ตอนที่ 41-42
ตอนที่ 41 : เป็นเช่นนี้
“เถ้าแก่เคยกล่าวว่าอยากเป็นเพียงเถ้าแก่ธรรมดา เจ้าเข้าใจใช่หรือไม่?”
ปู้หลี่เกื๋อเผยคำกล่าวอย่างพอเหมาะพอเจาะแก่จังหวะ
ลั่วฉวนผู้ซึ่งนอนเอกเขนกหลับตาอยู่ตรงประตู ขณะนี้ค่อนข้างพอใจต่อบทสนทนา เด็กน้อยปู้หลี่เกื๋อนี้กล่าวว่าใช้ได้!
“เพียงอยากเป็นเถ้าแก่ธรรมดา?” เจียงเฉิงจวินขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดตาม จากนั้นดวงตาจึงเผยประกายพร้อมพยักหน้ารับ
“เข้าใจแล้ว! เข้าใจแล้วอย่างกระจ่างแล้ว!”
เหยาซือหยานที่อยู่ด้านหลังโต๊ะกลอกตามองขณะลอบฟังบทสนทนาคนทั้งสอง
โลกมนุษย์นี้ช่างซับซ้อน
“แล้วร้านนี้ขายอะไรกัน?” เจียงเฉิงจวินกล่าวถาม
“ก็มีแท่งเครื่องเทศ จากนั้นจึงเป็นโคล่า สรรพคุณนั้นมีเขียนไว้ที่ด้านล่างแล้ว” เหยาซือหยานกล่าวบอก
เจียงเฉิงจวินพยักหน้ารับ จากนั้นจึงไปอ่านสรรพคุณอย่างจริงจัง
สองพี่น้องสกุลปู้ต่างมองที่เจียงเฉิงจวินด้วยใบหน้าเผยยิ้ม
ก็เป็นดังที่คาดไว้ หลังอ่านครบถ้วน ใบหน้าหล่อเหลาของเจียงเฉิงจวินจึงเผยซึ่งความตื่นตะลึง
“นี่... ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บไม่ถึงตายได้โดยตรง และเพิ่มกำลังแก่ผู้คน เกรงว่าเม็ดยาระดับฝูงยังไม่อาจให้ผลลัพธ์เช่นนี้ได้ด้วยซ้ำ” เจียงเฉิงจวินกล่าวออกอย่างไม่คิดเชื่อ
“ถูกต้องแล้ว!” ปู้หลี่เกื๋อพยักหน้ารับ “อย่าได้นำสินค้าของเถ้าแก่ไปเทียบเปรียบกับเม็ดยาเศษเดนเหล่านั้น พวกมันไม่คู่ควรให้กล่าวถึง!”
เจียงเฉิงจวินพยักหน้ายอมรับ
ที่กล่าวนั่นก็จริง!
“นอกจากนี้แล้ว สินค้าของร้านเถ้าแก่ยังไม่เพียงแต่สรรพคุณเลิศล้ำ ทว่ารสชาติก็ยอดเยี่ยม! แม้เป็นอาหารของครัวหลวงก็ยังไม่อาจเทียบ!” ปู้หลี่เกื๋อกล่าวออกเสียงเบา
“จริงหรือ?!” ดวงตาเจียงเฉิงจวินเผยประกาย
“จริง!”
ด้วยเมินเฉยคนทั้งสอง ปู้ฉืออีหันไปมองชั้นวางสินค้าใหม่ ขวดหยกเย็นนั้นต้องตานางเป็นอย่างยิ่ง
“ไวน์หยก หมักด้วยน้ำพุแห่งชีวิต ฟื้นคืนความเยาว์วัย เป็นอมตะขนาดร้องขอชีวิต!”
ดวงตาปู้ฉืออีเบิกกว้างด้วยอาการตื่นตะลึง
เป็นอมตะขนาดต้องร้องขอชีวิต หากของเช่นนี้ไม่ใช่ปรากฏในร้านแห่งนี้ ปู้ฉืออีจะไม่มีทางเชื่อสรรพคุณนี้เป็นอันขาด
ด้วยเพราะมันวางขายในร้านแห่งนี้ ดังนั้นคำอธิบายจึงสมควรเป็นจริง!
ปู้ฉืออีมองต่ำลงไปยังราคาของไวน์หยก
“นะ... หนึ่งแสนผลึกวิญญาณ?!”
นางคือธิดาแห่งบ้านขุนนางใต้ แม้เป็นนางก็ยังอดไม่ได้ที่จะสะท้านยามพบเห็นราคา
ต้องขออภัย นี่ไม่แพงเกินไปหรือ!
“พี่หญิง นั่นหรือสินค้าใหม่ที่เถ้าแก่กล่าวถึง?” ปู้หลี่เกื๋อเดินเข้ามาใกล้พร้อมถามด้วยความใคร่รู้
เจียงเฉิงจวินจึงตามติด “ให้ข้ารับชมหน่อย...”
หลังจากได้อ่านเนื้อความ สีหน้าคนทั้งสองจึงแปรเปลี่ยนไปไม่ต่างกับปู้ฉืออี
“อืม พี่หญิง เรื่องนี้ต้องหารือ ถึงเรื่องที่ข้าบอกก่อนหน้าว่าจะเลี้ยง...”
ปู้หลี่เกื๋อเผยยิ้มขื่นขม
หนึ่งแสนผลึกวิญญาณ แม้เป็นยอดฝีมือขอบเขตจิตวิญญาณก็คงนำมาใช้จ่ายไม่ได้โดยง่ายกระมัง?
ปู้หลี่เกื๋อเมื่อกล่าวออก สายตาจึงหันมองลั่วฉวนทางประตู สายตานี้เผยความลุ่มลึก
เจียงเฉิงจวินต้องกระแอมไอออกมา “อะแฮ่ม รู้สึกว่าแท่งเครื่องเทศและโคล่านั้นเหมาะสมแก่ข้าแล้ว ไวน์หยกนี้หาได้จำเป็นแต่อย่างใดไม่”
“กฎของร้านแห่งนี้ หนึ่งคนสามารถซื้อหาสินค้าได้อย่างละชิ้นต่อวัน” เหยาซือหยานกล่าวออกเสียงใส
ทางด้านปู้ฉืออีและปู้หลี่เก๋อหาได้เผยสีหน้าแปรเปลี่ยนแต่อย่างใด ทั้งสองทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว
“ร้านนี้มีกฎด้วยงั้นหรือนี่?” เจียงเฉิงจวินสะท้านไปครู่ก่อนจะพยักหน้ารับ “ทราบแล้ว”
เช่นนั้นคนทั้งสามจึงซื้อหาแท่งเครื่องเทศและโคล่าหนึ่งขวดคนละชุด จากนั้นจึงไปจ่ายผลึกวิญญาณ
หลังจากแอบมองปู้หลี่เกื๋อ เจียงเฉิงจวินจึงบิดเปิดฝาขวดตามก่อนจะยกกระดก
ในพริบตานี้ ความรู้สึกเย็นซ่านจึงพุ่งทะยานแผ่ทั่วทั้งร่าง
ฟองนับไม่ถ้วนได้ระเบิดออกภายในปาก เป็นผลให้เจียงเฉินจวินต้องเผยดวงตาเบิกออกกว้าง
ตอนที่ 42 : สรรพคุณซ่อนเร้นของแท่งเครื่องเทศ
“เย็นดี!”
ปู้หลี่เกื๋อที่ดื่มโคล่าไปครึ่งขวด ขณะนี้อดไม่อยู่จนผ่อนลมหายใจออก
ส่วนทางด้านปู้ฉืออี นางขณะนี้สำรวม
ถัดจากนั้นคนทั้งสามจึงฉีกห่อแท่งเครื่องเทศพร้อมลิ้มรสชาติอันยอดเยี่ยม
รับชมสีหน้าแต่ละคน เหยาซือหยานจึงเผยความสงสัย
เจ้าสิ่งนั้นอร่อยเพียงนั้นเลยหรือ?
โคล่าและแท่งเครื่องเทศถือว่าราคาไม่สูงมากนัก และกินหมดได้ในระยะเวลาอันสั้น
รับรู้ถึงพลังที่พลุ่งพล่านภายในร่างที่ค่อยสงบลง อารมณ์ของคนทั้งสามจึงดิ่งลงตาม
“รู้สึกว่าหากได้กินแท่งเครื่องเทศมากกว่านี้ บางทีอาจเข้าถึงขอบเขตจิตวิญญาณระดับที่หกได้!” ปู้ฉืออีรับชมฝ่ามือตนเองพลางกล่าว
ลั่วฉวนเมื่อได้ยินคำ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ระบบ แท่งเครื่องเทศนั้นมีคุณสมบัติช่วยให้ผู้อื่นก้าวหน้าได้ด้วยหรือ?” ลั่วฉวนถามอยู่ภายในใจ
“แท่งเครื่องเทศเพียงช่วยให้ก้าวหน้าได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง กระนั้นประสบการณ์ที่ได้รับยามระดับพลังเพิ่มขึ้น นั่งจึงทำให้ง่ายแก่การก้าวหน้าได้ ยิ่งขอบเขตพลังต่ำ สรรพคุณนี้จะยิ่งเผยอย่างเด่นชัด” ระบบกล่าวตอบกลับมา
“แท่งเครื่องเทศมีส่วนช่วยเหลือให้ก้าวหน้าได้จริง” เสียงของลั่วฉวนดังให้คนทั้งสามได้ยิน “นั่นเป็นสรรพคุณลับ”
“วิเศษนัก! เช่นนั้นนับจากนี้ทุกวันข้าจะแวะเวียนมาโดยตลอด!” เจียงเฉิงจวินกล่าวออกด้วยดวงตาแน่วแน่
ปู้หลี่เกื๋อเบะปากรับ “เหอะ ข้ามานานต่อเนื่องกันไม่ใช่น้อยแล้ว”
“เกือบลืมไป เถ้าแก่ เช้าวันนี้องค์เหนือหัวได้ส่งขวดโคล่ามาให้ ทางการได้มาซื้อหาจากทางร้านไปหรือ?” ปู้หลี่เกื๋อที่เพิ่งนึกขึ้นได้จึงกล่าวถาม
ซื้อโคล่าไป?
ลั่วฉวนคิดอยู่ครู่ ที่นึกออกก็มีเพียงชายชราคนเมื่อวาน
เขากล่าวว่าเป็นผู้อุทิศตัวให้ราชวงศ์อะไรทำนองนี้กระมัง?
ลั่วฉวนจึงพยักหน้ารับ “ใช่ บุคคลที่ซื้อไปนามว่าไป่หง”
ขณะนี้เขาจึงรู้สึกว่าเรื่องราวชวนขบขัน
จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเทียนชิงที่ไม่เคยพบเจอ ขณะนี้ถึงกับรู้จักกันทางอ้อมเสียได้
ด้วยเห็นปู้หลี่เกื๋อคิดอยากกล่าวอะไรออก ลั่วฉวนจึงเผยคำ “แน่นอนว่ากฎของร้านไม่มีผู้ใดละเมิดได้”
ตัวตนของคนทั้งสามที่ยืนตรงหน้า เหล่านี้ล้วนเป็นมันสมองในภายหน้าของจักรวรรดิ
ด้วยถ้อยคำของลั่วฉวน จึงคาดเดาได้ว่าทางราชวงศ์คิดกระทำแล้ว แต่เป็นลั่วฉวนปฏิเสธออกไปอย่างไร้เยื่อใย
หากเป็นผู้ฝึกตนทั่วไป ทางราชวงศ์อาจบดขยี้ไปเรียบร้อย กระนั้นตัวตนของเถ้าแก่ผู้นี้ไม่อาจยุ่งเกี่ยวได้โดยง่าย
นี่หรือผู้ทรงอำนาจที่แท้จริง?
จากนั้น ความปรารถนาต่อกำลังอันแข็งแกร่งจึงพุ่งทะยานอยู่ภายในใจคนทั้งสาม
บอกลาลั่วฉวนเรียบร้อย คนทั้งสามจึงกลับออกจากร้านไป
เหยาซือหยานหันมองทางลั่วฉวน นางคิดกล่าวทว่าลังเล
ลั่วฉวนคาดเดาความคิดเหยาซือหยานได้ “ค่าจ้างรายวันของวันนี้ ตามที่ตกลงก็คือแท่งเครื่องเทศและโคล่า”
เหยาซือหยานจึงเผยยิ้มยินดี “เถ้าแก่ช่างรู้ใจ!”
ถัดจากนั้น นางจึงเดินไปหยิบสินค้าจากชั้นวางด้วยตนเอง
ตั้งแต่ที่คนทั้งสามพูดคุยกัน เหยาซือหยานก็สงสัยตั้งแต่ได้กลิ่นจนกระทั่งพบเห็นอาการของแต่ละคน
เหยาซือหยานไม่ทราบว่าลั่วฉวนให้นางได้ดื่มโคล่าไปขวดหนึ่งแล้วเมื่อคืน
ด้วยมือบิดเปิดฝาขวด ความเย็นเยือกจึงแผ่ซ่านเข้าที่ใบหน้า
เหยาซือหยานไม่ลังเล ริมฝีปากนั้นจรดปากขวดโคล่ายกดื่มโดยทันที
“อึก...”
มันราวกับเป็นประสบการณ์ที่นางไม่เคยได้พบเจอมาก่อน ดวงตาสีม่วงคู่นั้นต้องเบิกออกกว้าง
เหยาซือหยานจึงได้เข้าใจ ว่าเหตุใดคนทั้งสามจึงเผยท่าทีเช่นนั้นกันออกมา
มันเป็นเพราะโคล่านี้อร่อยเลิศล้ำ!
ดื่มโคล่าจนหมดขวด เหยาซือหยานจึงเผยสายตาหันมองไปทางแท่งเครื่องเทศในมือ
สำหรับสัตว์อสูร แม้จำแลงกายได้ ก็ไม่ใช่ว่าเคยได้ลิ้มรสทุกสิ่งอย่างของมนุษย์
แต่นี่คือสินค้าที่ขายภายในร้านแห่งนี้ ดังนั้นมันย่อมต้องพิเศษ
นิ้วมือเริ่มฉีกห่อแท่งเครื่องเทศ กลิ่นหอมโชยออกมา น้ำลายภายในปากของนางต้องกลืนดังอึกใหญ่
เหยาซือหยานกลืนน้ำลายก่อนจะกัดกินเข้าที่แท่งเครื่องเทศ
ขณะนี้ดวงตาพลันต้องเผยประกาย ริมฝีปากได้กัดเข้าไปคำแล้วคำเล่า...
“หือ? หมดแล้ว?”
รับชมห่อขนมที่ว่างเปล่าในมือ เหยาซือหยานแทบไม่เชื่อว่าตนเองกินไปหมดแล้ว
แค่เพียงทดสอบรสชาติเอง ไฉนมันหายไปหมดทั้งแท่งได้กัน?
หรือเพราะมันน้อยเกินไป?
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
พบเห็นเหยาซือหยานนิ่งค้างไปครู่ ใบหน้าลั่วฉวนจึงเผยยิ้มที่ยากจะพบเห็นออกมา
“อร่อยนัก! สรรพคุณที่ได้ยังยอดเยี่ยม!”
เหยาซือหยานกล่าวอย่างหนักแน่น
ขณะเดียวกันนี้ ภาพของลั่วฉวนภายในใจของนางยิ่งมาก็ยิ่งลึกล้ำจนแทบไม่อาจหยั่งได้ถึง
ไม่พลาดการอัพเดตตอนใหม่ ติดตามได้ที่ : https://bit.ly/32ciG6V