บทที่ 134
คฤหาสน์ไม้สักทองหลังใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้านเล็กๆ ในหุบเขาลึกในดินแดนเขตไฟ ชายหนุ่มอายุห้าสิบปี มีรอยแผลเป็นที่แก้มซ้าย สวมชุดสีแดงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แกะสลักในห้องโถงใหญ่ ด้านขวามีชายหนุ่มสามคนอยู่อายุประมาณสามสิบปี ด้านซ้ายมีหญิงชราอยู่อายุประมาณหกสิบปี ชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบห้าปี และหญิงสาวอายุประมาณสามสิบปี ทั้งหกคนสวมชุดสีดำปักรูปไม้ไผ่สีขาวที่ชายเสื้อ ทั้งเจ็ดคนนั่งเงียบไร้ซึ่งเสียงกล่าวใดๆ ชั่วน้ำเดือดได้มีชายหนุ่มสองคนอายุประมาณยี่สิบปีเดินเข้ามาด้านในห้องโถง
เมื่อเข้ามาถึงทั้งสองก็รีบก้มคารวะชายหนุ่มที่นั่งอยู่กลางห้องอย่างรวดเร็ว
“คารวะท่านหัวหน้า”
“รายงานมา อย่าชักช้าเสียเวลา”
“ขอรับ คนของเราที่ส่งไปจัดการชายหนุ่มเนี่ยฟง หาได้มีใครกลับมาแม้แต่ผู้เดียวขอรับ ท่านเซียวจุ้ยถูกสังหารพร้อมกับคนติดตาม แผนที่วางไว้ล้มเหลว ส่วนพรรคอสรพิษฟ้าถูกเข้าจัดการทำลายที่ตั้ง สมบัติที่เก็บไว้ถูกปล้นจนว่างเปล่าขอรับ เรากำลังส่งคนออกติดตาม ไม่แน่พวกมันอาจเกี่ยวข้องกับการตายของท่านเซียวจุ้ยก็เป็นได้ขอรับ”
สิ้นเสียงรายงานในห้องก็เงียบลง สิบลมหายใจต่อมาชายผู้ถูกเรียกขานว่าหัวหน้าก็เอ่ยบางอย่างออกมา
“บัดซบเพียงแค่ชายหนุ่มเพียงคนเดียว เหตุใดพวกเจ้าถึงเสียเวลามากมายนัก พวกเจ้าสามพี่น้องตระกูลเกา รับงานนี้ไปก็แล้วกัน ส่วนเฮ่อหนานและฟันซือจินพวกเจ้าทั้งสองออกจัดการตามล่าตัวบัดซบที่ทำลายพรรคอสรพิษ ข้าให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งเดือนใช้คนของเราที่มีอยู่ทั่วพื้นที่ออกตามล่าพวกมัน”
หญิงชราถึงกับหันมามองชายผู้เป็นหัวหน้าแต่ก็ไม่กล่าวสิ่งใดออกมา ทั้งห้าคนที่ถูกเรียกรีบลุกจากเก้าอี้คุกเข่าอยู่ที่พื้น
“พวกข้าทั้งห้ารับคำสั่ง”
สิ้นเสียงกล่าวตอบรับทั้งห้าก็รีบออกไปจากห้องโถงอย่างรวดเร็ว ชายผู้เป็นหัวหน้ารีบเอ่ยวาจาออกมา
“แม่เฒ่าช่วยจัดการเรื่องหนึ่งให้ข้าได้หรือไม่”
“ท่านกล่าวมาเถอะ”
“สังหารตาเฒ่าจางหลิง เพราะอย่างไรเสีย ไอ้เด็กนั่นหากมันยังไม่ตกตายไป มันต้องกลับมาหาอาจารย์ของมันแน่”
หญิงชราตื่นตกใจไปชั่วครู่หลังจากนั้นก็ยกยิ้มไม่กล่าวสิ่งใดลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องโถงทิ้งให้ชายผู้เป็นหัวหน้าจ้องมองแผ่นหลังจากไปอย่างช้าๆ
ทางด้านเนี่ยฟง หยางเวย และเย่เตา
ขณะที่ตอนนี้หลังจากที่ทั้งสามจัดการกับค่ายของพรรคอสรพิษฟ้า ก็มุ่งหน้ามาที่สถานที่แห่งหนึ่งจากแผนที่ที่ได้รับมา ด้านหน้าเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในช่องผา ทั้งสามต้องไต่เชือกลงมาจากด้านบน ทันทีที่เนี่ยฟงแก้ไขวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ม่านพลังปราณที่ป้องกันทางเข้าถูกแก้ไข เมื่อเดินผ่านเข้าไปด้านในทั้งสามตื่นตกใจไม่น้อย สวนสมุนไพรทางขวามือ ตรงกลางมีศิลาจารึกตั้งวางอยู่ ส่วนทางซ้ายมือมีหีบเหล็กขนาดใหญ่สามใบตั้งอยู่ เนี่ยฟงมุ่งหน้าไปที่ศิลาจารึก ส่วนหยางเวยและเย่เตาเดินไปสำรวจในหีบเหล็ก
เกือบสองชั่วยามที่เนี่ยฟงจดจ่ออยู่ที่ศิลาจารึกเพื่ออ่านข้อความ แต่ทว่ายังไม่มีเบาะแสใดๆเพิ่มเติมจากคนพวกนั้น ทั้งสามยังไม่ไปไหน เนี่ยฟงนั่งปรุงยา หยางเวยโคจรลมปราณเพื่อตัดผ่านระดับเป็นสีแดง เย่เตาเองเมื่อไม่มีสิ่งใดกระทำก็นั่งโคจรลมปราณ เวลานานเท่าไรไม่ทราบ หยางเวยลืมตาขึ้นมาหัวเราะดังลั่น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่าในที่สุดข้าก็ตัดผ่านระดับมาได้”
“ยินดีด้วย คุณชายหยางเวย”
เมื่อหันมามองตาเสียงก็เห็นขวดยาสีขาวนวลถูกโยนเข้ามา จึงเอื้อมมือขึ้นมารับ
“ข้าปรุงยาขึ้นมาใหม่ เป็นพิษที่ได้จากสมุนไพรหายากที่นี่ มันคงจะช่วยให้เจ้าปรับระดับความรุนแรงจากพิษในปราณของเจ้าได้”
“ขอบใจเจ้ามากเนี่ยฟง ว่าแต่มีอะไรให้ทานหรือไม่ ข้าหิวแล้ว”
เนี่ยฟงชี้ไปที่เย่เตาที่ตอนนี้จัดเตรียมอาหารเอาไว้ หลังจากที่ทั้งสามทานอาหารจนอิ่มก็ถึงเวลาออกเดินทางอีกครั้ง ทั้งสามปลอมตัวกลับเข้าเมืองอีกครั้ง ทั้งสามแยกกันหาข่าว เนี่ยฟงอยู่ในร้านสมุนไพรและร้านขายยา เย่เตาเดินเข้าออกโรงเตี๊ยมเป็นว่าเล่น ส่วนหยางเวยมีอยู่ที่เดียวที่อยู่ได้นาน โดยไม่ต้องลุกไปไหนก็คือบ่อนพนันในเมือง อรุณเริ่มลาลับขอบฟ้า แสงจากตะเกียงไฟถูกจุดสว่างไสวไปทั่วทั้งเมือง หยางเวยเมื่อรับรู้ถึงเวลาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ มุ่งหน้าไปคิดเงิน ในระหว่างนั้นเองก็มี ชายหนุ่มสามคนหน้าตาคล้ายๆกันอายุประมาณสามสิบปีเดินเข้ามาในบ่อน
ชายผู้หนึ่งสะบัดมือนำกระดาษแผ่นสามออกมา ทันทีที่ทั้งสามยกกระดาษขึ้นมา ก็พบว่าเป็นภาพวาดของชายหนุ่มสามคน หยางเวยถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เพราะภาพวาดที่เห็นเป็นหน้าตาของ เนี่ยฟง หยางเวย และเย่เตา หยางเวยค่อยๆเนียนแอบออกไปจากบ่อนอย่างช้าๆ หยางเวยเดินวนไปเวียนมาในตลาดไม่นานก็จางหายไปกับฝูงคน หยางเวยแอบสอดส่องดูว่ามีผู้ใดตามมาหรือไม่ ช่วงจังหวะที่หยางเวยถอนหายใจก็ได้ยินเสียงแว่วดังเข้ามา
“หลบหนีได้ว่องไวดีนักนะ ไอ้ลูกหมา”
หยางเวยรีบหันไปมองตามเสียง เห็นเป็นชายหนุ่มสามคนที่ออกมาตามหาพวกตน หยางเวยทำใจดีสู้เสือเอ่ยวาจาออกไป
“พวกท่านไปใครกันถึงได้ติดตามตัวข้าเช่นนี้”
“ผายลม กล่าววาจาเช่นใดออกมา บัดซบตัวเจ้าและเพื่อนของเจ้าทำเรื่องไว้เจ็บแสบนัก”
“ต้องขออภัยพวกท่านทั้งสามคงจดจำผิดคนแล้ว”
“อย่ากล่าววาจาไร้สาระ จับตัวมันล่อเพื่อนของมันมา”
หยางเวยได้ยินเช่นนั้นก็รีบโคจรลมปราณไว้ที่มือขวาซัดลงไปที่พื้น ปราณฝ่ามือพุ่งเข้าปะทะพื้นเสียงดังสนั่น ควันพิษสีม่วงฟุ้งกระจายออกมา ชายหนุ่มทั้งสามรีบพุ่งติดตามผ่านควันพิษ แต่ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นหลบหนีไปแล้ว
“ไม่ต้องรีบ มันถูกข้าวางอักขระศักดิ์สิทธิ์ติดตามแล้ว พวกมันต้องอยู่ที่เมืองนี้เป็นแน่”
หยางเวยเมื่อหลบหนีออกมาได้ก็รีบมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่นัดกันไว้ เมื่อมาถึงก็พบว่าเนี่ยฟงและเย่เตามาถึงแล้ว
“พวกเจ้าทั้งสองถูกคนติดตามมาหรือไม่”
เนี่ยฟงและเย่เตาตื่นตกใจเล็กน้อย
“อย่าบอกนะว่าเจ้า”
“ใช่มีคนออกติดตามพวกเราทั้งสาม ข้าไม่แน่ใจว่าเป็นพวกไหนทางที่ดีระวังตัวกันหน่อย”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
หยางเวยเดินเข้ามาหาเนี่ยฟงและเย่เตา
“ไอ้หนูเพื่อนของเจ้าถูกติดตาม”
“เกิดสิ่งใดขึ้นขอรับท่านลุ่ยกง”
“เจ้าใช้อักขระศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบที่เพื่อนของเจ้าสิ”
เนี่ยฟงรีบสะบัดมือขวาประกายสายฟ้าพุ่งออกมาไปที่หยางเวย หยางเวยเองก็ตื่นตกใจไม่น้อยเช่นกัน ไม่นานก็มีวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดงปรากฏออกมาที่หัวไหล่ซ้ายของหยางเวย
“หยางเวยเจ้าถูกติดตาม รีบถอดชุดนั่นทำลายเดี๋ยวนี้”
ในระหว่างที่หยางเวยกำลังถอดชุดที่สวมใส่แต่ทว่าก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะชายหนุ่มทั้งสามติดตามมาแล้ว แรงกดดันระดับสีแดงขั้นต้นถูกปลดปล่อยออกมาจากชายหนุ่มทั้งสามที่ก้าวเดินเข้ามาหาพวกเนี่ยฟง
“พวกเจ้าบัดซบติดตามตัวได้ยากนัก เอาเถอะมาทำเรื่องทุกอย่างให้จบ โดยเฉพาะเจ้า”
ชายหนุ่มผู้หนึ่งชี้นิ้วมาที่เนี่ยฟง ทำให้ทั้งสามรับรู้ได้เลยว่าผู้มาใหม่เป็นผู้ใด
“คนของผาไม้ดำ ในที่สุดพวกท่านก็โผล่หัวออกมาแล้ว ข้ารอเวลานี้มานานแล้วเช่นกัน”
เนี่ยฟงกล่าวสิ้นเสียงก็ซัดกระบี่ออกไป กระบี่หกเล่มพุ่งเข้าหาชายหนุ่มทั้งสามอย่างรวดเร็ว หยางเวยที่ตอนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าสวมใส่แล้ว สะบัดมือขวานำถุงมือไหมขึ้นมาสวม เย่เตาเองก็สะบัดมือเรียกดาบคู่ใจออกมาถือไว้แน่น กระบี่ทั้งหกหมุนวนพุ่งเข้าไปปะทะกับคนของผาไม้ดำ เปรี้ยง ตูม ลมปราณระดับสีแดงขั้นต้นถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสุดกำลัง กระบี่ทั้งหกเล่มกระเด็นออกไปด้านข้าง เย่เตาและหยางเวยพุ่งเข้าปะทะคนของผาไม้ดำสองคน ต่างคนต่างเข้าปะทะคู่ของตน เนี่ยฟงจ้องยืนจ้องมองชายผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหน้า ไม่ถึงสองลมหายใจวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดงก็ปรากฏออกมาไม่นานก็กลายเป็นเกราะสีแดง
เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เสียงดาบจากเย่เตาที่พุ่งเข้าฟาดฟันดาบในมือเสียงดังลั่นออกมา หยางเวยเองก็พุ่งเข้าต่อสู้ในระยะประชิด ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใครยืนปักหลักแลกหมัดกันเสียงดังสนั่นเช่นกัน เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เนี่ยฟงสะบัดมีดสั้นในมือออกมาไม่ถึงครึ่งลมหายใจก็กลายเป็นดาบ พุ่งเข้าปะทะ เปรี้ยง ปราณดาบสีฟ้าปะทะกับเกราะสีแดง เนี่ยฟงฟาดฟันดาบอยู่นานแต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้
“เหอะ เหตุใดพวกบัดซบที่ออกตามล่าพวกเจ้าถึงหายตัวไป วิชาความสามารถก็หาได้เก่งกาจ”
เมื่อกล่าวสิ้นเสียงก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังออกมาด้านข้าง เมื่อหันไปมองก็ต้องตื่นตกใจ