ตอนที่แล้วGuild Master ตอนที่ 5 เบาเกินไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGuild Master ตอนที่ 7 ทหารตัวหนอน

Guild Master ตอนที่ 6 เปลี่ยนอาวุธ


ตอนที่ 6

เปลี่ยนอาวุธ

“ต่อไปลองขยับแบบนี้นะ แล้วก็แทงเข้าไปจากด้านหลัง”หลังจากฆ่าหมูป่ามาได้ครึ่งวัน กวีก็เริ่มกลายเป็นคนสอนให้กับพวก ไบรท์ และ เก่ง ซึ่งเป็นสมาชิก 2 คนในปาร์ตี้เสียแล้ว พอเริ่มใช้มีดเป็นพวกนั้นก็โจมตีได้ไวขึ้น แรงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ อาจจะเป็นเพราะความสมจริงของเกมเอคโค่ด้วยทำให้แม้เป็นผู้เล่นระดับเท่ากันแต่ความรุนแรงของการโจมตีก็ขึ้นอยู่กับกระบวนท่าและเทคนิคต่าง ๆอีกด้วย ท่ายืน จังหวะจ้วงแทง รวมถึงจุดที่แทงลงไปต่างสร้างความเสียหายไม่เท่ากัน หากโจมตีที่ขาก็จะทำให้ความเร็วของคู่ต่อสู้ลดลง หากโจมตีที่แขนพลังโจมตีของอาวุธหรือพลังป้องกันของโล่ที่ถืออยู่ในแขนข้างนั้นก็จะลดไปด้วย ทำให้การเคลื่อนไหวต่าง ๆจากโลกภายนอกมีผลเช่นเดียวกันกับในเกม

“ส่วนเจ นายน่าจะเคยชินกับการสู้คนเดียวเกินไปหน่อย ตอนโจมตีไม่ต้องพยายามเร่งเกินไป พยายามโจมตีให้เต็มแรงแล้วปล่อยจังหวะให้คนอื่นตีบ้าง”กวีหันไปหาเจก่อนจะแนะด้วยท่าทีเคยชิน หากเป็นคนอื่นมาสั่งแบบนี้อาจจะมีอาการไม่พอใจของคนในปาร์ตี้ก็ได้ แต่ก่อนหน้านี้พอทำตามกวีแล้วเก่งและไบรท์ก็ทำได้ดีขึ้นมากจน ท็อป ชายที่ใช่โล่ไม่โวยวายอะไรแล้ว ทำให้ทั้ง 3 คนรวมถึงเจด้วยต่างยอมฟังกวีแต่โดยดี ส่วนท็อปนั้นไม่ได้สนใจคนอื่นอยู่แล้วเขามัวแต่ห่วงมีนอยู่คนเดียวเท่านั้น และเช่นเดิมเขายังคงบอกกับมีนว่ามีนไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น รอจนเลเวล 10 แล้วค่อยไปเล่นเป็นอาชีพสายซัพพอร์ตก็พอ ซึ่งดูมีนจะไม่กล้าตอบโต้ท็อปเท่าไร

เปรี้ยง!!

ทันทีที่เจอหมูป่าตัวใหม่ ท็อปก็เข้าไปโจมตีและยกโล่ขึ้นมาป้องกันทันที ตอนนี้ทั้ง 4 คนในปาร์ตี้อย่าง กวี เจ เก่ง และ ไบรท์ ต่างอยู่เลเวล 4 แล้วและเคยชินในการสู้กับหมูป่าขนเทากันหมดแล้ว กวีเข้าไปโจมตีขัดการโจมตีของหมูป่าขนเทา เจรับหน้าที่โจมตีจุดอ่อนอย่างส่วนคอ ลูกตา หรือบริเวณท้อง เก่งที่อัพพลังโจมตีสูงที่สุดในกลุ่มโจมตีทั่วบริเวณ ส่วนไบรท์ที่โจมตีได้แม่นยำกว่าเก่งโจมตีไปที่ขาหลังของหมูป่าขนเทาทำให้มันโจมตีได้ลำบากขึ้นตามคำแนะนำของกวี ทั้งเลเวลที่เพิ่มขึ้นและความสามารถที่แน่นกว่าเดิมทำให้เวลาที่ใช้ฆ่าหมูป่าขนเทาเหลือเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น ทำให้การล่าหมูป่าของพวกกวีสนุกขึ้นมาก จนกระทั่ง....

ติ๊ง... ติ๊ง....

เสียงแจ้งเตือนของระบบดังมาจากตัวของท็อปและมีน ก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่เลเวล 6 แต่ล่าหมูป่ากันไปได้พักเดียวพวกเขาก็ขึ้นเลเวล 7 จนเลเวลเท่ากับหมูป่าขนเทาแล้ว และเมื่อเสียงเลเวลอัพดังขึ้นนั่นก็หมายความว่าพวกมีนและท็อปเลเวล 8 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แบบนั้นจะทำให้ทั้งคู่เลเวลเยอะกว่าหมูป่าขนเทาเสียแล้ว ซึ่งตามกฎของเกมการที่ผู้เล่นสามารถฆ่ามอนสเตอร์ที่มีระดับสูงกว่าหรือเท่ากับตัวเองได้จะได้ค่าประสบการณ์มากกว่าการฆ่ามอนสเตอร์ที่เลเวลต่ำกว่าตนเอง ทำให้ตอนนี้ต่อให้ฆ่าหมูป่าต่อไปพวกท็อปก็ได้ค่าประสบการณ์ช้าขึ้นมาก บางทีต่อให้พวกกวีขึ้นเป็นเลเวล 7 พวกเข้าก็อาจจะยังไม่ขึ้นเลเวล 9 เสียด้วยซ้ำ

“ยาหมดซะแล้ว พวกเรากลับเมืองกันเถอะ”อยู่ ๆท็อปก็บอกว่ายาของตนเองหมดแล้ว ทั้ง ๆที่ตั้งแต่พวกกวีเลเวล 3 มาท็อปก็แทบไม่ได้ดื่มยาอีกเลยแท้ ๆ ต่อให้ยาหมดจริงการฆ่าหมูป่าขนเท่าต่อไปก็ไม่ได้ทำให้เสียยาแต่อย่างไร เพียงแต่ท็อปต้องการกลับเมืองต่างหาก

“นั่นสิ อาวุธของเก่งกับไบรท์เองก็น่าจะเปลี่ยนได้แล้ว มีดเริ่มต้นคงพลังโจมตีน้อยเกินไปหน่อย”กวีคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเข้าข้างท็อปเสียอย่างนั้น เห็นได้ชัดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าท็อปจะกลับเมืองแล้วหาเรื่องเปลี่ยนไปล่ามอนสเตอร์ที่เลเวลสูงกว่านี้ แบบนั้นจะทำให้คนอื่น ๆในปาร์ตี้ลำบากขึ้น ทั้ง ๆที่ฆ่าหมูป่าแบบนี้ต่อไปจนทุกคนเลเวลสูงกว่านี้แล้วค่อยเปลี่ยนไปล่าพวกเลเวลสูง ๆเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแท้ ๆ แต่ท่าทางท็อปจะไม่อยากเสียเวลาและอยากเก็บเลเวลให้ถึง 10 เร็ว ๆมากกว่า

“งั้นเรากลับไปเตรียมตัวที่เมืองครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นเราจะไปที่ถ้ำค้างคาวทางตะวันตกของเกาะ”ท็อปเห็นว่ากวีเห็นด้วยก็ไม่เกรงใจบอกเป้าหมายของตัวเองออกมาทันที ค้างคาวเลเวล 10 ของเกาะเริ่มต้นนั้นเป็นค้างคาวตัวใหญ่ที่มีเขี้ยวแหลมคมมาก พลังโจมตีของมันไม่สูงเท่าหมูป่า แต่หากโดนมันโจมตีเข้าไปจะถูกดูดเลือดไปเพิ่มพลังชีวิตให้กับค้างคาว ทำให้การฆ่ามันค่อนข้างใช้เวลาซึ่งพวกกวีที่เลเวลพึ่งจะ 4 คงจัดการมันเร็ว ๆไม่ได้

“ทำไมเราไม่ไปป่าหมอกม่วงทางตะวันออกดูล่ะครับ”อยู่ ๆกวีก็เอ่ยปากเสนอเส้นทางอีกเส้นออกมาเสียอย่างนั้น ทำเอาท็อปที่โดนขัดขมวดคิ้วออกมาทันที

“จะบ้าหรือยังไง ป่าหมอกม่วงไม่มีใครเขาไปกันหรอก”ท็อปตอบกลับออกมาทันควัน เพียงแต่คราวนี้ทุกคนกลับเห็นด้วยกันหมดไม่ใช่แค่ท็อปคนเดียว จะมีก็แต่มีนเท่านั้นที่กะพริบตาปริบ ๆด้วยท่าทีงง ๆว่าทำไมทุกคนถึงมีท่าทีไม่อยากไปนัก

“พี่กวี แบบนั้นเราไปล่าค้างคาวดีกว่ามั้งครับ ป่าหมอกม่วงมัน....”เจกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ป่าหมอกม่วงนั้นเป็นป่าที่โด่งดังมากในเกาะเริ่มต้น มันเป็นสถานที่ที่ผู้เล่นเรียกกันว่าป่าคนโง่ เพราะหากเข้าไปในป่านั้นก็มีแต่ตายลูกเดียวเพราะป่าที่ว่ามีมอนสเตอร์ระดับ 10 ถึง 20 เลยด้วยซ้ำ แถมพวกมันยังโจมตีผู้เล่นก่อนอีกต่างหาก เป็นป่าที่ไม่ควรมีในเกาะเริ่มต้นที่ผู้เล่นโดนจำกัดเลเวลเอาไว้แค่ 10 เลย

“ไม่ได้บอกว่าจะเข้าไปเสียหน่อย ที่รอบนอกของป่ามีมอนสเตอร์เลเวล 12 อยู่ พวกมันชื่อว่าทหารตัวหนอน ถึงจะเลเวลเยอะแต่พวกมันมีพลังโจมตีแรงกว่าหมูป่าไม่มาก แถมพวกมันยังตัวอ้วนเล็งโจมตีได้ง่าย ถ้าไปที่นั่นแล้วให้พวกเรารุมฆ่าน่าจะฆ่าได้ไวกว่าค้างคาวที่โจมตีโดนได้ยากนะ”กวีเสนอความคิดของตนออกไป

“แน่ใจนะว่าจะสร้างความเสียหายได้ทัน”ท็อปที่เป็นตัวแทงค์ถามออกมาด้วยท่าทีสงสัย หากฆ่าได้ช้าโอกาสที่ตัวแทงค์อย่างท็อปจะไม่ไหวก็มีสูงมาก เพราะงั้นท็อปเลยเลือกค้างคาวที่พลังโจมตีต่ำมากกว่า

“แน่นอน ผมคำนวณพลังโจมตีของทุกคนแล้ว ไหวแน่นอน”กวีตอบด้วยท่าทีมั่นใจ แถมก่อนหน้านี้เพราะกวีช่วยสอนก็เลยเก็บเลเวลได้ไวขึ้นมาก คำรับรองของกวีจึงมีน้ำหนักไม่น้อยเลย

“ก็ได้ งั้นเรากลับไปเตรียมยาให้เรียบร้อย”ท็อปตัดสินใจเชื่อกวีก่อนจะเป็นคนนำทางกลับลงไปที่เมืองโดยเหลือจะให้เวลาทุกคนจัดการตัวเองให้เรียบร้อยภายในครึ่งชั่วโมง

.

.

“ว่าแต่ของที่ได้มานี่น้อยจังเลยนะ”ระหว่างกำลังเดินทางไปร้านขายอาวุธเพื่อซื้ออาวุธใหม่ให้กับเก่งและไบรท์ เจที่กำลังเดินตามก็บ่นขึ้นมาด้วยท่าเซ็ง ๆ นี่คือข้อเสียของการเก็บเลเวลแบบรุมโจมตีมอนสเตอร์ตัวเดียว ไอเทมที่ได้จะน้อยลงมาก แถมเกราะอกหนังที่เป็นอุปกรณ์สวมใส่ชิ้นเดียวที่ได้มาจากหมูป่าก็ยังต้องยกให้ท็อปเพราะมันเป็นไอเทมที่เพิ่มพลังป้องกันด้วย แต่อย่างน้อยกวีก็ยังเจรจาขอไอเทมจากท็อปแบ่งให้คนอื่น ๆเพื่อแลกกับค่าเกราะส่วนอกมาได้บ้าง

“เรื่องเงินเดี๋ยวค่อยลงไปหาข้างล่างก็แล้วกัน พวกเรารีบเก็บเลเวลให้ครบสิบก่อนก็พอ”กวีหัวเราะออกมาพลางมองเงินในกระเป๋าตนเอง ตอนนี้มันเหลือแค่ 1,200 เหรียญเท่านั้นหลังจากขายไอเทมทั้งหมดไปแล้ว

“ว่าแต่....ทำไมมีนถึงตามพวกเรามาล่ะ”เก่งถามขึ้นมาพลางหันไปมองด้านหลัง ตอนนี้ท็อปแยกตัวไปซื้อยาฟื้นพลังทำให้ต้องไปคนละทางกับพวกกวี แต่มีนกลับเลือกที่จะเดินตามกวีพวกกวีมาเสียอย่างนั้น

“มาซื้ออาวุธละมั้ง”กวีตอบพลางยิ้มออกมา ไม่ใช่แค่ครั้งแรกที่ต่อสู้ ทุกครั้งที่พวกกวีต่อสู้มีนที่อยู่ด้านหลังก็มีท่าทีตั้งใจดูเสมอและยังกุมด้ามมีดเอาไว้ไม่ยอมปล่อยอีกต่างหาก โดยเฉพาะเวลากวีสอนเทคนิคการใช้มีดให้กับพวกเก่งและไบรท์มีนกลับแสดงท่าทีสนใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ตอนนั้นเธอมักจะแอบเข้ามายืนใกล้ ๆเพื่อแอบฟังเสมอ เห็นได้ชัดเลยว่าจริง ๆแล้วมีนอยากจะสู้ด้วย

“แล้ว....ตกลงทำไมเธอถึงไม่เข้ามาโจมตีล่ะ”อยู่ ๆกวีก็ลดความเร็วลงและหันหน้าไปคุยกับมีนเสียอย่างนั้น

“เรื่องนั้น...เพราะมีนเป็นซัพพอร์ตก็เลย...”มีนตอบด้วยท่าทีอาย ๆ ท่าทางเธอจะไม่กล้าคุยกับคนอื่นเท่าไร

“ผมไม่ได้ถามเรื่องอาชีพของเธอสักหน่อย ถ้าอยากเข้ามาโจมตีทำไมไม่เข้ามาล่ะ”กวีถามพลางจ้องมองดวงตาของมีนนิ่ง แต่ดูเหมือนมีนจะไม่เก่งเรื่องสบตากับคนอื่นเท่าไรเธอก็เลยหลบตาไปมองทางอื่น

“พี่ท็อปบอกว่า ถ้ามีนเข้าไปมันจะเกะกะ”มีนตอบพลางก้มหน้าลงกับพื้น เธอพึ่งเคยเล่นเกมเป็นครั้งแรก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องทำอะไร อยู่ ๆท็อปก็เข้ามาหาและบอกว่าจะช่วยสอนให้แต่กลายเป็นว่าเขาบอกให้เธอเล่นเป็นซัพพอร์ตทันทีแถมยังบอกให้เธอไปยืนรับค่าประสบการณ์เฉย ๆห้ามเข้ามายุ่งอีกต่างหาก

“เรื่องอยากทำอะไรทำไมต้องให้คนอื่นมาบอกด้วยล่ะ ถ้าอยากสู้ก็เข้ามาเลย”กวียิ้มออกมาพลางยื่นดาบของตนเองให้กับมีน แม้จะเล่นเกมไม่เป็น แต่เธอก็มีท่าทีสนใจเรื่องการต่อสู้ไม่น้อยเลย แถมดวงตาของเธอเวลามองการต่อสู้ของพวกกวียังดูตื่นเต้นมาก ๆ เธอไม่ใช่คนที่จะเล่นสายซัพพอร์ตหรอก ดวงตาของเธอเป็นดวงตาของพวกบ้าการต่อสู้ ถึงมันจะขัดกับรูปลักษณ์ภายนอกของเธอแบบสุด ๆก็ตาม

“.........”มีนรับดาบมาจากกวีด้วยใบหน้าอึ้ง ๆ ปาร์ตี้ก่อนหน้านี้ท็อปก็ทำแบบนี้เหมือนกัน เขาบอกว่ามีนจะเป็นซัพพอร์ตก็เลยไม่ให้เข้าไปสู้ เธอก็เลยต้องทนรออยู่วงนอกตลอดเพราะกลัวว่าหากเข้าไปจะทำให้ทุกคนลำบาก แต่พอมอนสเตอร์เก่งขึ้น พวกเขาก็รับมือไม่ไหวแล้วหันมาต่อว่ามีนที่เอาแต่ยืนอยู่ข้างนอก สุดท้ายปาร์ตี้ก็แตกจนต้องมาหาคนใหม่เอาแบบนี้ แต่ตอนนี้กวีกลับบอกกับเธอว่าสามารถเข้าไปร่วมต่อสู้ได้งั้นเหรอ อย่างเธอสามารถเข้าไปได้จริง ๆแน่นะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด