Guild Master ตอนที่ 5 เบาเกินไป
ตอนที่ 5
เบาเกินไป
ปึง!!
ร่างของหมูป่าขนเทาชนเข้ากับโล่เข้าอย่างจัง พริบตานั้นเสียงโล่ก็ดึงความสนใจของกวีไปทางการต่อสู้ทันที หมูป่าขนเทาเป็นมอนสเตอร์เลเวล 7 ที่อาศัยอยู่บนทุ่งหญ้าทางเหนือของหมู่บ้าน พวกมันมีพลังโจมตีที่รุนแรง เพียงแต่การโจมตีมักจะเป็นเส้นตรงทำให้สามารถอ่านทางได้ไม่ยาก แต่หากผู้เล่นเลเวล 1 ที่ไร้อุปกรณ์ป้องกันอย่างกวีหรือเจรับการโจมตีเข้าไปละก็มีหวังได้ตายในทีเดียวแน่ ๆ เพราะฉะนั้นการรับมือกับหมูป่าขนเทาต้องปล่อยให้ชายที่ถือโล่รับไปแต่เพียงผู้เดียว
ฉึก ๆ
ชายในปาร์ตี้อีก 2 คนของกวีต่างใช้มีดสั้นที่ได้มาจากตอนเริ่มเกมแทงใส่ตัวของหมูป่าอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ท่วงท่าของพวกเขาออกจะธรรมดาไม่น้อย แม้จะไม่มีค่าความเร็วแต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ทำให้การโจมตีช้าเกินไปอยู่ดี
ส่วนทางฝั่งเจนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนตอนทดสอบเข้ากิลด์กรีนโลตัสแล้ว ดาบในมือของเขาดูเป็นธรรมชาติขึ้นมาก เห็นได้ชัดเลยว่าเจไม่ได้เล่นเกมนี้เป็นเกมแรกแน่ ๆ นอกจากดาบจะดีกว่าอาวุธของชายอีก 2 คนในปาร์ตี้แล้ว เจยังฟันออกไปได้เร็วและแม่นยำอีกต่างหาก เรียกได้ว่าสร้างความเสียหายได้เร็วกว่าทั้ง 2 คนมากเลยทีเดียว
เปรี้ยง!!
ดาบของกวีเองก็ตรงเข้าที่คอของหมูป่าขนเทาเช่นเดียวกัน แม้จะไม่เคยเล่นเกมเสมือนจริงมาก่อน แต่เรื่องการเคลื่อนไหวกวีก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปจากเจเลย แถมดาบของกวียังตรงเข้าเล่นงานจุดอ่อนได้แม่นยำกว่าของเจเสียอีก แต่คนดูแล้วน่าแปลกใจที่สุดคงเป็นชายที่ถือโล่ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันหมูป่าขนเทาอยู่ แม้จะดูเข้ากับคนไม่ค่อยได้แต่ก็นับได้ว่ามีฝีมือ แม้จะบอกว่าหมูป่าโจมตีเป็นเส้นตรง แต่การโจมตีของมันนั้นก็ไม่ได้ทื่อ ๆเข้าจุดเดียว มันมีการถอยและโจมตีเลี่ยงโล่ได้เป็นอย่างดี แต่ชายที่ถือโล่ก็สามารถขยับโล่ไม้ที่มีขนาดไม่ได้ใหญ่มากมารับได้ แถมฝ่ายมนุษย์ยังกระแทกโล่ใส่เวลาปะทะอีกต่างหาก เห็นได้ชัดเลยว่าชายคนนี้เก่งพอสมควร
ปัง!!
ระหว่างการต่อสู้กำลังผ่านไปได้ด้วยดี อยู่ ๆเจ้าหมูป่าก็เหมือนจะมีโชคไม่น้อย การโจมตีเมื่อครู่ของมันผลักร่างของชายที่ถือโล่ออกไปได้นิดหน่อยทำให้พลังชีวิตของชายถือโล่ลดไปเยอะพอสมควร บางทีนั่นอาจจะเป็นการโจมตีติดคริติคอลโดยบังเอิญก็เป็นได้
“บ้าเอ้ย”ชายที่ถือโล่กัดฟันด้วยท่าทีไม่พอใจ พลังชีวิตของเขาไม่ได้สูงมากเพราะเน้นไปที่พลังป้องกันเสียมากกว่า หากโดนโจมตีติดคริเข้าก็ต้องเปลืองยามากกว่าเดิม
“อย่าชักช้าสิวะ รีบฆ่าเข้า”ชายถือโล่ตะโกนก่อนจะเอายาขึ้นมาดื่มอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่เขาอาจจะลืมคิดไปว่าผู้เล่นที่เอามานั้นเป็นผู้เล่นเลเวล 1 กันหมดแถม 2 ในนั้นยังไม่ได้ซื้ออาวุธเสียด้วยซ้ำ การจะฆ่าหมูป่าขนเทาที่มีเลเวลถึง 7 เป็นเรื่องลำบากไม่น้อยเลย
ผลัก!!
ไม่ทราบเพราะความโมโหหรือประมาท โล่ที่เคยรับการป้องกันของหมูป่าขนเทาได้ตลอดกลับช้าไปจังหวะหนึ่ง พริบตานั้นเจ้าหมูป่าขนเทาก็ลอดใต้โล่เอาเขี้ยวของมันเฉือนที่เอวของชายถือโล่เข้าอย่างจัง แม้จะเลเวล 6 และเน้นการป้องกันเป็นหลัก แต่การโจมตีทะลุโล่แบบนี้ก็สร้างความเสียหายให้ไม่น้อย แถมยาฟื้นฟูพลังยังติดคูลดาวน์(*)อีกต่างหาก
(*คูลดาวน์หมายถึงช่วงเวลารอสำหรับใช้ไอเทมหรือสกิลเดิมซ้ำอีกครั้ง ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามสกิลหรือไอเทมนั้น ๆ)
ผลัก!!
กวีตรงเข้าไปถีบร่างของหมูป่าขนเทาเข้าทันทีที่เห็นว่าชายที่ถือโล่เสียหลักล้มลงไปกับพื้น แม้หมูป่าขนเทาจะเลเวลสูงกว่าและมีหนังที่หนา แต่หากถีบเข้าเต็ม ๆแบบนี้ก็พอจะทำให้มันชะงักได้บ้าง
เปรี้ยง!!
กวีไม่รอให้หมูป่าขนเทาตั้งตัวเขารีบเอาดาบเข้าไปโจมตีซ้ำใส่ร่างของมันทันที แต่น่าเสียดายที่พลังโจมตีของกวีก็ไม่ได้สูงมาก แม้ดาบจะฟันเข้าที่ด้านข้างของลำคอพอดีก็ไม่สามารถฆ่ามันได้
“อู๊ดดด”เจ้าหมูป่าขนเทาร้องออกมาด้วยท่าทีโมโห แต่ถึงกวีจะเข้าไปขัดแบบนั้นมันก็ยังจ้องไปที่ชายถือโล่ไม่เลิกเพราะว่ามันเป็นมอนสเตอร์ประเภทพุ่งเป้าหมายโจมตีแค่เป้าหมายเดียว ไม่ว่าใครจะโจมตีมันเท่าไรมันก็จะพุ่งไปฆ่าคนที่โจมตีเป็นคนแรกก่อนเท่านั้น
ปัง!!
เพราะกวีเข้ามาขวางเอาไว้ชายที่ถือโล่ก็เลยลุกขึ้นมาได้ทันก่อนที่หมูป่าขนเทาจะกลับมาโจมตีอีกครั้ง แถมยังยกโล่ขึ้นมาป้องกันได้อีกต่างหาก
“กลับมาโจมตีสิวะ รีบฆ่ามันเร็ว ๆ”ชายที่ถือโล่ออกคำสั่งก่อนจะเอาขวดยาที่หมดคูลดาวน์ไปแล้วขึ้นมาดื่ม ท่าทีโมโหของเขาทำเอาคนในปาร์ตี้ชะงักไปครู่หนึ่งแต่เพราะหมูป่ายังไม่ตายทุกคนเลยกลับไปโจมตีกันอีก
ตึง...
หลังจากรุมโจมตีกันอีกรอบ ในที่สุดหมูป่าขนเทาก็ล้มลงนอนกับพื้นด้วยสภาพหมดลมหายใจ ร่างของมันเปล่งแสงสีขาวออกมาก่อนจะแตกสลายเหมือนเศษแก้วเหลือทิ้งเอาไว้แค่ เนื้อหมูป่า 1 ชิ้น เท่านั้น
“พวกแก....”ทันทีที่จบการต่อสู้ ชายที่ถือโล่ก็เตรียมจะด่าคนอื่น ๆทันที สำหรับเขาแล้วความผิดพลาดที่เล่นเอาเกือบตายก่อนหน้านี้เป็นเพราะพลังโจมตีของคนอื่น ๆไม่พอทำให้ฆ่าหมูป่าขนเทาได้ช้านั่นเอง
“เมื่อกี้สุดยอดเลยนะครับ หัวหน้ารับการโจมตีของหมูป่าได้หมดเลย พลังป้องกันของหัวหน้าร้ายกาจจริง ๆ”อยู่ ๆกวีก็พูดแทรกออกมาก่อนที่ชายถือโล่จะเปิดปากโวยวาย
“หา....”ชายถือโล่แสดงสีหน้างุนงงออกมาทันทีเมื่อกวีลากเข้าเรื่องอื่น แต่เพราะกวีเป็นคนช่วยเอาไว้ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายก็เลยไม่คิดจะด่ากวีรวมไปด้วยแต่แรกแล้ว ท่าทางชายถือโล่จะไปต่อวาชายอีก 2 คนที่เหลือเพราะเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขายังใช้แค่มีดมือใหม่และโจมตีได้ช้ามาก
“ก็เมื่อกี้หัวหน้าแทงค์ให้พวกเราได้สุดยอดมากเลยไงละครับ ตอนที่หมูป่าโจมตีเข้ามาหัวหน้าก็กระแทกกลับ แบบนั้นต้องใช้ฝีมือมากเลยนะ หรือว่าจริง ๆแล้วหัวหน้าจะเป็นผู้เล่นยอดฝีมือกัน”อยู่ ๆกวีก็ชมอีกฝ่ายอย่างออกหน้าออกตาทำเอาคนในปาร์ตี้พากันมองหน้ากันและกันด้วยท่าทีประหลาดใจ แต่สำหรับชายอีก 2 คนรวมถึงเจด้วยเริ่มเข้าใจแล้วว่ากวีกำลังทำอะไร
“ตาถึงเหมือนกันนี่นา ถ้าอยากจะเก่งก็ต้องหาเคล็ดลับมาใช้ด้วยไงล่ะ พวกที่เอาแต่พึ่งสกิลน่ะไม่ได้เรื่องหรอก”พอโดนชมเข้าชายถือโล่ก็ลดท่าทีโมโหลงก่อนจะพูดอวดเทคนิคของตนออกมาด้วยท่าทียิ้มแย้มเสียอย่างนั้น แต่ฝ่ายคนอื่น ๆในปาร์ตี้กลับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“โชคดีจริง ๆที่ได้มาเข้าปาร์ตี้ของหัวหน้า พวกเราเลเวลก็น้อยพลังโจมตีก็ไม่มี ถ้าไม่ได้หัวหน้าเป็นที่พึ่งพิงพวกเราคงต้องแย่แน่ ๆ”กวีว่าพลางหันไปมองคนอื่น ๆในปาร์ตี้
“ก็ช่วยไม่ได้นะ พวกนายก็รีบอัพเลเวลแล้วเพิ่มพลังโจมตีให้มันแรง ๆแล้วกัน ปล่อยไว้แบบนี้เปลืองยาแย่”ชายถือโล่ว่าพลางต่อว่าออกมาจนได้ แต่เพราะคำชมของกวีจากการต่อว่าด้วยอารมณ์เลยกลายเป็นการต่อว่าด้วยท่าทีเฉย ๆเสียอย่างนั้นทำเอาพวกผู้ชายอีก 2 คนซึ่งเป็นเป้าหมายในการโดนด่าถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แม้จะไม่ชอบแต่ตอนนี้พวกตนก็ต้องพึ่งชายถือโล่เพื่อเก็บเลเวลเช่นกัน
“ขอบคุณนะครับ”ชายทั้ง 2 เดินเข้ามาหากวีก่อนจะบอกขอบคุณเบา ๆ หากไม่ใช่เพราะกวีบรรยากาศคงแย่ไปแล้วแน่ ๆ
“ไม่เป็นไร แต่พวกคุณก็ต้องเพิ่มพลังโจมตีตามที่บอกด้วยนะ”กวีตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะเข้าไปสอนวิธีใช้มีดให้ทั้ง 2 คนฟังคร่าว ๆ อย่างน้อยหากแทงมีดอย่างถูกต้องก็คงสร้างความเสียหายได้ดีกว่านี้
“นึกว่าจะแย่แล้วสิ พี่กวีนี่ใจกล้าจังเลยนะครับ”เจว่าพลางเดินตามคนอื่น ๆไปหาหมูป่าตัวต่อไป ถ้าเป็นเขาละก็นอกจากจะไม่กล้าเข้าไปขวางหมูป่าตอนชายถือโล่ล้มแล้วยังไม่กล้าเข้าไปขัดตอนชายถือโล่กำลังจะโวยวายแน่ ๆ
“มันจำเป็นนี่นา”กวีตอบด้วยท่าทีเฉยชา หากแค่พูดชมสักหน่อยแล้วจะสามารถทำให้ปาร์ตี้สงบสุขได้กวีก็จะเลือกทำได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ ต่อให้คำชมนั้นจะไม่เป็นจริงหรือไม่ใช่สิ่งที่อยากพูดเลยก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นระหว่างเดินไปหาหมูป่าขนเทาตัวต่อไปกวีก็ยังแอบมองไปทางหญิงสาวคนเดียวในปาร์ตี้อยู่ดี มือของเธอยังจับไปที่มีดไม่ยอมปล่อย ตอนแรกกวีคิดว่าเธอวางแผนจะทำอะไรไม่ดีเสียอีก แต่ที่ไหนได้เธอกลับยืนอยู่เฉย ๆไม่ได้ทำอะไรเลย แถมตอนที่ชายถือโล่ล้มลงไป เธอยังทำท่าเหมือนจะพุ่งเข้ามาช่วยอีกต่างหาก แต่เพราะกวีเข้าไปถึงตัวและช่วยชายถือโล่ไปแล้วเธอก็เลยทำแค่ก้าวเท้าออกมาไม่กี่ก้าวเท่านั้น
“น้องมีนระวังด้วยนะ อย่าเข้ามาใกล้ตอนพวกเราต่อสู้เด็ดขาดนะ”หลังจากเจอหมูป่าขนเทาตัวต่อไป ชายถือโล่ก็หันไปคุยกับหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังด้วยท่าทีเป็นห่วงที่ออกจะเกินไปหน่อยออกมา
“พวกแก ถ้าใครปล่อยให้น้องมีนได้รับบาดเจ็บฉันจะเตะออกจากปาร์ตี้เข้าใจหรือเปล่า”ชายถือโล่คุยกับมีนเสร็จก็หันกลับมาโวยใส่คนอื่น ๆในปาร์ตี้อย่างกับเป็นคนละคนเสียอย่างนั้น ภาพแบบนี้เห็นได้ไม่ยากเลยเวลามีผู้หญิงเข้ามาในปาร์ตี้ มันคือการอวดบารมีนั่นเอง เพียงแต่กวีที่มองอยู่ด้านหลังกลับรู้สึกแปลก ๆกับเรื่องนี้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
บางทีเรื่องที่บอกว่ามีนจะไม่เข้ามาต่อสู้อาจจะเป็นสิ่งที่ชายถือโล่สั่งเอาไว้ก็เป็นได้ แบบนั้นทำให้กวีพอเข้าใจแล้วว่าท่าทีของมีนก่อนหน้านี้คืออะไร เธอไม่ได้วางแผนจะแอบทำอะไรลับหลังพวกกวี แต่ที่เธอจับอาวุธเอาไว้และพุ่งเข้ามาตอนชายถือโล่ล้มลงนั่นก็เพราะเธออยากจะสู้ต่างหาก แต่เธอกลับทำไม่ได้เพราะชายถือโล่สั่งเอาไว้ว่าห้ามเข้ามา บางทีเธออาจจะเป็นผู้เล่นใหม่เอี่ยมที่กำลังสับสนอยู่ว่าตัวเองต้องทำอะไรกันแน่ก็เป็นได้