บทที่ 21 ความจริงของเทียร์ร่า (อ่านฟรี)
ลีอา•ยาการัน ชี้ปลายดาบของเธอไปที่คาร์โล ผู้ชายที่เธอเคยนับถือมากที่สุด
“ลุงคาร์โล…”
“ฝ่าบาท ข้าเป็นผู้สอนวิถีดาบให้ท่าน ข้ารู้ทุกการเคลื่อนไหวของท่าน” คาร์โลกล่าวอย่างเย็นชา “ท่านก็รู้ดีว่าท่านสู้ข้าไม่ได้”
แม้ว่าเด็กสาวจะไม่ยินยอมที่จะแพ้ แต่หัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยความสับสน
แม่ของเธอจากไปเนื่องจากมีภาวะแทรกซ้อนหลังจากการคลอดบุตร ในขณะที่พ่อของเธอเสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่ม ในตอนที่เธอยังเด็ก ผู้คนมากมายที่อยู่รอบตัวเธอในวัง ต่างเชื่อว่านั่นเป็นผลกรรมจากการศรัทธาในลัทธิชั่วร้ายของยาการันที่ 11 และมองว่าเธอเป็นพวกนอกรีตเช่นกัน แม้ว่าคนเหล่านั้นจะซ่อนสีหน้าตัวเองได้ดี แต่เธอก็ยังสังเกตเห็นว่าพวกเขาเกลียดเธอ และต้องการรักษาระยะห่างกับเธอ
ในวัยเด็ก คนที่ใกล้ชิดกับเธอที่สุดคือปู่ของเธอ ซึ่งก็คือกษัตริย์องค์สุดท้ายของเทียร์ร่า
ปู่ของลีอาที่ใคร ๆ ต่างก็ด่าว่าตาบอดและโง่เขลา เขาเชื่อว่าเทพเจ้าเป็นปรสิตของโลก แม้ว่าพวกมันจะมีพลังมากกว่ามนุษย์มาก แต่พวกมันก็ไม่เคยให้ความช่วยเหลือใด ๆ แก่มนุษย์หรืออารยธรรมของมนุษย์ และที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือการที่มันปรารถนาในศรัทธาของมนุษย์ พวกมันจึงกลายเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของยุคสมัย และด้วยเหตุนี้ เขาจึงกลายเป็นผู้ไม่ศรัทธาในเทพเจ้าองค์ใดเลย กระทั่งสร้างศาสนจักรแห่งเกมและสถาปนามันเป็นศาสนาประจำชาติเพื่อซ่อนตัวจากผู้อื่น
ยาการันที่ 11 เลือก 'เกม' เป็นความศรัทธาที่เขาสร้างขึ้น เขาคิดว่าความบันเทิงจะยกระดับความสุขของพลเมืองได้ และมันก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ เพื่อที่จะผ่อนคลายหลังจากวันอันแสนวุ่นวายในการทำงานจบสิ้นลง
มันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผล เมื่อยาการันที่ 11 ปกครองทียร์ร่า ความรุ่นโรจน์ของเทียร์ร่าก็ได้แซงหน้าอำนาจของประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศไปไกลแล้ว
แต่ถึงกระนั้น มันก็เป็นสาเหตุของหายนะด้วยเช่นกัน ตะกร้าที่เต็มไปด้วยทองคำและอัญมณี ถูกวางไว้เฉย ๆ โดยไม่มีการป้องกัน ก็มักจะเป็นที่ต้องการของผู้อื่นเป็นธรรมดา
แม้ว่าเทียร์ร่าจะร่ำรวยอย่างน่าอัศจรรย์ แต่อาณาจักรนี้ก็ไร้ซึ่งเทพเจ้าที่มีอำนาจเพียงพอที่จะปกป้องมันได้ เมื่อเทียบกับกองทัพจากประเทศรอบข้างที่ได้รับพรจากเทพเจ้าของพวกเขา ความพ่ายแพ้ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แม้ว่ากองทัพของพวกเขาจะมีอาวุธและชุดเกราะที่ดีกว่าก็ตาม ผลสุดท้ายเทียร์ร่าก็ต้องแตกแยก และถูกกลืนกินไปโดยประเทศเพื่อนบ้าน
ในสงคราม ยาการันที่ 11 ปู่ของลีอาได้ยืนหยัดสู้จนถึงวาระสุดท้ายในป้อมปราการของเมืองหลวง เพื่อถ่วงเวลาให้เธอได้หลบหนี และเขายังคงปกป้องปราสาทหลังจากที่เมืองหลวงของจักรวรรดิถูกรุกราน
ท้ายที่สุด ปราสาทก็ถูกเผาจนราบเป็นหน้ากลองโดยนักบวชที่ศรัทธาใน ‘วิหารทองคำ’ ของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ‘เอ็มโพริโอ’ พวกเขาได้ร่วมมือกันร่ายมหาเวทศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่อว่า ‘ความพิโรธของดวงอาทิตย์’...
ความพ่ายแพ้และความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เว้นแต่พวกเขาจะยอมก้มหัวให้เทพเจ้าปรสิตเหล่านั้น
ปู่เธอผิดหรือ เขาแค่ต้องการแบ่งปันความสุขให้กับประชาชนของเขา เขาผิดอะไร?
เด็กสาวได้สูญเสียความคิดอันแน่วแน่ที่จะล้างแค้นและสร้างอาณาจักรเทียร์ร่าขึ้นมาใหม่ ตอนนี้ความคิดของเธอถูกปกคลุมไปด้วยหมอกมัว เธอมองไม่เห็นหนทางที่จะเดินต่อไปข้างหน้า
มันทำให้เธอเสียสมาธิในระหว่างการเผชิญหน้ากับคาร์โล เขาเป็นทั้งอาจารย์สอนทักษะดาบของเธอ และยังเป็นอดีตหัวหน้ากองกำลังพิทักษ์เทียร์ร่า แม้ว่าเธอจะเหม่อไปเพียงชั่วครู่ คาร์โลก็จะไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้เสียเปล่า
ก่อนที่เธอจะทันรู้ตัว คาร์โลก็พุ่งเข้ามาจากด้านหน้า เขาหลบการโจมตีขององครักษ์สองนายได้อย่างง่ายดาย และส่งดาบของลีอาบินออกจากมือ เธอตกใจจนเผลอก้าวถอยหลังไปสองก้าว นั่นทำให้เธอเกือบก้าวพลาดจนล้มลงพื้น
“มันจบแล้ว” ผู้นำของลัทธิที่ซ่อนตัวอยู่หลังเสื้อคลุม และหน้ากากสีขาวดำหัวเราะอย่างโหดร้าย เขาไม่สนใจดาบอันหรูหราที่หล่นลงมาตรงหน้าเขา
ขณะเดียวกันคาร์โลก็ตั้งใจจะใช้ประโยชน์จากชัยชนะครั้งนี้ ตราบใดที่ลีอาถูกจับได้ มันก็ถือว่าเขาชนะแล้ว ไม่ว่าองครักษ์คนอื่น ๆ จะทำอะไรก็ตาม
แต่ทันใดนั้นเอง แสงสว่างพร่างพราวก็ได้สว่างจ้าขึ้นกลางอากาศอย่างกะทันหัน มันได้ทำให้พวกเขาตาบอดไปชั่วขณะ!
เมื่อแสงสว่างจางหายไป คนจากลัทธิก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าผู้รอดชีวิตทั้งหมดจากเทียร์ร่า รวมทั้งลีอา•ยาการัน ได้หายตัวไปหมดแล้ว มีเพียงคาร์โลผู้ทรยศเท่านั้นที่ยังคงอยู่ เขาสับสนและไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
…
หลังจากถูกปกคลุมด้วยแสง ลีอาเป็นคนแรกที่ขยับ
เธอพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในพื้นที่สีขาวบริสุทธิ์ รอบ ๆ ตัวเธอคือเหล่าองครักษ์ที่คุ้มกันเธอ พวกเขาแข็งทื่อเหมือนรูปปั้นหิน ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ ไม่ว่าเธอจะพยายามปลุกพวกเท่าไหร่ก็ตาม
“อย่าพยายามเลย ศรัทธาของพวกเขาอ่อนแอเกินไป พวกเขาไม่สามารถจ้องมองเทพเจ้าตรง ๆ ได้”
เสียงที่ไม่คุ้นเคยทำให้เด็กสาวตื่นตัวทันที เธอเอื้อมมือไปจับดาบโดยสัญชาตญาณ ตอนนั้นเองเธอถึงได้รู้ตัวว่าเธอไม่มีดาบประจำตัวแล้ว เธอรีบดึงดาบอีกเล่มออกจากฝักดาบของทหารองครักษ์ใกล้ตัวเธอ และตั้งท่าป้องกัน
"เทพเจ้า?" ลีอาไม่เชื่อ สิ่งที่เธอเห็นคือร่างมนุษย์ที่พร่ามัวอยู่ไม่ไกล และเขาก็ดูเหมือนจะเป็นคนที่พูดกับเธอ
"ถูกต้อง"
“ถ้าเช่นนั้นท่านคงเข้าใจผิด ข้าคือผู้ไม่มีศรัทธา!”
แม้ว่าเธอจะตกใจ แต่หลังจากทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันได้แล้ว เด็กสาวก็ใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มโต้ตอบกับซีเว่ยอย่างจริงจัง “แม้ว่าข้าจะไม่แน่ใจว่าท่านพาพวกเรามาที่นี่ทำไม แต่ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ…จุดประสงค์ของท่านเป็นตัวข้าด้วยหรือไม่ ถ้าเช่นนั้น โปรดไว้ชีวิตคนของข้า พวกเขาบริสุทธิ์ ถ้าท่านปล่อยพวกเขาไป ท่านสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ท่านต้องการกับข้า!
แม้ว่าเธอจะไม่เชื่อว่าเธอกำลังคุยอยู่กับเทพเจ้าตัวจริง แต่สิ่งมีชีวิตตนนี้ก็มีพลังอย่างไม่ต้องสงสัย เขามีพลังมากพอที่จะพาพวกเธอออกจากวงล้อมของพวกลัทธิชั่ว การต้องเผชิญหน้ากับเขานั้นยากกว่าคนจากลัทธิอย่างแน่นอน การต่อต้านเป็นเพียงการกระทำที่โง่เขลา เธอต้องรวบรวมข้อมูลบางอย่างจากสิ่งมีชีวิตนี้ก่อนที่จะพูดต่อ
“น่าเสียดายจริง ๆ ข้าไม่ใช่เทพเจ้าชั่วร้ายอย่างที่เจ้าเข้าใจ” ในความว่างเปล่าสีขาว เงาที่คลุมเครือเปลี่ยนไปจนไม่คล้ายกับมนุษย์อีกต่อไป “แต่เจ้าควรรู้จักชื่อของข้า เพราะเจ้าได้อธิษฐานถึงข้า…”
"อะไรนะ?!" ลีอาถึงกับช็อก
“ข้าขอแนะนำตัวอีกครั้ง” ซีเว่ยยิ้ม ดูเหมือนว่าปลาจะกินเบ็ดแล้ว “ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม!”
“เทพเจ้าแห่งเกม…ท่านมีอยู่จริงหรือ”
ดูเหมือนแม้แต่ผู้ศรัทธาที่เคร่งศาสนาเช่นลีอา ก็เริ่มสงสัยว่าเขามีตัวตนอยู่จริงรึเปล่าผ่านคำอธิษฐานมากมายที่ไม่ได้รับคำตอบ หากซีเว่ยไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้ ความศรัทธาในตัวเขาที่เธอมีอาจจะขาดไปแล้ว
“ข้าควรเริ่มต้นด้วยการขอโทษ สาวกของข้า ความจริงข้าเพิ่งฟื้นขึ้นจากนิทราอันยาวนาน จึงไม่สามารถยื่นมือเข้าช่วยพวกเจ้าได้เมื่อเทียร์ร่าประสบกับความล่มสลาย” ซีเว่ยพูดต่อด้วยน้ำเสียงอันลึกลับ “แต่คำอธิษฐานของเจ้าตลอดมานั้นไม่ได้ไร้ผล เพราะข้าได้ฟื้นขึ้นจากนิทราแล้ว! ถึงเวลาที่เราจะสร้างอาณาจักรเทียร์ร่าขึ้นมาใหม่แล้ว สาวกของข้า!”
อารมณ์มากมายได้ผสมปนเปกันในใจของลีอา เมื่อเธอได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากเทพเจ้าที่เธอศรัทธา
เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเทพเจ้าของเธอที่เอาแต่เงียบงัน จะช่วยเธอในช่วงเวลาที่เธอสิ้นหวังที่สุด
ในขณะเดียวกัน เด็กสาวก็รู้สึกราวกับว่าเธอเป็นผู้หลงทาง ที่หลังจากต้องระหกระเหินร่อนเร่มานาน ในที่สุดเธอก็ได้กลับบ้านแล้ว ‘บ้าน’ สถานที่ที่เธอสามารถอาศัยอยู่ได้อย่างสบายใจ
มันอบอุ่นมากจนเธออยากจะร้องไห้ออกมาดัง ๆ
--------------------------------------------------------------