ตอนที่แล้วบทที่ 131
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 133

บทที่ 132


อักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏที่พื้นทราย ไม่ถึงหนึ่งลมหายใจก็มีเถาวัลย์สีฟ้ามีประกายสายฟ้าล้อมรอบพุ่งออกมาเข้ารัดหนอนทะเลทรายระดับสีแดงขั้นกลาง หยางเวยกระหน่ำต่อยเข้าไปที่ร่างของมันเสียงดังสนั่น เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง

การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว ทั้งสามเร่งเดินทางต่อ ตลอดทางมีสัตว์อสูรหนอนทะเลทรายโผล่ขึ้นมากวนใจเป็นระยะๆ ทั้งสามก็ลงมือสังหารอย่างรวดเร็ว รุ่งเช้าก็เห็นเมืองขนาดใหญ่ด้านหน้า ทั้งสามรีบลงจากสัตว์อสูรเดินทางเข้าเมือง เมืองแห่งนี้รับรู้แล้วว่าโรคระบาดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแผนการของผาไม้ดำ ทำให้ผู้คนเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอยกันบ้างแล้ว

ด้านหน้าประตูเมืองยังมีการตรวจตราเช่นเดิม ทันทีที่ทั้งสามเข้ามาด้านในก็พบศิษย์สำนักผาสวรรค์จำนวนไม่น้อยเดินไปมาในเมือง หยางเวยขอแยกตัวไปหาข่าวแน่นอนว่าเนี่ยฟงและเย่เตาพอทราบว่าหยางเวยจะไปที่ไหน ส่วนทั้งสองหาโรงเตี๊ยมพักสำหรับหาข่าว เมื่อเดินเข้ามาด้านในโรงเตี๊ยม เสี่ยวเอ้อเข้ามาต้อนรับอย่างดีพาทั้งสองไปนั่งที่โต๊ะ

“เสี่ยวเอ้อนำอาหารขึ้นชื่อของร้านมาสามอย่าง”

“รอสักครู่ขอรับ”

ไม่นานเสี่ยวเอ้อก็นำอาหารมาส่ง เนี่ยฟงจึงเอ่ยวาจาสอบถาม

“ที่นี่เกิดสิ่งใดขึ้น เหตุใดศิษย์สำนักผาสวรรค์จึงพบเห็นได้เยอะเช่นนี้”

“เรียนคุณชายเมื่อไม่กี่วันก่อนมีสัตว์อสูรบุกมาใกล้บริเวณรอบๆเมือง ท่านเจ้าเมืองจึงส่งจดหมายของกำลังคนจากสำนักผาสวรรค์มาขอรับ นำกำลังมาโดยฮันฉานลู่ และสีว์หยินยี่ ศิษย์มีอันดับของสำนัก”

“แล้วตอนนี้สัตว์ถูกจัดการหมดแล้วรึ”

“ถูกจัดการเป็นบางส่วนแล้วขอรับ ส่วนทางตะวันตกของเมือง คาดว่าจะลงมือคืนนี้ อีกอย่างมีข่าวแจ้งเข้ามาว่าจะมีการบุกปล้นจากพรรคอสรพิษฟ้าด้วยขอรับ”

“พรรคอสรพิษฟ้า”

“ใช่ขอรับเป็นกลุ่มโจรมีชื่ออยู่ในเขตนี้ พวกมันอ้างว่าปล้นคนรวยช่วยคนจน แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกมันนำเงินไปใช้กันเองโดยอ้างว่าช่วยเหลือคนจน พวกมันออกปล้นมาหลายเมืองแล้วขอรับ”

เนี่ยฟงพยักหน้าให้กับเสี่ยวเอ้อ แล้วก็หันมาทานอาหารบนโต๊ะ ข่าวหมอชราเซียงฟงเริ่มเป็นที่กล่าวถึงที่เมืองแห่งนี้แล้ว หลายคนเล่าออกมาเป็นฉากๆประดุจอยู่ด้วยกันที่เมือง เย่เตาได้ยินก็มียกยิ้มดีใจเล็กน้อย เกือบชั่วยามที่ทั้งสองนั่งทานอาหารและฟังผู้คนพูดคุยเรื่องต่างๆ ทั้งสองก็ออกมาเดินเล่นด้านนอก ตลอดสองข้างทางมีชาวบ้านเริ่มออกมาเปิดแผงขายของ เนี่ยฟงหยุดเดินดูสินค้าเป็นระยะๆ เย่เตาหยุดอยู่ที่ร้านขายของร้านหนึ่ง จ้องมองแผ่นป้ายหินมีอักษรโบราณสลักไว้อยู่

“เนี่ยฟง เจ้ามาทางนี้หน่อย”

เมื่อเนี่ยฟงมาถึงเย่เตาก็ชี้นิ้วไปที่แผ่นป้ายหิน เนี่ยฟงหยิบขึ้นมาจ้องมองไม่นานก็เอาวางไว้เช่นเดิม เดินออกไปดูอีกร้าน สร้างความงุนงงให้แก่เย่เตาไม่น้อยจึงรีบเดินไปสอบถาม

“เนี่ยฟงเหตุใดเจ้าไม่ซื้อมันมา”

“เจ้าไม่สังเกตชายหนุ่มที่นั่งขายของรึ จ้องมองข้าอย่างไม่วางตาตอนหยิบแผ่นป้ายหินนั่นขึ้นมาดู”

“เป็นเช่นนั้น ข้าหาได้สังเกต”

“เราจะลองไปดูหรือไม่ข้าพอจดจำแผนที่ในแผ่นป้ายหินได้ แต่ต้องเทียบกับแผนที่ของที่นี่ก่อน”

หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินหาซื้อแผ่นที่ของเขตดินแดนแห่งทะเลทราย ในระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นมาจากด้านหน้า เมื่อทั้งสองหันไปมองก็พบว่ามีคนทะเลาะกัน จึงเดินเลี่ยงออกมาไม่นานก็พบหยางเวยที่เดินยกยิ้มมาจากด้านหน้า

“เหตุใดพวกเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่”

“เนี่ยฟงเจอแผ่นป้ายหิน พวกเรามาตามเจ้าเพื่อที่จะไปสำรวจกัน”

หยางเวยได้ยินเช่นนั้นก็แสยะยิ้ม

“เอาสิ ว่าแต่พวกเจ้าจะไปช่วยคนพวกนั้นปราบสัตว์อสูรหรือไม่”

“คงไม่จำเป็น ศิษย์สำนักผาสวรรค์คงจัดการกันเองได้ เห็นเจ้าเดินยิ้มดีใจเช่นนี้ คงได้มาไม่น้อยสินะ”

“ไม่มากไม่น้อยพอเป็นค่าเดินทาง”

ทั้งสามคนเดินออกจากเมือง เนี่ยฟงกางแผนที่ที่ซื้อมาพร้อมกับเทียบกับแผนที่จากแผ่นป้ายหิน ทั้งสามพุ่งทะยานขึ้นหลังสัตว์อสูรออกเดินทางอีกครั้ง เกือบชั่วยามเนี่ยฟงก็เอ่ยวาจาออกมา

“พวกเจ้าระวังตัวด้วย ด้านหน้ามีคนดักซุ่มอยู่”

ในระหว่างที่ทั้งสามบนอยู่บนฟ้า เนี่ยฟงก็เอ่ยวาจาออกมา

“หยางเวย เย่เตา ระวังตัวด้วยพวกมันบุกมาแล้ว”

สิ้นเสียงกล่าวของเนี่ยฟงกิเลนอัสนีก็ร้องคำรามเบี่ยงตัวหลบ ปราณดาบที่พุ่งขึ้นมา กิเลนอัสนีบินวนไปมา หยางเวยซัดฝ่ามือลงไปที่พื้นทราย ปราณฝ่ามือสีม่วงพุ่งลงเข้าปะทะ เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ควันพิษสีม่วงฟุ้งกระจาย เสียงร้องโหยหวนดังแว่ว หยางเวยรีบพุ่งลงมาจากกิเลนอัสนีอย่างรวดเร็วพร้อมกับอสรพิษดำที่พุ่งเข้ารัดคนด้านล่าง ไม่ถึงหนึ่งเค่อคนที่ดักซุ่มอยู่ก็ถูกสังหารจนหมดเกือบสิบคน หยางเวยไม่ลืมที่จะปลดทรัพย์คนทั้งหมดทั้งสามก็เดินทางต่อ ระหว่างทางหยางเวยก็นั่งตรวจสอบแหวนที่ยึดมา

“คนพวกนี้เป็นกลุ่มโจรดักโจมตีนักเดินทาง เจ้าดูนี้”

หยางเวยสะบัดมือขวานำจดหมายออกมายื่นให้แก่เนี่ยฟง เนี่ยฟงนั่งอ่านข้อความในจดหมายอยู่ไม่นานก็หันไปมองเย่เตา

“เย่เตาข้ารู้แล้วว่า คนที่นำแผ่นป้ายหินออกมาขายคือใคร พวกมันเป็นคนของพรรคอสรพิษฟ้า”

“พรรคอสรพิษฟ้า”

“ใช่”

“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อ เนี่ยฟง”

“คงต้องไปตามแผนที่ก่อนหากว่ามันเป็นจริง อาจมีสมบัติอยู่ก็เป็นได้”

เมื่อตัดสินใจเช่นนั้น ทั้งสามก็เดินทางต่อ เกือบชั่วยามเนี่ยฟงก็ให้กิเลนอัสนีหยุดนิ่งกลางอากาศ

“มีสิ่งใดเนี่ยฟง”

“เราถึงที่หมายแล้ว แต่ว่าไม่พบเจอสิ่งใดเลยนอกจากทะเลทราย”

หยางเวยหันไปมองรอบๆก็ไม่พบเห็นสิ่งใด

“หรือว่ามันจะอยู่ข้างใต้”

สิ้นเสียงกล่าวหยางเวยก็ซัดฝ่ามือลงด้านล่าง ปราณฝ่ามือสีม่วงพุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว เปรี้ยง ตูม พื้นทรายระเบิดขึ้นมา เม็ดทรายค่อยๆไหลแยกออกมา พบเห็นเป็นพื้นหินขนาดใหญ่ ทั้งสามจึงรีบลงไปดูเนี่ยฟงใช้มือเคาะไปมาบนพื้นหิน ไม่นานก็โคจรลมปราณไปที่มือขวาต่อยลงไปที่พื้น เปรี้ยง มันค่อยๆร้าวไม่นานก็แตกลงเห็นเป็นห้องขนาดใหญ่ด้านล่าง จากการสำรวจอยู่นาน

“ที่แท้ที่นี่มันคือเมืองขนาดใหญ่ที่ล่มสลายไปนานแล้วและมีพายุทะเลทรายพัดเม็ดทรายเข้ามาปกคลุมเมืองทั้งหมด”

“เช่นนั้นที่นี่ก็ไม่มีสิ่งใดต้องสำรวจแล้ว เพราะอย่างไรเสียเราก็ไม่รู้อยู่ดีว่าสมบัติถูกซ่อนไว้ที่ไหน”

“หากเช่นนั้นพวกเจ้าติดตามข้ามา ข้าจะพาพวกเจ้าไปอีกที่หนึ่ง”

เมื่อกล่าวเสร็จสิ้นเนี่ยฟงก็กระโดดไปบนหลังของกิเลนอัสนีพร้อมกับหยางเวย ส่วนเย่เตากระโดดขึ้นหลังอินทรีพยัคฆ์ตัวใหญ่ ทั้งสามกำลังจะพุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง

“ไอ้หนูเจ้าอย่างพึ่งไป”

“มีสิ่งใดขอรับท่านลุ่ยกง”

“เหตุใดเจ้าไม่ใช่อักขระศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบ”

เนี่ยฟงได้ยินเช่นนั้นก็ใช้มือขวาตบไปที่หน้าผากของตน

“ข้าลืมไปได้อย่างไร”

เนี่ยฟงกันไปมองเย่เตา หลังจากนั้นก็กระโดดลงจากหลังกิเลนอัสนี เนี่ยฟงสะบัดมือขวาประกายสายฟ้าพุ่งออกมา มันหมุนวนรอบกายเนี่ยฟงไม่นานมันก็พุ่งทะยานออกมาไป เนี่ยฟงเองก็พุ่งทะยานติดตามไปเช่นกัน ส่วนทั้งสองคนนั่งสัตว์อสูรติดตามเนี่ยฟงไป ไม่นานเนี่ยฟงก็มาหยุดยืนที่โล่งกลางทะเลทราย เนี่ยฟงสะบัดมืออีกครั้งปรากฏวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าออกมาบนพื้น หลังจากนั้นเนี่ยฟงก็หันไปมองหยางเวย

“หยางเวยเจ้าเห็นวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่พื้นหรือไม่ ให้เจ้าซัดฝ่ามือลงมือที่มัน”

หยางเวยพยักหน้าตอบรับ รีบโคจรลมปราณอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงสองลมหายใจหยางเวยก็ซัดฝ่ามือลงไปที่วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้า เปรี้ยง เกิดแรงสั่นสะเทือนเนี่ยฟงรีบพุ่งทะยานขึ้นไปบนหลังกิเลนอัสนีอย่างรวดเร็ว พื้นทรายค่อยๆไหลแยกออกเป็นทาง ไม่นานก็ปรากฏเป็นปราสาทขนาดใหญ่โผล่ออกมา หยางเวยตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจ พุ่งทะยานลงมาด้านล่างอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงสี่ลมหายใจเย่เตาก็ลงมารวมกลุ่ม หยางเวยเดินเข้าไปดันประตูหินด้านหน้า พบว่ามันถูกล็อกจากด้านใน ไม่รีรอหยางเวยซัดฝ่ามือไปที่กลางประตูหิน เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ประตูหินสั่นสะเทือนดังสนั่น ไม่นานก็ได้ยินเสียงแตกหักมาจากด้านใน หยางเวยรวบรวมพลังปราณดันประตูอีกครั้ง

ฝุ่นทรายค่อยๆไหลลงมาจากประตูหิน ประตูหินค่อยๆถูกเปิดอย่างช้าๆ ไม่นานก็เปิดเป็นช่องพอให้ทุกคนเข้าไปได้ หยางเวยรีบสะบัดมือนำตะเกียงไฟออกมาจุด ในจังหวะนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นออกมา

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขอบใจพวกเจ้าทั้งสามที่ค้นหาที่นี่ให้แก่ข้า”

ทั้งสามคนรีบเงยหน้าไปมองด้านบน พบเห็นกลุ่มคนเกือบสามสิบคนยืนต้องมองอยู่ เนี่ยฟงสังเกตเห็นชายผู้หนึ่งจึงเอ่ยกับเย่เตา

“เย่เตา ข้าพอเจอชายหนุ่มที่นั่งขายแผ่นป้ายหิน เราถูกสะกดรอยตามตั้งแต่อยู่ในเมืองแล้ว”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด