บทที่ 102: ลูกชายของนักแสดงผู้โด่งดัง
เวลากลางคืนก็มาถึง
ถ้าใครมองมาจากระยะไกลก็จะเห็นได้ว่าเมืองที่สร้างอยู่บนหน้าผากำลังส่องสว่างราวกับแสงอรุณที่ส่องผ่านความมืด
ตะเกียงเวทย์นับพันถูกแขวนบนต้นไม้ที่เรียงรายกันตามถนนและอาคารสิ่งปลูกสร้างต่างๆ
พลเมืองที่ร่ำรวยบางส่วนซื้อตะเกียงเวทย์ไปแขวนบนชั้นสองของบ้านพวกเขา การกระทำเช่นนั้นเป็นการตั้งใจอวดอย่างชัดเจน
ผับทั้งหลายเต็มไปด้วยเหล่าพวกขี้เหล้าเมายา ชายแก่หลายคนเดินเข้าออกหอนางโลม เมื่อพวกเขาเผอิญเจอเข้ากับคนที่พวกเขารู้จัก ความรู้สึกที่พวกเขาแสดงออกมาคือความภูมิใจและสบายใจ ท่าทางนี้หมายความว่าพวกเขาประทับใจเป็นอย่างมาก
ส่วนคาสิโนน่ะหรอ?
ผู้คนนั้นหลั่งไหลเป็นสายเข้ามาไม่หยุด พวกเขาต้องการที่จะร่ำรวย และแม้ว่าคำแนะนำเกมในคาสิโนจะมีน้อยมาก เป้าหมายของพวกเขาคือการทำเงิน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจเกี่ยวกับคำแนะนำเหล่านี้เลย
เมืองแห่งรุ่งอรุณปิดประตูเมืองของพวกเขาในตอนกลางคืน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีเคอร์ฟิว ดังนั้นพลเมืองมากมายจึงออกมาข้างนอกในตอนกลางคืน ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะกลับบ้านในตอนเที่ยงคืน…
แต่ในเที่ยงคืนนั้น
ไม่มีใครรู้ว่าในเขตเก่าอย่างค่ายทหารที่มุมของกำแพงเมืองได้ถูกจัดเตรียมสำหรับการปะทะ ค่ายทหารอีกสองแห่งในเขตใหม่เองก็อยู่ในสถานะเดียวกัน…
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถแต่งตัวอย่างเต็มยศได้ในครั้งนี้ มันจะทำให้เกิดความปั่นป่วนมากเกินไป อีกอย่างคือไม่ทำให้สะดุดตาผู้คนจำนวนมาก ทหารที่ต้องปฏิบัติภารกิจเองก็อยู่ในชุดลำลอง
แต่ผู้บัญชาการทหารผู้มีเกียรตินั้นกำลังขุ่นเคือง เขามองไปยังสายลับที่ถูกจับตัวมาขณะยังหลับ จำนวนของเหล่าสายลับนั้นพุ่งเกิน 500 คน
ในขณะนี้
ในสนามฝึกของค่ายทหารมีทาสกว่า 500 คนคุกเข่าเปลือยกายอยู่ พวกเขาถูกมัดและยังถูกปิดปากอีกด้วย
ฉากนี้ทำให้เหล่าทหารตกตะลึงกันไป
แม้ว่านี่จะเป็นคำสั่งจากท่านลอร์ดของพวกเขา การเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ในการกำจัดทาสทำให้สหายทาสด้วยกันหลายคนต้องรู้สึกไม่ไว้วางใจ พวกเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าอดีตสหายของพวกเขาจะเป็นสายลับ อีกอย่าง ทำไมถึงมีสายลับมากมายขนาดนี้ได้…
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่คือกองทัพแห่งเกียรติยศ…
กองทัพแรกในเมืองแห่งรุ่งอรุณ…
“ผู้บัญชาการ… ทำไม… นี่มันเป็นไปได้ยังไง?” ในขณะที่ใครคนหนึ่งมองไปที่ ‘สหาย’ ที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น เขาก็จำได้ว่าพวกฝึกมาพร้อมกัน แม้แต่ทำการสังหารด้วยกันอีกด้วย ใครคนนั้นยังรับการโจมตีแทนเขาอีกด้วย พวกเขาจะทำใจเชื่อได้อย่างไรว่าคนเหล่านี้เป็นสายลับ?
“อลาวรี่, แจ็ค, คลีเซีย…” ผู้นำคนหนึ่งประกาศรายชื่อของเหล่าสายลับ เขามองไปที่ผู้ช่วยผู้บัญชาการของพวกเขาผู้มีใบหน้าบึ้งตึง เขากลืนน้ำลาย “มันเป็นไปได้ไหม… ที่บางที… ท่านลอร์ด… เข้าใจผิด พวกเขา…”
ผู้บัญชาการของกองทัพแห่งเกียรติยศเป็นมนุษย์ที่มีสายเลือดระดับมาสเตอร์ เขามีเลเวลถึง 58
จูลิโอกำหมัดของเขาแน่นและมองไปที่เหล่าทหารที่กำลังคุยกันเองอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนออกมา “หุบปาก! พวกเจ้าทุกคน หุบปาก! ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทุกคนมีความสงสัย แต่ท่านลอร์ดจะมาอธิบายด้วยตัวท่านเอง ตอนนี้ พวกเจ้าจะเงียบเสียงลง หรือจะให้ข้าสั่งโทษทหารให้เจ้า?”
“ลูอิส นำพี่ชายน้องชายเหล่านี้ไปที่ๆ พวกเขาสมควรอยู่ พวกเจ้าที่เหลืออยู่ที่นี่ อย่าขยับ!” ในตอนที่จูลิโอพูดจบ ทหารคนอื่นรู้ว่าผู้ช่วยผู้บัญชาการโกรธมากขนาดไหน พวกเขาเดินเข้าไปในขบวนและยืนตามลำดับอย่างเรียบร้อยในทันที
แต่พวกเขาไม่ได้เข้าไปเติมเต็มที่ว่าง…
พวกเขาไม่เชื่อว่าพี่ชายน้องชายของพวกเขาเป็นสายลับ…
เมื่อเหล่าสายลับที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นเห็นฉากนี้ บางคนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ พวกเขาเกลียด พวกเขาเป็นสปายจริงๆ พวกเขามาพร้อมกับภารกิจ แต่พวกเขาก็ไม่ทันได้คิดว่าพวกเขาจะค่อยๆ รวมเป็นหนึ่งกับกองทัพนี้
แต่หลายๆ คนก็เริ่มที่จะรู้สึกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของเมืองแห่งรุ่งอรุณ
พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพแห่งเกียรติยศ…
แต่ตอนนี้ พวกเขารู้ตัวแล้วว่ากบฏไม่เหมาะที่จะเป็นทหารของกองทัพแห่งเกียรติยศ…
ไม่มีใครรู้ว่าความกลัวขนาดไหนจะเข้ามาเยือนเมืองแห่งรุ่งอรุณจากการประหารชีวิตทาสกว่า 3,500 คน
หรือ
พวกเขาทั้งหมดจะถูกประหารชีวิตในเวลาเดียวกัน!
มันไม่มีโอกาสให้พวกเขากระจายข่าวเลย
ในขณะนั้น
มันเป็นเวลาเที่ยงคืนตรง
เสียงของระฆังดังสะท้อนไปทั่วทั้งเมืองอยู่หลายวินาที
วิลเลียมไม่ได้ทำการประหารนี้ด้วยตัวเขาเอง
ลอทเนอร์, เล็กซ์, เอริค, และโอดอมถูกส่งมาเพื่อการนี้ ถ้าพวกเขาไม่สามารถทำได้ พวกเขาจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่อย่างดีได้อีก…
วิลเลียมโฟกัสไปที่เหล่าสายลับที่เขาเลือกให้มาอยู่ในกองทัพของเขา…
ในขณะที่ประตูของค่ายทหารเปิดออก
ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนก็หันกลับมามอง
พวกเขาต้องการให้ชายหนุ่มหล่อเหลาผู้มีรูปร่างสูงโปร่งมาให้คำอธิบายดีๆ…
จูลิโอยืนเงียบๆ อยู่ข้างเขา เขาไม่ได้พูดอะไร
วิลเลียมมองไปที่ทหารจากกองทัพแห่งเกียรติยศ เขาพูดด้วยเสียงต่ำ “ปลดเชือกที่ปิดปากพวกเขาอยู่ออก!”
เชือกถูกปลดออกด้วยความรวดเร็ว
แต่ไม่มีใครกล้าที่จะส่งเสียงใดๆออกมา และก้มหัวต่ำมองพื้น พวกเขาไม่กล้าที่มองไปที่ดวงตาท่านลอร์ดของพวกเขา
“เงยหน้าขึ้น!”
เสียงที่เต็มไปด้วยไฟโกรธดังขึ้นแทรกความเงียบของความมืดและสะท้อนก้องไปทั่วสนาม
หวืด
ไม่ว่าพวกเขาจะกำลังคุกเข่าหรือยืนอยู่ มันก็เป็นราวกับคำสั่ง พวกเขาทั้งหมดรีบเงยหน้าขึ้นและมองไปยังท่านลอร์ดของพวกเขาผู้ที่นำพวกเขาไปสู่ความรุ่งโรจน์
"บอกเรา สายลับจากอาณาจักรเหล็ก เราปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่ยุติธรรมหรือไม่”
ทั้งสนามฝึกตกอยู่ในความเงียบ
ผู้ชายหลายคนที่คุกเข่าเปลือยกายอยู่บนพื้นก็อดน้ำตาซึมไม่ได้ แต่พวกเขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา พวกเขาเอาแต่สะอื้น
“เจ้าร้องไห้เพราะอะไร? บอกเราที ทำไม?”
จู่ๆ วิลเลียมก็เกรี้ยวกราดขึ้น แต่ทุกคนก็เห็นได้ว่าเขาเงยหน้าขึ้นราวกับว่าเขาพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้...
การกระทำของเขา…
มันทำให้ทหารชั้นยอด 500 นายลดศีรษะของพวกเขาลง
เมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้
ทหารปัจจุบันคนอื่นๆ ไม่ได้โง่ พวกเขารู้ว่าท่านลอร์ดปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างยุติธรรมมาโดยตลอด พวกเขาเริ่มก่นด่าตัวเองด้วยซ้ำไปที่กล้าสงสัยคำสั่งของท่านลอร์ด ...
แต่พวกเขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าคนโง่ประเภทไหนที่ผันตัวเองไปเป็นสายลับของอาณาจักรเหล็ก
มันเป็นความจริงง่ายๆ
ไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรเหล็กหรือลาวาดำ
ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นพลเรือน, ทหาร หรือเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่รับใช้ชาติ ทุกคนจะได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน...
ถึงแม้ว่าทหารชั้นยอดบางคนจะได้รับการปฏิบัติที่ดี แต่เมื่อเทียบกับเมืองแห่งรุ่งอรุณแล้ว มันก็เหมือนกับการเปรียบเทียบอุจจาระในโถชักโครกกับไข่มุก...
ชีวิตในเมืองแห่งรุ่งอรุณนั้นเต็มไปด้วยความสุข การมองดูทาสที่มีสถานะเป็นพลเรือนในเมืองแห่งรุ่งอรุณก็พอทำให้ทุกคนเห็นภาพแล้ว
วิลเลียมมองไปที่พวกเขาทุกคน
เขาตรวจสอบทุกคน
พวกเขาจะไม่เป็นภัยคุกคาม
ทีละเล็กทีละน้อย
พวกเขาเริ่มกลับตัวกลับใจ...
เขาหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้งและพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ไปซะ เราจะแสร้งทำเป็นว่าเราไม่เคยมีพี่น้องอย่างพวกเจ้า!”
“เราไม่เคยตัดผมเลยตั้งแต่เกิดมา เราจะคิดซะว่านี่คือการสังหารพวกเจ้า!” วิลเลียมหยิบดาบอันแหลมคมของเขาขึ้นมาพร้อมกับรวบผมด้านหลังของเขา เขาพร้อมที่จะตัดมัน
“ท่านลอร์ด อย่าเลย นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้” ทหารหนุ่มคนหนึ่งเดินไปด้านหน้าและตะโกนขณะที่กำลังร้องไห้
พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าผมของเอลฟ์ไม่ควรถูกตัด…
พวกเขารู้ดีว่าผมของเอลฟ์ก็ไม่ต่างจากแขนและขาเลย...
ใครเคยเห็นเอลฟ์ผมสั้นบ้าง?
ชีวิตของพวกเขาที่อยู่ตรงหน้าท่านลอร์ดคืออะไร!
มิตรภาพอะไรกัน! ท่านลอร์ดปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนกับเป็นแขนและขาของตัวท่านเอง แต่พวกเขากำลังจะทรยศท่านลอร์ดของพวกเขาเพื่ออาณาจักรเหล็กงั้นหรือ? พวกเขาจะทรยศพี่ชายน้องชายของพวกเขาหลังจากถูกจับตัวเอาไว้เหมือนกันหรือ?
“ท่านลอร์ด ฆ่าพวกเราเถอะ!!” เหล่าทหารก้มหัวลงด้วยความเจ็บปวด
“ผู้บัญชาการ พวกเรามีความผิดในคดีที่แม้แต่ความตายก็ไม่อาจชดเชยได้ ฆ่าเรา พวกเราสมควรตาย” ทหารบางคนเพียงแค่หลับตาและรอคอยการมาถึงของสรวงสวรรค์
“อย่าทำอย่างนั้น! ท่านลอร์ด ได้โปรดฆ่าพวกเราแทนเถอะ” คน 500 คนคุกเข่าลงบนพื้นและตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด
แต่วิลเลียมตวัดดาบของเขา!
ผมที่ไหล่ของเขาสั้นลงในทันที
ทหารทุกคนในกองทัพกำหมัดแน่นด้วยความเกลียดชังและขมขื่น...
คนทั้ง 500 ร้องไห้ไม่เหลือเสียงให้ร้อง บางคนถึงกับนอนลงไปบนพื้นด้วยซ้ำ
ผมของวิลเลียมลอยอยู่ในอากาศ กลุ่มผมค่อยๆหลุดออกจากมือของเขาและตกลงบนพื้น
เขามองไปที่มือของเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ไม่มีใครรู้ว่าหัวใจของเขาปวดร้าวเพียงใด
ท่านลอร์ดของพวกเขาหลับตาลงและลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น เขาก็ตะโกนว่า “พวกเจ้ายังไม่ไปอีกหรอ? ทำไมเจ้าไม่กลับไปที่ตำแหน่งของพวกเจ้าล่ะ? เจ้าจะคุกเข่าอยู่ทำไม?”
"ครับท่านลอร์ด" เหล่าชายที่ถูกมัดไว้จู่ๆก็มีพละกำลังที่จะกระเด้งกระโดดและคลานราวกับไส้เดือน
ในขณะเดียวกัน
ระฆังก็ดังขึ้น
ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองแห่งรุ่งอรุณได้รับการแก้ไขด้วยวิธีที่สมบูรณ์แบบที่สุด!