ตอนที่ 40
ตอนที่ 40
ภารกิจของชั้นที่ 18 เป็นภารกิจที่เรียบง่ายมากๆ ซูฮยอนมีหน้าที่ฆ่ามอนสเตอร์ให้ได้ 1 ตัวเท่านั้น
ถึงแม้มันจะฟังดูง่าย แต่เอาเข้าจริง ภารกิจของชั้นที่ 18 ยากเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
[ปลิดชีพ อิมูกิโบราณ]
ซูฮยอนรู้สึกแปลกใจจริงๆเมื่อได้ยินภารกิจครั้งแรก
“อิมูกิ เมื่อกี้ระบบพูดว่าอิมูกิจริงดิ”ซูฮยอนพูด
มันเป็นมอนสเตอร์ที่ไม่ควรโผล่ออกมาในชั้นที่ 18 เลยด้วยซ้ำ
ถึงแม้ มันจะมีแค่ตัวเดียว แต่การโค่นล้มอิมูกิ มันก็เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้
หลังจากต่อสู้มานานเกือบครึ่งวัน เมื่อ ซูฮยอนใช้ ‘สกิลจำแลง’ ออกมา ในที่สุดเขาก็เอาชนะอิมูกิได้สักที
เมื่อซูฮยอนเอาชนะมันได้ เขาก็ได้รับพลังของอิมูกิมาครอบครอง ซึ่งตามตำนาน อิมูกิ คือ งูขนาดเล็กที่พยายามกลายร่างเป็นมังกร เพื่อหวังให้ตัวมันมีอำนาจดุจพระเจ้า
“เฮ้อ พลังมันยังไม่สมบูรณ์จริงๆด้วย”ซูฮยอนคิด
จนถึงป่านนี้ ซูฮยอนก็ยังไม่สามารถควบคุณพลังของ อิมูกิ ได้อย่างสมบูรณ์
เพราะร่างกายของซูฮยอนไม่ได้แข็งแรงเหมือนกับอิมูกิ
ถ้าอยากควบคุณพลังของอิมูกิให้สมบูรณ์ ซูฮยอนคงต้องไปยกเครื่องร่างกายใหม่อีกครั้ง
“ไหนลองดูสิ”
ครัช...
ซูฮยอนลองลูปคลำแถวๆหลังมือ จนมือของเขาไปแตะเข้ากับเกร็ดปริศนา เมื่อมองดูดีๆ มันเหมือนเกร็ดปลาไม่มีผิด
ถึงแม้ซูฮยอนจะไม่ใช้พลังเวทย์ แต่ประสาทการรับรู้ของซูฮยอนสามารถสัมผัสบริเวณรอบๆได้อย่างเต็มที่และชัดแจ๋ว
“งั้นก็...”
วิป!
ฉัวะ
ซูฮยอนลองฉีกม่านพลังแห่งความมืดที่ลอยอยู่ตรงหน้า
ม่านพลังแห่งความมืดทนต่อความแหลมคมของกงเล็บไม่ไหว จนในที่สุดมันฉีกขาดออกจากกัน
เล็บของซูฮยอน ตอนนี้ก็เปรียบเสมือนกับดาบ 1 เล่ม
“พวกเรา ระวังเด็กคนนี้ด้วย”ลิชชี่ตัวหนึ่งตะโกน
“หึ ระวังงั้นเหรอ”ซูฮยอนพูด พร้อมกับพุ่งเข้าหาลิชชี่ด้วยความเร็วที่ตามองไม่ทัน “แต่มันสายไปแล้ว”
ปัง
กร็อบ กร็อบ
พื้นของปราสาทแตกออกจากกันเป็นเสี่ยงๆเนื่องจากแรงกระโดดของซูฮยอน
มือของซูฮยอนจับเหยื่อได้ 1 ตัว เขาบีบหัวของลิชชี่ด้วยมือข้างเดียวจนกะโหลกของมันระเบิดดังโบ๊ะ พร้อมหินแห่งชีวิตที่ร่วงหล่นออกมา
ซูฮยอนก้มหน้าลงไปเก็บหินแห่งชีวิตอย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้ห่างตา มองไปทางลิชชี่ที่เหลืออีก 3 ตัว
“ฉันเสียเวลากับพวกแกมานานมากแล้ว ฉันต้องรีบจัดการกับพวกแกซะ”ซูฮยอนกล่าว
แต่ทันใดนั้น.....เมื่อประสาทสัมผัสของซูฮยอนขยายออกไปนอกปราสาท
เขาก็รับรู้ได้ถึงสัญญาณสิ่งมีชีวิตของทหารหลายนาย กำลังมุ่งหน้าเข้ามาในปราสาทอย่างเร่งรีบ
ซูฮยอนเชื่อว่า ใช้เวลาอีกไม่ถึง 20 นาที กองกำลังทหารคงมาถึงที่นี่แน่ๆ
ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ เขาอยากเคลียร์ที่แห่งนี้ให้เสร็จเร็วๆ
“อืม...”
พรึ่บ
ซูฮยอนใช้การเคลื่อนไหวรูปแบบใหม่ออกมา จนร่างกายของเขากลืนกินไปกับสายลม
เมื่อลิชชี่เห็นดังนั้น มันจึงรวบรวมพลังเวทย์ทั้ง 3 ตัวเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างม่านป้องกัน
วุป วุป วุป
บริเวณรอบๆของลิชชี่เริ่มมีพลังความมืดที่หน่าแน่นมารวมตัวกันอย่างช้าๆ จนในที่สุดมันก็ก่อเกิดเป็นม่านป้องกันที่ดูแข็งแรง
ซูฮยอนจับดาบแกรมให้กระชับมือแล้วทำการฝาดเข้าใส่ม่านป้องกันเต็มแรง
ตูม ตูม
ม่านป้องกันที่ลิชชี่ทั้ง 3 ตัว ช่วยกันสร้างเริ่มเกิดการปริแตก
แคร็ก--!
เมื่อรอยแตกเริ่มใหญ่ขึ้น ไอพลังแห่งความมืดก็ทะลักออกมา
เศษธุลีมากมายที่ไม่ทราบที่มา เริ่มโอบล้อมร่างกายของซูฮยอน...
วู้ววววว
ในตอนนั้นเอง ซูฮยอนก็ตัดสินใจจุดประกายเปลวเพลิงสุดกำลัง
จนขนาดของลูกไฟเริ่มใหญ่ขึ้นจนก่อนหน้านี้เทียบไม่ติด ในที่สุดเปลวเพลิงของซูฮยอนก็สามารถไล่เศษธุลีออกไปจากร่างกายของตัวเองได้สำเร็จ
เมื่อไล่สิ่งหน้ารำคาญออกไปได้ ซูฮยอนก็ใช้เพลิงของตัวเองไปโอบล้อมร่างกายของลิชชี่
เพื่อกันไม่ให้มันหนีไปไหน...
“อะไรกัน..”ลิชชี่ตัวหนึ่งตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
ลิชชี่ทั้ง 3 ตัว เริ่มเกิดอาการสั่นกลัวขึ้น ร่างกายของมันเริ่มก้าวถ่อยหลังออกไปห่างๆจากเปลวเพลิง
แต่แล้วก็มีลิชชี่ตัวหนึ่งเห็นแกตัว มันผลักพรรคพวกของมันไปทางด้านหน้า เพื่อเป็นโล้ป้องกันความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา
เมื่อลิชชี่สัมผัสกับเปลวเพลิงของซูฮยอนร่างกายของมันก็กลายเป็นเถ้าธุลีทันที
“เหลืออีก 2 ตัว”ซูฮยอนพูด
พรึบ
ฉัวะ
ซูฮยอนจับดาบแกรมแล้วฟันไปที่ลิชชี่ที่เผลออีกครั้ง เพื่อหวังปลิดชีวิตของมันให้ได้ทันที
แต่ผิดคาด มันสามารถหลบการโจมตีของเขาได้ ถึงแม้มันจะรอดชีวิต แต่มันก็เสียแขนไปแล้วข้างหนึ่ง
เพล้ง
ม่านป้องกันของลิชชี่ที่รวมใจกันสร้าง แตกอย่างจากกันเป็นเสี่ยงๆ เนื่องจากสมาธิที่แตกกระเจิงของ
ในที่สุดพวกมันก็สํานึกได้สักที่ว่าไม่ควรประมือกับซูฮยอนอีกต่อไป เวลานี้...เอาชีวิตให้รอดสำคัญที่สุด
“พวกเราต้องรีบหนีเดี๋ยวนี้”ลิชชี่ตัวหนึ่งพูด
“ถ้าพวกเรายังยื่อเวลาต่อไป พวกเราได้กลายเป็นเถ้าธุลีแน่ๆ”ลิชชี่อีกตัวพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเท่า
ลิชชี่ทุกตัวตะหนักได้แล้วว่าสกิลจำแลงของซูฮยอนมันแข็งแกร่งแค่ไหน
ถ้าพวกมันรู้เร็วกว่านี้ พวกมันคงไม่มีทางต่อสู้ด้วยแน่ๆ
ในขณะที่พวกมันกำลังไตร่ตรองอยู่ ก็มีวิหคปริศนาหนึ่งตัว บินลงมาจากฝากฟ้าแล้วงับเข้าไปบริเวณกลางลำคอของลิชชี่อย่างจัง
ร่างกายของลิชชี่ที่กำลังจะวิ่งหนีเริ่มหยุดนิ่ง ใช้เวลาไม่นาน ร่างกายของมันก็ท่วมท้นไปด้วยเปลวเพลิง
กี้ กี้
เมื่อร่างกายของลิชชี่เริ่มเผาไหม้ นกฟีนิกซ์จึงตัดสินใจใช้กงเล็บที่แหลมคมกระชากหัวของลิชชี่ออกจากลำตัวทันที................
ณ.เวลานี้ เหลือลิชชี่อีกเพียงแค่หนึ่งตัวเท่านั้น
“อะไรกัน ไม่จริงใช่ไหม”ลิชชี่ตัวสุดท้ายกรีดร้องออกมา
“ขอโทษด้วย แต่มันคือเรื่องจริง”ซูฮยอนพูด
พรึ่บ
ซูฮยอนใช้การเคลื่อนไหวแบบใหม่ออกมาอีกครั้ง เพื่อหวังปิดฉากการแสดง
เมื่อลิชชี่เห็นดังนั้น มันจึงตัดสินใจยืนมือออกไปด้านหน้าเพื่อปลดปล่อยพลังเวทย์เฮือกสุดท้ายออกมา
วุปปปปป
‘พระแสงความมืดแห่งการชี้นำ’ เริ่มโอบล้อมร่างกายของซูฮยอนอีกครั้ง
เมื่อเห็น ‘พระแสงความมืดแห่งการชี้นำ’ เริ่มกลืนกินร่างกายของซูฮยอน
มันก็แสดงสีหน้าดีอกดีใจออกมา
“สำเร็จ!....”ลิชชี่พูดออกมาอย่างยินดี แต่ความยินดีของมันก็อยู่ได้ไม่นาน
[กายาทรหด]
พรึ่บ
ซูฮยอนเปิดใช้งาน [กายาทรหด] แล้วเข้าประชิดตัวของลิชชี่ ตามร่างกายของซูฮยอนไม่มีบาดแผลเลยสักนิด
เขาคว้าคอของลิชชี่เอาไว้ด้วยมือทั้ง 2 ข้าง
ลิชชี่เมื่อถูกซูฮยอนเล่นงาน มันก็จ้องมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
“เจ้าทำได้ยังไง....”ลิชชี่ถามซูฮยอนด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า
‘พระแสงความมืดแห่งการชี้นำ’ คือประเภทเวทมนต์แห่งความมืดที่มีความสามารถเกี่ยวกับสุญญากาศ
เมื่อใช้มันออกมา ผลลัพธ์ที่ตามมา มันควรกดดันจนศัตรูขยับไปไหนไม่ได้ พร้อมกับแรงกดทับที่บดขยี้ได้แม้กระทั้งเหล็กกล้า มนุษย์สามัญไม่มีทางทนต่อแรงกดทับได้แน่นอน
ทว่า..มี 2 ข้อที่ลิชชี่ตัวนี้มองข้ามไป
ข้อที่ 1. ร่างกายของซูฮยอนตอนนี้ เลยเกินกว่าจะเรียกว่ามนุษย์สามัญ
ข้อที่ 2 . ตอนที่ร่างกายของซูฮยอนกำลังถูกหลอมรวมเข้ากับร่างของอิมูกิ ทำให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
“ถ้าแกตอบคำถามของฉันได้ ฉันจะไม่บดขยี้หัวของแก”ซูฮยอนพูด
ด้วยพละกำลังที่มากมาย บวกกลับพลังของเปลวเพลิง ทำให้ลิชชี่เริ่มหยุดดิ้นรนและสลายพลังเวทย์ของตัวเองทิ้ง
ลิชชี่เองก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ถึงแม้มันจะเสียเกียรติมากแค่ไหน แต่เพื่อความอยู่รอด มันก็จำเป็นต้องทำ.............
ถ้าซูฮยอนอยากสังหารมัน เขาสามารถทำได้ตลอดเวลา
ก็อย่างที่ซูฮยอนเคยบอก ถ้ามันสามารถตอบคำถามของซูฮยอนได้ มันอาจมีรอดชีวิตรอดกลับไป....
“ถ้างั้น..แกจะบอกฉันไหม?”ซูฮยอนถาม
ลิชชี่ส่วนมากมักกลัวความตาย ซูฮยอนเชื่อว่าลิชชี่ตรงหน้าก็ไม่ต่างอะไรกับลิชชี่พวกนั้น
และความคิดของเขาก็ถูกต้อง......
“ดะ..ได้ ข้าจะบอก”ลิชชี่ตอบกลับ
ลิชชี่ลังเลอยู่สักพักว่าควรบอกเรื่องนั้นให้ซูฮยอนฟังดีหรือไหม.. แต่ไม่นานมันก็ต้องทำใจยอมบอก เพราะชีวิตของมันอยู่ในกำมือของซูฮยอน
ซูฮยอนไม่กังวลว่าลิชชี่ตัวนี้จะตุกติกเลยสักนิด เพราะเขาสามารถบีบกะโหลกของลิชชี่ให้แตกได้ตลอดเวลา
“เอาล่ะ..อย่างแรกที่นี่มีอะไรกันแน่”ซูฮยอนถาม
“ข้างใต้...”
ขณะที่ลิชชี่กำลังเปิดปากอธิบาย
อยู่ๆซูฮยอนก็สัมผัสได้ถึงความอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา เขารีบปล่อยหัวกะโหลกของลิชชี่
และเปิดใช้งาน [กายาทรหด] อีกครั้ง ก่อนจะกระโดดหนีออกมา
ฉึก
ใต้พื่นที่ซูฮยอนยืนอยู่มีหอกสีดำ 2 อัน พุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน
หอกจาก 1 ใน 2 อัน ได้เจาะเข้าไปที่ร่างกายของลิชชี่อย่างจัง จนลิชชี่ที่กำลังจะพูดอะไรบ้างอย่างเริ่มแน่นิ่ง
ถ้าซูฮยอนอยู่ยังยืนอยู่ที่เดิม มีหวังเขาได้ตายตามลิชชี่ไปด้วยแน่ๆ
เมื่อหอกสีดำฆ่าลิชชี่สำเร็จ มันก็ค่อยจ่างหายไป
หินแห่งชีวิตซึ่งเป็นแกนกลางสำคัญของลิชชี่ หล่นออกมาสู้พื้นดิน มันเป็นหลักฐานชั้นดีแสดงว่าลิชชี่ตัวนี้ได้ตายลงไปแล้วจริงๆ
“เฮ้อ...น่ารำคาญเป็นบ้า”ซูฮยอนบ่นอุบอิบ
“พวกเราทางนี้”
“ศัตรูอยู่ข้างหน้า”
ทหารของปราสาทมาถึงจุดที่ซูฮยอนยืนอยู่
ในหมู่ทหาร มีชายอยู่แค่คนเดียวที่ดูแข็งแรง เพราะเขามีออร่าเวทมนตร์มากสีสุด ชายคนนั้นก็คือ แม็กซ์แมน
“ทุกคนหยุดก่อน อย่างพึ่งวู่วามเข้าไป อยู่ข้างหลังข้าและเตรียมตัวป้องกัน”แม็กซ์แมนกล่าว
เมื่อแม็กซ์แมนมาถึงสถานที่เกิดเหตุ เขาก็เจอเข้ากับซูฮยอนที่ยืนอยู่คนเดียว
แม็กซ์แมน หยิบดาบออกมาและเล็งปลายดาบไปทางซูฮยอน
แต่เมื่อสายตาของเขาสังเกตเห็นถึงบริเวณรอบๆ ร่างกายของแม็กซ์แมนก็แข็งทื่อ เพราะเขาเห็นซากศพหลายร่างนอนกระจัดกระจ่ายกันอยู่
“อะไรกัน...ที่นี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่”แม็กซ์แมนถามออกมา
ตามพื้นของปราสาท มีแต่เศษกระดูกของลิชชี่แตกกระจายอยู่เต็มไปหมด
ช่วยไม่ได้ที่แม็กซ์แมนก็เกิดความสงสัยขึ้นมา
“อืม..มันเป็นเวลาพอเหมาะจริงๆ”ซูฮยอนค่อยๆหันกลับไปแล้วมองไปทางทหารที่ยืนต่อแถวกันอยู่...
“พี่ชายคือหัวหน้าของที่แห่งนี้ใช่ไหม ถ้าเป็นไปได้ พี่ชายรีบพาทหารหนีไปเถอะ”
“ไอ้หนู แกกำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่”แม็กซ์แมนตอบกลับไปพร้อมกันความรู้สึกที่สับสน
ปราสาทแห่งนี้คือหน้าที่ของทหารที่ต้องปกป้อง
ที่สำคัญแม็กซ์แมนก็เป็นผู้บัญชาการของทหารทั้งหมด ทำไมเขาต้องหนีด้วย?
ซูฮยอนที่เป็นศัตรูต่างหากที่ต้องออกไปจากปราสาทแห่งนี้ไป
แต่ซูฮยอนกลับยืนอย่างสง่าผ่าเผยดุจปราสาทแห่งนี้คือที่พำนักของเขา
ทำให้แม็กซ์แมนรู้สึกตะขิดตะขวงใจเล็กน้อย ถ้าคนเบื้องหน้าอยากให้เขาพาทหารหนี เขาจำเป็นต้องรู้ข้อมูลมากกว่านี้
“อืม...ถ้าพี่ชายลองสังเกตบริเวณรอบๆ พี่ชายจะรู้ได้ทันที่ว่าเกิดอะไรขึ้น”ซูฮยอนกล่าว
“เจ้าหมายถึง..ลิชชี่?”แม็กซ์แมนถาม
“ใช่ครับ ที่แห่งนี้คือรังของพวกมัน ถ้าพี่ชายยังอยู่ที่นี่ต่อไป พวกพี่ชายได้ตายแน่ๆ”ซูฮยอนพูด
“แล้วข้าจะเชื่อใจเจ้าได้อย่างไร ไม่แน่ ลิชชี่ทุกตัวแกอาจพาพวกมันมาก็ได้ ที่สำคัญเศษกระดูกที่กระจัดกระจายอยู่อาจมาจากทหารของข้าก็ได้”
แม็กซ์แมนไม่สามารถเชื่อใจซูฮยอนได้เปอร์เซ็น เพราะไม่แน่ซูฮยอนอาจวางกับดักเอาไว้เพื่อให้พวกเขาหลงกล
ถ้าแม็กซ์แมนเดินสุ่มสี่สุ่มห้า เขาอาจเสียชีวิตได้ทันที
“ถ้างั้น..พี่ชายเคยเห็นสิ่งนี้ไหม”
ซูฮยอนค่อยก้มลงแล้วหยิบหินแห่งชีวิตจากพื้นขึ้นมา
“สิ่งนี้เรียกว่าหินแห่งชีวิตของลิชชี่ มันคือแกนกลางของพลังงานทั้งหมดของมัน ลิชชี่ส่วนใหญ่มักติดตั้งมันไว้บนศีรษะ”
“งั้นก็พิสูจน์ให้ข้าเห็นสิ ว่าเจ้าไม่ใช่คนนำลิชชี่พวกนั้นเอามา”แม็กซ์แมนพูด
“เฮ้อ...พี่ชาย ถ้าผมพาลิชชี่มาให้ปราสาทจริงๆ พี่ชายคงอยู่ในปราสาทแห่งนี้ไม่ได้นานแล้ว ที่สำคัญถ้าผมเป็นศัตรูกับพี่ชาย ผมคงฆ่าล้างผลาญทหารของพี่ชายไปหมดแล้ว”
สิ่งที่ซูฮยอนกล่าวมามันช่างน่าสยองจริงๆ แต่มันก็เป็นความจริง
ลิชชี่เป็นมอนสเตอร์ที่เปรียบเสมือนนักเวทย์ระดับสูง หากลิชชี่รวมมือกับนักดาบที่มีสกิลอันทรงพลัง
พวกเขาคงพังทรายปราสาทแห่งนี้ลงได้เหมือนเหยียบมดปลวก
หรือว่าที่ผ่านมา ซูฮยอนจะแสดงละครเป็นศัตรูเพื่อหวังมาปลิดชีพลิชชี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว?
ไม่..มันไม่น่าเป็นไปได้
“อืม..แสดงว่าเจ้าพวกลิชชี่อยู่ในปราสาทแห่งนี้ตั้งแต่แรกแล้วสินะ”แม็กซ์แมนคิดในใจ
“ข้าควรพาทหารหนีออกไปตามคำพูดหว่านล้อมของเจ้าเด็กนี้ดีหรือไม่?”
“พี่ชาย พี่ไม่อยากช่วยทหารของพี่เหรอ ถ้าพี่ยังยืนกรานอยู่ที่นี่ ทั้งพี่ชายและทหารชั้นผู้น้อย ได้ตายกันหมดแน่”
คำพูดของซูฮยอนอาจฟังดูโหดร้าย แต่มันก็อาจเกิดขึ้นจริงได้เช่นกัน..
ตอนนี้แม็กซ์แมนเริ่มสองจิตสองใจว่าควรทำไงยังต่อดี
“ขะ..ข้า”แม็กซ์แมนพยายามเปิดปากพูดเพื่อตัดสินใจในสิ่งที่ตัวเองคิด
‘ห้ามไปไหนทั้งสิ้น’
แต่ในขณะที่แม็กซ์แมนกำลังตัดสินใจ เขาก็ได้ยินเสียงของชายคนหนึ่งลอยออกจากอากาศ
มันเป็นเสียงของผู้บังคับบัญชาที่มียศสูงกว่าแม็กซ์แมน เพราะเขาสืบเชื้อสายมาจากราชอาณาจักรโดยตรง
“อะไรกัน..”
‘ห้ามหนีไปไหนทั้งนั้น ฆ่าผู้ชายคนนั้นซะ เดี๋ยวนี้’
เสียงคำสั้งที่หนักแน่นดังลั่นไปทั่วทั้งปราสาท
แต่เมื่อซูฮยอนได้ยินเสียงนี้ครั้งแรก เขาก็ระบุได้ทันที่ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร
“เป็นมันนี้เอง”ซูฮยอนคิด
มันไม่ใช่ใครอื่น นอกจากลิชชี่ ตัวที่ซูฮยอนสัมผัสมันได้จากนอกปราสาท
ทำไมเขาถึงมั่นใจว่าเป็นมันนะเหรอ....เพราะเสียงที่ส่งออกมา ซูฮยอนสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ที่หนาแน่นกว่าปกติปะปนมาด้วย
‘ข้าในฐานะผู้บัญชาการ ข้าขอสั่ง แม็กซ์แมน เจ้าจงไปฆ่ามันซะ”
“อืม...ฟังจากคำพูด ดูเหมือนตำแหน่งของมันจะใหญ่กว่าแม็กซ์แมนจริงๆด้วยแฮะ”ซูฮยอนบ่นพึมพัม
เขาหันไปมองแม็กซ์แมนที่เต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน ตอนแรกเขาเกือบเห็นด้วยกับคำพูดของซูฮยอนแล้วแท้ๆ
“ถ้างั้น...ดูเหมือนลิชชี่จะใช้ระบบขุนนางเพื่อกดดันแม็กซ์แมนนี้เอง”ซูฮยอนคิด
ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของซูฮยอน คือชายที่เป็นทหารมาหลายปี
ดังนั้นคำสั่งของผู้มีตำแหน่งสูงกว่า ก็เป็นดั่งคำบัญชาจากพระเจ้า ถ้าเขาสั่งให้ไปตาย ทหารผู้นั้นก็ต้องทำตาม
ซึ่งมันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติตามที่สืบทอดกันมาอย่างช้านานของระบบทหาร
“ข้าควรทำยังไงดี?.....”แม็กซ์แมนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องต่อสู้ตามคำสั่งเท่านั้น