ตอนที่ 13 : ความสามารถเรียนรู้และท้าทายสวรรค์ ฟรี วันที่ 2020/10/23
การพุ่งของหมัดพลังปราณคือการรวบรวมความแข็งแกร่งทางกายภาพไปยังหมัดเดียว แล้วปล่อยหมัดที่เต็มไปด้วยพลังของสัตว์อสูรออกไป สิ่งนี้ถูกจัดให้ไปวิทยายุทธ์ระดับที่หนึ่ง หากผู้ฝึกยุทธ์สามารถปล่อยหมัดพลังปราณได้ ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้น ‘ยี่สิบห้า’ถึง ‘ห้าสิบ’ กิโลกรัมเลยทีเดียว ซึ่งเป็นประโยชน์โดยเฉพาะของการฝึกฝนวิทยายุทธ์นี้
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับพื้นฐานต่างฝึกฝนวิทยายุทธ์และจะประลองกับผู้ที่มีระดับเทียบเท่าตน ผู้ที่ได้เปรียบด้านพละกำลังนั้นจะมีความต่างของพลังมากถึงห้าสิบกิโลกรัม ซึ่งจะเป็นปัจจัยชี้ขาดในการประลองได้
ด้วยทำจิตใจให้สงบ เซี่ยงเส้าหยุนจดจำทั้งวิธีฝึกฝนการปล่อยหมัดพลังปราณและภาพที่แกะสลักบนผิวศิลาที่แสดงให้เห็นถึงกระบวนท่าที่ใช้ฝึกวิทยายุทธ์ เขาไม่ได้เริ่มฝึกฝนการปล่อยหมัดพลังปราณในทันทีแต่กลับเริ่มเดินไปยังศิลาที่สองแทน วิชาที่ถูกเก็บไว้ที่นี่คือวิชาลูกเตะ
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นวิทยายุทธ์ระดับหนึ่งเท่านั้น ลูกเตะวายุหมุนผู้ฝึกจะมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนที่ขา วิชานี้จะไม่มีผลลัพธ์ในการเพิ่มพลังเหมือนกับวิชาหมัดพลังปราณ แต่มันจะเพิ่มความรวดเร็วให้แก่ลูกเตะของผู้ฝึก ดั่งนามแท้ของมัน “วายุหมุน” สิ่งนี้จะทำให้คู่ต่อสู้ตามลูกเตะนี้ได้อย่างยากลำบาก
อีกครั้งหนึ่ง เซี่ยงเส้าหยุนจดจำทั้งสองสิ่งและที่แกะสลักไว้ภายในพริบตาเดียว ถ้าหากมีผู้ใดพบว่าสิ่งที่เซี่ยงเส้าหยุนสามารถจดจำเทคนิคอย่างสมบูรณ์นั้นเพียงแค่เขามองคร่าว ๆ พวกเขาคงจะตกใจเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากที่เขาจดจำลูกเตะวายุหมุนแล้ว เซี่ยงเส้าหยุนเดินไปยังศิลาอีกแผ่นเพื่อดูวิทยายุทธ์ เป็นอีกครั้งที่เขาจ้องมองศิลาเพียงครู่เดียวแล้วจึงย้ายไปศิลาถัดไป ในหนึ่งชั่วโมง เขาได้จดจำวิทยายุทธ์ทั้งห้าที่อยู่ภายในศิลาอย่างละเอียด ซึ่งประกอบด้วย หมัดพลังปราณลูกเตะวายุหมุน ฝ่ามือแยกเมฆา ดาบสามปฏิวัติ และวิชาผ่าทลายภูผา เหล่านี้คือห้าวิทยายุทธ์ระดับที่หนึ่งซึ่งแตกต่างกัน
เหล่าผู้ดูแลตำหนักมักจะแนะนำเหล่าศิษย์ว่าห้ามฝืนเกินตน ดังนั้นจึงให้ฝึกฝนเพียงแค่สามวิชาพร้อมกัน แต่สำหรับเซี่ยงเส้าหยุนนั้นมันยังไม่พอ ดูเหมือนเขาต้องการจะเรียนรู้ทั้งห้าวิชาในทีเดียว!
หลังจากเรียนรู้จนครบ เซี่ยงเส้าหยุนออกจากโถงวิทยายุทธ์และมุ่งหน้ากลับไปยังที่พักของเขา ตลอดเวลาที่เขาอยู่ที่นี่จื่อฉางเหอเคยมอบคัมภีร์การทำสมาธิให้กับเขาเพียงหนึ่งเล่ม ก่อนจะโยนเซี่ยงเส้าหยุนเข้ามาฝึกยุทธ์กับเหล่าศิษย์ชั้นนอก อย่างไรก็ตามหากมีสิ่งหนึ่งที่เขาจัดการให้คือเตรียมที่พักที่ดีเยี่ยมให้แก่เซี่ยงเส้าหยุน
เซี่ยงเส้าหยุนได้พักผ่อนอยู่ในที่เงียบสงบและสวยงาม ซึ่งแยกออกจากเหล่าศิษย์คนอื่น มีเพียงศิษย์ส่วนตัวเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะได้อาศัยอยู่ที่นี่ หลังจากที่เขากลับไปยังลาน เขาได้คิดกับตัวเองอยู่เงียบ ๆ ‘เป็นสิ่งดีที่ศิษย์พี่ผู้เย็นชาของข้ายังพอมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ในตัวเขาบ้าง!’
ด้วยความโดดเดี่ยวเซี่ยงเส้าหยุนสามารถมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนวิทยายุทธ์ได้อย่างเต็มที่ เขาละทิ้งความกังวลที่สะสมมาตลอดทั้งวัน นั่งเงียบ ๆ ในที่ของตน ภายในใจปรากฏภาพ หมัดพลังปราณตามด้วยลูกเตะวายุหมุน เมื่อทำเช่นนี้ภาพวิทยายุทธ์ทั้งห้าจึงได้ฝังรากลึกภายในจิตใจของเขา
“หมัดพลังปราณ ผู้ใช้จะต้องรวมรวมความแข็งแกรงไปยังหมัด การดึงแรงสนับสนุนของท่วงท่าเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของหมัด เมื่อเข้าถึงระดับที่ท่วงท่าของหมัดใกล้เคียงกับพลังปราณ!” เซี่ยงเส้าหยุนรำพึงนึกถึงส่วนสำคัญของหมัดพลังปราณ เพียงไม่นาน เขารวบรวมกำลังทั้งหมดจากร่างระดับพื้นฐานขั้นที่หกไปยังหมัด ภายในความคิดของเขาฉายภาพที่เกี่ยวของกับหมัดพลังปราณ ตามมาด้วยภาพที่สองและสาม
ราวกับภาพการฝึกฝนหมัดพลังปราณเวียนซ้ำภายในความคิดเซี่ยงเส้าหยุน
หมัดพลังปราณ!
ท่าทางราวกับม้า ดวงตาของเซี่ยงเส้าหยุนเบิกกว้างในขณะที่เขาตะโกนจนสุดปอดพร้อมยื่นหมัดตรงไปข้างหน้า
ปึง!
หนึ่งแรงผลักดัน ท่วงท่าคล้าย ๆ พลังปราณ! ทันใดนั้นเสียงบีบคั้นก็ดังขึ้น แม้ว่าตัวเขาจะเริ่มฝึกฝนหมัดพลังปราณแต่กลับดึงศักยภาพออกมาได้ไม่น้อยกว่าสามในร้อยจากศักยภาพทั้งหมด คงอดไม่ได้ที่จะยอมรับว่าเซี่ยงเส้าหยุนมีความเข้าใจที่น่ากลัวอย่างแท้จริง!
หมัดพลังปราณ!
อีกครั้งที่เซี่ยงเส้าหยุนปล่อยหมัดออกไป เขาปล่อยหมัดครั้งแล้วครั้งเล่า
หมัดพลังปราณ!
หมัดพลังปราณ!
เขาได้ยืมพลังของแรงผลักดัน ความแข็งแกร่งทางกายภายในหมัดดูเหมือนจะควบแน่นด้วยพลังปราณก่อนจะปล่อยออกไป จากศักยภาพทั้งหมดขณะนี้รีดเร้นได้ถึงแปดในร้อยแล้ว
เซี่ยงเส้าหยุนปล่อยหมัดออกไปอย่างไม่หยุดยั้งขณะที่ร่างกายของเขายังคงพุ่งไปข้างหน้า เขาวนรอบลานหลายรอบ พร้อมกับปล่อยหมัดออกไปติด ๆ กันกว่าหนึ่งพันครั้ง ท้ายที่สุดเขาจึงสำเร็จได้ราวสามในสิบ
นี่คือสามในสิบ หาได้ใช่สามในร้อยเฉกเช่นก่อนหน้าไม่
สิ่งแรกที่ต้องคำนึงเมื่อฝึกวิทยายุทธ์มีปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือความเข้าใจในวิชานั้น ๆ ถ้าหากมีความสามารถไม่เพียงพอที่จะเข้าใจวิทยายุทธ์ การฝึกฝนวิทยายุทธ์จะเป็นเพียงแค่การแสดงท่าทาง ไร้ซึ่งการปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของวิชา หากความเข้าใจสูงล้ำจะสามารถปลดปล่อยศักยภาพของทักษะได้มากกว่าครึ่ง ซึ่งจะเพิ่มพลังยุทธ์ของผู้ใช้วิชาควบคู่ไปด้วย
ยกตัวอย่างเช่น การฝึกหมัดพลังปราณหากสามารถดึงศักยภาพออกมาได้ถึงห้าในสิบของทักษะ ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดถึงยี่สิบห้ากิโลกรัม อีกทางหนึ่ง หากเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ พลังกายจะเพิ่มขึ้นถึงห้าสิบกิโลกรัมหรืออาจมากกว่า!
คนทั่วไปนั้นต้องใช้เวลานานมากถึงจะฝึกฝนวิทยายุทธ์ระดับหนึ่งสำเร็จได้ ปกติจะกินเวลาราวสิบถึงสิบห้าวัน หรือเป็นเดือนหากผู้ฝึกมีความเข้าใจที่อ่อนแอ นอกจากนี้ยังขึ้นกับเวลาที่ใช้ในการทำความเข้าใจห้าในสิบของวิชาด้วย หากพวกเขาแสวงหาความเข้าใจที่สมบูรณ์แบบ มันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบรรลุวิชาเหล่านี้ได้ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน วิธีนี้ไม่อาจใช้ได้จริง
อย่างไรเสียเซี่ยงเส้าหยุนใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงในการทำความเข้าใจสามในสิบของวิชาหมัดพลังปราณ ความเร็วเรียนรู้ระดับนี้กล่าวได้ว่าท้าทายสวรรค์!
แม้กล่าวเช่นนั้นเซี่ยงเส้าหยุนกลับไม่พอใจในผลลัพธ์ เขาหายใจเข้าทำสมาธิและคิดกับตัวเอง ‘การบรรลุความสามารถสามในสิบในเวลาสองชั่วโมงนั้นยังห่างไกลกับคำว่าดีนัก! ด้วยวิทยายุทธ์ระดับนี้เราต้องบรรลุสี่หรือห้าในสิบ! ข้าเสียเวลาสิบปีทองไปแล้ว! ข้าจะต้องฝึกให้หนักกว่าผู้อื่นเป็นสิบเท่าหากต้องการตามผู้อื่นทันก็ได้!’
หลังจากที่พักเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง เซี่ยงเส้าหยุนลุกขึ้นและเริ่มการฝึกหมัดพลังปราณอีกครั้ง
ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว!
เซี่ยงเส้าหยุนชกอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าตนเป็นปีศาจที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หมัดเริ่มเร็วขึ้นกว่าครั้งก่อน เป็นเช่นนี้จนเวลาล่วงเลยไปสองชั่วโมง คราวนี้เขาสามารถต่อยออกไปได้ถึงห้าร้อยหมัดซึ่งมากกว่าจำนวนหมัดที่เขาต่อยไปก่อนหน้า เขานับโดยคร่าวในสองชั่วโมงเขาต่อยไปหนึ่งพันห้าร้อยครั้ง ความเข้าใจถึงหมัดพลังปราณของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจถึงเจ็ดในสิบ เขาสามารถออกแรงได้ถึงเจ็ดในสิบของศักยภาพทั้งหมดในการฝึกหมัดพลังปราณ
“อีกครั้ง!” ภายในดวงตาของเซี่ยงเส้าหยุนฉายแววของความร้อนแรงที่ขาดหายไปจากตนเอง
หลังจากนั่นอีกชั่วโมง เซี่ยงเส้าหยุนเข้าถึงวิชาหมัดพลังปราณถึงเก้าในสิบ ในตอนนี้ได้หยุดฝึกฝนแล้ว ซึ่งตัวเขานั้นรู้ดีว่าอีกหนึ่งในสิบนั้นไม่ได้มาจากการฝึกเพียงอย่างเดียว แต่ต้องผ่านการต่อสู้จริง นี่จะเป็นวิธีเดียวที่จะอุดช่องว่างที่เหลืออยู่ หลังจากนั้นเขากลับไปนั่งสมาธิอีกหนึ่งชั่วโมงเพื่อเพิ่มพูลผลการฝึกฝนจากหกชั่วโมงที่ผ่านมา
ตำราราชันพิชิตสวรรค์ไหลเวียนภายในร่างกายของเขาตลอด กับเก้าดวงดาวที่เป็นรากฐาน พลังงานดวงดาวไหลเวียนไปทั่วร่างกายผ่านเส้นลมปราณและจุดฝังเข็ม ในขณะที่ฝึกฝนความแข็งแกร่งของร่างกาย มันจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นการเสริมพลังแห่งดวงดาวและจะกัดจัดความเหนื่อยล้า
ผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่จะไม่สามารถปลุกพลังแห่งดวงดาวทั้งหมดได้ในคราวเดียว หลังจากมาถึงจุดที่เปลี่ยนความแข็งแกร่งทางกายภาพไปเป็นพลังปราณ เพื่อที่สามารถบำรุงเลี้ยงปราณดวงดาวให้กระตุ้นดวงดาวเพื่อได้รับซึ่งพลังดวงดาว
ยังไงก็ตามในตอนนี้เซี่ยงเส้าหยุนผู้มีเก้าดวงดาวภายในผังจักรราศีได้ตื่นขึ้นแล้ว และเขาเป็นเพียงระดับพื้นฐานเท่านั้น! นี่คงเป็นประโยชน์อีกอย่างของผู้มีร่างกายที่ไม่ธรรมดา ในการปลุกดวงดาวให้ตื่นขึ้นนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการฝึกยุทธ์ อย่างน้อยที่สุดควรจะต้องมีเจ็ดดาวสถิตในร่าง
ผู้ที่มีร่างกายซึ่งถูกอำนวยพรจากสวรรค์จะยิ่งเป็นธรรมชาติในยามที่ฝึกฝนวิทยายุทธ์ ความเร็วในการฝึกวิชาของพวกเขาจะรวดเร็วกว่าคนธรรมดาหลายเท่านัก
เซี่ยงเส้าหยุนผู้มีเก้าดวงดาวสถิตในร่างจะเขย่าสรวงสวรรค์ มีร่างกายแห่งราชันย์ทั้งปวง! ถ้าหากเขามุ่งมั่นจะฝึกฝนอย่างที่สุด อัตราที่เขาจะเติบโตนั้นสูงเกินกว่าที่ใครจะนึกภาพออก หลังจากที่เติมพลังจนเต็มแล้วจิตใจของเขาได้เข้าสู่สภาวะฝึกฝนวิทยายุทธ์อีกครั้ง
ลูกเตะวายุหมุน!
วายุหมุนเป็นสัญลักษณ์ของความเร็ว หากบรรลุถึงถ่องแท้แล้ว ความเร็วในการเตะนั้นราวกับพายุเฮอริเคนที่โหมกระหน่ำ ทำลายทุกสิ่งให้สิ้นซาก นี่เป็นแก่นแท้ของลูกเตะวายุหมุน! การเข้าใจตามธรรมชาติของเซี่ยงเส้าหยุนนั้นช่างน่าทึ่งนัก เพียงแค่ทำวนไปซ้ำ ๆ เขาก็สามารถเข้าใจหัวใจสำคัญของการฝึกฝนได้ทันที
เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มจากเตะ เหวี่ยง และยกซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่พื้นฐานที่สุดสำหรับการฝึกขา