บทที่ 124
คฤหาสน์ไม้สักทองหลังใหญ่ ตลอดเวลาสองวันที่หมอชราเซียงฟงพักอยู่ที่นี่ ไม่แม้แต่จะออกจากห้องพักมีเพียงชายหนุ่มนามว่าหยางอู่เตาที่ออกมาด้านนอก เพื่อนำสำรับอาหารเข้าไปด้านในห้อง และนำออกมาวางไว้ที่ห้องครัว หลายคนล้วนแล้วแต่แปลกใจต่อการกระทำของทั้งสาม รุ่งเช้าของวันที่สาม หมอชราเซียงฟงก็ออกมาห้องแต่เช้า มุ่งหน้ามาที่ห้องโถงร้อนคนรับใช้ต้องออกไปปลุกเจี่ยอู่หลงและเจี่ยเฉิน เกือบสองเค่อทั้งสองคนก็มาอยู่ที่ห้องโถงทั้งหมด
“คารวะท่านแม่ทัพเจี่ยอู่หลง ต้องขออภัยที่ข้าให้คนไปปลุกท่านแต่เช้า”
“เชิญพ่อหมอขอรับ หากว่าเกี่ยวข้องกับบุตรชายช้า หาได้มีเรื่องอันใดต้องรบกวน ท่านสามารถสั่งคนรับใช้ของข้าได้”
“เช่นนั้นเชิญคุณชายเจี่ยเฉินทางนี้”
เมื่อหมอชรากล่าวเสร็จสิ้น วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏขึ้นที่พื้นห้องโถง เจี่ยเฉินรีบเดินเข้ามาที่กลางวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าเช่นเดิม ชั่วน้ำเดือดวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าก็หมุนวนไปมารอบตัวเจี่ยเฉิน เกือบหนึ่งเค่อวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าก็พุ่งหายเข้าไปในตันเถียน เจี่ยเฉินร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดใช้มือทั้งสองกุมไปที่ท้องน้อยตันเถียน พลังปราณจากจุดตันเถียนค่อยๆขยายเพิ่มขึ้นในที่สุดพลังปราณของเจี่ยเฉินก็กลับมาอยู่ที่สีแดงขั้นต้น แต่ทว่ามันยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด พลังปราณยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย จนในที่สุดก็มาอยู่ที่ระดับสีแดงขั้นกลาง เจี่ยเฉินถึงกับตื่นตกใจกับพลังปราณของตน
เสียงหัวเราะดังออกมาจากเจี่ยอู่หลงดังออกไปถึงข้างนอก เจี่ยเฉินรีบคุกเข่าก้มคารวะหมอชราเซียงฟงอย่างเร่งรีบ
“เอาละเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นหมดแล้ว คุณชายเจี่ยเฉินก็หายดีอีกทั้งระดับพลังก็สูงขึ้น ตัวข้าคงหมดธุระที่นี่แล้วคงต้องขอตัวก่อน ท่านแม่ทัพเจี่ยอู่หลง”
เจี่ยอู่หลงได้ยินเช่นนั้นก็ตื่นตกใจรีบกล่าววาจาห้าม
“ใจเย็นๆขอรับท่านหมอ ตัวข้าอยากจะให้ท่านอยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อยได้หรือไม่”
หมอชราเซียงฟงแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมกับเอ่ยวาจาออกไปอีกครั้ง
“ท่านแม่ทัพเองคงอยากให้ข้าช่วยเหลือเกี่ยวกับการเพิ่มพลังปราณโดยใช้วงอักขระศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่”
เป็นเจี่ยอู่หลงได้ยินเช่นนั้นก็รีบก้มศีรษะคารวะหมอชราเซียงฟง
“ได้โปรดด้วยขอรับพ่อหมอ ตัวข้าติดอยู่ที่ระดับสีแดงขั้นต้นมาหลายสิบปี”
เจี่ยอู่หลงยังกล่าวไม่ทันจบ หมอชราโบกสะบัดมือขวาวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏขึ้นอีกครั้ง เจี่ยอู่หลงไม่รีรอรีบพุ่งเข้าไปที่กลางวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าอย่างรวดเร็วเพราะเห็นสิ่งที่ลูกชายทำ
“ท่านต้องทนความเจ็บปวดหน่อยนะท่านแม่ทัพเจี่ยอู่หลง”
เจี่ยอู่หลงไม่กล่าวสิ่งใดตอบพยักหน้าให้เพียงแค่นั้นชั่วน้ำเดือดวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าก็หมุนวนไปมารอบตัวเจี่ยอู่เฉิน ไม่ถึงสิบลมหายใจวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าก็พุ่งหายเข้าไปในตันเถียน เจี่ยอู่หลงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดใช้มือทั้งสองกุมไปที่ท้องน้อยตันเถียน พลังปราณจากจุดตันเถียนค่อยๆขยายเพิ่มขึ้น เจี่ยอู่หลงสัมผัสได้ว่าที่ตันเถียนค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับการดูดพลังงานจากรอบตัว ตูม เกิดเสียงขึ้นในหูของเจี่ยอู่หลง พลังปราณพุ่งทะยานไปที่ระดับสีแดงขั้นกลาง หลังจากนั้นก็ได้ยินเพียงเสียงเหนื่อยหอบของหมอชราเซียงฟงเท่านั้น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดี ดี ดียิ่งนัก ข้าไม่คิดเลยว่าข้าจะมาถึงพลังระดับนี้ ข้าต้องขอบใจท่านหมอเซียงฟงเป็นอย่างมาก”
หมอชราไม่กล่าวสิ่งใดตอบ สะบัดมือขวานำธูปไม้ขนาดใหญ่สามเล่มออกมายื่นให้แก่เจี่ยอู่หลงที่ยังคงแปลกใจที่เห็นธูปในมือ
“ก่อนนอนท่านนำไปจุดที่ห้องนอนของท่าน มันจะช่วยให้ท่านหลับสบายอีกทั้งมันยังสามารถให้ท่านรวบรวมปราณได้ดียิ่งขึ้น”
เจี่ยอู่หลงถึงกับดวงตาเบิกโพลงยื่นมือเข้ามารับธูปไม้
“ขอบคุณท่านหมอเซียงฟงมากขอรับ”
“ไม่เป็นไร เช่นนั้นข้าขอตัวกลับที่พัก หากมีสิ่งใดสงสัยท่านสามารถให้คนรับใช้ไปตามข้าได้”
สิ้นเสียงของหมอชราเซียงฟง หยางอู่เตาและเซียงเวยก็รีบพุ่งเข้ามาประคองพาเดินออกไปจากห้องโถง ทิ้งไว้ให้สองพ่อลูกยกยิ้มอย่างดีใจ แต่หารู้ไหมว่าทั้งสองกำลังถูกหลอก ทันทีที่กลับเข้ามาในห้องพักหมอชราเซียงฟงก็รีบสะบัดมือขวา วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏขึ้นอีกครั้ง ไม่นานก็กลายเป็นโดมกักตัวทั้งสามคนไว้ด้านใน
“แผนการของเราทั้งหมดลุล่วงแล้ว คืนนี้หยางเวยและเย่เตา พวกเจ้าทั้งสองปล้นชิงสมบัติของแม่ทัพบัดซบนั่นให้หมด หลังจากนั้นพวกเจ้าก็ไปรอข้าที่นอกเมือง ส่วนที่เหลือข้าจัดการเอง”
สิ้นเสียงของเนี่ยฟง หยางเวยก็โยนแหวนวงหนึ่งให้กับเนี่ยฟง
“ของที่เจ้าต้องการข้าเตรียมไว้ด้านในหมดแล้ว”
“ขอบใจเจ้ามาก”
ตลอดสองวันที่ผ่านมา มีเพียงเย่เตาเท่านั้นที่อยู่ในห้องพัก เนี่ยฟงใช้วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สร้างเป็นม่านพลังบดบังสายตา แอบลอบออกไปด้านนอกพร้อมกับหยางเวย เนี่ยฟงจัดการแอบวางวงอักขระศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากไว้ตามเสา กำแพง พื้นดิน เต็มพื้นที่ ส่วนหยางเวยออกไปหาซากศพคนไร้ญาติมาสามศพเพื่อปลอมเป็นหมอชราเซียงฟงและผู้ติดตาม
ทั้งสามก็อยู่แต่ในห้องหาได้ออกไปไหน นั่งโคจรลมปราณเพื่อรอเวลา เวลาเที่ยงและเย็นเป็นเย่เตาออกไปนำอาหารเข้ามาทานที่ห้องพัก เวลาค่อยๆไหลผ่านอย่างช้าๆ เนี่ยฟงแผ่ลมปราณตรวจสอบพบว่า เจี่ยอู่หลงให้คนที่แอบติดตามจากไปแล้ว ยามจื่อทั้งสามก็เร่งทำตามแผน หยางเวยและเย่เตานำเม็ดยาออกมาจากขวดยาสีขาวในมือ ขยี้แล้วซัดมันเข้าไปในห้องนอนของแต่ละคนก่อนเข้าไปปล้นทรัพย์ หยางเวยกวาดทุกอย่างที่คิดว่ามีค่าลงไปในแหวนจนหมด หลังจากนั้นก็พุ่งทะยานหลบหนีออกไปด้านนอก
เนี่ยฟงเองก็กระทำตามแผนนำซากศพทั้งสามออกมาเปลี่ยนชุดพร้อมกับโยนเข้าไปในห้องพัก หลังจากนั้นก็จุดไฟเผาห้อง ก่อนจากโยนจดหมายหนึ่งฉบับและป้ายผาไม้ดำทิ้งไว้ที่ด้านหน้าของห้องพัก แล้วพุ่งทะยานไปอยู่บนหลังคาสะบัดมือขวาวงอักขระศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นม่านพลังบดบังไม่ให้ผู้ใดพบเห็น ควันไฟลุกโชนในส่วนของบ้านพัก คนรับใช้ที่ได้กลิ่นควันรีบตื่นขึ้นมาหายจากยาสลบที่ถูกหยางเวยซัดไปก่อนหน้านี้ เสียงตะโกนดังลั่น คนรับใช้รีบตักน้ำช่วยกันดับไฟ ไม่นานเจี่ยอู่หลง และเจี่ยเฉินก็รีบออกมาจากห้อง สิ่งแรกที่ทราบว่าเกิดส่งใดขึ้นที่บ้านพักของตนก็คือพุ่งทะยานไปในส่วนของบ้านพักหมอชราเซียงฟง
เมื่อมาถึงก็พบว่าในส่วนของบ้านพักถูกเผาทำลายจนหมด เห็นเพียงกองกระดูกสามกองในห้องพักเท่านั้น ไม่นานก็มีคนรับใช้นำป้ายผาไม้ดำและจดหมายมายื่นให้เจี่ยอู่หลง ทันทีที่เปิดอ่านก็สบถเสียงดังลั่น
“บัดซบ ไอ้พวกสารเลวบังอาจสังหารผู้มีคุณของข้า”
เมื่อกล่าวเสร็จสิ้น เจี่ยอู่เตาก็กำลังเก็บจดหมายในมือ คนรับใช้อีกสองคนก็รีบพุ่งเข้ามา
“เรียนนายท่าน ตอนนี้คลังสมบัติและสิ่งของมากมายที่มีค่าล้วนหายไปจนหมดสิ้นขอรับ”
เจี่ยอู่หลงรีบหันไปมองคนรับใช้
“เจ้าตรวจสอบหมดแล้วใช่หรือไม่”
“สมบัติมีค่าส่วนที่มองเห็นล้วนหายหมดขอรับ ไม่ว่าจะเป็นแจกัน ชุดโต๊ะไม้สักทองแกะสลักล้วนแล้วแต่หายไปจนสิ้น เหลือเพียงแต่สมบัติที่เก็บไว้กับท่านไม่ทราบว่า”
“วางใจเถอะ ของพวกนั้นข้าเก็บรักษาอย่างดีในแหวนในมือขวาข้าพวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
เมื่อกล่าวจบเจี่ยอู่หลงกำลังจะสะบัดมือเพื่อนำของบางอย่างออกมาให้เหล่าคนรับใช้ดู ในจังหวะนั้นเองก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นในเขตพื้นที่คฤหาสน์ไม้สักทองหลังใหญ่ ตูม ตูม ตูม ตูม แผ่นดินสั่นสะเทือน พื้นที่บ้านพักห้องโถง สวนต่างๆ ถูกทำลายจนหมดสิ้น เหล่าคนรับใช้รีบพุ่งหลบหนีออกจากคฤหาสน์แม่ทัพใหญ่อย่างจ้าละหวั่น ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั้วบริเวณ ด้วยความโมโหเจี่ยอู่หลงจึงคิดระเบิดลมปราณเพื่อจัดการกับฝุ่นควัน ตูม พลังปราณระดับสีแดงขั้นกลางถูกระเบิดออกมา พัดพากลุ่มควันจางหาย แต่ทว่าก็ถึงครึ่งลมหายใจเจี่ยอู่หลงก็ลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด พลังปราณในร่างค่อยๆลดลง เช่นเดียวกับเจี่ยเฉินที่ลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายเช่นเดียวกัน