ตอนที่ 132 หนึ่งเส้นทางถูกปิด หนึ่งหนทางเปิดขึ้น
ตอนที่ 132 หนึ่งเส้นทางถูกปิด หนึ่งหนทางเปิดขึ้น
เรย์ได้ยินการสนทนาของเจสเปอร์และไอรีนเกี่ยวกับเกม The Era Online ก็พลันหูผึ่งขึ้นทันทีเพราะตัวเรย์เองนั่นก็ได้เล่นเกมนี้เช่นเดียวกันแถมยังอยู่ในอาณาจักรกรีนเวต้าเหมือนกับไอรีนอีกต่างหาก ในที่สุดโอกาสที่เรย์เฝ้าใฝ่หาก็มาถึง
‘ดีล่ะ!!โอกาสที่ฉันจะได้ใกล้ชิดกับเธอมาถึงแล้ว ถ้าหากเธอรู้ว่าฉันมีเลเวลเท่าไหร่จะต้องร้องขอให้ฉันช่วยเก็บเลเวลให้เธอแน่ๆ’
เมื่อคิดได้ดังนั่นพระเอกหนุ่มก็ได้จัดแจง ผลักศัตรูหัวใจให้หลบออกไปด้านข้าง ก่อนที่จะแทรกตัวเข้ามาเพื่ออวดอ้างถึงความเก่งกาจของตัวเองและไอเท็มที่ตนมีอย่างน่าไม่อาย
“ถ้าฉันไม่ได้ยินเธอพูดเกี่ยวกับเกม The Era Online เมื่อครู่แล้วละก็ ฉันคงไม่รู้ว่าเธอเองก็เล่นเกมนี้เหมือนกัน เธอเป็นผู้หญิงอาจไม่รู้อะไรเกมนี้นะได้ชื่อว่าเป็นเกมสมจริงที่สุด ไม่ว่าจะเลือดหรือฉากต่อสู้นั่นล้วนแล้วแต่สมจริง.....”
เมื่อตัวพระเอกหนุ่มเริ่มพูด ก็ดูเหมือนจะติดเครื่องอย่างหยุดไม่อยู่ เรย์เล่าเรื่องต่างๆนานาเกี่ยวกับเกม เรื่องนู้นเรื่องนี้ไปเรื่อย เพื่ออวดอ้างความรู้ที่ตนมีให้ตัวเองนั้นดูเหนือกว่า โดยไม่รู้เลยว่าความรู้ที่ตนเองคิดว่าเลิศหรู รู้เยอะ นั้นยังไม่ได้เศษเสี้ยวหนึ่งของความรู้ที่เจสเปอร์สั่งสมมาตลอดเลยแม้แต่น้อย
‘ประสบการณ์ 3 เดือนคิดจะคุยข่มประสบการณ์ชั้นแนวหน้าตลอด 8 ปี’ หากเรย์รู้ความจริงที่ว่านี้ คงได้แต่กลืนความรู้ที่มีลงท้องแล้วเปลี่ยนหัวข้อ ไปคุยเเรื่องแฟชั่นและการแต่งตัวเสียยังจะดีกว่า
“เล่ามาถึงตรงนี้เธอก็คงน่าจะเดาออกแล้วใช่ไหมว่าฉัน...เชี่ยวชาญเกมนี้มากแค่ไหน? ฉันกับเธอก็เป็นเพื่อนในวงการด้วยกันมานาน จะดีกว่าไหมถ้าให้ฉันคนนี้พาเธอไปเก็บเลเวล” เรย์ยิ้มเยาะหันไปมองทางเจสเปอร์ที่ยืนนิ่งเงียบไม่ไหวติง
‘เป็นยังไงล่ะ ได้ฟังข้อมูลที่ฉันเล่าไปเมื่อครู่แล้วเกิดอายขึ้นมาใช่ไหมล่ะ!!ไม่ทันแล้วฉันคนนี้จะตอกหน้าแกให้ยับไอ้ตัวประกอบปลายแถว’
เจสเปอร์ยืนนิ่งจริงๆ แต่เขาไม่ได้รู้สึกอับอายเลยตามที่พระเอกหนุ่มเข้าใจสักนิด ที่เขายืนนิ่งแบบนี้ก็เพื่อที่จะกลั้นขำไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมาอยู่ต่างหาก ถ้าสิ่งที่เรย์พูดมาเมื่อครู่นั้นเรียกว่าความรู้และข้อมูล สิ่งที่ตัวเขาทำมาตลอดเวลาคงเป็นเพียงเรื่องตลกที่สมมติขึ้นมาเองสิน่ะ?
“นายจะช่วยฉันเก็บเลเวล? เอายังงั้นก็ได้ แต่ช่วยบอกฉันหน่อยจะได้ไหมมอนสเตอร์ตัวไหนที่นายคิดว่าจะพาฉัน...ไม่ใช่ว่านายจะพาฉันไปตีสไลม์หรอกน่ะ??!!” ไอรีนที่นิ่งเงียบมานานพอๆกับเจสเปอร์ ในที่สุดก็อดรนทนไม่ไหวจำต้องยอมเอ่ยปากพูดตอบกลับเสียที เพราะเธอเองก็เริ่มที่จะรำคานเพื่อนร่วมอาชีพคนนี้เต็มทนแล้วเหมือนกัน
“แน่นอนว่าต้องไม่ใช่สไลม์อยู่แล้ว เธอนี้ช่างหยอกล้อจริงๆ เห็นยังงี้ฉันเลเวลตั้ง 20 เชียวนะ แถมยังอยู่กิลด์ชั้นนำอย่าง Blood Commander เชียวนะ!!” เรย์ตบลงบนอกอย่างภาคภูมิใจ พระเอกหนุ่มรู้ดีว่าแม้เลเวลของเขาอาจจะไม่ใช่เลเวลที่สูงมากนัก หากเอาไปเทียบกับผู้เล่นชั้นแนวหน้า แต่เขาก็มั่นอกมั่นใจว่ามันน่าจะสูงกว่าไอรีนหญิงสาวแสนสวยที่ดูบอบบาง และที่สำคัญตัวเขายังอยู่กิลด์ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักร อย่างกิลด์ Blood Commander อีกด้วย ถึงจะเป็นแค่เพียงกิลด์สาขาก็ตาม แต่นั้นก็เพียงสำหรับการอวดอ้างแล้วจริงไหม?
‘เป็นยังไงล่ะเจ้าตัวประกอบ ฉันบอกแล้วว่าจะตอกหน้าแก…ฮ่าฮ่า’
“นายอยู่กิลด์ Blood Commander ยังงั้นหรอ?” เจสเปอร์ถ้วนคำพูดที่เขาได้ยินจากปาก เรย์ อีกครั้ง เมื่อได้รับคำตอบย้ำกับมาอีกครั้ง เจสเปอร์ก็ได้ทำการพยักหน้าเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างให้กับไอรีน
“ใช่แล้ว ตกใจละสิ รู้ไหมว่ากิลด์ของฉันแข็งแกร่งแค่ไหน ฉันขอเตือนถ้าแกยังอยากที่จะเล่นเกมนี้ต่อ อยู่ให้ห่างจากไอรีนซะ” คำพูดนี้เรย์จงใจพูดเบาๆเพื่อให้เจสเปอร์ที่เดินเข้ามาใกล้ๆได้ยินเพียงแค่คนเดียว ซึ่งนั่นก็ทำให้เจสเปอร์สวนคำพูดหนึ่งกลับไปเช่นกัน
“งั้นหรอ!!ถ้านายมีเรื่องเตือนฉันแบบนี้ ฉันก็ขอเตือนนายกลับบ้างก็แล้วกัน...เวลาจะออกไปเก็บเลเวลที่ไหนระวังตัวเองไว้ให้ดี อย่าให้ฉันตามเจอไม่ว่าจะเป็นในเมืองหรือจุดเก็บเลเวล ถ้าฉันเจอ...พ่อเชือดทิ้งแน่!!” เจสเปอร์จงใจเน้นย้ำคำว่าเชือดทิ้งให้ชัดเจนที่สุด โทนเสียงที่เขาใช้ก็เยือกเย็นเสียจน เรย์ ที่มั่นหน้ามั่นโหนก ต้องกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่
“แกกกก...แกกล้าขู่ฉันหรอ!!”
ชายหนุ่มไม่รอให้เรย์ได้พูดอะไรตอบโต้ ตัวเขาก็ได้ขอตัวเดินออกไปหาอะไรยัดใส่ท้องแล้ว ทว่าเรย์ที่กำลังโกรธหมายจะวิ่งตามไปเพื่อเคลียร์ปัญหาให้จบกับทุกไอรีนเดินเข้ามาขวางทางเดินไว้ หญิงสาวชายตามองไปยังพระเอกหนุ่มผู้น่ารำคาน ก่อนที่จะพูดประโยคหนึ่งที่ร้ายกาจพอๆกับเจสเปอร์ เสมือนว่าทั้งสองคนคัดลอกกันมาเสียไม่ผิด
“เชื่อฉันเถอะหมอนั่นไม่ได้ขู่ ถ้าเขาเจอนาย...เขาฆ่าแน่!! ฉันไม่รู้หรอกน่ะว่านายเสียเงินไปกี่เครดิตถึงได้มีเลเวล20และของสวมใส่ที่นายอวดอ้างตามที่พูด แต่ถ้าไม่อยากให้ไอเท็มที่นายรักและห่วงแหนไปนอนกองอยู่ในคลังเก็บของของหมอนั่นที่มีจุดจบเดียวคือกลายเป็นเศษชิ้นส่วน ฉันขอเตือนอย่าริโผล่หน้ามาที่เมืองอัลคาเดีย!!เพราะเลเวลของนายให้พูดตามตรงมันยังน้อยกว่าฉันเสียอีก”
ไอรีนโชว์รูปภาพในมือถือของเธอ ที่ถ่ายเอาไว้เมื่อเดือนก่อนตอนที่ได้รับแหวนคู่จากเจสเปอร์ ซึ่งในขณะนั้นตัวละครของเธอมีเลเวลอยู่ที่ 26. เรย์ดูรูปในมือถือของไอรีนก็ต้องตาค้าง เพราะในภาพไม่ได้มีแค่เลเวลของไอรีนเพียงคนเดียว แต่มันยังรวมถึงเลเวลของคนในปาร์ตี้ของเจสเปอร์ทั้งหมดในขณะนั้นติดเข้ามาด้วย
‘เจสเปอร์ เลเวล 32...,ไอรีน เลเวล 26,คนที่เลเวลน้อยที่สุดในปาร์ตี้ บับเบิ้ล ยังเลเวล 24’
เรย์ช็อคค้างไปแล้ว สองขาแทบจะทรุดลงกับพื้น เกิดสงครามขึ้นภายในจิตใจ
‘ไม่จริงน่าเลเวล 32 นี้น้อยกว่าหัวหน้ากิลด์ไอเดนแค่ 1 เลเวลเองน่ะ!!’
‘ถ้าเลเวลหมอนี้ 32 จริง ทำไมไม่มีชื่อปรากฏขึ้นในกระดานผู้นำ!!’
‘รูปนี้ต้องผ่านการโฟโต้ช็อปมาแล้วแน่ๆ’
ไอรีนเหมือนรู้ว่าเรย์กำลังคิดอะไรอยู่ หญิงสาวจึงพูดออกไปลอยไม่มีที่มาว่า “ถ้านายบอกว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญเกม The Era ก็คงจะรู้จัก ระบบการปิดบังตัวตน ใช่ไหม”
วาจาของนักแสดงมืออาชีพ ยังไงก็มือสมัครเล่นก็ไม่มีวันเทียบได้ ไม่ว่าจะสวมบทไหนตัวนักแสดงมืออาชีพก็ล้วนเข้าถึงได้หมด น้ำเสียงที่ไอรีนพูดกับเรย์เมื่อครู่มันได้เชือดเฉือนจิตวิญญาณและความมั่นใจที่พระเอกหนุ่มจนขาดสะบั้น. เรย์รู้จักระบบปิดบังตัวตนภายในเกมเป็นอย่างดี แถมยังเคยใช้มันเมื่อตอนที่มีเลเวลต่ำๆอีกด้วย
คนที่ถูกตอกหน้าไฉนกลายเป็นตัวเอง เรย์เหม่อมองดูหญิงสาวที่ตนชื่นชอบเดินจากไป เขาอยากจะเดินตามเพื่อเคียงคู่กับทำเหมือนในซีรีย์แต่สองขาดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงที่จะก้าวเดิน เรย์ใช่แขนค้ำยันประคองตัว ปฏิเสธความจริงที่มาถึงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะจับจ้องไปที่เจสเปอร์ด้วยสายตาโกรธแค้น
‘เลเวล 32 แล้วยังไง ค่อยดูเถอะ...ฉันจะไล่ตามแกแน่!!’
นี้คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชีวิตการแสดงและการเป็นศิลปินไอดอลของเรย์ ตกต่ำลง หากวันนี้ไอรีนเปิดรูปภาพแสดงเลเวลของเจสเปอร์ปัจจุบันจริงๆออกไป(เลเวล 38) พระเอกหนุ่มคงไม่มีความคิดบ้าๆที่จะไล่ตามเจสเปอร์เป็นแน่ แต่ถึงกระนั่นคนเราหากไม่ได้เจอกับตัวก็คงไม่รู้ สังเวียนตัดสินของพระเอกหนุ่มกับตัวประกอบไร้หัวนอนปลายเท้าจะเป็นเช่นไร คงต้องปล่อยให้เวลาเป็นผู้ตอบ...
หลังจากที่ตัวชายหนุ่มสร้างปัญหาเอาไว้ในงานเลี้ยงแห่งนี้มากพอดูแล้ว ตัวเจสเปอร์ก็ได้ตัดสินใจที่จะเดินออกมาจากงานก่อนกำหนด ซึ่งในระหว่างทางที่กลับมาอยู่นั้น เจสเปอร์ก็ได้พบกับ กลุ่มผู้หลักผู้ใหญ่ของสถานีต่างๆกำลังยืน(สูบบุหรี่) พูดคุยกันถึงเรื่องของผู้กำกับและทีมงาน ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“ผู้กำกับจางคนนี้ มันยังไงหัวดื้อเสียไม่มี...บอกตามตรงน่ะผู้ใหญ่ของสถานีเราแค่พูดขู่ไปอย่างนั้นเอง ใครจะคิดว่าหัวเด็ดตีนขาดผู้กำกับคนนี้จะยอมยกเลิกสัญญากันจริงๆ กะอีแค่สร้างภาคต่อ สถานีไหนก็ทำกันจริงไหม?”
“ไม่ใช่แค่ตัวผู้กำกับ ตัวทีมงานที่ติดตามเขาก็พล่อยลาออกกันหมดเหมือนกัน ไม่เห็นหัวพวกเราในวงการบ้างเลยฉันละเสียดายจริงๆ!!”
“ในเมื่อคนหนุ่มอยากคิดท้าทายอำนาจของเรา เอายังงี้สายสัมพันธ์สถานีของพวกเราก็แน่นแฟ้นกันมานาน พวกคุณกับผมก็รู้จักกันมาหลายปี ถือซะว่าพวกเราช่วยกันสั่งสอนเด็กรุ่นใหม่พวกนี้ให้เป็นเยี่ยงย่างดีไหม จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก เป็นแค่เด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ริอาจจะเหยียบหัวคนเฒ่าละเลยความเคารพผู้อาวุโสกันไปหมดแล้ว”
“ดีๆๆ”
หลายๆเสียงต่างเห็นด้วย ผู้บริหารและคณะกรรมการของแต่ละสถานีทั้งหมดล้วนหันหน้าเข้าหากัน ยอมจับมือเพื่อที่จะแบนผู้กับกับจางและทีมงานของเขาให้ออกไปจากวงการ ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูที่ถาวรในที่ทำงาน’ แต่ละสถานีอาจเคยขัดแย้ง ตั้งตัวเป็นศัตรูต่อกันและกันมาก็มาก แต่พวกเขาเหล่านี้ก็พร้อมที่จะหันหน้าเข้าหากันเวลาต้องร่วมมืออะไรกันสักอย่างอยู่เสมอยามที่ผลประโยชน์เป็นตัวขับเคลื่อน
“น่าอายจริงๆที่ต้องให้คุณเจสเปอร์มาเห็นอะไรแบบนี้?” เป็นอีกครั้งที่ผู้กำกับและอาเมล โผล่ขึ้นมาจากทางด้านหลังของเจสเปอร์ที่กำลังแอบฟัง บรรดาเสือเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์ทั้งหลายกำลังรวมหัวกันตัดเส้นทางอาชีพของผู้กำกับคนหนึ่งโดยการใช้อำนาจที่มิชอบ
“ผมไม่....ขอโทษครับผู้กำกับ!!” เจสเปอร์พยายามโกหกหาคำแก้ตัว แต่ด้วยหลักฐานที่มัดแน่นว่าเขากำลังแอบฟังมันทนโท่ขนาดนั้น ชายหนุ่มจึงไม่สามารถที่จะหาคำใดๆมาแก้ตัวได้อีก
“ไม่ใช่เรื่องอะไรที่เป็นความลับหรอกอีกไม่กี่วันคำสั่งก็ลงมาแล้ว คุณจะรู้ตอนนี้หรือพรุ่งนี้ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกัน...ถึงยังไงผมก็ไม่ใช่ผู้กำกับอีกต่อไปแล้ว”
ผู้กำกับถึงจะพยักหน้ายิ้มแย้มตอบกลับมาว่าไม่เป็นไร แต่ลึกๆแล้วในใจของเขานั่นกำลังเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง หากคำสั่งนี้เป็นเพียงแค่การไล่ออกหรือยุติสัญญาธรรมดา คำว่าผู้กำกับและอาชีพของเขาก็ยังพอที่จะรักษาเอาไว้ได้แต่ถ้าถูกผู้ใหญ่จากแต่ละสถานีกระทำการแบบนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการดับอนาคตของคนหนึ่งในเส้นทางสายบันเทิงไปเลย
ถึงแม้ว่าตัวผู้กำกับจางและผู้ช่วยอาเมลจะรู้ชะตากรรมของตัวเองดีจนมาเปิดช่อง TMY บนทีวีออนไลน์ก่อนหน้านั่นแล้วก็ตาม แต่เมื่อความเป็นจริงถาโถมเข้าหาทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะอาวรณ์ต่อชะตากรรม
“ผมอาจจะช่วยให้พวกคุณรอดพ้นจากคำสั่งแบนของบรรดาผู้บริหารของสถานีไม่ได้ แต่ผมอาจยังพอจะรักษาอาชีพผู้กำกับของคุณและทีมงานได้อยู่”
เจสเปอร์ไม่ได้กล่าวคำพูดพวกนี้ออกมาลอยๆเพื่อปลอบใจใครทั้งนั้น อย่างไรก็ตามเขาคิดแบบนี้จริงๆ ลำพังคนธรรมดาไม่มีใหญ่โตหรือมีเส้นสายอะไรจะให้ไปเปลี่ยนแปลงคำสั่งของใครก็ดูไม่ใช่เรื่อง แต่ถ้าให้เขาช่วยเหลือคนสักคนหนึ่งให้ก้าวเดินต่อไปในเส้นทางใหม่ๆ เรื่องแบบนี้เขาคิดว่าตัวเองถนัด เหมือนกับที่เขาฉุดดึงคนที่หลบซ่อนอยู่แต่ในเงามืดมาตลอดแบบทวิสเต็ดให้มีชีวิตใหม่ได้ยังไงล่ะ!!
“ฉันขอบคุณในความหวังดีของคุณ แต่โอกาสที่หนังของฉันจะโผล่ในหน้าจอทีวีมันแทบเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว”
“ผมก็ไม่ได้บอกนิครับว่างานของคุณจะไปโผล่ในจอแก้วเหมือนเช่นเดิม ที่ผมหมายถึงคือมากกว่านั่น ส่วนถ้าพวกคุณสองคนอยากรู้มากกว่านี้...งั้นรองานเลี้ยงนี้เลิกพวกคุณก็ขับรถตามผมมาที่คอนโดก็แล้วกันรับรองว่าผมจะไม่ทำให้พวกคุณต้องผิดหวัง”
เจสเปอร์เริ่มต้นแผนการแล้ว เขาหยอดคำเชิญชวนทิ้งไว้แต่ไม่บอกรายละเอียดทั้งหมด เพื่อเล่นกับนิสัยของมนุษย์ที่มักอยากรู้อยากเห็น ให้หลงเข้ามาในแผนของเขาอย่างช้าๆ กว่าจะรู้ตัวอีกที ผู้กำกับและผู้ช่วยอาเมลก็ได้ตกลงปลงใจจะตามชายหนุ่มเจสเปอร์กลับคอนโดแล้ว...
...โปรดติดตามตอนต่อไป...
เข้าไปร่วมพูดคุยกับไรท์หรือสมาชิกนักอ่านคนอื่นๆได้ที่แฟนเพจตามลิงค์ด้านล่างเลยนะครับ
www.facebook.com/writelazy