ตอนที่แล้วตอนที่ 5 ทักษะหอกของอาจารย์หยางเจิ้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7 สูญสิ้นตระกูลกู๋

ตอนที่ 6 พลังหยินและหยาง


ตอนที่ 6 พลังหยินและหยาง

'พลังหยินและหยาง' เป็นทักษะความแข็งแกร่งที่สืบทอดกันมาของตระกูลกู๋มาหลายชั่วอายุคน พลังนี้คือรากฐานสำหรับศิลปะการต่อสู้ของตระกูลกู๋ พวกเขาจะไม่สอนการใช้พลังต่าง ๆ นี้ให้บุตรสาวและบุคคลภายนอกตระกูล แต่ด้วยความไว้วางใจของกู๋หลุนที่มีต่อหยางเจิ้งทำให้เขาได้รับสิทธิพิเศษในการฝึกฝนพลังนี้

กู๋ชินเหวยฝึกฝนพลังหยินและหยางมาแล้วกว่าสิบปี ทว่าเขาก็ยังคงติดอยู่ชั้นพื้นฐานแรกไม่พัฒนาไปไหนเลย นี่คือเหตุผลที่เขาเริ่มเรียนรู้วิชากังฟูได้ช้ากว่าพี่น้องคนอื่น ๆ ในตระกูล

ในขณะที่ทุกคนกำลังเดินทางเขากลับให้ความสนใจว่าโจรผู้ร้ายในชุดดำทั้งสามคนนั้นมาจากไหนกัน ทำไมถึงได้มาตามไล่ล่าพวกเขา หยางเจิ้งไม่ได้เล่าหรือพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นกู๋ชินเหวยจึงได้แต่พูดคุยและคาดเดาเรื่องทั้งหมดนี้กับหมิงเฉียงเท่านั้น แม่นางฮุยหลานและสาวใช้ส่วนตัวที่ติดตามมาด้วยค่อย ๆ คลี่คลายความตรึงเครียดลงหลังจากเห็นเหตุการณ์การปะทะของหยางเจิ้งและกลุ่มโจร

หลังจากถกเถียงและวิเคราะห์กันไปมา ความสนใจของกู๋ชินเหวยก็ค่อย ๆ ลดลง ทว่าจู่ ๆ หยางเจิ้งก็พูดขึ้นมาว่า

"เขามีวิชากังฟูที่เก่งกาจ"

"ใครหรือท่านอาจารย์?" กู๋ชินเหวยถาม

"ชายหนึ่งในโจรทั้งสามคนนั่นยังไงเล่า"

"ชาย? ข้าไม่คิดเช่นนั้น เพราะพวกเขาตายเพียงเพราะท่านแทงด้วยทักษะธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งอันใดเลย และวิชาหอกของตระกูลเราก็ทรงพลังกว่ามิใช่หรือ?"

"ฮึฮึ!"

หยางเจิ้งไม่ขอเถียงกับเด็กน้อยอีกต่อไป การต่อสู้ของเขานั้นมีลูกเล่นมากมาย การชนะศัตรูด้วยการเคลื่อนไหวเดียวอาจไม่ได้เลวร้ายอะไร สถานการณ์อาจพลิกพลันกลับได้หากสถานที่หรือเวลาต่างกัน มันเป็นเรื่องยากท่จะอธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับการต่อสู้ได้อย่างละเอียด และอีกทั้งกู๋ชินเหวย ถึงเขาจะมีนามสกุลกู๋แต่เขากลับเรียนรู้วิชาของตระกูลได้ย่ำแย่และไม่ได้เรื่อง ดังนั้นเขาก็เป็นเหมือนคนที่ไม่สามารถเข้าใจอะไรเรื่องนี้ได้เลย

หลังจากเดินทางมาได้ไกลแล้ว หยางเจิ้งก็ตัดสินใจหยุดพักเพราะฟ้าได้มืดลงแล้ว ณ. ตรงนี้ไม่มีหมู่บ้านหรือร้านค้ารอบ ๆ พวกเขาจึงจำเป็นต้องนั่งพักบนโขดหินริมถนน

หลังจากผ่านวันที่ยากลำบากเช่นนี้มาทั้งวัน กู๋ชินเหวยเหนื่อยล้ามากจึงมานั่นใกล้ ๆ กับพี่สาว ทาสทั้งสองของนายน้อยตระกูลกู๋ไปหาน้ำและอาหารจากกระเป๋าสัมภาระมาให้นายของตน

หยางเจิ้งกัดขนมปังไปสองสามคำและมองไปทางทิศตะวันออกอย่างระมัดระวัง

กู๋ชินเหวยไม่ได้สนใจคำเตือนที่ดูเกินจริงของอาจารย์ อาจารย์หยางเจิ้งไม่ได้เรียนรู้วิชากังฟูละหอกดาบจากพ่อของกู๋ชินเหวยเท่านั้น เขายังเอานิสัยอันเคร่งเครียดและไม่รู้จักยืดหยุ่นมาอีกด้วย ใครจะกล้าไล่ล่าพวกเขากันในเมื่อมีศพชายหนุ่มสามคนนอนกองอยู่กลางถนน

"นายน้อยฮัว... ตรงนี้มีงานสำคัญมากที่จำเป็นต้องทำ ท่านอยากลองดูไหม"  มีเพียงหยางเจิ้งเท่านั้นที่เรียกกู๋ชินเหวยว่า 'นายน้อยฮัว'

"ได้! มันเกี่ยวกับพวกโจรชุดดำใช่หรือไม่!?" กู๋ชินเหวยตรงเข้าไปหาเขาด้วยความตื่นเต้น

"เกี่ยวสิ แต่มันไม่ได้ทำง่าย ๆ ถ้าเจ้าไม่อยากทำละก็เจ้าคงทำไม่สำเร็จ"

"สิ่งที่ยากมักจะมีผลลัพธ์ที่ดีเสมอ" กู๋ชินเหวยพูดอย่างภาคภูมิใจพร้อมถือดาบสั้นของตนเอาไว้ในมือ

"ข้าอยากให้เจ้ารีบมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงอาณาจักรชูอินเพื่อขอกำลังเสริม"

"กำลังเสริม? พวกโจรชุดดำตายไปหมดแล้วมิใช่หรือ?

"พวกมันอาจมีมากกว่าสามคน"

"ท่านสามารถฆ่ามันหนึ่งคนด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว และข้าก็จะฆ่ามันหนึ่ง... ถึงสองคนได้ด้วยดาบนี้! พวกเราสามารถเอาชนะมันได้!"

"แต่ข้าเชื่อว่ามันมีโจรชุดดำมากกว่าสามคนแน่นอน พวกเรามีกันอยู่เพียงสองคนและเราต้องปกป้องแม่หญิง!"

กู๋ชินเหวยมองไปที่พี่สาวของตน แม่นางฮุยหลาน "อืม เป็นความคิดที่ดี แล้วข้าต้องเดินทางไปหาใคร? ราชาสูงสุด?"

"ไม่... เจ้าไปยังเมืองหลวงอาณาจักรชูอินแล้วตามหานายพลหยางแล้วบอกเขาว่า หยางเจิ้ง ต้องการความช่วยเหลือ เจ้าพูดแค่นี้แล้วเขาจะเข้าใจเอง "

"ขอรับ!"

กู๋ชินเหวยลุกขึ้นทันทีและจะเดินไปขึ้นม้าของตนทว่าหยางเจิ้งได้จับเขาเอาไว้ "เปลี่ยนเสื้อผ้ากับหมิงเฉียง ชุดของเจ้ามันไม่เหมาะแก่การขี่ม้า"

ยิ่งหยางเจิ้งจริงจังกับสถานการณ์มากเท่าไหร่กู๋ชินเหวยก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามหมิงเฉียงได้โดนหยางเจิ้งดึงขึ้นมาและขอให้เปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก

สิ่งเดียวที่ทำให้กู๋ชินเหวยรำคาญใจก็คือ หยางเจิ้งยึดดาบของเขาไปแล้วบอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องใช้ดาบสั้นชิ้นนี้ในการเดินทาง  "ขี่ม้าตรงไปทางตะวันตกด้วยความเร็วที่สูงที่สุดเท่าที่จะสูงได้ แล้วเจ้าจะถึงเมืองหลวงอาณาจักรชูอินได้ภายในหนึ่งวันหนึ่งคืน"

กู๋ชินเหวยกระโดดขึ้นหลังม้าของตนทันที ความเหนื่อยล้าทั้งหมดก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย  เขาส่งยิ้มกว้างให้แก่แม่นางฮุยหลานและพูดว่า "เดี๋ยวข้ากลับมานะ!!"

เขาตื่นเต้นมากจนไม่ถามรายละเอียดใดเพิ่มเติม เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าไม่ได้พกอะไรมาเลย และไม่รู้ด้วยว่าตนเองต้องแก้ไขปัญหาเรื่องอาหารและเครื่องดื่มระหว่างทางอย่างไร

กู๋ชินเหวยขี่ม้าออกไปไกลจนเห็นตัวเขาเป็นเพียงจุดเล็กดำ ๆ เท่านั้น  เมื่อมองไปที่ร่างน้องชายของตน แม่นางฮุยหลานก็พูดพร้อมกับถอนหายใจว่า "ข้าหวังว่าม้าตัวนั้นจะวิ่งเร็วพอก่อนที่เขาจะยอมแพ้แล้วหันหลังกลับมา"

หยางเจิ้งผ่อนคลายใบหน้าที่เคร่งเครียดลง ถึงนางจะยังเป็นเด็ก แต่นางก็ฉลาดเฉลี่ยวและเข้าใจสถานการณ์หลาย ๆ อย่าง

"ขออภัยข้าด้วยแม่หญิง ข้าสามารถช่วยพวกท่านได้เพียงคนใดคนหนึ่งเท่านั้น" หยางเจิ้งกล่าวด้วยใบหน้าอันโศกเศร้าพร้อมกับคุกเข่าลงข้างหนึ่ง

"ท่านลุงหยางโปรดลุดขึ้นเถิด การช่วยชีวิตน้องชายของข้าเอาไว้ได้นั่นก็เหมือนช่วยตระกูลกู๋เอาไว้แล้ว ท่าไม่ควรรู้สึกผิด"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด