บทที่ 131
ปราณดาบสีแดงพุ่งผ่านหน้าชายชราเซียวจุ้ย ปะทะกับต้นไม้ใหญ่เสียงดังสนั่น เปรี้ยง ต้นไม้ใหญ่ถูกผ่าออกไปเป็นสองซีก เศษต้นไม้ที่กระเด็นออกมาแทงเข้าที่ขาซ้ายเลือดสีแดงไหลออกมาจากบาดแผล ฝ่ามือพิษสีม่วงถูกซัดออกมา แต่ก็ถูกทำลายลงโดยปราณดาบสีแดง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ควันพิษสีเทาฟุ้งกระจาย ชายหนุ่มหาได้สนใจฟาดฟันดาบในมืออย่างต่อเนื่อง ไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ชายหนุ่มรีบระเบิดพลังปราณระดับสีแดงขั้นต้นออกมา ตูม แรงลมพัดพาควันพิษสีเทาจางหายไปในอากาศ ภาพที่เห็นชายชราเซียวจุ้ยถูกปราณดาบฟันแขนซ้ายจนขาด
“ในที่สุดข้าก็ตามมาท่านจนพบ”
ชายชราเซียวจุ้ยขมวดคิ้วทั้งสองขึ้น จ้องมองชายหนุ่มด้านหน้าที่เดินเข้ามาด้วยความสงสัย
“เจ้าเป็นใครกัน”
“คิดแล้วว่าท่านต้องจดจำข้าไม่ได้ เอาเถอะไม่เป็นไร เพราะอย่างไรเสียคนตายก็หาได้รับรู้สิ่งใดอยู่แล้ว”
ชายชราเซียวจุ้ยก้มหน้าครุ่นคิดพร้อมกับบ่นพึมพำไม่ถึงสามลมหายใจก็เงยหน้าขึ้นมา
“หรือว่าจะเป็นบุตรชายของท่าน”
“อย่า”
เย่เตาฟันดาบในมือออกผ่านลำคอ เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดประดุจน้ำพุ ศีรษะกระเด็นลงพื้น ในจังหวะที่เนี่ยฟงพุ่งเข้ามาพอดีจึงร้องตะโกนออกมาไป
“ไอ้บ้าเย่เตา เหตุใดเจ้าถึงรีบสังหารมัน”
“ข้าขอโทษเนี่ยฟง”
“ช่างเถอะ ในเมื่อคนก็ตายไปแล้วจะสืบความต่อไปก็คงอยาก เช่นนั้นกลับกับเถอะ”
เนี่ยฟงเดินไปหยิบแหวนจากร่างของชายชรา หลังจากนั้นก็พุ่งทะยานกลับไปที่จวนเจ้าเมือง เมื่อกลับมาถึงเนี่ยฟงก็ยื่นแหวนของชายชรามอบให้กับท่านเจ้าเมือง ทั้งสามอยู่ที่เมืองแห่งนี้เพียงแค่หนึ่งวันก็ของตัวออกเดินทางต่อ เนี่ยฟงพาทั้งสองมุ่งหน้าไปตามแผนที่สมบัติ สองวันในทะเลทรายเป็นการเดินทางที่ลำบากไม่น้อย กลางวันเจอแดดที่ร้อน กลางคืนเจออากาศที่หนาวเย็น ไม่นานทั้งสามก็เจอป่าขนาดใหญ่ด้านหน้า ด้วยความสงสัยทั้งสามรีบไปที่นั่น ทันทีที่มาถึงก็พบว่ามันคือป่าจริงๆ เมื่อเดินเข้าไปด้านในของป่าพอเจอแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ที่สำคัญพบเจอชาวยุทธ์คนอื่นด้วย มีสี่กลุ่มที่นั่งพักอยู่บริเวณแอ่งน้ำ
ตอนนี้ทั้งสามหาได้ปลอมตัวอีกต่อไป หยางเวยรีบก่อไฟนำเนื้อสัตว์อสูรออกมาย่าง พอได้ที่ก็ใส่สมุนไพรบางอย่างลงไป กลิ่นหอมลอยฟุ้งไปตามลม ในที่สุดเนื้อย่างก็ได้ที่ หยางเวยก็เรียกเนี่ยฟงและเย่เตามานั่นทาง ระหว่างที่ทั้งสามกำลังนั่งทานอยู่ก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์สามคนเดินเข้ามาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ทันทีที่ทั้งสามเดินเข้ามาก็ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น
“เจ้าเด็กน้อยทั้งสาม เนื้อย่างของเจ้าส่งกลิ่นหอมยิ่งนัก พวกเจ้าพอจะแบ่งให้พวกข้าได้หรือไม่”
อีกสามกลุ่มที่เหลือหันมามองไปที่ชายหนุ่มทั้งสามได้แต่ส่ายศีรษะไปมา แล้วก็หันไปมองทางอื่น หยางเวยที่หันไปมองรอบข้างก็พอจะรับรู้บางสิ่งกล่าววาจาตอบชายฉกรรจ์ผู้นั้น
“ได้ขอรับ แต่ว่าต้องรอชุดต่อไปก่อนนะขอรับ”
“ไม่ ข้าอยากจะกินตอนนี้ เหตุใดเจ้าไม่นำเนื้อในมือของเจ้ามาให้ข้า”
หยางเวยได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้ม
“ได้ขอรับ”
ในระหว่างที่ลุกเดินเอาเนื้อย่างในมือไปให้ มือซ้ายหยางเวยก็แอบโคจรลมปราณเอาไว้ เมื่อได้ระยะก็ทำเป็นยื่นเนื้อย่างในมือขวาให้ ในขณะที่ชายคนนั้นเอื้อมมือมาหยิบ หยางเวยก็ซัดฝ่ามือซ้ายไปที่หน้าอกของชายผู้นั้นอย่างถนัดถนี่ เปรี้ยง กระเด็นออกไปด้านหลังกระอักเลือดออกมานอนแน่นิ่งบนพื้น ชายฉกรรจ์อีกสองคนสบถเสียงดังลั่น
“บัดซบ เจ้าทำสิ่งใดกันไอ้ลูกหมา”
หยางเวยไม่กล่าวสิ่งใดตอบ คาบเนื้อย่างไว้ที่ปากพร้อมกับพุ่งเข้าหาชายฉกรรจ์ทั้งสอง เมื่อเข้าประชิดได้คนหนึ่งไม่รีรอ ซัดฝ่ามือขวาออกไปทันที เปรี้ยง ทันทีที่ฝ่ามือเข้าปะทะหยางเวยก็พุ่งเข้าหาอีกคน กุมตัวหลบดาบที่ฟันเข้ามาก้าวเท้าซ้ายออกไป ซัดฝ่ามือขวา เปรี้ยง เลือดสีแดงสดกระอักออกมาพร้อมกับเสียงกระดูกแตก หยางเวยเดินเข้าไปหยิบแหวนจากนิ้วมือชายทั้งสาม หลังจากนั้นก็กลับมานั่งที่เดิมทิ้งให้ชายฉกรรจ์ทั้งสามนอนสลบอยู่บนพื้น ในระหว่างนั้นหยางเวยก็ตรวจสอบแหวนที่ยึดมา
“เนี่ยฟง คนทั้งสามเหตุใดจึงมีป้ายตระกูลเจ้าอยู่ในตัว”
เมื่อกล่าวจบหยางเวยก็โยนแหวนวงหนึ่งให้เนี่ยฟง เมื่อโคจรลมปราณตรวจสอบในแหวนก็พบว่ามีป้ายไม้หนึ่งแผ่นเมื่อนำออกมาก็พบว่ามันเป็นป้ายตระกูลเนี่ยของจริง เนี่ยฟงหาได้กล่าวสิ่งใดนำป้ายไม้เก็บไว้ในแหวนพร้อมกับโยนมันกลับมาให้หยางเวย
“ข้าและตระกูลตัดขาดกันมานานแล้ว ส่วนป้ายเป็นของจริง”
ทั้งสามยังคงพักอยู่ที่เดิมเพราะตกลงกันว่าจะเดินทางต่อในรุ่งเช้า ระหว่างที่ทั้งสามนั่งโคจรลมปราณอยู่ใต้ต้นไม้ก็มีเสียงตะโกนเสียงดังโวยวายดังขึ้นมา
“บัดซบ มันเป็นใครกันบังอาจทำร้ายคนของข้า”
เสียงตะโกนยังคงดังต่อเนื่อง เสียงตะโกนค่อยๆเข้ามาหาทั้งสาม
“เป็นพวกเจ้าทั้งสามรึ ที่ทำร้ายคนของข้า”
ทั้งสามลืมตาขึ้นมาก็พอว่ามีชายหนุ่มผู้หนึ่งรูปร่างสูงโปร่ง สวมชุดสำนักผาสวรรค์ ด้านหลังมีชายหนุ่มอีกสามคนสวมชุดสำนักผาสวรรค์เช่นกัน หยางเวยลืมตาขึ้นมาก็ยกยิ้มให้แก่ชายหนุ่มทั้งสี่
“มีสิ่งใดหรือพี่ชาย”
“ยังจะกล่าวสิ่งใดอีก พวกเจ้าเป็นคนทำร้ายคนของข้าใช่หรือไม่”
“หากเป็นพวกโจรทั้งสามที่คิดมาข่มขู่พวกข้าละก็ใช่ขอรับ เป็นข้าเองที่ลงมือสั่งสอนพวกมันเอง หากทั้งสามเป็นคนของท่านข้าต้องขออภัยด้วยขอรับ”
ไม่มีเสียงกล่าวใดๆมาจากชายหนุ่มด้านหน้า พุ่งทะยานเข้าหาชายหนุ่มที่ทำร้ายคนของตน หยางเวยเองก็รอเวลานี้อยู่แล้วพุ่งเข้าปะทะเช่นกัน ทั้งสองยืนแลกหมัดกันอยู่อย่างไม่มีใครยอมใคร ผัวะ ผัวะ ผัวะ เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เนี่ยฟงและเย่เตาเองก็ถูกชายหนุ่มทั้งสามคนพุ่งเข้าปะทะเช่นกัน เนี่ยฟงยืนโยกตัวหลบกระบี่ที่ถูกจ้วงแทงเข้ามา ส่วนเย่เตาใช้ดาบเข้าสกัดชายหนุ่มอีกสองคน เคร้ง เคร้ง เคร้ง หยางเวยระเบิดปราณพิษออกมา ตูม ชายหนุ่มที่ปะทะกับหยางเวยกระเด็นออกไปด้านหลัง เย่เตาและเนี่ยฟงก็จัดการทุบตีชายหนุ่มทั้งสามเสร็จแล้วเช่นกัน
เสียงร้องคำรามของสัตว์อสูร เมื่อทั้งสามหันไปมองก็พบว่าเป็นสัตว์อสูรสุนัขหมาป่าขนสีเงินระดับสีส้มขั้นกลาง หยางเวยแสยะยิ้มสะบัดมือสวมถุงมือไหมพร้อมกับโคจรลมปราณเอาไว้เพื่อรอเวลา ทันทีที่หมาป่าขนสีเงินพุ่งทะยานเข้ามา หยางเวยไม่รอช้าพุ่งเข้าปะทะ ง้างหมัดขวาต่อยออกไปวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏออกมาด้านหน้าของหมัด เปรี้ยง หมาป่าขนสีน้ำเงินกลายเป็นแสงพุ่งเข้าหาร่างผู้เป็นนาย เสียงสบดดังมาจากชายหนุ่มด้านหน้า
“บัดซบ เจ้าทำสิ่งใดกับสัตว์อสูรของข้ากัน”
เนี่ยฟงหันไปจ้องมองชายหนุ่มที่สวมชุดสำนักผาสวรรค์ที่ปะทะกับหยางเวย
“หยางเวยหยุดมือ”
แต่ไม่ทันหยางเวยต่อยเข้าไปที่ปลายคางของชายผู้นั้นกระเด็นออกไปนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น หยางเวยรีบหันไปมองเนี่ยฟง
“มีสิ่งใดรึ”
“ไม่มีสิ่งใด ข้าว่าเร่งเดินทางเถอะข้าไม่อยากเจอปัญหาแบบนี้อีก”
เนี่ยฟงเดินไปหาเย่เตา ส่วนหยางเวยเดินไปหยิบแหวนแล้วเดินไปสมทบกับพวกเนี่ยฟง ทั้งสามเดินออกจากป่า เนี่ยฟงเรียกกิเลนอัสนีออกมาเช่นเดียวกับเย่เตาที่เรียกอินทร์พยัคฆ์ออกมา หยางเวยนั่งบนหลังกิเลนอัสนีของเนี่ยฟง ทั้งสามก็พุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้า ระหว่างเดินทางหยางเวยตรวจสอบแหวนก็เอ่ยกับเนี่ยฟง
“เนี่ยฟง หากข้าเดาไม่ผิดคนที่เข้ามาปะทะกับข้าเจ้ารู้จักมันดี”
“ใช่ข้าคิดว่าเป็นคนที่ข้ารู้จักเมื่อครั้งอยู่ที่ตระกูล เป็นพี่ชายของข้าเองเนี่ยเหวิน แต่ช่างเถอะเรื่องมันนานมามากแล้ว ตัวเขาและตัวข้าตัดขาดจากกันนับตั้งแต่ที่เขาล่อลวงข้าไปที่ป่ามรณะแล้ว”
ในระหว่างที่ทั้งสามพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วในเวลากลางคืนบนท้องฟ้า ด้านล่างก็มีบางอย่างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วติดตามทั้งสาม เนี่ยฟงที่แผ่ลมปราณตรวจสอบก็พบความผิดปกติใต้พื้นทราย
“หยางเวย เจ้าเห็นบางอย่างที่พื้นทรายหรือไม่”
“ข้าไม่เห็นสิ่งใด”
เนี่ยฟงไม่กล่าวตอบสะบัดมือขวาซัดกระบี่ออกไปหนึ่งเล่มพุ่งลงไปที่พื้นทราย ไม่ถึงหนึ่งลมหายใจก็มีบางอย่างเกิดขึ้น ตูม พื้นทรายระเบิดหนอนทะเลทรายตัวใหญ่ระดับสีแดงขั้นกลางโผล่ออกมา ไม่ถึงสามลมหายใจก็มีเสียงระเบิดของพื้นทรายดังขึ้นมาอีก ตูม ตูม ตูม หนอนทะเลทรายระดับสีแดงขั้นกลางสองตัวและขั้นต้นอีกหนึ่งตัว พวกมันทั้งสี่หวังกินทั้งสามเป็นอาหาร
“เย่เตาเจ้าคอยโจมตีด้านบนเหมือนเช่นเคย”
เนี่ยฟงพุ่งทะยานลงไปพร้อมกับสะบัดมือขวามีดสั้นปรากฏอยู่ที่มือไม่ถึงครึ่งลมหายใจก็กลายเป็นดาบ เนี่ยฟงฟาดฟันดาบออกไปด้วยท่าดาบตัดสายฟ้า ปราณดาบสีฟ้ามีประกายสายฟ้าล้อมรอบพุ่งเข้าหา หนอนทะเลทรายระดับสีแดงขั้นสูง เปรี้ยง เสียงการปะทะดังสนั่นหนอนตัวนั้นหาได้เป็นอันได้มีเพียงรอยขีดจากการปะทะเท่านั้น หยางเวยเองเมื่อได้จังหวะก็พุ่งทะยานลงมาใช้มีดอันแปลกประหลาดในมือฟาดฟันเข้าหาหนอนทะเลทรายสีแดงขั้นต้น ปราณมีดสีม่วงพุ่งเข้าปะทะอย่างรวดเร็ว เปรี้ยง เลือดและน้ำเมือกพุ่งออกมาจากบาดแผล มันร้องคำรามพุ่งเข้าหาหยางเวยอย่างรวดเร็ว