บทที่ 123
คฤหาสน์ไม้สักทองหลังใหญ่ มีทหารเดินเท้าไปมา ทั้งด้านนอกและด้านใน ภายในห้องโถงหลังใหญ่ ชายหนุ่มผู้หนึ่งสภาพถูกพันไปด้วยผ้าพันแผลสีขาวที่เปียกชุ่มไปด้วยสมุนไพรหลากหลายชนิด ชายหนุ่มผู้หนึ่งอายุประมาณห้าสิบหกปี สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเดินไปมาด้านข้างหันไปมองชายหนุ่มที่นอนอยู่เป็นบางครั้ง สองมือกำหมัดแน่น ชายชราผมสีดอกเลากำลังจับชีพจรรักษาอาการอยู่ไม่ห่าง เกือบสองเค่อชายชราก็ถอนหายใจพร้อมกับลุกขึ้นหันมามองชายหนุ่มที่เดินไปมา
“แม่ทัพเจี่ยอู่หลงอาการบาดเจ็บทั้งหมดของคุณชายเจี่ยเฉินอาการคงที่อีกไม่กี่วันก็คงหาย แต่ว่า”
“แต่ว่าสิ่งใดท่านหมอ ท่านกล่าวมาเถอะ”
เจี่ยอู่หลงกล่าวถามออกมาด้วยอาการร้อนรน
หมอชราครุ่นคิดอยู่นานในที่สุดก็เอ่ยวาจาออกมา
“อาการแปลกประหลาดที่จุดตันเถียนตัวข้าเองก็ไม่ทราบว่าจะรักษาอย่างไร ตรวจสอบแล้วก็หาได้มีสิ่งใดผิดปกติ เพียงแต่พลังปราณหดหายไปถึงหนึ่งระดับใหญ่ ตัวข้าเกิดมาเป็นหมอตั้งแต่วัยหนุ่มก็เคยเห็นอาการแบบนี้เป็นครั้งแรก ดังนั้น”
เจี่ยอู่หลงยกมือซ้ายขึ้นห้าม พร้อมกับสะบัดมือขวานำถุงเงินออกมายื่นให้แก่หมอชรา
“ข้าต้องขอบคุณท่านหมอมาก ส่วนที่เหลือข้าจะจัดการเองขอรับ”
หมอชรารีบรับเงินแล้วเดินออกจากห้องโถงไป ทิ้งให้เจี่ยอู่หลงจ้องมองบุตรชายแต่เพียงผู้เดียว ชั่วน้ำเดือด มีหญิงสาวผู้หนึ่งสวมชุดดำมีผ้าคลุมสีดำปิดบังใบหน้า ปรากฏออกมาด้านหลังเจี่ยอู่หลง
“คารวะนายท่าน”
“เจ้ามาแล้วรึเหม่ยหลิน ข่าวไอ้พวกบัดซบที่ลงมือทำร้ายข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“สองคนในพวกมันนามว่า เนี่ยฟงและหยางเวย ทั้งสองคนที่มีข่าวการปราบกลุ่มโจรเงามายา เป็นอดีตศิษย์สำนักพยัคฆ์สายลม ส่วนอีกคนนามว่าเย่เตาที่มาไม่ทราบ ทั้งสามรวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มโจรหมอกพิษปล้นสมบัติเจ้าเมืองซูโจวอัน ที่มีใบประกาศติดทั่วเมือง”
“เนี่ยฟง เหตุใดชื่อนี้ถึงคุ้นหูข้ายิ่งนัก”
“มีคำสั่งสังหารจากผาไม้ดำ”
“เหอะ เป็นมันเองรึ ดีแจ้งข่าวให้กับทางผาไม้ดำ ข้าจะรับงานนี้สังหารมันและพวกของมันแก้แค้นให้ลูกชายข้า อีกอย่างประกาศหาหมอฝีมือดีรักษาอาการบุตรชายของข้าด้วยก็แล้วกัน”
ไม่มีสิ่งใดกล่าวตอบจากเหม่ยหลินสิ้นเสียงของเจี่ยอู่หลงนางก็จางหายไปจากห้องโถง
ใบประกาศตามหาหมอฝีมือดีรักษาบุตรชายแม่ทัพเจี่ยอู่หลง ถูกส่งไปทั้งเขตดินแดนแห่งดิน ตลอดสามวันที่ผ่านมาหมอมากมายเกือบร้อยคนต่างเดินทางมายังคฤหาสน์แม่ทัพเจี่ยอู่หลง หลายคนส่ายศีรษะเดินออกจากห้องโถงด้วยความผิดหวัง ไม่นานหมอเกือบร้อยคนก็เดินทางกลับ เพราะรักษาอาการบาดเจ็บไม่ได้ ยามอิ่วมีชายชราผู้หนึ่งผมสีขาว มีหนวดเคราสีขาว ถือไม้เท้าเดินมากับชายหนุ่มสองคน ทั้งสามเดินเข้ามาที่ด้านหน้าคฤหาสน์แม่ทัพ ทหารด้านหน้ารีบเข้ามาสอบถาม
“ท่านผู้เฒ่า ท่านในที่แห่งนี้เพื่อสิ่งใด”
ชายชราหาได้กล่าวตอบเป็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่งผิวคล้ำ มัดผมหางม้า แก้มขวามีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ เอ่ยวาจากล่าวตอบทหารด้านหน้า
“เรียนท่านทหารขอรับ ท่านปู่ของข้ามีหมอพวกเราเดินทางทั่วเขตต่างๆเพื่อรักษาผู้คน โชคดีว่าช่วงเวลานี้พวกข้าอยู่ที่เขตแห่งดิน เมื่อได้ทราบข่าวถึงอาการบาดเจ็บของคุณชายเจี่ยหลง ท่านปู่ของข้าจึงคิดจะมารักษาขอรับ”
“พวกท่านเป็นหมอ ไม่ทราบว่ามีชื่อแซ่อันใดขอรับ”
ชายชรายกยิ้มและกล่าวตอบ
“ตัวข้ามีนามว่าเซียงฟงอยู่ไม่เป็นหลักแหล่งออกเดินทางรักษาผู้คนไปตามเขตต่างๆ ชื่อเสียงของข้าไม่โด่งดังเท่าไร เดินทางร่วมกับหลายชายเซียงเวยและศิษย์ข้าหยางอู่เตา”
ทหารด้านหน้าก้มหน้าครุ่นคิดบางอย่างชายชราเซียงฟงก็เอื้อมมือขึ้นมาจับชีพจรทหารผู้นั้น
“ตัวเจ้ามีอาการปวดท้องน้อยหลังจากทานอาหาร และมีอาการปวดช่วงเวลากลางคืนใช่หรือไม่”
ทหารผู้นั้นตื่นตกใจเอ่ยวาจาออกมา
“เหตุใดท่านจึงทราบขอรับ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้ากล่าวออกไปไม่ใช่รึ ว่าข้าเป็นหมอ”
เมื่อกล่าวเสร็จสิ้นชายชราก็สะบัดมือขวานำขวดยาออกมายื่นให้แก่ทหารด้านหน้า
“เจ้ารับไว้เถอะ ไม่เกินสามวันอาการของเจ้าก็จะดีขึ้น”
ทหารผู้นั้นรีบก้มคารวะชายชราเซียงฟงเป็นยกใหญ่ ไม่นานก็วิ่งเข้าไปในคฤหาสน์ ชั่วน้ำเดือดก็วิ่งออกมาอย่างเร่งรีบ
“เชิญท่านหมอเซียงฟงด้านในขอรับ”
ทหารผู้นั้นเดินนำหมอชราเซียงฟง พร้อมกับเซียงเวยและหยางอู่เตาเดินตามเข้าไป เมื่อเข้ามาถึงห้องโถงก็พบเห็นเจี่ยเฉินนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ไม้ขวามือ ส่วนตรงกลางเป็นเจี่ยอู่หลงนั่งอยู่ ทหารรีบกล่าวแนะนำ
“เรียนท่านแม่ทัพขอรับ ชายชราผู้นี้คือท่านหมอเซียงฟงขอรับ”
หมอชราเซียงฟงรีบก้าวเดินออกมาก้มคารวะ
“คารวะท่านแม่ทัพเจี่ยอู่หลง ข้าได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานเลื่อมใส เลื่อมใส”
เจี่ยอู่หลงรับลุกขึ้นรับคารวะเช่นกัน
“เช่นนั้นท่านหมอตรวจดูอาการของบุตรชายข้าเถอะขอรับ”
หมอชราเซียงฟงแสยะยิ้มหันมามองเจี่ยเฉิน พร้อมกับสะบัดมือนำขวดยาออกมาหนึ่งขวดพร้อมกับปรากฏวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าขึ้นที่พื้นกลางห้อง เม็ดยาสีแดงถูกเทออกจากขวดยา มันถูกขยี้เป็นผงแล้วโรยไปที่วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้า หลายคนด้านในล้วนแล้วแต่ตื่นตกใจกับภาพที่เห็น
“เช่นนั้น เชิญคุณชายเจี่ยเฉินมายืนกลางวงอักขระศักดิ์สิทธิ์”
เจี่ยเฉินหันไปมองผู้เป็นบิดาหลังจากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปกลางวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ ไม่ถึงสามลมหายใจวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าก็พุ่งขึ้นล้อมตัวเจี่ยเฉิน ชั่วน้ำเดือดวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าก็จางหายไป หมอชราเซียงเตาทำหน้าตื่นตกใจ หลังจากนั้นก็ครุ่นคิดอยู่นานเกือบหนึ่งเค่อก็ส่ายศีรษะไปมาพร้อมกับถอนหายใจออกมาเสียงดัง หันไปมองแม่ทัพเจี่ยอู่หลง
“ท่านแม่ทัพ ข้าขอคุยเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่”
เจี่ยอู่หลงได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วทั้งสองขึ้นสั่งการให้ทหารที่อยู่ในห้องออกไปทั้งหมด พร้อมกับสั่งปิดประตูห้องโถงใหญ่ หมอชราเซียงฟงยืนจับเครายาวอยู่นานในที่สุดก็เอ่ยวาจาออกมาอีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้เจี่ยอู่หลงตื่นตกใจจนดวงตาเบิกโพลง
“บุตรชายของท่านได้รับอักขระศักดิ์สิทธิ์โบราณประทับที่จุดตันเถียน นานมากแล้วข้าเคยเห็นครั้งหนึ่งจากคนที่ข้ารู้จักตกตายไปเพราะถูกคนของผาไม้ดำสังหาร พวกท่านเคยมีเรื่องกับคนพวกนี้หรือไม่”
ภายในห้องโถงเงียบสนิทหาได้มีผู้ใดกล่าวออกมา หมอชราเซียงฟงจึงกล่าววาจาออกไปต่อ
“แต่เรื่องนั้นข้าไม่ขอเข้าไปยุ่งก็แล้วกัน ไม่เกินสองวันข้ารักษาอาหารบาดเจ็บให้บุตรชายท่านแน่นอน ขอเวลาข้าศึกษาบางอย่างเสียก่อน”
สิ้นเสียงของหมอชราเซียงฟง เจี่ยอู่หลงก็รีบเข้ามากุมมือหมอชราทันที
“จริงหรือขอรับท่านหมอ”
“แน่นอน”
เจี่ยอู่หลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้ม ตะโกนเสียงดัง
“มีใครอยู่ด้านนอกหรือไม่”
สิ้นเสียงก็มีทหารผู้หนึ่งเปิดประตูห้องโถงเข้ามา
“เจ้าจงนำท่านหมอเซียงฟงไปพักที่ห้องรับรอง จัดเลี้ยงอาหารดูแลต้อนรับอย่างดี อย่างได้มีสิ่งใดบกพร่อง ท่านหมอจะอยู่รักษาอาการบาดเจ็บของบุตรชายข้า”
หมอชราเซียงฟงโบกสะบัดมืออีกครั้ง นำขวดยาสีขาวออกมามอบให้แก่เจี่ยอู่หลง
“หากว่าเมื่อใดท่านมีอาการปวดหน้าอกก็ให้ทานยาในขวดยา มันจะช่วยท่านรักษาอาการบาดเจ็บได้”
เจี่ยอู่หลงตื่นตกใจอีกครั้งจ้องมองหมอชราเซียงฟงอย่างไม่วางตา
“ท่านอย่าได้กล่าวถามว่าข้ารับรู้ได้อย่างไร ท่านก็รู้อยู่แล้วว่าข้าเป็นหมอ”
เมื่อกล่าวเสร็จสิ้น หมอชราก็เดินตามทหารผู้นั้นออกไปพร้อมกับลูกศิษย์และหลานชาย ชั่วน้ำเดือดมีหญิงสาวผู้หนึ่งสวมชุดดำมีป้าคลุมสีดำปิดบังใบหน้า ปรากฏออกมาด้านหลังเจี่ยอู่หลง
“คารวะนายท่าน พวกมันทั้งสามหลังจากออกจากเขาซือสุ่ยก็หายสาบสูญ ข้าให้คนของเราออกติดตามทั่วทั้งเขตแห่งดินรวมไปถึงเขตรอบข้างก็ไม่พบแม้แต่เงาของทั้งสาม”
“เหอะ พวกมันจะแอบที่ไหนได้ ในเมื่อพวกมันมีป้ายประกาศจับติดทั่วทั้งเมืองแห่งนี้ อย่านิ่งนอนใจ ให้คนของเราออกติดตามต่อไป”
หลังจากหญิงสาวชุดดำหายไปเจี่ยอู่หลงก็หันมามองลูกชายของตน
“ลูกพ่อ เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าเจ้าถูกไอ้สารเลวสามตัวนั้นทำร้ายมา”
“ข้าจำไม่ได้ขอรับ จำได้เพียงแต่ข้าถูกพิษของไอ้บัดซบนั้นแล้วก็ถูกทำร้ายจนสลบไป รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้ว”
“เจ้ากลับไปพักเถอะ เรื่องของเจ้าข้าจะจัดการเอง”
“ขอรับท่านพ่อ”
( ยามอิ่ว เวลา ห้าโมงเย็นถึงหกโมงห้าสิบเก้า )