทุกคนในบริเวณ นักกวีที่ไม่ได้เหน็ดเหนื่อยปละต้องโฟกัสการต่อสู้เหมือนคนอื่นๆ เดินตรงเข้ามาพูดคุยกับเจสเปอร์ถึงข้อความที่เขียนไม่เป็นภาษาของอามมี่ที่ส่งเข้ามาในช่องสนทนากิลด์
“ได้!!ไว้เดี๋ยวฉันจัดการกับมินิบอสตัวนี้ก่อนค่อยจัดการกับไอบ้ากล้ามให้เอง...ริคเตอร์เบามือลงหน่อย ใกล้จะไปฝึกกับกองทัพอยู่แล้วเรื่องพื้นฐานต้องทำให้ดีอย่าให้เสียชื่อกิลด์ของเราล่ะ”
ทางด้านฝั่งของเจสเปอร์กำลังต่อสู้กับมินิบอสหมีภูเขาอย่างออกรส แต่พื้นป่าแห่งนี้มีมินิบอสหมีภูเขาเกิดเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น!! แล้วที่อามมี่กำลังเผชิญอยู่นั้นล่ะ ถ้าไม่ใช่มินิบอสหมีภูเขาแล้วมันคือตัวอะไร
‘ฉึกกกก!!’
หลังจากที่เจสเปอร์จัดการมินิบอสที่ทวิสเต็ดลากมาจนเสร็จเรียบร้อย ในช่วงระหว่างที่พักชายหนุ่มก็ถกแขนเสื้อขึ้นมาหมายจะส่งข้อความไปต่อว่าเพื่อนของเขาที่อู้งานไม่ยอมลากมอนสเตอร์กลับมาให้สักที ซึ่งพอเขาเปิดช่องสนทนาขึ้นมากลับพบว่ามีข้อความจากอามมี่และสลิป ถูกส่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางช่องสนทนากิลด์และช่องสนทนาส่วนตัว
โดยทั้งหมดทุกข้อความที่สมาชิกทั้งสองส่งมาล้วนเป็น ภาษาที่อ่านไม่ออกทั้งหมด คลายกับถูกบางสิ่งบางอย่างมาทำให้ข้อความดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไป จากที่ตอนแรกพวกเขาต่างคิดว่าทั้งสองจงใจส่งมาแกล้งเพื่อหยอกล้อเพื่อนๆ บัดนี้เริ่มไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว
ต่างคนต่างเริ่มวิตกกังวล นี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก แม้ชื่อของอามมี่และสลิปที่แสดงบนหน้าต่างปาร์ตี้จะยังคงออนไลน์อยู่ตามปกติแต่มันกลับไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ทั้งสองคนนี้อยู่ได้
“เจส!!เกิดอะไรขึ้นกับอามมี่และสลิป ทำไมระบบถึงขึ้นว่าทั้งสองคนถึงไม่สามารถระบุตำแหน่งได้ล่ะ??!!”
ทุกคนต่างหันไปมอง ชายหนุ่มผู้ที่ทุกคนจะนึกถึงเมื่อมีปัญหาเสมออย่างเจสเปอร์
“เดี๋ยวฉันกลับมา!!”
‘พรึ่บบ...!!’เจสเปอร์พูดเพียงประโยคสั้นๆก่อนจะออฟไลน์ออกไปจากระบบทันที ทำให้แกนนำกิลด์ Rising Sun ทั้งหมดต่างตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“ให้ผมออกไปดูให้ไหมครับว่าหัวหน้าออฟไลน์ออกไปทำไม?”
ริคเตอร์ที่พักอาศัยอยู่กับเจสเปอร์ขันอาสารับหน้าที่ไปตามหัวหน้ากิลด์ที่ออฟไลน์กลับมาให้ ซึ่งทุกคนก็ต่างเห็นชอบว่าควรจะออกไปดูเพราะสลิปที่หายตัวไปก็พักอยู่กับทั้งสองคนเช่นเดียวกัน เลยถือโอกาสนี้ไปสอบถามเจ้าตัวจากโลกจริงเลยก็แล้วกันว่าเกิดอะไรขึ้น
เด็กหนุ่มที่ได้รับหน้าที่สำคัญก็ไม่รอช้ารีบ ‘ออฟไลน์’ ออกจากเกมตามเจสเปอร์ไปโดยทันที
..............
ริคเตอร์ที่ลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกจริง จัดแจงถอดหมวก VR รุ่นโกลด์ที่คลุมศีรษะออกแล้วยกไปว่างที่ด้านข้าง ก่อนจะพุ่งทะยานร่างที่แสนปวดร้าวที่เป็นผลมาจากการออกกำลังแล้วร่างกายปรับตัวไม่ทันทำให้กล้ามเนื้ออักเสบนั่นเอง หากจะนับว่าเป็นการพุ่งทะยานก็คงไม่ถูกนักเอาเป็นว่าริคเตอร์ลากสังขารสุดแสนจะบอบบางของเขาบิดลูกบิดเปิดประตูก็แล้วกัน
ไฟภายในห้องรับแขกถูกเปิดสลัวๆอยู่ก่อนหน้าที่ริคเตอร์จะออกมาแล้ว ก่อนที่จะเห็นเจสเปอร์กำลังยืนอยู่เหนือร่างของสลิปเพื่อตรวจสอบอะไรบางอย่าง
“แอร์ในห้องรับแขกก็เปิดอยู่ปกติ ทำไมพี่สลิปถึงมีเหงื่อออกมากขนาดนี้? สงสัยจะร้อนหัวหน้าให้ผมเร่งแอร์ให้ไหมครับ?” ริคเตอร์ยังคงใสซื่อเหมือนทุกครั้ง แม้จะยืนอยู่ข้างๆสลิปที่กำลังประสบปัญหาเด็กหนุ่มคนนี้ก็ไม่ตะขิดตะขวงใจเลยว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ
“ไม่ต้องหรอก...นายรีบกลับเข้าไปในเกมแล้วบอกทุกคนให้เกาะกลุ่มกันเอาไว้แล้วช่วยถามให้ฉันทีว่ามีใครติดต่อกับทั้งสองคนล่าสุดเมื่อไหร่...ฉันคิดว่าทั้งสองคนน่าจะเกิดเรื่องขึ้นในเกม หากพวกเราไปช่วยไม่ทันอาจส่งผลเสียต่อตัวละครของพวกเขาก็เป็นได้”
“เกิดเรื่อง? พี่สลิปและพี่อามมี่กำลังเป็นอะไรยังงั้นเหรอ?”
แม้จะอยู่ในช่วงเวลาขับคันแต่ริคเตอร์ก็อดไม่ได้ที่จะถาม ซึ่งเจสเปอร์ก็ไม่ได้ถือสาหาความอะไร เพราะถึงยังไงนี้ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเกมไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรอย่างมากตัวละครในเกมของอามมี่และสลิปก็แค่ตายและสาเหตุที่เจสเปอร์ขอตัวออฟไลน์ออกมาเร่งด่วนแบบนั้นก็เพราะว่าตัวเขาเกิดปวดห้องน้ำขึ้นมากระทันหันก็เท่านั้นเอง ส่วนทำไมเขาถึงไม่ยอมเข้าห้องน้ำในห้องของตัวเองก็เป็นเพราะไหนๆจะขอตัวออฟไลน์มาเข้าห้องน้ำแล้ว แวะหาอะไรกินในตู้เย็นหน่อยเพื่อเติมพลังสักนิดก็เป็นอะไรที่ไม่เลว
“ไม่เป็นอะไรหรอก ทั้งสองคนก็แค่หลงเข้าไปในรังของแมงมุมแม่ม่ายดำที่เป็นบอสประจำแผ่นที่ก็เท่านั้นเอง...ส่วนที่ฉันให้นายกลับไปบอกทุกคนก็เพื่อที่จะได้หาพิกัดของรังมันได้ง่ายขึ้นและจะออกไปล่า (ช่วย) ทั้งสองคนได้เร็วๆไง เพราะบอสแมงมุมตัวนี้ค่อนข้างพิเศษอยู่หน่อยตรงที่ว่า หากศัตรูเข้าไปในอาณาเขตใยพิษของพวกมัน คนเหล่านี้จะมองเห็นภาพหลอนและถูกปิดกั้นการสื่อสารทุกชนิดและถูกขังให้อยู่แต่ในนั้นรอเป็นเหยื่ออันโอชะของมันต่อไป นี้จึงเป็นเหตุที่ทำให้พวกเขาที่อยู่ด้านนอกไม่สามารถระบุตำแหน่งของทั้งสองคนได้ยังไงล่ะ”
“หัวหน้าบอกความจริงผมมาเถอะ!!เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่สลิปกันแน่ ถึงผมจะไม่รู้เรื่องอะไรแต่หัวหน้าเชื่อผมได้น่ะ ดูสิพี่สลิปเหงื่อออกเต็มเลย”
ริคเตอร์แสดงความเป็นห่วงสลิปอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ทั้งสองคนจะพึ่งสนิทกันตอนที่มาเจอกันที่นี้ แต่มิตรภาพที่ต้องเป็นคนรับชะตากรรมคล้ายกันทำให้ทั้งสามคน ริคเตอร์ ทวิสเต็ดและสลิป ผูกผันแน่วแน่นกันมากยากที่คนอย่างเจสเปอร์จะเข้าใจถึงความสัมพันธ์พวกนี้
“ฉันบอกว่าไม่เป็นไรไง รีบกลับเข้าเกมได้แล้ว…ที่หลังจะออกมาด้านนอกก็หัดเดินให้มันดีๆลากเท้ามาแบบนั้นโชคดีน่ะที่ฉันเป็นคนใจแข็ง หากเป็นคนอื่นคงกริ้ดลั่นบ้านกันไปแล้ว แล้วฝากเก็บแก้วนี้ที” เจสเปอร์รีบโบกมือลากลับเข้าห้องไปพลางยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำที่เกาะอยู่ตามริมฝีปากของเขาให้แห้ง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนที่จะออนไลน์กลับเข้าเกมอีกครั้ง เพื่อออกช่วยเหลืออามมี่และสลิปที่หลงเข้าไปในรังของแมงมุมแม่ม่ายดำ ทิ้งให้ริคเตอร์ที่รับแก้วน้ำที่ว่างเปล่ามาด้วยความสงสัย
‘พี่สลิปตัวเปียกโชก? แต่พี่ทวิสเต็ดกลับตัวแห้ง? สงสัยพี่สลิปคงจะขี้ร้อนล่ะมั้ง??’ เมื่อคิดได้ดังนั้นริคเตอร์เด็กหนุ่มผู้ที่สุดแสนจะเอาใจใส่คนอื่นๆ ก็จัดการปรับเครื่องทำความเย็นอุณหภูมิให้ต่ำลงไปอีกและเอาผ้าห่มมาห่มให้ทวิสเต็ดเพื่อกันลมหนาวที่ตนได้ปรับไว้ ก่อนที่จะปล่อยให้สลิปที่เหงื่อ...(?)เปียกโชกอยู่ในสภาพแบบนั้น
............
หลังจากที่เจสเปอร์ได้กลับเข้าสู่เกมอีกครั้ง ตัวเขาก็รีบอธิบายสถานการณ์ที่ตึงเครียดให้กับเพื่อนสมาชิกทุกคนได้รับฟังทั้งหมดและช่วยกันออกตามหา สองผู้เล่นที่ผลัดหลงเป็นลำดับต่อไป
ซึ่งเจสเปอร์เองก็รู้อยู่ก่อนหน้านี้แล้วว่าสถานที่เก็บเลเวลของพวกเขาที่อยู่ในตอนนี้นั้นค่อนข้างติดกับอาณาเขตของแมงมุมแม่ม่ายดำ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าอามมี่และสลิปจะพลัดหลงเข้าไปไกลถึงขนาดนั้น บอสแมงมุมแม่ม่ายดำแม้จะเป็นถึงบอสระดับแผนที่แต่ความสามารถของมันก็ไม่ได้สูงมากนักหากเทียบกับบอสแผนที่ตัวอื่นๆ วัดกันตามความจริงเจสเปอร์มองว่ามินิบอสหมีภูเขานั่นดูจะยังแข็งกว่าเสียด้วยซ้ำ
แต่ถึงกระนั้นเจสเปอร์ก็อดไม่ได้ที่จะไปออกตามล่ามันแม้จะต้องเสียเวลาในการตามหาตัวสักหน่อย แต่การได้ฆ่าบอสแผนที่ก็ดูเป็นกิจกรรมที่เปลี่ยนบรรยากาศอยู่ไม่น้อย เพราะเขาเองก็เริ่มเบื่อที่จะฆ่ามินิบอสหมีภูเขาเต็มทนแล้วเหมือนกัน
ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเจสเปอร์และกิลด์ Rising Sun ต่างออกล่ามินิบอสหมีภูเขากันอย่างหนักเพื่อไอเท็มสุดพิเศษอย่าง [เอ็นหัวใจที่ยังเต้นอยู่ของหมีภูเขา] ที่ช่วยในการเพิ่มค่าสถานะต้านทานธาตุน้ำและพลังกาย 5% (ถาวร/ใช้ได้ครั้งเดียว) จนถึงปัจจุบันนี้สมาชิกแกนนำหลักทั้งหมดได้ รับผลที่ว่านี้กันครบหมดทุกคนแล้ว แถมพวกเขายังเก็บสำรองไว้อีก 8 ชิ้น เพื่อที่จะนำไปขายหรือมอบให้กับสมาชิกหลักคนอื่นๆที่ทำผลงานได้ดีอีกด้วย ยกเว้นร็อคสตาร์และคาซิอุสที่ถือเป็นสองคนแรกของกองกำลังสมาชิกหลักที่ได้รับไปก่อนหน้านั้นแล้ว
“เจส!!ได้พิกัดที่คาดว่าอามมี่และสลิปจะอยู่แล้ว...นายลองมาดูสิ?”
โบม่อนเดินหน้าตาตื่นเข้ามา พลางเปิดข้อความที่อามมี่ส่งเข้ามาบ่นเรื่องมอนสเตอร์ที่ยังไม่เกิดบริเวณแถบนี้ โดยในข้อความยังระบุอีกว่าจะลองขึ้นเหนือต่อไปเพื่อออกตามหามอนสเตอร์
“อืมเป็นที่นี้แหละ...บอสแมงมุมแม่ม่ายดำไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ไม่จำเป็นต้องเอาคนไปช่วยมากขนาดนั้นหากเกิดพลัดหลงกันอีกจะเหนื่อยเปล่าๆ เอายังงี้พวกนายก็อยู่เก็บเลเวลกันที่นี้ต่อไปเถอะ ฉันยังคงยืนยันคำเดิมเก็บรวบรวม ‘เอ็นหัวใจที่ยังเต้นอยู่ของหมีภูเขา’มาให้ได้มากที่สุด ส่วนฉันจะพาหิมะน้อยไปด้วยอีกคนเพราะหลายวันที่ผ่านมาเธอแทบไม่ได้ร่ายเวทย์อะไรเลย ฉันกลัวว่าสาวน้อยจะเบื่อจนคลั่งไปซะก่อน”
โบม่อนเป็นคนที่อธิบายด้วยเหตุผลจะพูดด้วยง่ายอยู่แล้ว เมื่อเจสเปอร์เสนอความคิดนี้มานักกวีหนุ่มก็พลันคิดตาม เป็นเรื่องจริงที่ว่าการออกตามหาใครสักคน ไม่ควรขนคนไปเยอะ เพราะมีแต่จะทำให้เกิดการห่วงหน้าพะวงหลังไปเสียเปล่า สู้ส่งคนที่แข็งแกร่งและมีประโยชน์ที่สุดไปดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีเสียยิ่งกว่าส่งคนไปเยอะๆแล้วไปพลัดหลงกันกลางทาง....
...โปรดติดตามตอนต่อไป...
แจ้งล่วงหน้าตั้งแต่ 150 เป็นต้นไป จะมีการปรับอัตราการเก็บเหรียญน่ะครับ เป็น(*เก็บ2ตอน ฟรี2ตอน*)