บทที่ 125
คฤหาสน์ไม้สักทองหลังใหญ่อันเป็นที่พักของแม่ทัพใหญ่นามว่าเจี่ยอู่หลง อาคารที่พักถูกทำลายจนหมดสิ้น ผู้คนด้านใน ทหาร คนรับใช้ ล้วนแล้วแต่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และมีตายเป็นบางส่วน มีรายงานแจ้งต่อผู้ปกครองเขตว่าเป็นฝีมือของกลุ่มนักฆ่าผาไม้ดำ หลักฐานที่ได้จากศพของแม่ทัพเจี่ยอู่หลงและบุตรชายเจี่ยเฉิน เป็นป้ายของผาไม้ดำและจดหมายสังหารชายชราผู้หนึ่งนามว่าเซียงฟง ผู้ปกครองเขตถึงกับมีคำสั่ง ล่าสังหารคนของผาไม้ดำเพื่อแก้แค้นให้แม่ทัพใหญ่ รวมไปถึงส่งจดหมายด่วนถึงผู้ปกครองเขตต่างๆ ให้จับตาดูและสังหารคนของผาไม้ดำทันทีที่มีการพบเจอ ทำให้ข่าวของกลุ่มโจรหมอกพิษค่อยๆถูกผู้คนลืมเลือน
ชายหนุ่มทั้งสามตอนนี้ยังอยู่ในพื้นที่ของเขตดิน ตอนนี้อยู่ในดงสัตว์อสูรประเภทแมลง หยางเวยเนื้อตัวปูดบวมเพราะถูกต่อยด้วยอสูรประเภทผึ้งและต่อ สร้างเสียงหัวเราะให้แก่เนี่ยฟงและเย่เตาไม่น้อย
“เหอะ ข้าบอกเจ้าแล้ว เจ้าไม่เชื่อข้าเอง”
“บัดซบ ใครจะคิดว่ามันจะมีจำนวนเยอะเช่นนั้น อีกอย่างใครจะคิดว่าพิษอันร้ายกาจของข้าจะทำอะไรพวกมันไม่ได้”
เนี่ยฟงโยนขวดยาให้แก่หยางเวย
“เจ้าทานยาก่อนก็แล้วกัน”
หยางเวยรีบกลืนเม็ดยาเข้าไปพร้อมกับนั่งโคจรลมปราณ ไม่ถึงสิบลมหายใจร่างกายที่ปูดบวมของหยางเวยก็เริ่มอาการดีขึ้น เย่เตาพุ่งทะยานกลับมาหาทั้งสอง
“เนี่ยฟง หยางเวยข้าพบเจอบางอย่าง พวกเจ้ารีบไปดูเถอะ”
ทั้งสองรีบพุ่งทะยานติดตามเย่เตาไป ชั่วน้ำเดือดเมื่อพุ่งผ่านพงหญ้าหนามด้านหน้าก็พบกับเสาไม้แกะสลักเป็นรูปสัตว์อสูรต่างๆ บางเสาตั้งอยู่ บางเสาถูกทำลายลงตามกาลเวลา กองอยู่บนพื้น เนี่ยฟงค่อยๆเดินสำรวจเสาทีละต้นแต่ก็ไม่พอเจอสิ่งใดปกติ
“ท่านลุ่ยกงขอรับ ท่านพอจะทราบเรื่องราวของเสาพวกนี้หรือไม่ขอรับ”
“อืม เรื่องราวมันนานมากแล้ว ข้าเองก็จดจำไม่ค่อยได้เท่าไร ในอดีตมีกลุ่มคนจำนวนไม่มากเท่าไร แยกตัวออกมาอยู่กันเอง หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับสงคราม แต่ทว่าเมื่อสงครามเกิดขึ้นแน่นอนทุกคนต้องเข้าร่วมเช่นกัน คนกลุ่มนี้จึงถูกคัดเลือกให้เป็นกลุ่มแรกๆที่เข้าปะทะกับพวกปีศาจ เหตุเพราะจำนวนคนที่น้อยกว่า และหาได้มีฝีมือในการต่อสู้มากนัก เหตุใดเจ้าไม่ใช้ปราณของเจ้าตรวจสอบพวกมัน”
เนี่ยฟงรีบแผ่ลมปราณออกจากร่างประกายสายฟ้าพุ่งออกจากร่าง ไม่ถึงสองลมหายใจประกายสายฟ้าก็พุ่งไปข้างหน้า เนี่ยฟงไม่กล่าวสิ่งใดรีบพุ่งออกไปติดตาม หยางเวยและเย่เตารีบพุ่งติดตามเช่นกัน ทั้งสามพุ่งทะยานเข้าไปด้านใน เศษซากกองกระดูกของมนุษย์และสัตว์อสูรวางกองอยู่ตามพื้น ในที่สุดทั้งสามก็มายืนอยู่หน้าเสาไม้แกะสลักขนาดใหญ่สองต้น ด้านบนมีเสาไม้เชื่อมต่อกันคล้ายประตู เสาทั้งสองยังคงแกะสลักรูปสัตว์อสูรต่างๆไว้รอบเสา หยางเวยและเย่เตารับรู้ทันทีว่าเนี่ยฟงจะทำสิ่งใดต่อ ทั้งสองรีบพุ่งออกมาอยู่รอบนอกคอยคุ้มกัน หยางเวยสะบัดมือถือมีดอันแปลกประหลาดในมือเช่นเดียวกับเย่เตาที่เรียกดาบเล่มโตออกมา
เนี่ยฟงสะบัดมือประกายสายฟ้าพุ่งออกไปตรงกลางเสาไม้แกะสลักทั้งสองต้น ไม่ถึงสามลมหายใจก็ปรากฏวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดงออกมา เนี่ยฟงรีบสะบัดมืออีกครั้งประกายสายฟ้าพุ่งไปที่วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดงไม่นานมันค่อยๆแปรเปลี่ยนอักษรด้านใน เกือบสองเค่ออักษรด้านในก็กลายเป็นสีฟ้าทั้งหมด ชั่วน้ำเดือดก็ปรากฏม่านอักขระศักดิ์สิทธิ์
“คุณชายหยางเวย ท่านพร้อมจะร่ำรวยหรือไม่”
“แน่นอน แน่นอน ข้ารอเวลาที่เจ้าจะเอ่ยเช่นนี้มานานแล้ว รีบเข้าไปด้านในเถอะ คุณชายเนี่ยฟง”
เนี่ยฟงยกยิ้มแล้วเดินเข้าไปในม่านอักขระศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับหยางเวยและเย่เตา เมื่อเข้ามาถึงเนี่ยฟงแสยะยิ้มพุ่งทะยานไปที่ศิลาจารึกที่ตั้งอยู่กลางห้องขนาดใหญ่ รอบด้านมีหีบเหล็กขนาดใหญ่หลายสิบใบหยางเวยตะโกนออกมาอย่างดีใจรีบพุ่งทะยานไปที่หีบเหล็ก ไม่นานก็เงียบเสียงลงหาได้มีเสียงหยางเวยกล่าวสิ่งใดออกมา เป็นเย่เตาที่เกิดความสงสัยทะยานเข้าไปหาหยางเวย สุดท้ายก็ทราบความจริง หีบเหล็กหลายสิบใบ แต่ละใบมีเสื้อผ้าเครื่องประดับมากมาย เพียงแต่ว่าเพราะถูกเก็บเอาไว้นานของในหีบจึงเสียหายเกือบทั้งหมด ไม่นานทั้งสองก็เดินกลับมานั่งโคจรลมปราณเพื่อรอคอยเนี่ยฟง
ช่วงเวลาสองชั่วยามที่เนี่ยฟงใช้เวลาส่วนใหญ่อ่านข้อความในศิลาจารึก หยางเวยและเย่เตาทำได้เพียงนั่งโคจรลมปราณ เมื่อเนี่ยฟงอ่านข้อความในศิลาจารึกเสร็จสิ้นเดินเข้ามาหาทั้งสอง เป็นหยางเวยที่ลืมตาขึ้นมาก่อน
“เป็นอย่างไรบ้าง มีข้อมูลของคนพวกนั้นหรือไม่”
“ไม่มีสิ่งใด มีเพียงข้อมูลของผู้ปกครองเดิมที่ปกครองอยู่ที่นี่เท่านั้น”
“เจ้าจะทำอย่างไรต่อ”
“ที่เขตแห่งนี้ไม่มีสิ่งใดต้องหาแล้ว เราคงต้องไปที่เขตแห่งดินแดนทะเลทราย”
“ดี หวังว่าที่นั่นจะมีสมบัติ”
“เช่นนั้นเราออกเดินทางกันเถอะ”
สิ้นเสียงของเย่เตาทั้งสามก็ออกไปจากที่นี่ เนี่ยฟงไม่ลืมที่จะแก้ไขอักขระศักดิ์สิทธิ์ก่อนจากไป เนี่ยฟงพุ่งทะยานไปตามกิ่งไม้ลัดเลาะไปตามสันเขาไม่นานก็ออกจากป่า ทั้งสามไม่ลืมที่จะปลอมตัวในเวลาเข้าเมือง ข่าวติดประกาศด้านหน้าเมือง ถึงการประกาศจับกุมและสังหารคนของผาไม้ดำติดทั่วทั้งเมือง ทั้งสามคนที่ปลอมตัวนั่งฟังข่าวที่ผู้คนพูดคุยในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ข่าวการสังหารแม่ทัพเจี่ยอู่หลงยังคงเป็นหัวข้อใหญ่ที่ใครหลายคนต่างหยิบยกมากล่าวถึงในช่วงนี้ เมื่อทานอาหารจนอิ่มทั้งสามก็ออกมาเดินเล่นในเมือง
ครั้งนี้นับเป็นโชคของหยางเวยที่เนี่ยฟงหาได้เข้าไปที่ร้านสมุนไพรเพียงแต่เดินเล่นภายในเมืองเท่านั้น ในระหว่างนั้นเองเนี่ยฟงก็ถีบเท้าถอยหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นสีเงินสามเล่มพุ่งปักไปที่จุดที่เนี่ยฟงยืนอยู่ ทันทีที่หันไปมองทางมีดสั้นพุ่งมา ก็พบเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งสวมชุดดำมีผ้าดำปกปิดใบหน้า จ้องมองเนี่ยฟงอย่างไม่วางตาอยู่บนหลังคาบ้านหลังหนึ่ง
“ออกกำลังหลังอาหารก็ดีไม่น้อยเช่นกัน”
เนี่ยฟงเมื่อกล่าวเสร็จสิ้นก็พุ่งทะยานขึ้นไปไล่ติดตามหญิงชุดดำผู้นั้น หยางเวยและเย่เตาก็รีบพุ่งทะยานติดตามเช่นกัน หญิงสาวชุดดำหลอกล่อพุ่งทะยานไปมาบนหลังคาไม่นานก็พาชายหนุ่มทั้งสามออกมานอกเมือง
“หยางเวย เย่เตา ระวังด้วยคนผู้นี้ด้วย ไม่แน่อาจจะพาพวกเราไปยังกับดักที่วางไว้”
เนี่ยฟงกล่าวจบยังไม่ถึงสามลมหายใจก็พบเจอกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบคนถือดาบในมืออยู่ด้านหน้า ทันทีที่หญิงชุดดำผู้นั้นหยุดนิ่ง ชายฉกรรจ์อีกนับสิบคนก็เดินออกจากป่า
“พวกบัดซบทั้งสาม ในที่สุดก็ออกจากที่หลบซ่อน วันนี้จะเป็นวันตายของพวกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้นายท่าน”
หยางเวยขมวดคิ้วเอ่ยวาจากล่าวถามหญิงชุดดำด้านหน้า
“แม่นาง เหตุใดแม่นางถึงกล่าวออกมาเช่นนั้น พวกข้าทั้งสามได้มีเรื่องผิดใจกับนายท่านของแม่นางได้อย่างไรกัน พวกข้าทั้งสามฝึกวิชาบนเขาหลายปีได้ลงจากเขาก็วันนี้เอง”
“เหอะ ผายลม พวกเจ้าทั้งสามคือตัวบัดซบเนี่ยฟง หยางเวย และเย่เตาใช่หรือไม่”
“แม่นางจำผิดคนแล้ว พวกข้าทั้งสามหาได้เป็นคนที่แม่นางกล่าวอ้าง”
หยางเวยยังคงกล่าวปฏิเสธเพื่อถ่วงเวลาบางอย่าง
“เช่นนั้นแม่นางกล่าวมาเถอะว่านายท่านของท่านเป็นผู้ใด พวกข้าทั้งสามสามารถเข้าไปอธิบายได้ว่าพวกท่านจำผิดคนแล้ว”
“นายท่านของข้าคือท่านแม่ทัพเจี่ยอู่หลง”
“โอ้ ที่แท้แม่นางเป็นคนของแม่ทัพเจี่ยอู่หลงนั้นเอง ต้องขออภัยแม่นาง พวกท่านคงจำผิดคนแล้ว”
กล่าวสิ้นเสียงหยางเวยก็ซัดฝ่ามือลงพื้นดิน เปรี้ยง ควันพิษสีม่วงฟุ้งกระจาย เนี่ยฟงสะบัดมือกำชับมีดสั้นในมือพุ่งทะยานออกไป พร้อมกับเย่เตาที่ฟาดฟันดาบเข้ามากลุ่มชายฉกรรจ์ เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เสียงดาบและปราณดาบปะทะกันเสียงดังสนั่น อสรพิษดำปรากฏออกมาพุ่งเข้าสังหารชายฉกรรจ์ด้วยเช่นกัน หยางเวยรีบสวมถุงมือไหมพุ่งเข้าหาหญิงชุดดำด้านหน้า พร้อมกับซัดฝ่ามือออกไป ปราณฝ่ามือสีม่วงพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวชุดดำหาได้ตื่นตกใจสะบัดมือนำกระบี่ออกมาถือฟาดฟันออกไป เงาปราณกระบี่พุ่งออกมาประดุจห่าฝน หยางเวยระเบิดพลังปราณสีส้มขึ้นสูงพร้อมกับปราณพิษออกมา ตูม
เลือดสีแดงไหลนองเต็มพื้น ชายฉกรรจ์ทั้งหมดถูกสังหารจนสิ้น เหลือเพียงหญิงชุดดำและหยางเวยที่ยังคงเข้าปะทะกันอยู่ ไม่นานหญิงสาวชุดดำก็พลาดท่าให้แก่หยางเวยเพราะพิษที่ปลดปล่อยออกมาเริ่มแสดงอาการของมันแล้ว หยางเวยต่อยเข้าไปที่หน้าท้องของหญิงชุดดำอย่างถนัดถนี่ เปรี้ยง หญิงสาวชุดดำกระเด็นออกไปด้านหลังชนกับต้นไม้ใหญ่โครม เลือดสีแดงสดไหลออกจากปาก หยางเวยไม่กล่าวสิ่งใดต่อสะบัดมือถือมีดอันแปลกประหลาดไว้ในมือ วาดผ่านลำคอของหญิงสาวชุดดำ ศีรษะกระเด็นร่วงลงพื้น