บทที่ 126
ซ่า ซ่า ซ่า เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เสียงฝนสาดกระหน่ำพร้อมกับเสียงฟ้าผ่าลงมาบนพื้นทราย อากาศที่นี่แปลกประหลาดยิ่งนัก ช่วงเช้ายามมีแสงอรุณจะร้อนประดุจอยู่ในกระทะ ส่วนยามที่แสงอรุณจางหาย ความหนาวเย็นและสายฝนฟาดกระหน่ำ ที่นี่ถูกเรียกว่าพื้นที่สามฤดู เป็นเขตพื้นที่รอบนอกก่อนที่จะเข้าไปในเขตของดินแดนทะเลทรายชายหนุ่มทั้งสามเดินทางโดยนั่งสัตว์อสูรของเย่เตาผ่านเขตพื้นที่สามฤดู มีเกราะสายฟ้าหมุนวนรอบตัวสัตว์อสูร
“พวกเจ้าดูนั่น”
เย่เตาเอ่ยวาจาพร้อมกัยชี้มือขวาลงไปด้านล่าง ฝูงแมงป่องยักษ์แปดตัวกำลังรุมล้อมกลุ่มคนอยู่ด้านล่าง ปราณดาบสีขาวขนาดใหญ่พุ่งเข้าปะทะกับแมงป่องตัวหนึ่ง เปรี้ยง แต่ว่าไม่สามารถแม้แต่สร้างรอยขีดข่วนได้ หางขนาดใหญ่ถูกจ้วงแทงลงมา ตอนนี้มีหลายคนเริ่มที่จะได้รับบาดเจ็บแล้ว หยางเวยใช้มือแตะไปที่หัวไหล่ด้านขวาของเย่เตา
“ลงไปช่วยเหลือด้านล่างเถอะ”
เย่เตาพยักหน้าตอบรับ พร้อมกับสั่งสัตว์อสูรบินลงไปด้านล่าง แต่ยังไม่ถึงพื้น หยางเวยก็สะบัดมือขวานำถุงมือไหมออกมาสวมใส่
“ข้าของลงไปก่อนก็แล้วกัน”
เมื่อกล่าวสิ้นเสียงหยางเวยก็พุ่งทะยานลงจากสัตว์อสูร ลงไปยังบนหลังแมงป่องตัวหนึ่ง พร้อมกับง้างหมัดต่อยลงไปวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏออกมาด้านหน้าของหมัด เปรี้ยง เกราะแข็งด้านหลังของแมงป่องถูกทำลายมันตกตายลงทันทีจากการปะทะ เนี่ยฟงรีบพุ่งทะยานลงไปที่กลุ่มคน พร้อมกับสะบัดมือขวานำขวดยาสีขาวนวลออกมา
“พวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง ข้าเป็นหมอ”
เมื่อกล่าวเสร็จสิ้น เนี่ยฟงก็รีบพุ่งเข้าไปช่วยเหลือคนได้รับบาดเจ็บ เย่เต่ายังบินวนอยู่ด้านบน คอยโจมตีปราณดาบสีแดงพุ่งเข้าปะทะแมงป่องยักษ์เสียงดังสนั่น เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ไม่ถึงหนึ่งเค่อแมงป่องยักษ์แปดตัวก็ถูกจัดการจนหมดสิ้น หลังจากช่วยเหลือและสอบถามจึงรู้ว่าคนพวกนี้พากันหลบหนีออกมาจากเขตทะเลทรายเพราะที่นี่กำลังเกิดโรคระบาด ผู้คนพากันล้มตายหลายพันคนแล้ว ส่วนกลุ่มพวกนี้เป็นกลุ่มแรกๆที่พากันหนีออกมา หลังจากนั้นไม่นานทั้งสามก็เดินทางต่อ ไม่นานก็เจอเมืองหน้าด่านด้านหน้า ทั้งสามรีบลงจากสัตว์อสูรปลอมตัวเป็นนักเดินทางเข้าไปในเมือง
กำแพงหินขนาดใหญ่ล้อมรอบ ด้านหน้ามีการตรวจตราเล็กน้อย เมื่อเข้ามาด้านในบ้านเรือนที่นี่สร้างมาจากหินมีความแข็งแรงพอสมควร ทั้งสามเดินหาโรงเตี๊ยมอยู่นาน ในที่สุดก็พบเจอเป็นตึกหลังใหญ่ทำจากหินมีสามชั้น ชั้นสองและชั้นสามเป็นห้องพัก ทั้งสามเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมก็ต้องแปลกใจเพราะที่นี่ไร้ซึ่งผู้คน เสี่ยวเอ้อรีบเข้ามาต้อนรับ
“เชิญด้านในขอรับ”
หลังจากที่เสี่ยวเอ้อนำสำรับอาหารมาส่ง เนี่ยฟงก็เอ่ยวาจาสอบถามเสี่ยวเอ้อ
“เหตุใดในเมืองถึงได้เงียบเช่นนี้”
“คุณชายทั้งสามคนคงเป็นนักเดินทาง ตอนนี้มีคนปล่อยข่าวว่าที่เมืองหลวงมีการระบาดของโรคร้าย ผู้คนส่วนใหญ่จึงพากันอพยพหลบหนี”
“ที่นี่ไม่มีหมอรึ”
“มีขอรับ เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดรักษาให้หายได้ขอรับ แม้กระทั่งตอนนี้ข่าวกระจายมาแจ้งว่าหมอที่ทำการรักษาตอนนี้ที่เมืองหลวงมีบางคนตกตายไปแล้ว พวกท่านเป็นรายแรกที่เข้ามาที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ในรอบเกือบสามสิบวัน”
“หากข้าต้องการซื้อสมุนไพรต้องที่ไหน”
หยางเวยถึงกับสำลักน้ำแกงเมื่อได้ยินเนี่ยฟงเอ่ยถามเสี่ยวเอ้อ
“เดินไปทางขวามือก็จะเห็นขอรับ”
ทันทีที่เสี่ยวเอ้อเดินจากไป หยางเวยก็บ่นพึมพำอยู่คนเดียว เย่เตาได้แต่ส่ายศีรษะไปมา
“เจ้าจะบ่นอะไรหนักหนาหยางเวย สมบัติที่ท่านแม่ทัพมอบให้เจ้าก็ได้มาไม่น้อย เจ้าใช้ยังไงก็ไม่หมด จริงไหมเนี่ยฟง”
เนี่ยฟงรีบหันไปมองเย่เตาพร้อมกับยกยิ้ม
“ใช้แล้วท่านแม่ทัพผู้ใจดียกสมบัติให้เจ้า อีกอย่างระหว่างทาง ท่านแม่ทัพก็ยังส่งคนมามอบเงินอีกจำนวนไม่น้อย เจ้าอย่าลืมสิ ที่นี่กำลังมีโรคระบาดมีผู้คนอีกมากกำลังจะล้มตายเพราะไม่มีสิ่งใดรักษา”
หยางเวยหันไปมองเนี่ยฟงและเย่เตา
“ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง”
เนี่ยฟงและเย่เตารีบเอ่ยวาจาเสียงดัง
“ขอบคุณคุณชายมากขอรับ”
หลังจากทานอาหารจนอิ่ม เนี่ยฟงก็มุ่งหน้าไปที่ร้านยา สมุนไพรจำนวนมากถูกกวาดลงไปในแหวน หยางเวยถึงกับหน้าถอดสียืนนิ่งเมื่อเถ้าแก่เอ่ยราคาของสมุนไพรทั้งหมด
“พวกเจ้าทั้งสามคงเป็นนักเดินทาง”
“ถูกแล้วขอรับ”
“พวกเจ้าไม่รู้รึว่า เขตแห่งนี้กำลังเจอปัญหาโรคระบาด”
“พวกข้าพอทราบขอรับ”
“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าพวกเจ้ามาทำอะไรในเขตแห่งนี้ แต่จงระวังตัวไว้ก่อนหากเกิดสิ่งใด อาจจะสายเกินไป”
เนี่ยฟงรีบก้มศีรษะ
“ขอบคุณเถ้าแก่ที่สั่งสอนขอรับ ที่นี่พอมีที่ขายสิ่งของที่ไม่ได้ใช้หรือไม่ขอรับ”
“พวกเจ้าจะขายสิ่งใด นำมาขายให้ข้าก็ได้ข้าให้ราคาอย่างงาม”
หยางเวยได้ยินเช่นนั้นก็ยืดอกขึ้นเดินเข้ามาหาเถ้าแก่
“ที่นี่เล็กเกินไป ท่านมีสถานที่ใหญ่กว่านี้หรือไม่ขอรับ”
เถ้าแก่ถึงกับขมวดคิ้ว เดินนำทั้งสองทะลุไปที่ด้านหลังร้านขายสมุนไพร มีลานขนาดกลางอยู่ หยางเวยรีบโบกสะบัดมือขวา สิ่งของมากมายที่ได้จากคฤหาสน์ของเจี่ยอู่หลงวางกองอยู่กับพื้น เถ้าแก่ร้านสมุนไพรถึงกับตื่นตกใจดวงตาเบิกโพลงยืนนิ่งค้างอยู่นาน
“เถ้าแก่ขอรับ”
หยางเวยเอ่ยทักเถ้าแก่ที่ยืนนิ่งค้าง เมื่อรู้สึกตัวก็รับเดินเข้าไปตรวจสอบสิ่งของต่างๆ
“เถ้าแก่ขอรับ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดขอจ่ายเป็นเงินที่ขายของพวกนี้นะขอรับ”
“ได้ ได้ พวกเจ้าไปรอที่ด้านในร้านเถอะ ข้าขอจัดการที่นี่ก่อน”
เกือบครึ่งชั่วยามทั้งสามก็เดินออกจากร้านสมุนไพร ในเมืองเงียบมีผู้คนเดินไปมาเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ร้านค้ามากมายต่างปิดขายเปิดอยู่เพียงไม่กี่ร้าน ทั้งสามจึงมุ่งหน้ากลับโรงเตี๊ยม ขณะนั้นเองก็มีขบวนกลุ่มคนเกือบสี่สิบคนเดินทางเข้ามาในเมือง แต่ละคนมีสภาพบาดเจ็บสาหัส บางคนแขนขาดเลือดสีแดงหยดไหลตามทาง มีทหารหน้าประตูเมืองแบกคนบาดเจ็บเดินผ่านชายหนุ่มทั้งสามไป มุ่งหน้าไปที่โรงหมอที่อยู่ข้างร้านสมุนไพร เนี่ยฟงเดินเข้าไปถามชายหนุ่มผู้หนึ่ง
“พี่ชายเกิดสิ่งใดขึ้นกับพวกท่านกัน”
“ระหว่างทางพวกข้าพบเจอกับฝูงแมงป่องยักษ์กับหนอนทะเลทรายโจมตี”
“เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยหรือไม่พี่ชาย”
“หากสำนักที่อยู่บริเวณนี้ไม่ถูกจัดการ สัตว์อสูรพวกนี้คงไม่ออกมาสร้างความวุ่นวายแบบนี้ เอาเถอะ ข้าต้องขอตัวก่อน”
ชายหนุ่มผู้นั้นรีบเดินไปที่โรงหมอ ส่วนทั้งสามคนมุ่งหน้ากลับโรงเตี๊ยม ในระหว่างทางเย่เตาก็เอ่ยออกมา
“มันเกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่กัน”
“เหตุใดเราไม่ลองไปดูละว่าเกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่”
เนี่ยฟงและเย่เตาหันมามองหยางเวย ทั้งสองก็หัวเราะออกมา ทั้งสามหาได้เดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม แต่ทั้งสามเดินออกไปจากเมือง เนี่ยฟงเข้าไปสอบถามทหารที่ประจำการอยู่
“พี่ชาย กลุ่มคนที่บาดเจ็บเข้าไปในเมืองเป็นใครกันขอรับ”
“คนพวกนั้นเป็นชาวเมืองที่ออกจากเมืองขนส่งสินค้าเป็นคนของเจ้าเมือง”
“แล้วเหตุใดจึงถูกทำร้ายมาขอรับ”
“คนพวกนั้นถูกสัตว์อสูรทำร้าย หากไม่เกิดเหตุขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อนที่นี่ก็ไม่เป็นเช่นนี้”
ทหารผู้นั้นนิ่งเงียบ ไม่นานก็เอ่ยวาจาออกมา
“พวกเจ้ารับรู้ไว้ก็ดี เพราะอยู่ในเขตแห่งนี้ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีเช่นกัน เมื่อหลายเดือนก่อนมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งอ้างตัวว่ามาจากสวรรค์มีคำทำนายว่าจะเกิดโรคระบาดขึ้นที่นี่ นำยามาขายที่นี่หลายคนต่างด่าทอว่าเป็นพวกปาหี่จึงไม่มีใครสนใจ ที่ร้ายไปกว่านั้นมีคนของสำนักหัตถ์เทวะที่มีความรู้เรื่องยาเข้ามาขับไล่ ทำให้คนกลุ่มนั้นหนีออกจากเมือง ในระหว่างหลบหนีก็มีชายชราผู้หนึ่งสาปแช่งคนของสำนักหัตถ์เทวะ ผ่านไปหนึ่งเดือนคนของสำนักหัตถ์เทวะก็ล้มตายอย่างแปลกประหลาด จนในที่สุดเจ้าสำนักตกตายไป ผู้คนในสำนักจึงพากันหลบหนี พวกสัตว์อสูรบริเวณนี้ก็ไร้ซึ่งคนที่จะออกไปกำจัด พวกมันจึงพากันออกมาอาละวาด”
“เช่นนั้นพี่ชายบอกทางได้หรือไม่ พวกข้าทั้งสามพอมีวิชาติดตัวอาจช่วยสังหารพวกมันได้ ไม่มากก็น้อย”
ทหารผู้นั้นจ้องมองทั้งสามคนด้วยความสงสัย เป็นเย่เตาที่ปลดปล่อยลมปราณระดับสีแดงขั้นต้นออกมา ทหารผู้นั้นถึงกับตื่นตกใจ รีบบอกทางแก่ทั้งสามคน ไม่นานทั้งสามคนก็เดินทางออกมาจากเมือง