ตอนที่แล้วDual Cultivation บทที่ 429: มหาวิบัติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDual Cultivation บทที่ 431: คำแนะนำจากพี่สาวใหญ่

Dual Cultivation บทที่ 430: สิบตระกูลและสายเลือดสูงสุดทั้งสี่ (ฟรี)


Dual Cultivation บทที่ 430: สิบตระกูลและสายเลือดสูงสุดทั้งสี่

“เมื่อหลายร้อยปีก่อนรึ นั่นค่อนข้างนานพอควร” ซูหยางเลิกคิ้ว

ชิวเยว่พยักหน้าและกล่าวว่า “ในเวลานั้น ข้ายังคงหลงไหลกับการเพิ่มพูนพลังการฝึกปรือของข้า ดังนั้นข้าจึงท่องเที่ยวทั่วโลกเพื่อเสาะหาทรัพยากรและสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่ง นั่นจึงทำให้ข้าได้ผ่านมายังที่ตรงนี้ที่ซึ่งข้าได้พบกับสัตว์ลึกลับที่อยู่ในเขตเทพวิญญาณ หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าเคยพบเจอมา”

“สัตว์ร้ายในเขตเทพวิญญาณรึ” ซูหยางดวงตาเบิกกว้าง ลืมเรื่องเมื่อสองร้อยปีก่อนไปได้เลยเมื่อการฝึกวิชายังไม่ก้าวหน้าเหมือนทุกวันนี้ เขาสามารถจินตนาการได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้ถ้าหากว่ามีสัตว์อสูรอาละวาดอยู่ในที่แห่งนี้ในตอนนี้

“สัตว์ร้ายลึกลับนั้นสร้างความหายนะในที่แห่งนี้ในเมื่อไม่มีใครจะมีความสามารถที่จะหยุดมันได้ในเวลานั้น และมันก็จักดำเนินไปตามนั้นจวบจนวันนี้ถ้าข้ามิได้ล่ามัน” ชิวเยว่พูดต่อ “แม้ว่าข้าจะมีเขตสูงกว่าสัตว์ร้ายลึกลับนั่นถึงสองเขต นั่นก็มิได้เป็นการต่อสู้ที่ง่ายดายแต่อย่างใด ถ้าข้ามิได้ฆ่าสัตว์ร้ายนั่นในเวลานั้น ข้าก็มิอาจจะจินตนาการได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่นี่ บางทีอาจจะมิมีใครที่เหลือรอดมาถึงวันนี้”

“สัตว์ร้ายลึกลับรึ” ซูหยางครุ่นคิด

เวลาถัดไปเมื่อไม่มีเนื้อเหลือที่จะเสิร์ฟแล้ว งานเลี้ยงก็จบลง และชินเหลียงหยูก็ตรงเข้ามาหากลุ่มซูหยาง

“อาหารเป็นอย่างไรบ้าง ท่านแขกผู้ทรงเกียรติ” เธอถามพวกเขา

“มหัศจรรย์” ซูหยางยิ้มให้กับเธอและพูดต่อว่า “ข้าเกือบก้าวผ่านระดับหลังจากที่กินเนื้อวิญญาณไปมาก”

“ยอดเยี่ยมที่ได้ยินเช่นนั้น อย่างไรก็ตามนี่ค่อนข้างจะสาย ถ้าพวกท่านมิมีที่ไหนพักในคืนนี้ ข้าจักตระเตรียมมันทันที” ชินเหลียงหยูกล่าว

“ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ แต่ข้าจักพักบนยานบินของข้า ที่นั่นมีที่ว่างพอให้พวกเราสามคนอยู่เช่นกัน” ชิวเยว่กล่าว

“ข้าเข้าใจแล้ว…” ชินเหลียงหยูพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้นถ้าท่านต้องการสิ่งใด เพียงขอให้พวกเราสักคนรู้และข้าจักตระเตรียมให้ในทันที”

“ข้าต้องการไปเยี่ยมชนเผ่าอื่นสองสามเผ่าพรุ่งนี้และดูว่าพวกเขามีข้อมูลของกระจกนิลกาฬหรือไม่” ซูหยางพลันกล่าวขึ้น “เจ้าพอจะพร้อมไหม”

“นั่นมิมีปัญหาใด ท่านผู้อาวุโสซู ถึงแม้ว่าท่านต้องการจะไปตอนนี้ ข้าก็จักพร้อมเป็นทูตให้”

“เยี่ยม เช่นนั้นข้าจะพบกับเจ้าพรุ่งนี้เช้า”

หลังจากงานเลี้ยง ซูหยางและกลุ่มของเขาก็กลับไปยังยานบินขนาดมหึมาที่ลอยตั้งอยู่เหนือชนเผ่าหมูป่า ให้ความรู้สึกปลอดภัยอันลึกซึ้งให้กับชนพื้นเมือง ราวกับว่าพวกเขาได้รับการปกป้องจากเซียน

ตามความเป็นจริงก่อนที่ชนพื้นเมืองจะหลับ พวกเขาทั้งหมดก็พากันคุกเข่าไปยังยานบินและสวดภาวนาให้กับการปกป้องที่มีต่อพวกเขา

-

-

“ข้ามิมีโอกาสที่จะพูดเช่นนี้ที่การแข่งขัน แต่… นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกของข้าที่ได้ชนะเจ้าในการแข่งขัน” ซูหยางกล่าวขณะที่เขานอนอยู่บนยานบิน จ้องมองดวงจันทร์กระจ่างด้วยท่าทางผ่อนคลาย

“ฮึ่ม” ถังหลินชีแค่นเสียงอยู่ข้างตัวเขาและกล่าวว่า “เจ้าเพียงแค่ชนะครั้งหนึ่งเพราะว่าร่างของข้ามิได้แข็งแกร่งเหมือนเจ้า ทำให้วิชาข้าเลือกได้จำกัด ถ้าข้ามีเวลาอีกสองสามเดือนในการฝึกฝน ข้าย่อมต้องเคี่ยวกรำร่างกายข้าและสามารถใช้วิชาของสายเลือด*ข้าได้บางอย่าง”

PS: ขอเปลี่ยนจากเผ่าเทพอาชูร่าเป็น สายเลือดเทพอาชูร่า ครับ เพราะว่ามีคำหลายคำในภาษาอังกฤษที่แปลให้ความหมายคล้ายๆกันในภาษาไทยจนชวนสับสน ตระกูล เผ่า ชนเผ่า สายเลือด ครอบครัว

“องค์หญิงสายเลือดเทพอาชูร่าต้องใช้ข้ออ้าง ข้ามิอาจจะเห็นเช่นนั้นได้บ่อยครั้ง” ซูหยางหัวเราะหึๆ

“...” ถังหลินชีเงียบไป

สองสามอึดใจหลังจากนั้นเธอก็หันไปมองเขาและกล่าวถามว่า “เจ้าวางแผนจะทำอะไรหลังจากที่เจ้ากลับคืนไปยังสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่”

“...”

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ซูหยางก็พูดขึ้นว่า “พูดตามตรง ข้ามิรู้เหมือนกันว่าข้ากำลังจะทำอะไรต่อครั้นเมื่อข้ากลับไปแล้ว”

“แน่นอนข้าจะต้องไปพูดคุยกันอย่างถึงแก่นกับเทพจันทราเรื่องการตายของเยว่ไฮและอนาคตของชิวเยว่ แต่จริงแล้วข้ามิรู้ว่าข้าต้องการทำอะไรหลังจากนั้น ยิ่งไปกว่านั้นข้าเป็นอาชญากรที่ต้องถูกจำขังในเหวบาปนิรันดร์ จักรพรรดิ์สวรรค์คงมิชอบใจถ้าเขารู้ว่าข้ายังคงมีชีวิตอยู่เป็นอย่างดีอย่างแน่นอน”

“ผู้คนจำนวนมากต้องทนทุกข์ทรมานหลังจากที่เจ้าตาย ซูหยาง จนถึงตอนนี้ก็ยังมีคนหลายคนที่ตกอยู่ในความเศร้าโศก ข้ารู้เพราะว่าข้าเองก็เป็นหนึ่งในพวกเธอ” ถังหลินชีกล่าว “เจ้าจะทำอะไรกับพวกเธอรึ”

“...”

“ข้ามิรู้เช่นกัน ยังมีหลายครั้งที่ข้าได้คิดดูว่าบางทีอาจจะเป็นการดีกว่ากับโลกถ้าข้าตายไป” ซูหยางถอนหายใจ “เจ้าควรรู้ว่าข้ามีศัตรูจำนวนมากภายในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่และคนจำนวนมากที่ข้ารักก็ต้องตายไปเพราะข้า”

“ข้ารู้… แต่เจ้าก็ได้ช่วยเหลือคนจำนวนมากเช่นกัน ไม่ว่าอย่างไรข้าเองก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น ถ้าเจ้ามิได้ช่วยเหลือข้าใครจะรู้ว่าจักเกิดอะไรขึ้นกับสายเลือดเทพอาชูร่าในวันนั้น” ถังหลินชีกล่าวและต่ออีกว่า “ยังมีตระกูลซูของเจ้าอีก มีปัญหาบางอย่างอยู่บ้างหลังจากที่การตายของเจ้าถูกประกาศอย่างเป็นทางการ”

ซูหยางตาเบิกกว้างหลังจากที่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตระกูลของตนเองและเขาพูดด้วยเสียงกระวนกระวายว่า “อะไรนะ เกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอรึ”

“ใจเย็น” ถังหลินชีกล่าว “แม้ว่าพวกเธจะมีปัญหาในตอนแรกกับตระกูลต่างๆพยายามที่จะทำลายตระกูลซูทั้งตระกูล จอมยุทธที่ไม่ทราบชื่อได้ปรากฏตัวขึ้นปกป้องพวกเธอ”

“อะไรนะ ใครกล้าโจมตีตระกูลของข้าหลังจากที่ข้าตาย ช่างไร้ยางอายนัก ครั้นเมื่อข้ากลับไปข้าจักจัดการทวงหนี้นี้ด้วยตนเอง” ซูหยางตาเป็นประกายด้วยความโกรธ

“บางตระกูลในสิบตระกูลและหนึ่งในสายเลือดสูงสุดทั้งสี่ร่วมมือกัน ด้วยความแข็งแกร่งมหาศาลเช่นนั้นพวกเขาควรจักทำลายตระกูลซูได้อย่างง่ายดาย ข้าจักบอกเจ้ามากกว่านี้เกี่ยกับพวกนั้นในภายหลัง”

“สิบตระกูลและสายเลือดสูงสุดทั้งสี่รึ” ซูหยางเริ่มเหงื่อตกหลังจากที่ได้ยินชื่อของพวกเขา เมื่อพวกนั้นล้วนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ทั้งหมด ถ้าหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ต้องการทำลายตระกูลหรือสำนักใดๆ พวกเขาก็สามารถทำได้เพียงแค่ดีดนิ้ว

“เช่นนั้นใครไล่พวกนั้นไปรึ กระทั่งสายเลือดเทพอาชูร่าก็ต้องมีปัญหาหากเจอพวกนั้น อย่าว่าแต่คนเพียงคนเดียว” ซูหยางพลันถาม

“นั่นคือสิ่งที่… มิมีใครสามารถที่จะระบุตัวตนคนนี้ได้ ในเมื่อเขาได้ปกปิดตัวตนไว้ สิ่งเดียวที่พวกเรารู้จักเกี่ยวกับเขาก็คือเขาถือกระบี่ขนาดมหึมาเท่าดวงดาว เพียงแค่กวัดแกว่งกระบี่นั้นครั้งเดียวก็สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่พยายามจะทำอันตรายตระกูลซู”

“หลังจากนั้นจอมยุทธผู้นี้ก็ได้เตือนผู้ที่ต้องการจะทำอันตรายตระกูลซูว่าเขาจักทำลายพวกนั้นทั้งตระกูลถ้าพวกนั้นพยายามจะทำอันตรายตระกูลซูอีกครั้งก่อนที่จะหายตัวไป แน่นอนว่าหนึ่งในสิบตระกูลได้เพิกเฉยคำเตือนของเขาและเข้าโจมตีตระกูลซูอีกครั้ง และก็ได้เพียงถูกทำลายด้วยจอมยุทธลึกลับนั้นในคืนเดียว เหตุการณ์นี้ได้ทำให้เกิดความปั่นป่วนที่กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์เองถูกบีบให้ลงมือ”

“กระบี่ขนาดมหึมาเท่าดวงดาวรึ… หรือว่าจะเป็น…” ซูหยางคิดว่าเขาน่าจะรู้ตัวตนของจอมยุทธลึกลับที่ช่วยเหลือครอบครัวของเขานี้

“และนับตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเป็นต้นมา มิมีใครกล้าที่จะเข้าไปตระกูลซู อย่าว่าแต่จะโจมตี เจ้ารู้ตัวตนของจอมยุทธลึกลับนี้หรือไม่ ซูหยาง” ถังหลินชีกล่าว

เขาพยักหน้า “ข้ามีความคิดอยู่ แต่ข้าได้สัญญากับคนผู้นี้ว่าข้าจักมิเปิดเผยตัวตนเขาให้กับใคร”

“เอ๋” ถังหลินชีแสดงท่าทีผิดหวัง “เจ้ามิสามารถกระทั่งบอกข้าคู่หมั้นของเจ้ารึ”

“อย่ากังวล เจ้ามีชะตาที่จะต้องพบกับคนผู้นี้มิช้าก็เร็ว” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม

PS: บทที่ 428 พลาดไปอยู่ในหัวข้อ ผู้กล้าไร้อาชีพ นะครับ ตอนนี้แก้ไขแล้วครับ ถ้าพบเห็นความผิดพลาดเมลล์มาได้ที่ [email protected] นะครับ ขอบคุณมากครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด