บทที่ 133
เสียงเฮดังลั่นมาจากด้านบน ชายฉกรรจ์ยี่สิบแปดคนพุ่งทะยานลงมาด้านล่าง ทันทีที่ลงมาถึงแต่ละคนเรียกอาวุธคู่ใจออกมาถือ ดาบ กระบี่ ทวน จ้องมองชายหนุ่มสามคนด้านหน้าอย่างไม่วางตา ชายหนุ่มผู้หนึ่ง รูปร่างสูงโปร่ง มัดผมหางม้า มีมัดกล้ามเล็กน้อย สวมชุดสีน้ำตาลแสยะยิ้มก้าวเดินออกมาจากกลุ่ม ในมือถือพัดไม้ไผ่สลักรูปมังกรตัวใหญ่ หยางเวยแอบสะบัดมือขวาสวมถุงมือไหมโคจรลมปราณเตรียมตัวเอาไว้ เนี่ยฟงก้าวเดินออกมาเผชิญหน้า ไม่นานชายหนุ่มชุดสีน้ำตาลก็เอ่ยวาจาออกมา
“ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มเช่นพวกเจ้า จะมีความรู้ความสามารถอ่านอักษรโบราณ ดี พวกเจ้าสนใจมาเป็นลูกน้องข้าหรือไม่ รับรองพวกเจ้าจะสบายไปทั้งชาติ”
หยางเวยได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วก้าวเดินออกมา เนี่ยฟงรับรู้ว่าหยางเวยจะทำสิ่งใดก็รับยกมือขวาขึ้นห้าม
“คนที่เหลือจัดการสังหารให้หมด ชายที่เป็นหัวหน้าข้าจัดการเอง”
หยางเวยยกยิ้มหันไปมองเย่เตา
“เย่เตาสังหารให้เรียบ”
“ได้”
ในขณะที่ทั้งสามพูดคุยกัน ชายหนุ่มชุดสีน้ำตาลก็เริ่มมีอารมณ์โมโห เพราะเด็กหนุ่มด้านหน้าหาได้สนใจในสิ่งที่ตนเอ่ยออกมา
“ดีในเมื่อสวรรค์มีทางเลือกให้เดินแต่ไม่เลือก มุ่งหน้าเดินไปนรก สังหารพวกมัน”
เนี่ยฟงหันไปมองหยางเวย ทั้งสองสะบัดมือพร้อมกันนำแผ่นหยกออกมาถือ ครึ่งลมหายใจเนี่ยฟงก็ขว้างแผ่นหยกไปตรงกลางกลุ่มชายฉกรรจ์ด้านหน้า หยางเวยโคจรลมปราณออกมาอย่างเต็มกำลัง ทันทีที่เนี่ยฟงสะบัดมือ หยางเวยก็ไปปรากฏกายที่กลางกลุ่มชายฉกรรจ์แทนที่แผ่นหยก
“ขอโทษพี่ชายทั้งหลาย ข้าจะดูแลสมบัติของพวกท่านเอง”
เมื่อกล่าวสิ้นเสียง หยางเวยก็ระเบิดปราณพิษออกมาอย่างเต็มกำลัง ชายฉกรรจ์ทั้งหลายหาได้เตรียมตัวโดนพิษของหยางเวยเต็มๆ
“บัดซบพวกมันใช้พิษ”
อสรพิษดำตัวใหญ่ปรากฏออกมาด้านหลังหยางเวยพุ่งเข้าสังหารชายฉกรรจ์ด้านหน้า เย่เตาสะบัดมือขวาดาบคู่ใจก็มาอยู่ในมือ พุ่งทะยานเข้าไปช่วยหยางเวยเข้าปะทะ เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เนี่ยฟงและชายหนุ่มชุดสีน้ำตาลยังคงจ้องมองกันอย่างไม่วางตา ไม่ถึงครึ่งลมหายใจก็เกิดเสียงดังสนั่นจากด้านข้างของเนี่ยฟง ชายหนุ่มชุดสีน้ำยืนตื่นตกใจเพราะตัวมันแอบให้ลูกน้องอีกคนซ่อนตัวลงมือจัดการชายหนุ่มด้านหน้า แทนที่จะถูกปราณดาบเข้าปะทะแต่ถูกบางอย่างสกัดกั้นเอาไว้ เกราะสายฟ้าออกมาต้านรับอย่างทันท่วงที
“ตัวท่านมีนิสัยแอบลอบกัด ผิดวิสัยของลูกผู้ชาย”
“หุบปากซ่ะไอ้ลูกหมา สังหารมัน”
ลูกน้องที่แอบซ่อนตัวพุ่งเข้าหาชายหนุ่มด้านหน้าอย่างรวดเร็ว เนี่ยฟงสะบัดมือซัดกระบี่ออกไปสองเล่ม ฟิ้ว ฟิ้ว กระบี่พุ่งผ่านตัวชายหนุ่มผู้หนึ่งไปเลือดสีแดงสดไหลออกมา ล้มลงไปนอนกับพื้น กระบี่ยังคงบินวนกลับมาหมุนวนรอบตัวชายหนุ่มด้านหน้า
“มาคอยดูกันว่าคนที่คอยออกแต่คำสั่งเช่นท่านจะมีฝีมือพอหรือไม่”
เนี่ยฟงสะบัดมือชี้ไปที่ชายหนุ่มชุดสีน้ำตาล กระบี่ที่หมุนวนรอบกายก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ฟิ้ว ฟิ้ว กระบี่ทั้งสองบินวนไปมารอบกายชายหนุ่มชุดสีน้ำตาล สองลมหายใจต่อมากระบี่เล่มหนึ่งฟาดฟัน อีกเล่มจ้วงแทง พัดไม้ไผ่ถูกรวบใช้ต้านรับกระบี่สองเล่ม
“บัดซบ ไอ้ลูกหมา”
ตูม พลังปราณระดับสีแดงขั้นต้นถูกปลดปล่อยออกมาจากชายหนุ่มชุดสีน้ำตาลเพื่อผลักกระบี่ทั้งสองเล่มให้กระเด็นออกไป แต่ทว่าก็ไม่เป็นเช่นนั้น กระบี่ทั้งสองยังคงฟาดฟันและจ้วงแทงออกมาเช่นเดิม ไม่ถึงสิบลมหายใจกระบี่เล่มหนึ่งก็เรียกเลือดออกมาได้ ในจังหวะหนึ่งที่จ้วงแทงไปที่ต้นขาซ้าย เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังออกมา เนี่ยฟงค่อยๆก้าวเดินเข้าไปหาชายหนุ่มชุดสีน้ำตาล
“ท่านไปนำแผ่นป้ายหินมาจากที่ไหนกัน”
“เหอะ อวดดีนักนะ”
เนี่ยฟงส่ายศีรษะไปมาสะบัดมือขวาอีกครั้ง กระบี่อีกเล่มที่หมุนวนรอบกายก็พุ่งเข้าไปเสียบที่หัวไหล่ขวาของชายหนุ่มชุดสีน้ำตาล ขวดยาสีขาวนวลถูกถือไว้ในมือ ไม่ถึงสองลมหายใจเม็ดยาก็ถูกป้อนให้กับชายหนุ่มชุดสีน้ำตาล เนี่ยฟงสอบสวนอยู่นานเกือบหนึ่งเค่อก็ลงมือสังหารชายชุดสีน้ำตาล พร้อมกับหยางเวยและเย่เตาที่เดินเข้ามา เนี่ยฟงโยนแหวนที่ยึดมาให้แก่หยางเวย หลังจากทั้งสามเดินเข้าไปด้านในของปราสาท เนี่ยฟงสะบัดมือขวาอีกครั้งวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏออกมาที่ประตูหินเป็นม่านพลังป้องกันเอาไว้
ทั้งสามถือตะเกียงไฟคนละอัน เดินสำรวจด้านในปราสาท กลิ่นเหม็นอับฉุนเข้าจมูก รอบด้านสภาพข้าวของเครื่องใช้ถูกทำลายลงตามกาลเวลา วาบแรกในความคิดเนี่ยฟงสะบัดมือขวาประกายสายฟ้าพุ่งออกมา มันหมุนวนรอบกายเนี่ยฟงไม่นานมันก็พุ่งทะยานออกมาไปด้านในของปราสาท หยางเวยเมื่อเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยวาจาออกมา
“หวังว่าจะมีสมบัติหลงเหลืออย่างบ้างนะ”
สิ้นเสียงกล่าวของหยางเวย เนี่ยฟงและเย่เตาก็หัวเราะออกมาดังลั่น ทั้งสามเข้าไปด้านในของปราสาท
“เนี่ยฟง คนพวกที่คิดปล้นเราเป็นใคร”
“พวกมันเป็นคนของพรรคอสรพิษฟ้า ส่วนแผ่นป้ายหินมันกล่าวอ้างว่าได้มาจากคนของผาไม้ดำ คนพวกนี้ถูกหลอกให้เป็นเครื่องมือ เพราะความกระหายในอำนาจและเงินทอง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนคนพวกนี้ก็ยังคงมีอยู่ทุกที่”
ไม่นานทั้งสองก็เดินหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง หยางเวยรีบผลักประตูนหินด้านหน้าออก พบว่าเป็นห้องโถงใหญ่ที่แยกออกมา มีบัลลังก์หินแกะสลัก ทั้งสามเดินสำรวจในห้องแต่ก็ไม่พบเจอสิ่งใด
“เจ้าแน่ใจนะเนี่ยฟง ว่าสายฟ้าของเจ้าเข้ามาที่ห้องนี้”
เนี่ยฟงรีบสะบัดมืออีกครั้งประกายสายฟ้าพุ่งออกมา มันหมุนวนรอบกายไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ มันก็พุ่งทะยานด้านหลังของบัลลังก์ เนี่ยฟงรีบเข้าไปดูพบว่ามีวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดงปรากฏออกมา เนี่ยฟงแสยะยิ้ม
“พวกเจ้าทั้งสองคุ้มกันข้าด้วย”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงก็สะบัดมือขวาประกายสายฟ้าพุ่งไปที่อักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดง มันค่อยๆแก้ไขอักษรสีแดงให้กลายเป็นสีฟ้า หยางเวยและเย่เตา ยืมเฝ้าระวังภัยอยู่ด้านข้าง เกือบสองเค่ออักขระศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกแก้ไข ด้านหลังของบัลลังก์มีช่องขนาดเล็กมีคัมภีร์อยู่หนึ่งเล่มพร้อมกับชุดผ้าคลุม หลังจากนำทั้งสองออกมาตรวจสอบ เนี่ยฟงก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ที่แท้เป็นเช่นนี้เองรึ”
ไม่นานเนี่ยฟงก็เดินออกมาจากบัลลังก์หิน โยนคัมภีร์เล่มหนึ่งให้หยางเวย พร้อมกับโยนชุดผ้าคลุมให้แก่เย่เตา หยางเวยเมื่อรับคัมภีร์มาก็รีบเปิดอ่านทันที ไม่นานก็หัวเราะออกมาเสียงดังเช่นเดียวกับเนี่ยฟง เย่เตาคิดจะเอ่ยถามหยางเวยก็โยนคัมภีร์ให้แก่เย่เตา ทันทีที่เปิดอ่านเย่เตาก็ขมวดคิ้วมั้งสองขึ้น ไม่นานก็หัวเราะออกมา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า บัดซบแท้วิชาร้ายกาจอันใด ที่ต้องจับตอนของตนเองก่อนฝึกวิชา ข้าคนหนึ่งที่ไม่คิดจะฝึก”
เย่เตาโยนคัมภีร์กลับมาให้เนี่ยฟง
“เย่เตา ผ้าคลุมผืนนี้มีการสลักอักขระศักดิ์สิทธิ์ป้องกันเอาไว้ในระดับหนึ่ง เจ้านำไปใช้เถอะ มันสามารถป้องกันยามเมื่อเจ้าได้รับอันตราย”
“ขอบใจเจ้ามาก”
“หยางเวยส่วนคัมภีร์นี้เจ้าคิดจะฝึกหรือไม่”
“ไม่ ต่อให้ข้าสูญเสียพลังปราณทั้งหมด หรือต่อให้ข้าฝึกสำเร็จจะเก่งกาจแค่ไหนข้าก็ไม่คิดที่จะฝึกมัน”
เนี่ยฟงได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้ม โคจรลมปราณอย่างทำลายคัมภีร์เล่มนั้นอย่างรวดเร็ว ไม่นานทั้งสามก็พากันออกมาจากปราสาท ด้านหน้ายังคงมีซากศพกองไว้เช่นเดิม เนี่ยฟงและเย่เตาเรียกสัตว์อสูรออกมาทันทีที่พุ่งทะยานขึ้นบนฟ้า เนี่ยฟงก็ชี้ไปที่พื้นทรายด้านบนของปราสาท
“หนางเวยเจ้าซัดพลังไปที่นั่น”
หยางเวยรีบโคจรลมปราณซัดฝ่ามือออกไป ปราณฝ่ามือสีม่วงพุ่งเข้าปะทะพื้นทราย เปรี้ยง เกิดแรงสั่นสะเทือนเม็ดทรายค่อยๆไหลลงมากลบปราสาทขนาดใหญ่เช่นเดิม
“เราจะไปไหนกันต่อเนี่ยฟง”
“พรรคมารอสรพิษฟ้า กวนใจข้าไม่น้อย คงต้องเดินทางไปเยี่ยมคนพวกนั้นเสียก่อน พวกเจ้าทั้งสองว่าอย่างไร”
“เจ้ารู้ที่ตั้งค่ายพวกมัน”
“แน่นอนเย่เตา ข้าได้สอบถามจากชายที่เป็นหัวหน้าของพวกมันเมื่อครู่”
ทั้งสามพุ่งทะยานไปบนฟ้า เกือบชั่วยามมองจากด้านบนเริ่มเห็นเป็นพื้นดินสีแดงบ้างแล้ว ไม่นานทั้งสามก็ถูกโจมตีจากด้านล่าง ปราณดาบและกระบี่พุ่งเข้ามา เกราะสายฟ้าของเนี่ยฟงปรากฏออกมาต้านรับ เมื่อได้จังหวะเนี่ยฟงก็กันไปคุยกับหยางเวยและเย่เตา
“ด้านล่างคงเป็นค่ายของพวกกลุ่มโจรอสรพิษฟ้า สังหารให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”