TGDS ตอนที่ 14 : วางแผน
หลังจากนอนหลับเพียง 3 ชั่วโมง โมบี้ก็ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่สดชื่น
เวลาตอนนี้คือ 6 โมงเช้าแล้ว
โมบี้เคยชินกับการนอนเพียงไม่กี่ชั่วโมงในทุก ๆ วัน เนื่องจากการฝึกฝนอันเข้มงวดของเขา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เคยรู้สึกกระปรี้กระเปร่าแบบนี้ หลังจากได้นอนหลับไปเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น
“ปีศาจมีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติได้เร็วกว่ามนุษย์มาก ดังนั้นความต้องการนอนนั้นก็น้อยลงมากเช่นกัน” เอวิเลียกล่าว
โมบี้จำไว้ในใจ
“เอวิเลียเธอตื่นแล้วเหรอ?” โมบี้พูดขณะลุกจากเตียงอย่างเงียบ ๆ พยายามที่จะไม่ปลุกเพื่อนร่วมห้องที่ยังหลับอยู่
"แน่นอน ฉันตื่นอยู่เสมอแหละย่ะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงติดประชดประชัน
โมบี้จำได้ว่าเขานั้นยังไม่ได้รับกระเป๋าที่เขาได้ให้ไว้กับพลทหารที่พาเขามายังโรงเรียน
เขาเดินไปยังส่วนปลายบริเวณมุมห้องนั้นและสแกนบัตรนักศึกษาของเขาเพื่อรับกระเป๋า ทันใดนั้นถาดสีขาวขนาดใหญ่ที่มุมห้องก็เริ่มเปล่งแสง ไม่กี่นาทีต่อมากระเป๋าของเขาก็ถูกส่งมายังถาดใบนั้น
โมบี้มีกระเป๋าใบเล็ก 2 ใบเท่านั้น เนื่องจากเขานั้นยากจน เขาจึงไม่มีข้าวของที่มีค่าพอที่จะนำมามากมายนัก เขาเอาหนังสือศิลปะการต่อสู้ของพ่อแม่และเสื้อผ้ามาด้วย 2 ชุดเท่านั้น
โมบี้ยังไม่มีโอกาสได้ชื่นชมว่าห้องในหอพักของเขานั้นใหญ่และสวยงามขนาดไหน มันใหญ่กว่าอพาร์ตเมนต์เก่าของเขาอย่างน้อย 5 เท่า มีตู้เสื้อผ้า 3 ตู้สำหรับนักเรียนแต่ละคน ห้องน้ำเดี่ยว ทีวีจอแบนขนาดใหญ่ ตู้เย็นและไมโครเวฟ และเตียงนอนเป็นเตียง 3 ชั้นซ้อนกัน
โมบี้เปิดกระเป๋าเสื้อผ้าก่อนแล้วนำไปแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าใหม่ของเขา
ขณะที่เขาเปิดตู้เสื้อผ้า เขาสังเกตเห็นว่าครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยชุดยูนิฟอร์มของนักเรียน โมบี้สันนิษฐานว่าเนื่องจากการฝึกอบรมทั้งหมดที่พวกเขาจะต้องผ่าน พวกเขาเลยให้เครื่องแบบมาเพิ่มเติมในกรณีที่พวกมันฉีดขาดหรือถูกทำลาย
จากนั้นเขาก็เปิดกระเป๋าที่มีหนังสือทั้งหมดของเขา เขานั้นมักจะอ่านหนังสือพวกนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าและพยายามทำความเข้าใจความหมาย แต่ดูเหมือนบางเล่มจะเขียนด้วยภาษาอื่นที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ
ทันทีที่โมบี้แตะหนังสือศิลปะการต่อสู้ สีแดงของการแจ้งเตือนจากระบบของเขาก็ปรากฏขึ้น
<ทักษะปีศาจอันใหม่ได้ถูกเรียนรู้>
<เจ้าของเลเวลน้อยเกินไปที่จะเรียนรู้ทักษะนี้ได้>
<เลเวลที่ต้องการ: เลเวล 100>
ดวงตาของโมบี้จ้องมองไปที่การแจ้งเตือนด้วยความประหลาดใจ เขายังรู้สึกได้ว่าเอวิเลียเองก็มีปฏิกิริยาคล้าย ๆ กันกับเขา
"อะไรวะเนี่ย!? เลเวล 100!" เขาคิดในใจ
"โมบี้พ่อแม่ของนายเป็นคนแบบไหน ทำไมพวกเขาถึงมีทักษะปีศาจที่แข็งแกร่งแบบนี้ได้ และเมื่อตอนที่เราเจอกันครั้งแรก ฉันก็รู้สึกประหลาดใจมากที่นายเรียนรู้ทักษะปีศาจมาแล้วถึง 2 อย่าง แม้ว่าตอนนั้นนายจะยังเป็นมนุษย์ก็ตามที" เอวิเลียถามด้วยความตกใจ
"จากสิ่งที่ฉันรู้ พวกเขาเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาทั่วไป แต่โรงฝึกของเรานั้นเป็นโรงฝึกที่ชื่นชมศิลปะที่เกี่ยวข้องกับปีศาจ มันจึงถูกเรียกว่า "วิถีแห่งปีศาจที่เปี่ยมสุข" สร้อยคอที่เธอถูกผนึกไว้นั้นเป็นสมบัติล้ำค่าของโรงฝึกของเรา" โมบี้ตอบและพยายามทำความเข้าใจในสถานการณ์ทั้งหมดนี้
"เกี่ยวกับเรื่องนั้น อย่างแรกเลยฉันยังสงสัยว่าสร้อยคอของฉันเข้ามาอยู่ในโลกมนุษย์ได้ยังไง" เอวิเลียพูดขณะที่เธอครุ่นคิดอยู่ลึก ๆ
“ฉันจะรู้ได้ยังไง ? แล้วโลกมนุษย์นี่มันหมายความว่ายังไง ?” โมบี้ถามด้วยความสับสน
"จริง ๆ แล้วโลกใบนี้มีทั้งหมด 3 มิติกล่าวคือมีอาณาจักรใต้พิภพ อาณาจักรมนุษย์และก็อาณาจักรสรวงสวรรค์ แต่ละอาณาจักรนั้นแยกจากกัน และไม่มีโอกาสที่จะอยู่ร่วมกันได้ มนุษย์นั้นดูเหมือนจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับอาณาจักรอื่น ๆ เลย ดังนั้นฉันจำเป็นจะต้องปิดบังนายในฐานะปีศาจเอาไว้ และเก็บมันเป็นความลับที่ความสำคัญมาก "เอวิเลีย อธิบาย
การเปิดเผยอย่างกะทันหันของการมีอยู่ของอาณาจักรที่แตกต่างกันนั้น ทำให้โมบี้ตกใจออกมาเล็กน้อย แต่จากเรื่องบ้า ๆ ที่เกิดขึ้นกับเขาในช่วง 2 วันที่ผ่านมานั้น สิ่งนี้ก็ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดเดียว
"ตอนนี้วางหนังสือเล่มนั้นไว้ในคลังของนายก่อน และอย่าเปิดเผยการมีอยู่ของมันให้ใครรับรู้" เอวิเลีย กล่าวต่ออย่างใจเย็น
“อะไรของฉันนะ ?” โมบี้ถามด้วยความสับสน
"โอ้ใช่ ฉันยังไม่ได้บอกหรอ ว่านายปลดล็อกคลังของนายแล้ว เมื่อนายได้วิวัฒนาการณ์ อุ๊ปส์" เอวิเลียพูดอย่างเขิน ๆ
"ไม่ เธอไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับมันเลยสักนิดเดียว!"
"มันเป็นพื้นที่เก็บของที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั่นน่าจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่ฉันสามารถอธิบายมันได้ ภายในคลังนั้น เวลาและอากาศจะถูกหยุดไว้ ดังนั้นอะไรก็ตามที่นายเก็บไว้ในนั้นจะมีสภาพเหมือนเดิมเมื่อนายนำมันออกมา ตัวอย่างเช่นหากนายเก็บอาหารร้อน ๆ อาหารก็จะยังคงร้อนและสดใหม่เมื่อตอนที่นายนำมันออกมา แม้ว่ามันจะอยู่ในคลังเป็นเวลาหลายปีก็ตาม"
โมบี้ตื่นเต้นมาก เพียงแค่คิดว่าคลังนั่นสามารถเก็บสิ่งของได้ไม่จำกัด มันก็สามารถทำให้เขารู้สึกเหมือนถึงจุดสุดยอดอีกครั้งได้เลย เขาสามารถขโมยเกือบทุกอย่างได้โดยไม่มีหลักฐาน เขาสามารถพกพาอาวุธและชุดเกราะไปกับเขาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ต้องถูกจับได้ เขายังสามารถพกชุดยูนิฟอร์มไปเผื่อเปลี่ยนหลังจากที่เขาฆ่าใครบางคนเสร็จแล้ว
"เป็นไปได้ไหมที่จะซ่อนศพไว้ในคลังนี่" โมบี้ถาม พลางกลั้นความตื่นเต้นเอาไว้ในใจ
"นายสามารถเก็บอะไรก็ได้ ตราบเท่าที่มันไม่มีชีวิต พืชเป็นข้อยกเว้นเดียวของกฎนี้ ดังนั้นสำหรับคำตอบของคำถามของนาย ก็คือได้"
โมบี้ไม่สามารถระงับความตื่นเต้นได้อีกต่อไปเขาเปิดหัวข้อ "เมนู" ของระบบและสังเกตเห็นว่าเขามีหัวข้อพิเศษเพิ่มขึ้นมาที่เรียกว่า "คลัง"
กล่องเปล่าขนาดใหญ่ปรากฏตรงหน้าเขา มันเป็นเหมือนหัวข้อร้านค้าที่เขาเคยเข้า แต่ว่าในนี้มันว่างเปล่า โมบี้เก็บหนังสือเลเวล 100 พร้อมกับชุดยูนิฟอร์มอีกสองสามชุด และเขาก็ยังเก็บเงินทั้งหมดที่เขาเหลืออยู่ไว้ในนั้นด้วย
เขาไม่เหลือเงินมากนักหลังจากการซื้อเชือก ส่วนเชือกนั่นจบลงด้วยการตกลงไปในแม่น้ำหลังจากที่เอริคหลุดออกจากเชือกได้ มันจึงไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้แล้ว แค่คิดถึงมันก็ทำให้โมบี้โมโหเล็กน้อย
โมบี้ตัดสินใจออกไปข้างนอกเพื่อทำภารกิจประจำวันให้เสร็จ รอบ ๆ หอพักเป็นสนามขนาดใหญ่ที่นักเรียนมักใช้ฝึกฝนความสามารถของตนเอง หากโมบี้ใช้พลังเต็มที่เขาจะสามารถทำภารกิจประจำวันให้เสร็จได้ในเวลาไม่เกิน 15 นาที แต่เนื่องจากเขายังอยู่ในพื้นที่เปิด เขาจึงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เพราะมันมีโอกาสที่เขาจะถูกจับตามอง
หลังจากที่เขาทำทุกอย่างเสร็จแล้วยกเว้นการวิ่ง เขารู้สึกประหลาดใจที่เขาไม่เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย นี่คงเป็นผลข้างเคียงจากการวิวัฒนาการและการเพิ่มระดับของเขาแน่นอน
เมื่อเขาวิ่งเขาได้ยินเอวิเลียพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง
"เมื่อคืนนายทำตัวแปลก ๆ ทำไมจู่ ๆ นายถึงได้ดูอ่อนโยนนักล่ะ"
"อืม ฉันรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร ฉันไม่ได้ทำตัวเหมือนเดิม ฉันไม่ควรไว้ใจใคร ฉันเดาว่ามันเป็นนิสัยที่ไม่ดีจากตัวฉันก่อนหน้านี้ ฉันคิดว่าฉันทิ้งส่วนนั้นของฉันไปแล้ว แต่มันก็ยังมีบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่" โมบี้กล่าว พลางรู้สึกรังเกียจการกระทำของเขาเมื่อคืนนี้
“ครั้งนี้ฉันโชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ใครจะรู้ว่าครั้งต่อไปมันจะเกิดอะไร ฉันอาจต้องทรมานเหมือนคืนนั้นอีกก็ได้” โมบี้พูดขณะที่จำสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับนาธานและพรรคพวกของมันได้ แค่คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งก็แทบทำให้เลือดของเขาเดือดพล่านด้วยความโกรธ
"เอวิเลียสัญญากับฉัน ว่าถ้าฉันกลับไปอ่อนโยนแบบนั้นอีกครั้ง ช่วยดึงสติฉันกลับสู่ความเป็นจริงด้วย ฉันไว้ใจเธอนะ" โมบี้พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ไม่ต้องห่วง นายไว้ใจฉันได้! ปีศาจที่อ่อนโยน นั่นไม่ใช่ผู้สืบทอดของฉันแน่!" เธอกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
<ภารกิจรายวันเสร็จสมบูรณ์!>
<+ 3 แต้มค่าสถานะ>
หลังจากการวิ่ง 10 กิโลเมตร ซึ่งสามารถทำให้ผู้ชายทุกคนเหนื่อยหอบได้เลย ทว่าโมบี้นั้นกลับก็ไม่เหนื่อยเลยสักนิด ร่างกายของปีศาจช่างน่าทึ่งจริง ๆ เขาคิดอยู่ในใจ
โมบี้เปิดเมนูค่าสถานะและทักษะของเขา เขาต้องการเพิ่มแต้มค่าสถานะใหม่ของตัวเอง
โมบี้สังเกตเห็นระดับพลังใหม่ของเขา
<1990>
โมบี้นั้นลืมแม้กระทั่งตรวจสอบระดับพลังใหม่ของเขาหลังจากที่เขาวิวัฒนาการและเพิ่มเลเวลขึ้นมา
โมบี้กำลังคิดอย่างหนักว่าจะเพิ่มแต้มสถานะที่เหลือของเขาอย่างไรดี เขาต้องการเพิ่มค่าความแข็งแกร่ง แต่ถ้าเขาทำเช่นนั้นค่าความอดทนของเขาก็จะน้อยเกินไป และเขาอาจจะพ่ายแพ้ด้วยการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวซึ่งนั่นมันเสี่ยงมาก
"เพิ่มค่าพลังจิต เชื่อฉันสิ" เอวิเลียพูดแทรกขึ้นมาทำลายความคิดของโมบี้
“ทำไมต้องพลังจิตล่ะ” เขากล่าวด้วยท่าทางสับสน
"เชื่อฉันเถอะน่า ถ้านายอยากให้ฉันแสดงเรื่องที่สนุกที่สุดเท่าที่นายเคยเห็นมาก่อน" เธอพูด แล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ
"แต่ก่อนอื่นนายต้องมีค่าพลังจิต 30 แต้มก่อนนะ" เธอกล่าวเสริม
นั่นกระตุ้นความสนใจของโมบี้อย่างมาก การรู้จักกับเอวิเลียเพียงวันเดียวเขาสามารถบอกได้ว่าเธอนั้นเป็นคนที่ชอบพูดจาเหยียดหยามและไม่มีความสำนึกผิด แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเมตตาและห่วงใยเมื่อมันเป็นเรื่องของเขา ดังนั้นถ้าเธอบอกว่ามันจะสนุกมันอาจจะถูกต้อง เขาเลือกที่จะเชื่อมั่นในคำแนะนำของเธอและทำตามที่เธอบอก
เขาเพิ่มค่าพลังจิต 3 แต้มทำให้มันเพิ่มขึ้นจาก 15 แต้มมาเป็น 18 แต้ม และโมบี้ยังคงต้องการอีก 12 แต้มเพื่อที่จะครบ 30 แต้มตามที่เอวิเลียบอก หมายความว่าเขาจะต้องรออีกอย่างน้อยถึง 4 วัน เพื่อทำภารกิจประจำวันจนกว่าจะได้คะแนนเพียงพอ
นี่เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังเล็กน้อย จากนั้นความคิดที่ยอดเยี่ยมก็เข้ามาในหัวของเขา ถ้าเขาสามารถซื้อ "ดาบคาตานะปีศาจมือใหม่" ที่เพิ่มค่าพลังจิต 10 แต้มและค่าความแข็งแกร่งอีก 30 นี่มันจะเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวสำหรับเขา โดยอย่างแรกเขาจะมีค่าพลังจิตเพียงพอที่ 30 แต้มและเขาจะสามารถทำให้ระดับความแข็งแกร่งของเขาสมดุลกับระดับความคล่องตัวของเขาอีกครั้ง
แต่ก่อนอื่นเขาต้องหาวิธีที่จะได้รับเงิน 4000 เหรียญมาโดยเร็วที่สุดก่อน
“ฉันคิดว่าฉันอาจจะต้องสนุกกับการขโมยครั้งใหญ่ซะแล้ว” เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ